สำหรับพวกเราหลายคน คำอวยพรให้ชาวตะวันตกในช่วงสิ้นปีอย่างนี้ ก็มักจะเป็นสำนวนภาษาฝรั่งที่แปลเป็นไทยได้ประมาณ สุขสันต์วันคริสต์มาส สวัสดีวันปีใหม่ อะไรทำนองนั้น ในภาษาอิตาเลียนก็เป็นเช่นกัน คำอวยพรสุดฮิตก็น่าจะเป็น ‘Buon Natale e Felice Anno Nuovo’ (บวนนาตาเล เอ เฟลีเชอันโนนูออโว) ซึ่งฟังคล้องจองดี จากนั้นก็แปะปีคริสต์ศักราชที่กำลังจะมาถึงลงไป เป็นอันจบพิธี 

อย่างไรก็ตาม คำอวยพรในช่วงนี้ก็มีอีกคำหนึ่ง คือคำว่า ‘Buone Feste’ อันแปลเล่น ๆ ให้เก็บความเป็นพหูพจน์ของคำได้ว่า ‘สุขสันต์บรรดาเทศกาล’ เมื่อตรวจสอบในพจนานุกรมที่มีอยู่ ให้คำอธิบายไปทางที่ว่า เป็น ‘คำอวยพรสำหรับเทศกาลที่มีมาเป็นซีรีส์ (หรือติด ๆ กันหลายวัน) มักใช้ในช่วงคริสต์มาสและอีสเตอร์’

แล้วซีรีส์ที่ว่าคืออะไร คริสต์มาสกับปีใหม่อย่างนั้นหรือ

ภาพ : Best Guided Private Luxury Tours in Italy – Rome Private Excursions

24 ธันวาคม : คืนก่อนคริสต์มาส

หลายท่านอาจไม่ทราบ แต่วันนี้แหละคือวันสำคัญที่สุด อาหารค่ำก็วันนี้ มิสซาสำคัญก็วันนี้ เพราะคืนวันนี้ต่างหากทื่ถือว่าเป็นวันประสูติของพระเยซู หาใช่คืนพรุ่งนี้ไม่ ทั้งนี้ เพราะในปฏิทินโบราณ การเริ่มวันไม่ได้เริ่มที่แสงตะวันของวันใหม่ หากแต่นับแต่เมื่อสิ้นแสงตะวันของวันก่อนนั่นเอง

อาหารวันนี้จัดหนักมาก เพราะเป็นวันรวมญาติ ในสุภาษิตอิตาเลียนถึงกับมีไว้ว่า Natale con i tuoi, Pasqua con chi vuoi. อันอาจแปลได้ว่า คริสต์มาสต้องอยู่กับพ่อแม่พี่น้อง แล้วจะไปฉลองกับใครในวันอีสเตอร์ก็ช่าง

อาหารสำคัญของวันนี้ที่ทำให้แตกต่างจากการกินโต๊ะใหญ่ในเทศกาลอื่น ๆ คือ 

อาหารจานแรก มักจะเป็นซุปปาสต้ายัดไส้ เช่น ตอร์แตลลีนี

อาหารจานสอง ทางเหนือมักจะเป็นสัตว์ปีก ส่วนทางใต้มักจะเป็นปลา เช่น ปลาไหลทอด

ส่วนอาหารที่เป็นตัวทำให้มื้อนี้แตกต่างต่างมื้ออื่น คือ ปาเน็ตโตเน (Panettone) เล่าง่าย ๆ แต่อาจฟังดูไม่อร่อย คือขนมปังใส่ลูกเกด รูปทรงเหมือนคัปเค้กชิ้นโต ๆ บางที่ก็กิน ปันโดโร (Pandoro) หรืออื่น ๆ แล้วแต่ท้องถิ่น 

ภาพ : www.my-personaltrainer.it

อนึ่ง ผู้ชำนาญการหลายคนเล่าให้ฟังตรงกันว่า ปาเน็ตโตเนที่ทำกันสด ๆ ในร้านขนมประจำเมืองนั้น รสชาติเลิศเลอกว่าที่ขายกันตามซูเปอร์มาร์เก็ตมาก แต่ถ้าเลือกไม่ได้ จำเป็นต้องซื้อตามซูเปอร์มาร์เก็ต ยี่ห้อ Tre Marie นั้น เขาว่าอร่อยนักแล นี่ไม่ได้ค่าโฆษณาแม้แต่น้อย

วิธีกินแบบอิตาเลียนนั้น เมื่อซื้อขนมมาแล้ว เมื่อเปิดกล่องมา ท่านจะได้รับขนมปังในถุงพลาสติก พร้อมกับไอซิ่ง 1 ซอง 

ที่ใด ๆ ในโลกอาจนำขนมปังออกมาวาง แล้วค่อยบรรจงโรยไอซิ่งด้วยกระชอนเล็ก ๆ ให้เหมือนกับหิมะโรยตัวจับอยู่บนยอดเขา แต่อิตาเลียนไม่ – อิตาเลียนจะใส่น้ำตาลไอซิ่งนั้นลงไปในถุงขนมปัง แล้วเขย่า ๆๆๆๆๆๆๆ สนุกมากถ้าไม่หลุดมือหรือถุงแตกเสียก่อน อยากให้ลอง หิมะจับยอดเขางั้นเหรอ เฮอะ เพ้อเจ้อ ที่อิตาลี หิมะตกทั่วนั่นแหละ

คืนนี้ก็จะมีมิสซาใหญ่ ต้องไม่ลืมว่าสำหรับชาวคาทอลิกนั้น วันนี้คือวันสำคัญทางศาสนา คือวันวิสาขบูชา อะไรทำนองนั้น เวียนเทียนได้เวียนกันไปแล้ว

แล้วคืนนี้ หากเป็นเที่ยงคืนได้จะขลังมาก ในบรรดาถ้ำพระกุมารหรือฉากจำลองการประสูติของพระเยซูนั้นก็จะมีผู้นำเอารูปจำลองของพระกุมารเยซูมาวางไว้ในรางหญ้า เป็นสัญญาณว่าท่านได้มาเกิดบนโลกมนุษย์แล้ว

ภาพ : www.vaticannews.va

25 ธันวาคม : วันคริสต์มาส

พอถึงวันคริสต์มาสจริงกลับไม่ค่อยมีอะไร แต่บางบ้านซึ่งจะด้วยไม่มีเวลาทำอาหารหรือญาติไม่สะดวกมาเมื่อคืนก็ไม่รู้ล่ะ (เมื่อวานไม่ใช่วันหยุด) มักจัดอาหารมื้อใหญ่ที่ว่าในวันนี้แทน ซึ่งอาจเป็นอาหารกลางวันก็ได้ ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าอาจลากยาวไปถึงเย็น

ใครที่กำลังเก็บกระเป๋า หวังจะได้ไปจิงเกอเบลในอิตาลีช่วงนี้ ขอให้รื้อกระเป๋าออกมา หรือไม่ก็เปลี่ยนตั๋วเครื่องบิน แล้วไปนอนโรงแรมแถวสุขุมวิทหรือราชประสงค์น่าจะดีกว่า เพราะในอิตาลีนั้น คริสต์มาสนิ่งมาก การประดับไฟสวย ๆ ก็มี คุณยังจำไฟแผงที่เขาเช่ามาติดที่ลานหน้าศาลากลางกรุงเทพมหานครได้ไหม นั่นล่ะ อิตาลีก็มักจะเอาไฟรูปทรงเดียวกัน ประดับคร่อมถนน เรียงยาวกันไป ส่วนใหญ่เป็นรูปดาวตก โอ้ว ไม่ได้เลย ดาวตกนี่สำคัญมากนะกับวันคริสต์มาส เพราะเป็นสัญลักษณ์ว่าพระเยซูมาจากสรวงสวรรค์ เพลงคริสต์มาสหนึ่งที่คนอิตาเลียนร้องได้ ยังขึ้นต้นเพลงว่า เธอตกมาจากหมู่ดาว (Tu scendi dalle stelle) เลย 

ภาพ : www.viaggiapiccoli.com

26 ธันวาคม : วันนักบุญสตีเฟน (Santo Stefano) 

เอาจริง ๆ เลยนะ ถึงจะบอกว่าวันนี้คือวันแกะห่อของขวัญเอย เป็นวันที่อิตาเลียนเดินทางไปหาญาติผู้ใหญ่เอย แต่ถ้าถามคนอิตาเลียน น่าจะตอบโดยพร้อมเพรียงกันว่าวันนี้คือวันขี้เกียจ เป็นวันนอนอืด วันงูเหลือม วันเก็บล้างจานชาม วันเก็บของกิน และอีกทั้งปวงที่ไม่มีใครนึกถึง นักบุญสตีเฟน แม้แต่น้อย

27 – 28 – 29 – 30 ธันวาคม

นับเป็นวันหยุดเต็มที่แล้ว ใครใคร่ไปเที่ยว ไปเล่นสกี หรืออะไรใด ๆ ก็ช่วงนี้ล่ะ

31 ธันวาคม : วันสิ้นปี

คนอิตาเลียนเรียกวันนี้ว่า ‘วันซันซิลเวสโตร’ (San Silvestro) หรือวันนักบุญซิลเวสเตอร์นั่นเอง เหตุผลว่าท่านประจำของท่านอยู่วันนี้ สมมติว่าปีใหม่เลื่อนไปมาอย่างที่ประเทศเราทำกับสงกรานต์ วันส่งท้ายปีเก่าก็จะเป็นชื่ออื่น ไม่ใช่ชื่อนี้

กิน… วันนี้ก็มีเลี้ยงโต๊ะอิตาเลียนอีกเช่นกัน อาหารมื้อใหญ่ไล่เลี่ยกับวันคริสต์มาส แต่องค์ประกอบบางอย่างเปลี่ยนไป ที่สำคัญคือมื้อนี้มักจะต้องมี โคเตคีโน (Cotechino) เป็นไส้กรอกอิตาเลียนประเภทหนึ่งที่มีส่วนประกอบเป็นแคบหมู ซึ่งบางท้องถิ่นอาจไม่นิยมกิน นอกจากนั้นจะมีอาหารอีกอย่างที่ค่อนข้างเห็นพ้องต้องกันทั้งประเทศ นั่นคือถั่วเลนทิล (อังกฤษ : Lentils อิตาเลียน : Lenticchie) ซึ่งเป็นถั่วเมล็ดเล็ก ๆ อันนี้มีความเป็นสายมูเล็กน้อย กล่าวคือ เชื่อว่าเมล็ดถั่วเหล่านี้คือเงินทองนั่นเอง กินเยอะ ๆ เงินทองก็จะไหลมาเทมา 

ภาพ : www.lacucinaitaliana.it

นอกจากนี้แล้ว วันสิ้นปีเป็นวันที่สำคัญครื้นเครงวันหนึ่ง วัยรุ่นหรือคนที่มีเรี่ยวมีแรง รักสนุก ชอบอยู่ท่ามกลางผู้คน ไม่นอนแต่หัวค่ำ ก็มักออกไปกลางลานใหญ่ประจำเมือง แล้ว…แน่นอน…ว่าจะมีการนับถอยหลัง จุดพลุปุ้งปั้ง แล้วผู้คนก็หันมาจูบกันบ้าง มาสวัสดีปีใหม่กันบ้าง บางท้องที่เช่นในนโปลี จะมีการโยนจานชามออกมาจากหน้าต่างพล้งเพล้งดังกันไปทั่วเมือง ที่พูดนี่เคยไปข้ามปีที่นโปลีมาแล้ว เสียงดังเหมือนโลกจะแตก พอตื่นเช้ามา เมืองทั้งเมืองเขละไปหมด และพบว่าบางบ้านไม่ได้โยนทิ้งแค่จานชาม วิทยุ ทีวี ก็พบอยู่ตามถนนเช่นกัน แต่นั่นหลายปีมาแล้ว ตอนนี้คงจะไม่แล้วล่ะ

คู่รักบางคู่ก็จะทำกิจกรรมอันสุนทรีกัน เพราะเชื่อว่า ถ้าทำข้ามปี ก็จะได้ทำไปทั้งปี… นี่ก็อ้างแหละ

ภาพ : www.romeprivateexcursions.com

1 มกราคม : วันปีใหม่

วันนี้คือวันนอนพัก เพราะเมื่อคืนนอนกันดึกนี่ กินกันก็ดึก วันปีใหม่ตื่นมาแล้วเก็บของเก่ากิน ไม่ต่างอะไรจากวันที่ 26 เมื่อปีก่อนแม้แต่น้อย

อิตาเลียนที่ขยันหรือฟรีแลนซ์ก็อาจกลับไปทำงานต่อ ส่วนพวกเด็กนักเรียน โรงเรียนมักจะยังหยุดอยู่ แล้วไปเปิดอีกทีในวันจันทร์ถัดไป ส่วนอิตาเลียนพวกที่ไปเที่ยวนอกเมืองก็กลับมาเอาวันที่ 5 – 6 มกราคมเลย เพราะสำหรับอิตาเลียน ยังเหลือวันสำคัญอีกวันหนึ่ง อันเป็นวันสุดท้ายของซีรีส์

วันที่ 6 มกราคม : วันเอปิฟาเนีย (Epifania) 

วันนี้นับได้ 12 วันหลังจากวันคริสตสมภพพอดี ตามประเพณีและความเชื่อ วันนี้เป็นวันที่พวกเด็ก ๆ จะเอาถุงเท้าไปห้อยไว้ที่ปลายเตียง เพื่อรอดูว่าตอนเช้าจะมีอะไรอยู่ในถุง เรื่องคุ้น ๆ ไหม – ใช่ แนวซานตาคลอสนั่นล่ะ 

แต่ในอิตาลีนั้น ผู้ที่จะนำของขวัญมาให้นั้นคือ ‘นางเบฟานา’ (Befana) เป็นหญิงแก่อัปลักษณ์ที่ขี่ไม้กวาดมาให้ เหตุที่เป็นหญิงแก่ขี่ไม้กวาดก็เพราะตามตำนานเล่าว่า เมื่อครั้งพระเยซูประสูติ พญา 3 องค์จากดินแดนฝั่งตะวันออกเดินทางนำของขวัญมาถวายแด่ท่าน แต่บังเอิญหลงทาง เลยถามหญิงแก่คนหนึ่งซึ่งกำลังกวาดลานบ้านอยู่ หญิงแก่คนนั้นทำท่าทางรำคาญแล้วก็บอกส่ง ๆ ไป สักพักรู้สึกผิด จึงเข้าไปหาของโน่นนี่จะเอาไปเป็นของขวัญให้พระเยซูบ้าง 

แต่เมื่อออกมา ขบวนของพญา 3 องค์หายไปแล้ว เธอจึงต้องออกเดินทางคนเดียวโดยไม่ยอมทิ้งไม้กวาด แล้วเอาของขวัญมอบให้เด็กทุกคน เนื่องจากไม่รู้ว่าใครเป็นพระเยซูกันแน่ ดังนั้น จริง ๆ แล้ว เมื่อเราเจอหญิงแก่อัปลักษณ์ขี่ไม้กวาดมา เราไม่ควรวิ่งหนี แต่ควรถอดถุงเท้าขอของฝากจากเธอต่างหากเล่า

ภาพ : www.fanpage.it

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา แล้วอิตาเลียนก็ต้องกลับมาเริ่มทำงานหรือใช้ชีวิตกันต่อไป โดยมีวันที่ 7 มกราคมถือเป็นวันเริ่มต้นปีจริง ๆ เสียที

Writer

Avatar

สรรควัฒน์ ประดิษฐพงษ์

‘ครูก้า’ ของลูกศิษย์และลูกเพจ ผู้เชื่อ (ไปเอง) ว่าตัวเองเป็นครูสอนภาษาอิตาเลียนมือวางอันดับหนึ่งของเอเชียอาคเนย์ หัวหน้าทัวร์ผู้ดุร้าย นักแปลผู้ใจเย็น ผู้เชิดหุ่นกระบอกมือสมัครเล่น และนักเขียนมือสมัครเล่นเข้าไปยิ่งกว่า