พลิกหน้ากระดาษ เปิดบานหน้าต่างสู่โลกในฝัน ณ ‘มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 28’ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 – 23 ตุลาคม พ.ศ. 2566 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น LG ฮอลล์ 5 – 7 เอาใจนักอ่านและคนนอนดึกอีกเช่นเคย เพราะวันจันทร์-พฤหัสบดี เปิดตั้งแต่เวลา 11.00 – 22.00 น. และวันศุกร์-อาทิตย์เปิดตั้งแต่เวลา 10.00 – 23.00 น. กันเลย

ความพิเศษใน ‘งานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28’ นี้คือผู้จัดงาน ‘สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT)’ มาพร้อมกับกิจกรรมใหม่มากมายให้ร่วมสนุกกัน อาทิ กิจกรรมแข่งรีวิวหนังสือและกิจกรรมสุ่มแลกเปลี่ยนหนังสือโดยที่ไม่รู้ว่าด้านในคือเรื่องอะไร เพราะทุกเล่มห่อปกเอาไว้อย่างดี มีเพียงคำโปรยบนปกเท่านั้นที่เป็นเบาะแสให้คุณ

แต่ไป ‘งานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28’ สิ่งที่พลาดไม่ได้คือลิสต์หนังสือแนะนำ รับรองว่า 25 เล่มนี้เต็มไปด้วยความหลากหลายแน่นอน ของดีมาจ่อรอคุณที่นอกหน้าต่างขนาดนี้ ใครพร้อมก็เปิดหน้าต่างสู่โลกแห่งความฝัน แล้วมาช้อปปิ้งหนังสือที่ชอบกันเถอะ

และในปีนี้ The Cloud ยังร่วมกับ GMM Grammy ชวน 80 ศิลปินและ 5 ผู้บริหารค่ายเพลงในดวงใจของใครหลายคนมาบันทึกจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของพวกเขาเอาไว้ในหนังสือ Coming of Age 40 Years of GMM Grammy จุดเปลี่ยนชีวิต 80 ศิลปินซนคนแกรมมี่ พร้อมแนบซีดีอัลบัม ‘ซนซน 40 ปี GMM Grammy นานที 40 ปีหน’ จำนวน 4 แผ่น ไปให้ฟังกันแบบจุใจ นักอ่านและนักฟังทั้งหลายมาพบกันได้ที่บูท A16 และติดตามรายละเอียดกิจกรรมแจกลายเซ็นจากศิลปินที่แบ่งปันเรื่องราวเอาไว้ในหนังสือ ซึ่งจะแวะเวียนมาตลอดสัปดาห์ได้ที่นี่

01

ชื่อหนังสือ : เศรษฐศาสตร์กินได้

ผู้เขียน : ฮาจุน ชาง

สำนักพิมพ์ : bookscape

บูท : H08

เปิดแผง 25 หนังสือใหม่ใน งานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28 จาก 25 สำนักพิมพ์

“เหมือนได้นั่งฟังคนเนิร์ดที่เล่าทั้งเรื่องอาหารและเศรษฐศาสตร์เก่งมาก มาเล่าถึงเกร็ดน่าสนใจของทั้ง 2 หัวข้อด้วยดวงตาเป็นประกาย ใน 1 บทคุณจะได้รู้ว่าทำไมแคร์รอตถึงเป็นสีส้ม (ใช่! แคร์รอตเคยเป็นสีอื่นมาก่อน!) พร้อม ๆ กับเข้าใจว่าทำไมบางครั้งการจดสิทธิบัตรอาจขัดขวางการพัฒนานวัตกรรมเสียเอง

ฮาจุน ชาง นักเศรษฐศาสตร์ผู้รักอาหารการกินเป็นชีวิตจิตใจ เสิร์ฟ 17 ประเด็นเศรษฐศาสตร์ชวนขบคิดที่คนมักเข้าใจผิด เช่น คนจากประเทศเขตร้อนยากจนเพราะขี้เกียจจริงไหม มาควบคู่กับเมนูอาหารน่ารับประทาน อย่างเช่น ฟิชแอนด์ชิปส์ และเกร็ดเรื่องอาหารน่าสนใจ อย่างมะพร้าวเคยเป็นวัตถุดิบสำหรับทำน้ำมันหล่อลื่นในโรงงานและระเบิดไดนาไมต์! อ่านจบแล้วจะกินอาหารได้สนุกขึ้นและคิดฝันถึงแนวทางพัฒนาเศรษฐศาสตร์เพื่อโลกที่ดีขึ้นได้เอร็ดอร่อยกว่าที่เคย

“เราเชื่อว่าชาวก้อนเมฆหลายคนรักเรื่องราวของอาหารพอ ๆ กับสนใจแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจหรือธุรกิจให้ดีกว่าเดิม เราจึงอยากชวนทุกคนมาลิ้มรสหนังสือเล่มนี้ที่คลุกเคล้าอาหารน่าอร่อยจากทั่วโลกเข้ากับประเด็นทางเศรษฐศาสตร์ และเปิดโลกได้อย่างกลมกล่อมพร้อมอุดมไปด้วยสารอาหาร”

เมธาวี รัชตวิจิน
บรรณาธิการสำนักพิมพ์


02

ชื่อหนังสือ : The Daily Stoic สโตอิกรายวัน หลักคิดสำหรับมนุษย์ผู้ใช้ชีวิต แต่ไม่เคยเข้าใจชีวิต

ผู้เขียน : Ryan Holiday and Stephen Hanselman

สำนักพิมพ์ : WELEARN

บูท : E07

เปิดแผง 25 หนังสือใหม่ใน งานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28 จาก 25 สำนักพิมพ์

“จากหลักปรัชญากรีกโบราณอันเป็นรากฐานของโลกตะวันตก สู่หลักคิดรายวันสำหรับมนุษย์ผู้มีเวลาอันแสนสั้นในการแสวงหาความหมายที่แท้จริงของชีวิต

“366 วันจากนี้ พลิกอ่านทีละหน้า เข้าใจตัวเอง เข้าใจโลกมากขึ้นทีละวัน

สโตอิกรายวัน คือหลักคิดและปรัชญานำทาง มอบสติปัญญา ความกล้าหาญ จุดมุ่งหมาย และแรงขับเคลื่อนที่จำเป็นให้กับชีวิต ทั้งยังเป็นหนทางรับมือกับอุปสรรคทุกอย่างในโลก ท่ามกลางความบิดเบี้ยว สับสน วุ่นวาย เราจึงยังตั้งมั่นอยู่ได้แบบไม่ไหวเอน

“เราว่าเล่มนี้เป็นหนังสือปรัชญาที่เป็นมิตรกับคนอ่านมาก หยิบสโตอิกมาเล่าในรูปแบบที่เป็นเหมือนปฏิทิน 366 วัน ถ้าเราอ่านวันละหน้าก็เหมือนได้ใช้เวลากลับมานั่งพิจารณาชีวิตอย่างละเอียดลออมากขึ้นในทุก ๆ วัน”

ศิริกุล มานพ
บรรณาธิการสำนักพิมพ์


03

ชื่อหนังสือ : Lots of Love เราจะจดจำวันที่แบ่งบานหรือโรยรา 

ผู้เขียน : ธนาพร ตั้งเจริญมั่นคง 

สำนักพิมพ์ : อะโวคาโด บุ๊กส์ 

บูท : F43 

เปิดแผง 25 หนังสือใหม่ใน งานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28 จาก 25 สำนักพิมพ์

“แม้ว่าการเสียชีวิตของคนรักจะเป็นเรื่องชวนโศกเศร้า แต่ผู้เขียนถ่ายทอดเรื่องราวอย่างผู้ที่เข้าใจความเป็นไปของธรรมชาติ ทุกเรื่องราวที่เธอเล่าในหนังสือเล่มนี้ คือกำลังใจชั้นเยี่ยมสำหรับผู้ประสบกับความสูญเสีย นอกจากนั้นแล้ว ในการพิมพ์ครั้งนี้ผู้เขียนยังนำข้าวของที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของเธอและสามีมาจัดเรียงและสร้างสรรค์เป็นภาพถ่ายที่เปี่ยมความหมายสอดคล้องกับเรื่องราวชีวิตของเธอ

“เนื้อหาในหนังสือเล่าถึงประสบการณ์จริงระหว่างผู้เขียนและสามีผู้จากไปด้วยโรคมะเร็ง โดยเธอเล่าตั้งแต่จุดเริ่มต้นของความรัก ความผูกพัน เรื่อยมาจนวันที่ตรวจพบเชื้อร้าย กระทั่งการเตรียมตัวเพื่อจากไปอย่างเป็นสุข และการเยียวยาจิตใจของเธอเองในฐานะภรรยาที่เพิ่งสูญเสียสามี 

“ในแต่ละวันมีผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องสูญเสียบุคคลที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ บางคนอาจจัดการความรู้สึกจากการสูญเสียได้ดี แต่บางคนก็อาจจัดการความรู้สึกนั้นได้ยากเหลือเกิน Lots of Love เราจะจดจำวันที่แบ่งบานหรือโรยรา เปรียบกับเพื่อนผู้ผ่านประสบการณ์การสูญเสียที่พร้อมจะอยู่เคียงข้าง ให้ตระหนักว่าเราแต่ละคนไม่ใช่คนเดียวที่ต้องประสบเหตุการณ์เช่นนี้ และถึงแม้ว่าคุณอาจยังไม่ได้ประสบเรื่องราวเหล่านั้น ไม่ได้แปลว่าคุณจะไม่มีวันได้ประสบ หนังสือเล่มนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณเห็นแง่งามของชีวิต เตรียมพร้อมรับมือกับทุกการสูญเสีย และเรียนรู้การเยียวยาจิตใจตนเองเพื่อให้ชีวิตเดินหน้าไปได้อย่างมั่นคงและเป็นสุข”

จักรกฤต โยมพยอม
บรรณาธิการบริหาร 


04

ชื่อหนังสือ : ความรู้สึกนี้ใหญ่หลวงนัก (Big Feelings: How to Be Okay When Things Are Not Okay)

ผู้เขียน : ลิซ ฟอสส์ลีน และ มอลลี เวสต์ ดัฟฟี

สำนักพิมพ์ : Be(ing)

บูท : K08

เปิดแผง 25 หนังสือใหม่ใน งานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28 จาก 25 สำนักพิมพ์

ความรู้สึกนี้ใหญ่หลวงนัก คือหนังสือที่เปรียบดังเสื้อชูชีพสำหรับผู้ประสบภัยทางอารมณ์ที่รู้สึกเหมือนกำลังเคว้งคว้างอยู่กลางทะเล เขียนโดยนักเขียนผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอารมณ์ของบุคลากรในองค์กร 

“ภายในเล่มมีกรณีศึกษาจากการสัมภาษณ์ผู้คนที่ต้องต่อสู้กับมรสุมชีวิตหลากหลาย และมีข้อมูลอ้างอิงมาจากการศึกษาค้นคว้าโดยละเอียดกว่า 6 ปี ภายในเล่มยังมีภาพประกอบที่ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น และมีแบบประเมินให้วิเคราะห์ปัญหาของตัวเองท้ายเล่ม

“ในยุคที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ความกดดัน และความเปลี่ยนแปลงแบบกะทันหัน เราต้องเจอกับเรื่องใหญ่ระดับโลกอย่างโรคระบาด เศรษฐกิจตกต่ำ ไหนจะต้องคอยรับมือกับเรื่องกวนใจใกล้ตัวอย่างความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นดั่งใจ เจ้านายที่สั่งงานเมื่อวานจะเอาวันนี้ และอีกสารพัด

“คำแนะนำภายในเล่มจะช่วยพยุงให้คุณเผชิญคลื่นอารมณ์ที่ถาโถมได้อย่างปลอดภัย แต่ละบทเจาะลึกเกี่ยวกับความรู้สึกและสถานการณ์ที่รับมือได้ยาก เช่น อาการหมดไฟ ความวิตกกังวล ความรู้สึกเสียใจภายหลัง ฯลฯ สะท้อนผ่านประสบการณ์จริงของผู้เขียนและกรณีตัวอย่างหลากหลาย รวมทั้งผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่จะทำให้คุณต้องเซอร์ไพรส์

“ในเมื่อทุกคนต้องเจอเรื่องบั่นทอนใจทุกวัน ไม่ว่าจะจากการทำงานหรือความสัมพันธ์ หนังสือเล่มนี้จึงกลายเป็นคู่มือแบ่งปันสารพัดวิธีที่ทำให้เรา ‘ยังคงโอเค’ ในวันที่เรา ‘ไม่โอเคเสียเลย’ อยากให้ลองทำความเข้าใจและเรียนรู้วิธีจัดการอารมณ์ที่รับมือได้ยากด้วยตัวเอง เพื่อชีวิตที่น่าพึงพอใจและเบาสบายยิ่งขึ้น”

พร่างดาว นุประดิษฐ์
หัวหน้าบรรณาธิการสำนักพิมพ์


05

ชื่อหนังสือ : Miyazakiworld ใดๆ ในโลกล้วนจิบลิ

ผู้เขียน : ซูซาน เนเปียร์

ผู้แปล : โสภณา เชาว์วิวัฒน์กุล

สำนักพิมพ์ : Storyard

บูท : H06

เปิดแผง 25 หนังสือใหม่ใน งานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28 จาก 25 สำนักพิมพ์

Miyazakiworld ใดๆ ในโลกล้วนจิบลิ คือหนังสือที่วิเคราะห์หนังจิบลิและ ฮายาโอะ มิยาซากิ ได้สมบูรณ์ที่สุด ทั้งยังตีความและแตกประเด็นที่ซ่อนอยู่ในหนัง 11 เรื่อง และมังงะอีก 1 เรื่อง เพื่อช่วยให้เราเข้าใจเรื่องราวชีวิตและการทำงานของมิยาซากิมากขึ้น

“ผู้เขียนอย่าง ซูซาน เนเปียร์ คือนักวิชาการด้านวัฒนธรรมและแอนิเมชันญี่ปุ่นที่พาเราสำรวจชีวิตและศิลปะของมิยาซากิ เพื่อให้เรามองเห็นเรื่องราวในผลงานของเขาได้ชัดเจนกว่าเก่า พร้อมให้ความกระจ่างในประเด็นที่ซุกซ่อนอยู่ในหนังแต่ละเรื่อง โดยผู้เขียนใช้เวลากว่า 8 ปี ในการติดตาม สัมภาษณ์ อ่านหนังสือ บทความ เกี่ยวกับมิยาซากิ จนก่อให้เกิดหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา

“ทั้งหมดคือเรื่องราวของชายผู้ท้าทายอิทธิพลของฮอลลีวูด และพาโลกเข้าสู่บทใหม่ของวัฒนธรรมสมัยนิยม รับรองว่านี่เป็นหนังสือที่จะทำให้คุณดูหนังสตูดิโอจิบลิสนุกเพิ่มขึ้นอีก 10 เท่า ในเมื่อแฟนจิบลิในประเทศไทยมีเยอะมาก และหนังสือเล่มนี้ก็อุดมไปด้วยแรงบันดาลใจหลายหลาก เราจึงไม่อยากให้คุณพลาดด้วยประการทั้งมวล”

สุกฤษฏิ์ ธีระปัญญารัตน์
บรรณาธิการสำนักพิมพ์


06

ชื่อหนังสือ : Indiana Jones Chronicles

ผู้เขียน : เอกราช มอญวัฒ

สำนักพิมพ์ : Starpics

บูท : K07

เปิดแผง 25 หนังสือใหม่ใน งานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28 จาก 25 สำนักพิมพ์

Indiana Jones Chronicles พาย้อนตำนานการผจญภัยของ อินเดียน่า โจนส์ ตัวละครยอดนักผจญภัยล่าขุมทรัพย์สุดขอบฟ้าในภาพยนตร์ทั้ง 5 ภาค ผู้จุดประกายให้หลายคนหลงใหลในโลกโบราณคดีมาจนถึงปัจจุบัน หนังสือเล่มนี้จะพาคุณแกะรอยแรงบันดาลใจตั้งแต่ไอเดีย เบื้องหลังการสร้าง จนถึงซีรีส์ต่อยอด ฯลฯ ในฐานะผลงานสร้างสรรค์ร่วมหัวจมท้ายของ 2 ผู้กำกับเพื่อนซี้หัวหอกแห่งยุค 80 สตีเวน สปีลเบิร์ก และ จอร์จ ลูคัส พร้อมด้วยบทเจาะใจนักแสดงนำหนึ่งเดียวจากหนุ่มจนแก่ แฮร์ริสัน ฟอร์ด เก็บตกเกร็ดน่ารู้ทั้งในภาพยนตร์และประวัติศาสตร์จริง ทั้งหมดรวบรวมไว้ให้ครบในหนังสือปกหนังเทียมสุดคลาสสิกเล่มนี้ที่จะทำให้แฟน ๆ รู้สึกฟินเหมือนมีขุมทรัพย์อยู่ในมือ

“แม้ว่าคนยุคใหม่จะไม่ค่อยรู้จัก อินเดียน่า โจนส์ เหมือนเมื่อก่อน จนดูเหมือนว่านี่คือภาพยนตร์ที่ ‘ตกยุค’ ไปแล้ว เช่นเดียวกับสังขารที่ร่วงโรยของป๋าแฮร์ริสัน ฟอร์ด ผู้กลับมาขี่ม้าฟาดแส้ทิ้งทวนในภาพยนตร์ภาคล่าสุด The Dial of Destiny แต่ไม่ว่าอย่างไร อินเดียน่า โจนส์ ก็ถือเป็น ‘ผู้บุกเบิก’ ภาพยนตร์แนวผจญภัยที่กรุยทางให้กับหนังอย่าง The Mummy หรือ Tomb Raider และอื่น ๆ ซึ่งนอกจากความบันเทิงสุดแฟนตาซีที่ตื่นเต้นเร้าใจ หนังชุด Indiana Jones ก็ยังมีแง่มุมน่าสนใจอื่น ๆ ทั้งในเชิงแนวคิดและเทคนิคการสร้างภาพยนตร์ ไปจนถึงการเป็นบทบันทึกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม จนอาจกล่าวได้ว่า นี่คือส่วนผสมของความสนุก ความรู้ และความฝัน คือรสชาติของหนังรุ่นพ่อที่อยากจะฝากฝังสมบัตินี้ให้กับคนรุ่นลูกต่อไป”

บุษบา เตชศรีสุธี
บรรณาธิการสำนักพิมพ์


07

ชื่อหนังสือ : ฉันจะมีความสุขกับสีของฟ้าในทุกวัน 

ผู้เขียน : บ้านข้างๆ

สำนักพิมพ์ : Springbooks 

บูท : B46 

เปิดแผง 25 หนังสือใหม่ใน งานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28 จาก 25 สำนักพิมพ์

“หนังสือเล่มนี้อาจไม่ได้มอบความสุขและรอยยิ้มให้เสมอไป แต่เป็นการเรียนรู้และยอมรับในธรรมชาติของความรู้สึก รับรู้ถึงสายลมที่พัดเข้าและออกหัวใจอยู่เสมอ

“เราเดินทางกับท้องฟ้าและบ้านข้าง ๆ มาก็หลายเล่มแล้ว สังเกตว่าตัวเองมักจะบอกเล่าถึงเรื่องราวรอบตัวมาโดยตลอด ทั้งความรู้สึกต่าง ๆ รวมถึงแนวคิดจากธรรมชาติที่สัมพันธ์กับวิถีชีวิต 

“ในเล่มนี้บ้านข้าง ๆ จะลองพาคุณผู้อ่านเดินทางไปสำรวจ ‘ธรรมชาติที่อยู่ในจิตใจ’ ของทุกคน

เพราะเมื่อเราเข้าใจสิ่งที่อยู่ภายในใจแล้ว ก็จะส่งผลต่อมุมมองการใช้ชีวิต

ฉันจะมีความสุขกับสีของฟ้าในทุกวัน จะพาเราไปสำรวจและทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ไม่ว่าตอนที่หยิบมาอ่านเรากำลังรู้สึกแบบไหน หรือเคยมีประสบการณ์แบบไหน ข้อความในหนังสือเล่มนี้จะทำงานกับความรู้สึกของผู้อ่านแต่ละคนในแบบที่ต่างกัน”

พรชนก บัวสุข
บรรณาธิการสำนักพิมพ์


08

ชื่อหนังสือ : AI ที่มีหัวใจ The Ethical Algorithm

ผู้เขียน : แอรอน รอธ และ ไมเคิล เคินส์

ผู้แปล : ผศ.ดร.จิตร์ทัศน์ ฝักเจริญผล

สำนักพิมพ์ : Salt

บูท : H24

“ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตมากขึ้น อนาคตอันใกล้นี้ชีวิตของเราอาจถูกตัดสินชี้เป็นชี้ตายโดยอัลกอริทึมที่ไม่เคยรู้จัก แล้วรู้หรือไม่ หากยังไม่ปรับปรุงกระบวนการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ให้ใส่ใจคุณค่าทางสังคมมากยิ่งขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลของอัลกอริทึมก็จะเต็มไปด้วยความไม่เที่ยงธรรม และอคติชนิดที่เราคาดไม่ถึงต่อไป ซึ่งเชื่อว่าทุกคนคงไม่อยากโดนตัดสินจากข้อมูลที่ไม่เที่ยงธรรม หนังสือเล่มนี้จึงกำลังบอกทุกคนว่า ทำไม AI ถึงต้องมีหัวใจ

“จะเป็นอย่างไรหากอัลกอรึทึมของกูเกิลเผยแพร่แนวคิดเหยียดเพศโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น ผลการค้นหาคำว่า สุภาพสตรี มีความสัมพันธ์กับคำว่า ต่างหู ในขณะที่คำว่า หลานชาย มีความสัมพันธ์กับคำว่า อัจฉริยะ หรือบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Amazon อาจด้อยค่าความสามารถของผู้หญิงโดยไม่รู้ตัว เช่น AI ที่ใช้คัดกรองผู้สมัครงานจะหักคะแนนเรซูเมใดก็ตามที่มีคำว่า ผู้หญิง

“ทุกวันนี้เราต่างประจักษ์ถึงความปราดเปรื่องของ AI ว่าประมวลผล คิด และวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลได้แม่นยำ แต่บางครั้งผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็ยังห่างไกลจากคำว่าเที่ยงธรรม และที่แย่ไปกว่านั้นคือแฝงไปด้วยอคติ

AI ที่มีหัวใจ จะแสดงถึงความจำเป็น และแนวทางพัฒนาปรับปรุงศาสตร์การออกแบบอัลกอริทึมให้ใส่ใจคุณค่าทางสังคมมากยิ่งขึ้น”

ศุภกิจ อิศดิศัย
ผู้จัดการสำนักพิมพ์


09

ชื่อหนังสือ : รถไฟขนเด็ก 

ผู้เขียน : Viola Ardone 

สำนักพิมพ์ : อ่านอิตาลี 

บูท : J26 

“หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อิตาลีบอบช้ำอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางตอนใต้ เกิดภาวะขาดแคลนอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค พรรคคอมมิวนิสต์ของอิตาลีจึงจัดรถไฟขบวนพิเศษขนเด็ก ๆ จากใต้ขึ้นเหนือ ให้พวกเขาไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ในช่วงฤดูหนาว เด็ก ๆ ต้องพรากจากพ่อแม่ไปอยู่กับคนแปลกหน้า ด้วยหวังว่าจะได้กินอิ่มและได้สวมเสื้อผ้าหนา ๆ แม้ว่าพวกเขาจะหวาดกลัว เพราะมีเสียงเล่าลือว่าคอมมิวนิสต์กินเด็กและจับเด็กใส่เตาเผา ระหว่างปี 1945 – 1952 มีเด็กขึ้นรถไฟขบวนพิเศษนั้นมากถึง 70,000 คน

  “รถไฟขนเด็ก เป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ของอิตาลีช่วงฟื้นตัวหลังสงคราม อเมริโก เด็กชายวัย 7 ขวบขึ้นรถไฟไปกับเด็กคนอื่น ๆ ด้วยความรักและความหวังดีของแม่ เขาได้รู้จักกับครอบครัวใหม่ผู้ที่ทำให้เขาค้นพบสิ่งที่เขารัก แต่กระนั้นเขาก็ยังคิดถึงแม่ และอยากกลับบ้านไปหาแม่ ครั้นฤดูหนาวสิ้นสุด อเมริโกก็ตัดสินใจเลือกทางเดินของเขาเองอย่างเด็ดเดี่ยว”

นันธวรรณ์ ชาญประเสริฐ
บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์


10

ชื่อหนังสือ : ระบำมนุษย์

ผู้เขียน : สุพัตรา เกริกสกุล

สำนักพิมพ์ : สมมติ

บูท : J37

“แม้ในรูปแบบงานเขียนจะเป็นเพียง ‘บทกวีแบบแคนโต้’ (ซึ่งอาจดูน้อยนิดในตัวอักษร หากเทียบปริมาณตัวหนังสือกับงานประเภทอื่น ๆ อย่างนิยาย รวมเรื่องสั้น) แต่ก็เขียนและเคี่ยวกรำมาเป็นเวลากว่า 1 ทศวรรษของการเฝ้ามอง ‘มนุษย์’ ที่เป็นวัตถุดิบหลักของงานชุดนี้ในแทบจะทุกอิริยาบถ เก็บรวมทุกความนึกคิดของมนุษย์ ทั้งจากรูปธรรมภายนอก และแน่นอนว่าไปจนถึงนามธรรมภายใน

ระบำมนุษย์ เปรียบเปรยเป็นดั่งบันทึกหรือการสแนปภาพในบริบทต่าง ๆ ของมนุษย์ ออกมาเป็นรูปแบบของบทกวี 3 บรรทัด สั้น กระชับ แต่กลับให้จินตนาการต่อไปอีกเนิ่นนาน จำนวนกว่า 300 บทในเล่มจึงเห็นจังหวะการร่ายรำของมนุษย์ได้อย่างครบถ้วน

“ไม่บ่อยนักที่เราจะได้อ่านงานเขียนประเภทสั้น กระชับ ที่ไม่ได้มุ่งหมายให้ข้อเขียนเหล่านี้เป็นดั่ง ‘คำคม’ ที่มักพยายามปั้นแต่งให้คำสวยและกระทบกระแทกใจอย่างฉับพลัน ทว่าแม้จะเป็นงานสั้น ๆ จบในไม่กี่บรรทัด แต่กลับแสดงถึงความมุ่งมั่นของเนื้อหา และเนื้อแท้ของการขุดเค้นวัตถุดิบมาใช้อย่างเรียกได้ว่า ‘ถึงแก่น’ ของวัตถุดิบนั้น ๆ ยังไม่นับว่าช่วงเวลาของการผลิตสร้างที่กินเวลายาวนานนับสิบปี ดังนั้นการลงลึกไปในจิตใจของผู้เขียนที่มีต่อภาวะตรงหน้านั้น ๆ ย่อมให้อะไรกลับมามากกว่าที่เราจะจินตนาการได้เสมอ”

เอกสิทธิ์ เทียมธรรม
บรรณาธิการหนังสือ


11

ชื่อหนังสือ : The Art of Noticing ศิลปะแห่งการสังเกต

ผู้เขียน : Rob Walker

ผู้แปล : พรรษรัตน์ พลสุวรรณา

สำนักพิมพ์ : มติชน

บูท : J47

“เพราะปัจจุบันโทรศัพท์กลายเป็นอวัยวะที่ 33 ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทำอะไร ทุกคนล้วนมีโทรศัพท์ติดมือกันทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องผิดที่เราจะคอยอัปเดตติดตามข่าวสารออนไลน์เพื่อให้ทันโลก แต่บางครั้งการหมกมุ่นอยู่แต่กับจอโลกเสมือนก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราเช่นกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราต้องเงยหน้ามามองสิ่งต่าง ๆ นอกเหนือจากหน้าจอบ้าง เพราะความเปลี่ยนแปลงในโลกทางกายภาพก็สำคัญพอ ๆ กับในโลกดิจิทัล 

“ที่สำคัญคือยุคนี้มีสิ่งล่อตาล่อใจมากมายล้วนอยากปฏิสัมพันธ์กับสมาธิเราตั้งแต่เช้ายันเข้านอน ชวนให้ไขว้เขวทำอะไรไม่เสร็จเป็นประจำ ใจก็ฟุ้งซ่านเสียจนคุณภาพการรับรู้สิ่งสำคัญตรงหน้าลดลง เพราะคุณจดจ่อไม่ได้

ศิลปะแห่งการสังเกต เลยมาช่วยให้คุณรู้จักปล่อยวาง มีสติรู้ตัวกับปัจจุบันมากขึ้น สร้างกรอบความคิด มองสิ่งเคยชินด้วยบริบทใหม่ ๆ หาตัวช่วยจุดประกายแรงบันดาลใจจากทุกสิ่งรอบกาย และรู้จักใส่ใจความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง โดยไม่หลงลืมที่จะใส่ใจตัวเอง ดังนั้น มาปรับเปลี่ยนโลกทัศน์ วางอุปกรณ์สี่เหลี่ยม แล้วหัดเป็น ‘นักสังเกตโลกที่ดี’ ไปพร้อม ๆ กับหนังสือเล่มนี้กันเถอะ!

“หนังสือแบบฝึกหัดแนะนำวิธีปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตที่ซ้ำซากจำเจให้สนุกขึ้นได้ด้วยการสังเกตสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน หรือคิดสร้างสรรค์อะไรใหม่ ๆ เพื่อสร้างความสนุกสนาน ผ่อนคลาย แก้เครียด โดยหนังสือยกคำพูดของเหล่าคนดังในต่างประเทศ (ศิลปิน นักข่าว นักเขียน ฯลฯ) วิธีการและผลลัพธ์ของการทำแบบฝึกหัดเหล่านี้มาประกอบ จะเห็นได้ว่าสิ่งที่เสนอไปในเล่มไม่ได้ถูกยกขึ้นมาลอย ๆ แต่ช่วยให้ผู้ประกอบอาชีพต่าง ๆ จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้จริง

“เราอยากให้คุณผู้อ่านลองมาปรับเปลี่ยนวิธีมองรอบกายกับหนังสือเล่มนี้ดู ไม่แน่คุณอาจได้แง่คิดใหม่ ๆ พร้อมกับได้สนุกเพลิดเพลินไปกับสิ่งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจสังเกตก็เป็นได้”

ณัฏฐณิชา ทนันชัยชมภู
บรรณาธิการเล่ม


12

ชื่อหนังสือ : The Oxford Illustrated History of the World ประวัติศาสตร์โลกฉบับออกซฟอร์ด

ผู้เขียน : เฟลิเป้ เฟอร์นานเดซ-อาร์เมสโต

ผู้แปล : ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์, ดร.ธวัชชัย ดุลยสุจริต และ นวรัตน์ ธาระวานิช

สำนักพิมพ์ : ยิปซี

บูท : F16

ประวัติศาสตร์โลกฉบับออกซฟอร์ด เป็นหนังสือที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์จากทั่วทุกมุมโลก ที่ครบถ้วนและครอบคลุมที่สุดเล่มหนึ่ง ทั้งยังเป็นการรวมตัวของเหล่านักวิชาการจากนานาชาติกว่า 11 ท่าน ในการสืบค้นและเรียบเรียงเนื้อหาจนมาเป็นเล่มนี้

“ถ้าเปรียบเรื่องราวของมนุษย์เป็นมหากาพย์เรื่องหนึ่ง ก็คงมีความยาวราว 200,000 ปี The Oxford Illustrated History of the World หรือ ประวัติศาสตร์โลกฉบับออกซฟอร์ด เริ่มต้นเรื่องราวตั้งแต่ตอนที่มนุษย์ยังเป็นเพียงเผ่าพันธุ์โฮโม เซเปียนส์ เรื่อยมาจนถึงศตวรรษที่ 21 เราจะได้เห็นวิวัฒนาการของมนุษย์ในด้านต่าง ๆ อย่างละเอียด ตั้งแต่ความเชื่อ ศาสนา วัฒนธรรม อุดมการณ์ทางการเมือง การค้นพบ กรณีพิพาท จนถึงโรคระบาด ภัยพิบัติ สงคราม ระบบนิเวศที่ล้วนมีส่วนก่อร่างสร้างโลกให้เป็นเช่นทุกวันนี้

“เนื้อหาที่ครบ จบ ทั้งโลกในเล่มเดียว อ่านเอาสนุกก็ได้ อ่านไว้อ้างอิงก็ดี ทำให้เราอยากแนะนำนักอ่านทุกท่านที่สนใจประวัติศาสตร์โลก แต่เหนื่อยกับการแบกหลายเล่ม แถมพื้นที่ตู้หนังสือก็มีจำกัด เราอยากให้นักอ่านเหลือพื้นที่ในตู้ของท่านไว้เยอะ ๆ เอาไว้เก็บหนังสือเล่มอื่นอีก ดังนั้น ประวัติศาสตร์โลกฉบับออกซฟอร์ด (พร้อมภาพประกอบ) จึงเหมาะมาก เพราะรวมทุกอย่างไว้หมดแล้ว 

“ถ้าจะให้แนะนำสำหรับท่านที่ซื้อมาเรียบร้อย คุณไม่จำเป็นต้องอ่านเล่มนี้รวดเดียวจบ เพราะนอกจากจะหนาเกินแล้ว ยังทำให้ท้อใจเพราะเมื่อยมือตอนถือ (หรือท่านใดนอนอ่านก็อาจต้องระวังหนังสือตกใส่เป็นพิเศษ) แนะนำให้อ่านทีละบท ทีละตอน ค่อย ๆ เก็บรายละเอียด ค่อย ๆ ทำความเข้าใจ เพราะเนื้อหาในเล่มอัดแน่นจริง ๆ แต่ถ้าใครอยากตะลุยรวดเดียวเลยก็ไม่ว่ากัน”

วันวิสา เขตรดง
บรรณาธิการสำนักพิมพ์


13

ชื่อหนังสือ : ยุคสมัยแห่งการปฏิวัติ : ยุโรป 1789-1848

ผู้เขียน : เอริค ฮ็อบส์บอม

ผู้แปล : ภัควดี วีระภาสพงษ์

สำนักพิมพ์ : ฟ้าเดียวกัน

บูท : K31

เปิดแผง 25 หนังสือใหม่ในงานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28 จาก 25 สำนักพิมพ์

เอริค ฮ็อบส์บอม บรรยายเรื่องราวเหล่านี้อย่างละเอียด พิสดาร ด้วยการถักทอเชื่อมร้อยองค์ความรู้ขนาดมหึมาและกว้างใหญ่ไพศาลเข้าด้วยกัน บางเรื่องบางตอนอาจดูห่างไกลและเข้าใจยากสักหน่อย แต่อย่างน้อยที่สุด ผู้อ่านจะได้ตระหนักว่า แท้จริงแล้วสรรพสิ่ง ‘สมัยใหม่’ ที่รายล้อมเรา ไม่ว่าทางวัตถุหรืออุดมการณ์ความคิดนั้น มิเคยเกิดขึ้นมาเอง หรือเกิดจากฟ้าประทาน ทว่าเป็นมรดกตกทอดมาจากจินตนาการ ความใฝ่ฝัน และการลงมือปฏิบัติ เพื่อบรรลุถึงความเปลี่ยนแปลงของบรรพชนนักปฏิวัติทั้งหลายแห่งการปฏิวัติทวิภาคอันยิ่งใหญ่

“การปฏิวัติทวิภาคอันสะเทือนเลื่อนลั่นนี้ยังก่อร่างสร้างแนวคิดสำคัญ ๆ ที่จะพัฒนา และส่งอิทธิพลต่อกันและกันจนเกิดเป็นอุดมการณ์ มโนทัศน์ และบรรทัดฐานของสังคมสมัยใหม่ที่เราคุ้นชินกันทุกวันนี้ เช่น ความคิดที่ว่ามนุษย์เกิดมาพร้อมกับสิทธิตามธรรมชาติ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน สิทธิเลือกตั้ง การปกครองด้วยเสียงส่วนใหญ่ ความสัมพันธ์ระหว่างนายทุน-แรงงาน กรรมสิทธิ์ในที่ดิน ระบบทุนนิยมอุตสาหกรรม การแบ่งชนชั้นทางสังคมตามฐานะเศรษฐกิจและรายได้ ซึ่งต่างจากในยุโรปยุคกลาง การเลื่อนชั้นทางสังคมตามความสามารถ ไม่ใช่ตามอภิสิทธิ์แบบขุนน้ำขุนนาง อุดมการณ์เสรีนิยมของชนชั้นกลาง อุดมการณ์ราดิคัลของนักคิดสังคมนิยม มิพักต้องกล่าวถึงความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทุกสาขาที่การปฏิวัติทวิภาคช่วยเปิดช่องทางความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ให้ และความเฟื่องฟูด้านศิลปวรรณกรรมที่ให้กำเนิดศิลปินนามอุโฆษจำนวนมาก ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการปฏิวัติทวิภาค และผลกระทบที่ตามมาทั้งดีและร้ายหลังจากนั้น

ยุคสมัยแห่งการปฏิวัติ เป็นเล่มแรกในผลงานชุดไตรภาคของฮ็อบส์บอม อันประกอบด้วย The Age of Revolution (1789-1848), The Age of Capital (1848-1875), The Age of Empire (1875-1914) และภาคต่อเล่มที่ 4 คือ The Age of Extremes (1914-1991) ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการหนังสือชุดที่สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันตั้งใจผลักดันให้สำเร็จลุล่วง ด้วยภารกิจหนึ่งของสำนักพิมพ์ คือการนำองค์ความรู้เชิงวิพากษ์จากภายนอกเข้าสู่สังคมไทยผ่านการแปล เพราะเราเชื่อว่าการแปลไม่เพียงเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งต่อความรู้ข้ามพรมแดนภาษา แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมโลกทัศน์และความเข้าใจต่อวัฒนธรรมของชนชาติอื่นไปพร้อมกันด้วย”

ธนาพล อิ๋วสกุล
บรรณาธิการสำนักพิมพ์


14

ชื่อหนังสือ : การเมืองวรรณกรรมวรรณกรรมการเมือง 

ผู้เขียน : ชูศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์

สำนักพิมพ์ : อ่าน

บูท : K06

เปิดแผง 25 หนังสือใหม่ในงานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28 จาก 25 สำนักพิมพ์

“รวมบทความโดยนักวิชาการคนสำคัญของวงการวรรณกรรมศึกษา ผู้ให้ความสำคัญกับการพิสูจน์ความหมายของวิชาการวรรณกรรมในพื้นที่สาธารณะต่อผู้อ่านนอกโลกวิชาการโดยเสมอกันเสมอมา บทความในเล่มนี้เป็นการคัดสรรภายใต้แก่น ว่าด้วยความเป็นการเมืองของวรรณกรรมในทุกความหมาย โดยมีข้อเขียนทบทวนความหลังสั้น ๆ ของผู้เขียน เกี่ยวกับที่มาที่ไปหรือบริบทในการเขียนบทความเหล่านี้เพิ่มเติมไว้เป็นพิเศษด้วย

“บทความคัดสรร 13 ชิ้นถูกนำมาจัดกลุ่มโดยแบ่งเป็น 2 ภาค ภาคแรกเป็นการศึกษามิติและนัยทางการเมืองของวรรณกรรมในฐานะวัสดุทางวัฒนธรรม และปรากฏการณ์เชิงสังคม หรือเรียกได้ว่าเป็นการศึกษา ‘การเมืองวรรณกรรม’ ส่วนภาค 2 เป็นการวิเคราะห์ความหมายและนัยทางการเมืองในตัวบทวรรณกรรม หรือเรียกได้ว่าเป็นการศึกษา ‘วรรณกรรมการเมือง’

“11 ใน 13 ของบทความในหนังสือเล่มนี้ เขียนขึ้นในทศวรรษ 2550 ที่สังคมไทยรุ่มร้อนรุนแรงด้วยความขัดแย้งทางการเมือง อันมีจุดตั้งต้นมาจากรัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ประชาชนลุกขึ้นมาเผชิญหน้าสถาบันอำนาจในทางการเมืองไปพร้อม ๆ กับเผชิญหน้ากันเอง ด้วยเหตุที่ต่างฝ่ายต่างเลือกสังกัดตัวเอง เข้ากับต่างสถาบันที่ตนยึดถือว่าคือตัวแทนนิยามที่แท้จริงของสิ่งที่เรียกว่าประชาธิปไตย ความขัดแย้งดังกล่าวเริ่มขยับสมดุลใหม่หลังรัฐประหารพฤษภาคม พ.ศ. 2557 อันเป็นบริบทของอีก 2 บทความในเล่มนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะก้าวข้ามมาสู่การเขย่าสมดุลครั้งใหญ่ แบ่งฝักฝ่ายรอบใหม่ทั้งในหมู่ชนชั้นนำกันเอง และในหมู่มวลประชาชนด้วยกันเองในปัจจุบัน

“หนังสือเล่มนี้จึงทำหน้าที่เป็นสะพานที่ทอดทิ้งไว้ หากใครจะลองหันหลังกลับไปย้อนอดีตที่กำลังถูกลบเลือน และกำลังถูกฉวยใช้เป็นต้นทุนของการก้าวข้ามสู่ทศวรรษใหม่ที่ยังคงเป็นการก้าวไม่พ้น ทั้งนี้เพราะความหมายและความสำคัญของงานเขียนในหนังสือเล่มนี้อยู่ที่การใช้ตัวมันเองเป็นวัตถุพยานของการต่อสู้และความร้าวฉาน ซึ่งเป็นทั้งตัวบทและบริบทของอากัปกิริยาอันพอตนอย่างการอ่าน จำหลักไว้อย่างแหลมคมเยี่ยงงานวิชาการและสั่นสะเทือนอย่างงานวรรณกรรม แล้วเรียกตัวเองอย่างแยบยลในความเถรตรงซ้ำ ๆ ของความเป็น เมืองวรรณกรรมวรรณกรรมการเมือง

ไอดา อรุณวงศ์
บรรณาธิการสำนักพิมพ์


15

ชื่อหนังสือ : 90 ปี กบฏบวรเดช : The JIGSAWS

ผู้เขียน : พลเอกบัญชร ชวาลศิลป์ 

สำนักพิมพ์ : แสงดาว

บูท : K02 & Q01

เปิดแผง 25 หนังสือใหม่ในงานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28 จาก 25 สำนักพิมพ์

“เนื่องในโอกาสครบรอบ ‘90 ปี เหตุการณ์กบฏบวรเดช’ พลเอกบัญชร ชวาลศิลป์ ผู้สนใจประวัติศาสตร์ทางการเมือง-การทหารของไทย ใช้ข้อมูลจากงานวิชาการที่ค้นคว้าเกี่ยวกับกบฏบวรเดช และข้อมูลจากบุคคลสำคัญที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว, ร้อยเอก หลวงโหมรอนราญ (ตุ๊ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา), พันตรี หลวงสรสิทธยานุการ (สิทธิ แสง-ชูโต) หรือ นาวาเอก พระยาวิชิตชลธี ร.น. (ทองดี สุวรรณพฤกษ์) เรียบเรียงเป็นหนังสือเรื่อง 90 ปี กบฏบวรเดช : The JIGSAWS ออกมา

“เนื้อหาภายในเล่มเล่าถึงการนับย้อนกลับไปในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2476 เรียกว่าเป็น ‘เบื้องแรกปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม 2475’ เพราะเป็นกบฏครั้งแรกหลังจากที่สยามเริ่มใช้รัฐธรรมนูญถือเป็นเหตุการณ์ที่ใหญ่โตและรุนแรง เพราะมีการใช้อาวุธต่อสู้กันอย่างดุเดือด สาเหตุของการเกิดกบฏดังกล่าวเกิดจากความขัดแย้งระหว่าง ‘ระบอบเก่า’ กับ ‘ระบอบใหม่’ ที่สถาปนาไปเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 โดยเริ่มตั้งแต่การนำเสนอเค้าโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ การกล่าวหา หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) มันสมองคณะราษฎร ว่าเป็นคอมมิวนิสต์ จน พระยาพหลฯ ทำการรัฐประหารยึดอำนาจ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476

“เนื่องในโอกาสครบรอบ 90 ปี เหตุการณ์กบฏบวรเดช หนังสือเล่มนี้จะทำให้สังคมไทยจดจำเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ให้สาบสูญหายไปเหมือนอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญหรืออนุสาวรีย์ปราบกบฏ ที่เคยตั้งอยู่ ณ วงเวียนหลักสี่ และเหมือนว่าถูกบังคับให้สูญหายไป”

นรีพิมาน บุญช่วย
ฝ่ายผลิตสำนักพิมพ์


16

ชื่อหนังสือ : ฝันร้ายในร่างกาย (The Body Keeps the Score)

ผู้เขียน : เบสเซล แวน เดอ คอล์ค (Bessel Van Der Kolk, M.D.

ผู้แปล : ภัทร กิตติมานนท์ 

สำนักพิมพ์ : สวนเงินมีมา 

บูท : i02 

เปิดแผง 25 หนังสือใหม่ในงานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28 จาก 25 สำนักพิมพ์

“จะมาก จะน้อย เราต่างก็มีบาดแผลทางใจด้วยกันทั้งนั้น ขอเพียงเปิดใจยอมรับ ก็เท่ากับเปิดทางเยียวยา

“เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ผู้ป่วย PTSD (Post-traumatic Stress Disorder) หรือผู้มีบาดแผลทางใจ ทำไมการบำบัดผ่านการพูดคุยจึงใช้ไม่ได้ผล ทำไมการบำบัดด้วยวิธีบังคับให้เผชิญความกลัว จึงอาจเป็นวิธีที่สร้างเสียหายอย่างรุนแรง หรือทำไมการรักษาที่เน้นให้ยาเพียงอย่างเดียวอาจก่อให้เกิดโทษมากกว่าประโยชน์

“เราอาจเคยรู้มาว่าในขณะที่จิตใจของเราพยายามอย่างสุดชีวิต เพื่อลืมเหตุการณ์สะเทือนขวัญ พยายามจะทิ้งบาดแผลทางใจไว้ข้างหลัง แต่ร่างกายกลับขังเราไว้ในอดีตที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว โดดเดี่ยว และเงียบงัน บาดแผลทางใจไม่เพียงทำลายการเชื่อมต่อในสมอง แต่ยังทำลายการเชื่อมต่อระหว่างจิตใจกับร่างกายอีกด้วย

เบสเซล แวน เดอ คอล์ค จิตแพทย์ผู้มีประสบการณ์การรักษามากว่า 30 ปี ได้รวบรวมข้อค้นพบและกระบวนการรักษาใหม่ ๆ ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นการ ‘ปฏิวัติ’ วงการจิตเวช ที่ช่วยฟื้นฟูความเสียหายทางจิต บรรเทาความเจ็บปวดทางกาย จนเรากลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติและเต็มเปี่ยมอีกครั้ง

“ชวนคุณมาลองอ่าน ฝันร้ายในร่างกาย เพื่อช่วยกันประคับประคองใจ กอบกู้ความเป็นเจ้าของร่างกายและชีวิตคืนมา”

วรนุช ชูเรืองสุข
บรรณาธิการสำนักพิมพ์


17

ชื่อหนังสือ : สู้ดิวะ

ผู้เขียน : กฤตไท ธนสมบัติกุล

สำนักพิมพ์ : KOOB

บูท : H42

เปิดแผง 25 หนังสือใหม่ในงานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28 จาก 25 สำนักพิมพ์

“เมื่อคุณหมอวัยหนุ่มอนาคตไกล พบว่าตัวเองเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย กลับกลายเป็นช่วงเวลาที่ได้ทบทวนความหมายของชีวิตอย่างลึกซึ้ง

สู้ดิวะ งานเขียนอัตชีวประวัติเล่มเล็กที่เข้มข้นและลึกซึ้ง มาพร้อมกับข้อเขียนที่จริงใจและทรงพลังจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่”

สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์
ผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์


18

ชื่อหนังสือ : THE HAPPIEST PERSON IN THE ROOM อยู่เย็นเป็นสูตร

ผู้เขียน : ณัฐวุฒิ เผ่าทวี

สำนักพิมพ์ : แซลมอน

บูท : L22

เปิดแผง 25 หนังสือใหม่ในงานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28 จาก 25 สำนักพิมพ์

THE HAPPIEST PERSON IN THE ROOM คือหนังสือที่เชื่อมโยงกับชีวิต ความสุข และพฤติกรรมของคน ซึ่งรวมแนวคิดที่ช่วยเสริมสร้างความสุขในชีวิตด้านต่าง ๆ ให้เพิ่มขึ้น ตั้งแต่เรื่องการเงิน สุขภาพ ความรัก การทำงาน เช่น ทำยังไงให้เงินที่จ่ายไปซื้อความสุขได้มากขึ้น วิธีออกแบบนิสัยเพื่อสร้างสุขภาพที่ดีและมีสุขไปกว่าครึ่ง จะเพิ่มโอกาสให้ความรักยืนยาวได้ด้วยวิธีไหน เป็นไปได้ไหมที่จะสร้างความสุขในที่ทำงาน ไปจนทำความเข้าใจสิ่งตั้งต้นที่มีผลต่อความสุขในวันนี้และอนาคต อย่างเรื่องการตัดสินใจของคนเรา 

ณัฐวุฒิ เผ่าทวี ศาสตราจารย์และนักเศรษฐศาสตร์ความสุข ผู้เชี่ยวชาญและสนใจประเด็นเหล่านี้เป็นพิเศษได้หยิบทฤษฎีและผลงานวิจัยด้านพฤติกรรมศาสตร์ จิตวิทยาสังคม และเศรษฐศาสตร์ มาช่วยอธิบายอย่างเข้าใจง่าย เพื่อให้คุณนำไปออกแบบพฤติกรรมในชีวิตและกลายเป็นคนมีสุขในทุกวัน

“เพราะความสุขเป็นสิ่งที่เราหลายคนวิ่งหา ไม่ว่าจากสิ่งที่เราชอบ คนที่เรารัก การงานที่พอใจ หรือสิ่งของชุบใจต่าง ๆ อาจวิ่งทันบ้าง ไม่ทันบ้าง หรือปล่อยให้เราในวันอื่นวิ่งไล่แทนบ้าง แต่ท่ามกลางเส้นทางนี้เราอาจวิ่งผ่านจนมองข้ามไปว่าเรื่องพฤติกรรมและการตัดสินใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ประจำวันของเราก็ส่งผลกับปริมาณความสุขในชีวิตได้เช่นกัน

“หนังสือเล่มนี้จะพาคุณหยุดวิ่งสักแป๊บ เพื่อแวะไปสำรวจพฤติกรรมหรือปัจจัยแต่ละด้านของชีวิตที่ส่งผลต่อความสุข เราคิดว่าน่าจะตอบโจทย์ชาวก้อนเมฆ และหวังว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสให้วิ่งไปถึงความสุขได้ง่ายและใกล้ยิ่งขึ้น”

ชนัดดา ตันนพรัตน์
บรรณาธิการสำนักพิมพ์


19

ชื่อหนังสือ : รวมเรื่องสั้นชุด หลอก

ผู้เขียน : เอโดะงาวะ รัมโป

สำนักพิมพ์ : JLIT

บูท : M5

เปิดแผง 25 หนังสือใหม่ในงานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28 จาก 25 สำนักพิมพ์

“สำนักพิมพ์ JLIT จัดพิมพ์ผลงานจากปลายปากกกาของ เอโดะงาวะ รัมโป มาหลายเรื่อง ล่าสุดเล่มที่ได้รับเสียงตอบรับจากนักอ่านอย่างท่วมท้นคือ รวมเรื่องสั้นชุด หลอน 

“เพื่อให้สมฐานะบิดาแห่งนวนิยายสยองขวัญและสืบสวนสอบสวน เราจึงคัดสรรเรื่องราวสืบสวนสอบสวนที่มีกลิ่นอายเฉพาะตัวในแบบฉบับของรัมโปมารวมไว้อีกเล่ม โดยให้ชื่อว่า รวมเรื่องสั้นชุด หลอก และยังออกแบบปกหนังสือ รวมถึงแจ็กเกตของทั้ง 2 เล่มให้มีความสอดคล้องต่อเนื่องเป็นชุดเดียวกัน

“หากใครเคยอ่านหนังสือของรัมโปมาจะพอทราบว่าต้นธารการเกิดอาชญนิยายของรัมโปนั้นอยู่ในพื้นฐานปรัชญาที่ว่า ‘การสมรสระหว่างวิชาการกับศิลปะ’ เป็นพื้นที่ใหม่ของงานวรรณกรรมในยุคก่อร่างสร้างตัวของอาชญนิยายในประเทศญี่ปุ่น แม้ว่ารัมโปจะมีความรู้ความสามารถไปจนถึงพรสวรรค์ ถึงขั้นเป็นนักเขียนในกลุ่มวรรณกรรมบริสุทธิ์ได้ก็ตาม แต่ด้วยความต้องการอันแรงกล้าที่อยากให้อาชญนิยายมีพื้นที่ในวงวรรณกรรมญี่ปุ่น เขาจึงกระโจนลงในสนาม ‘วรรณกรรมตลาด’ โดยไม่ลังเล

“ใน รวมเรื่องสั้นชุด หลอก ทางสำนักพิมพ์คัดสรรเรื่องสั้นแนวสืบสวนสอบสวน 6 เรื่อง และความเรียงอีก 1 เรื่อง ได้แก่ โจรกรรม, แหวนเพชร, หนึ่งคนสองบทบาท, นิ้วมือ, จุมพิต, หลุมหลบภัย และ ความเรียงเรื่อง ความปรารถนาในการแปลงกาย เพื่อให้แฟนนักอ่านได้สัมผัสอรรถรสในแบบฉบับของรัมโปกันอย่างเต็มอิ่ม”

อรรถ บุนนาค
บรรณาธิการสำนักพิมพ์


20

ชื่อหนังสือ : ฉันอาจจะผิดก็ได้

ผู้เขียน : บเยิร์น ลินเดอบลอด

สำนักพิมพ์ : สุขภาพใจ

บูท : G22

เปิดแผง 25 หนังสือใหม่ในงานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28 จาก 25 สำนักพิมพ์

“มุมมองจากผู้เขียน บเยิร์น ลินเดอบลอด พระป่าชาวตะวันตกที่มองวัดไทย คนไทย และการทำสมาธิแนวตะวันออกแบบสนุกสนาน อ่านแล้วเหมือนเพื่อนซี้มาเปิดใจเล่าเรื่องชีวิตแสบ ๆ ให้เราฟัง แต่ก็แฝงความคิดลึกซึ้งถึงขนาดถ้าคนชอบวรรคทอง รับรองว่ามีให้ขีดสนุกมือตลอดเล่ม เรื่องราวในชีวิตของผู้เขียนชวนคิดทบทวนว่าสิ่งใดกันที่สำคัญในชีวิต ชวนให้นิ่ง ช้าลง หรือช่วยให้เราตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ลดความกังวล ลังเลสงสัย น้อยอกน้อยใจ และความคิดหนักอึ้งอื่น ๆ ก็จะจางคลายลง

“สำนักพิมพ์ได้รับการแนะนำมาจาก อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ ผู้เดินเท้าจากเชียงใหม่ไปสมุยโดยไม่ใช้เงิน เพื่อบ่มเพาะขัดเกลาจิตใจตนเอง ท่านเมตตาเขียนคำนิยมให้เล่มนี้ว่า ฉันอาจจะผิดก็ได้ ซึ่งมาจากคาถาวิเศษของ พระอาจารย์ชยสาโร ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เขียนช่วงที่บวชในฉายาณัฏฐิโกภิกขุ เป็นบันทึกธรรมที่งดงามที่สุดเล่มหนึ่ง

“ผู้เขียนกล่าวไว้ว่าหนังสือเล่มนี้ไม่เกี่ยวกับศาสนา ไม่ได้บอกว่าคุณต้องใช้ชีวิตอย่างไร ไม่ได้เสนอความเชื่อชุดใหม่ให้ผู้อ่าน พูดง่าย ๆ คือหนังสือเขียนเกี่ยวกับวิธีเข้าใจความคิดและอารมณ์ของคุณในแบบที่ทำให้ชีวิตเบิกบานได้ง่ายขึ้น อิสระขึ้น สว่างขึ้น ชัดเจนขึ้น และฉลาดขึ้น ผมพบว่ามนุษย์ส่วนใหญ่รวมถึงตัวผมเอง มักจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เมื่อชีวิตเกิดเรื่องไม่คาดคิด ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงรวบรวมข้อผิดพลาดและความล้มเหลวของผมไว้มากมาย ซึ่งผมหวังว่าจะทำให้คุณหัวเราะท้องแข็ง 

“ด้วยเสน่ห์แห่งความเรียบง่ายจริงใจ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ฉันอาจจะผิดก็ได้

“หนังสือเล่มนี้ขายดีติดอันดับ 1 ในสวีเดน ได้รับรางวัลมากมายในยุโรป และได้รับการแปลแล้ว 32 ภาษาทั่วโลก พิเศษสุดฉบับภาษาไทยแปลโดยตรงจากภาษาสวีดิชโดย สามชาย พนมขวัญ อดีตนักเรียนไทยในสวีเดน เลยเก็บรายละเอียดอารมณ์ได้ครบถ้วนเพราะแปลตรงมาครั้งเดียว เลยภูมิใจเสนออยากให้คนไทยทุกคนที่กำลังหาเพื่อนคุยสนุกเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและการฝึกจิตใจได้อ่าน”

อลีน เฉลิมชัยกิจ
บรรณาธิการสำนักพิมพ์


21

ชื่อหนังสือ : งานก่อสร้างแสนสนุก

ผู้เขียน : โดโร เกอเบล (Doro Göbel) และ เพเทอ คนอร์ (Peter Knorr)

สำนักพิมพ์ : SandClock Books

บูท : C41

เปิดแผง 25 หนังสือใหม่ในงานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28 จาก 25 สำนักพิมพ์

“หนังสือภาพที่แม้ไร้คำบรรยายใด ๆ ก็พาให้ผู้อ่านทุกวัยจินตนาการ สร้างเรื่องเล่าต่อยอดได้ไม่รู้จบ

งานก่อสร้างแสนสนุก จะพาเราไปเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ก่อสร้าง จากย่านที่อึดอัดคับแคบในเมือง ถูกปรับทัศนียภาพเสียใหม่ให้น่าอยู่ มีผู้คนเข้ามาเกี่ยวข้องมากมายกับการงานอีกเป็นล้านอย่าง ไหนจะรถราที่แล่นขวักไขว่อยู่รอบ ๆ และบรรดาผู้คนที่ต่างก็มีธุระของตน ชีวิตดำเนินไปอย่างรีบเร่งบ้าง เรื่อย ๆ บ้าง ผู้คนบนตึกนั้นตึกนี้ บนถนนสายนั้นสายนี้ ช่างเป็นพื้นที่ก่อสร้างที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา

“คนไทยอาจยังไม่คุ้นเคยกับหนังสือภาพวิมเมล (Wimmelbuch) อย่างหนังสือเล่มนี้ ซึ่งมีมนต์ขลังที่การเล่าเรื่องด้วยภาพที่ใหญ่จัดเต็ม อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวน้อยใหญ่ของบรรดาตัวละคร ชวนให้สังเกตโมเมนต์เล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน ชวนให้สะดุดขำเวลาเจออะไรตลก ๆ แล้วก็ชวนให้ค้นหาเพิ่มอีกทุกครั้งว่ายังมีมุกอะไรอีกบ้างที่ซุกซ่อนอยู่ตามซอกตามมุมของหน้าหนังสือ เหมือนได้เฝ้ามองสีสันของชีวิตผู้คนจริง ๆ 

“หนังสือเล่มนี้เป็นอีกเล่มที่สำนักพิมพ์ SandClock Books ภาคภูมิใจ เพราะเราได้ทำงานร่วมกับศิลปินที่ประณีตอย่าง โดโร เกอเบล และ เพเทอ คนอร์ ผู้ใส่ใจและตั้งใจวาดตัวอักษรภาษาไทยทุกจุดด้วยตัวเอง ดังนั้นแล้ว นอกจากจะลองเดินตามตัวละครสักตัวไปตามหน้ากระดาษ เราอยากให้ผู้อ่านทุกท่านลองสังเกตหาตัวอักษรภาษาไทยตามที่ต่าง ๆ ให้สนุกด้วยค่ะ”

สุธินี จ่างพิพัฒนวกิจ
บรรณาธิการสำนักพิมพ์


22

ชื่อหนังสือ : Sasi’s Sketchbook Japan Diary 5 KYOTO

ผู้เขียน : ศศิ วีระเศรษฐกุล

สำนักพิมพ์ : Fullstop

บูท : H33

เปิดแผง 25 หนังสือใหม่ในงานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28 จาก 25 สำนักพิมพ์

Sasi’s Sketchbook Japan Diary 5 KYOTO คือหนังสือภาพวาดสีน้ำ เขียนด้วยลายมือที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อ่าน ทั้งยังสวย สนุก ดูแล้วมีความสุขตาม

“ไดอารีบันทึกการเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุน เมืองอิเนะและเมืองเกียวโตรวม 15 วัน ในรูปแบบของสเกชต์ท่องเที่ยว เริ่มตั้งแต่การวางแผน การจัดของ การเดินทาง จนถึงเรื่องที่พัก อาหาร ช้อปปิ้ง แหล่งท่องเที่ยว และเรื่องเล่าอื่น ๆ ในแบบของ ศศิ วีระเศรษฐกุล ที่บรรยายด้วยภาพวาดสุดประทับใจ

“หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานเล่มล่าสุดในชุด Sasi’s Sketchbook และเป็นเล่มที่ 4 ในชุด Japan Diary พาเที่ยวเกียวโต ถือว่าเป็นหนังสือที่ใช้เวลาสร้างงานนานที่สุดในเซต นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่ศศิวางแผนจะทำเล่มพิเศษเล่มนี้ ประกอบกับเรื่องของเวลาที่ถูกวางให้อิสระ ใช้ทั้งฝีมือ ความคิด และประสบการณ์ที่ผู้เขียนค่อย ๆ สะสม ทุกอย่างจึงถูกระดมมาใช้อย่างเต็มอัตราเพื่อเนรมิตให้ Sasi’s Sketchbook Japan Diary 5 KYOTO ของศศิ เป็นบันทึกที่สวยงามและสมบูรณ์แบบทุกกระบวนท่า”

สมคิด เปี่ยมปิยชาติ
บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์


23

ชื่อหนังสือ : ตามล่าฝันหลังเลนส์กล้อง

ผู้เขียน : John Tarachine

สำนักพิมพ์ : สยามอินเตอร์คอมิกส์ 

บูท : Q28

เปิดแผง 25 หนังสือใหม่ในงานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28 จาก 25 สำนักพิมพ์

ตามล่าฝันหลังเลนส์กล้อง เป็นการ์ตูนที่มีเนื้อเรื่องเนิบนาบสุดละมุนของหญิงชราที่จะพาให้เราจมดิ่งไปกับความเหงา ซึ้ง และกินใจ กอปรกับลายเส้นสุดละมุนของอาจารย์ผู้เขียน จนทำให้เราอดที่จะน้ำตาคลอไปกับเรื่องราวของตัวละครไม่ได้จริง ๆ 

“เนื้อเรื่องเกี่ยวกับ ชิโนะ อุมิโกะ หญิงชราวัย 65 ปีที่ต้องเริ่มใช้ชีวิตตามลำพัง ภายหลังจากที่ลูกสาวแยกออกไปมีครอบครัวเป็นของตัวเองและสามีได้จากโลกนี้ไปแล้ว เมื่ออุมิโกะย้อนรำลึกถึงสามี เธอจึงตัดสินใจออกไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ที่ไม่ได้ไปมานับสิบปี และ ณ สถานที่แห่งนั้นเอง เธอก็ได้พบกับ ไค เด็กหนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะ สาขาภาพยนตร์ จากการพบกันโดยบังเอิญนี้เองทำให้บั้นปลายชีวิตของเธอต้องพบกับความพลิกผันครั้งใหญ่ โดยไคคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอได้เริ่มเข้าใจว่า แท้จริงแล้วตนเองอยากทำอะไร แม้ว่าเธอจะจบการศึกษาไปนานกว่า 40 ปีแล้ว แต่เธอก็ยังเลือกที่จะกลับเข้าสู่เส้นทางการศึกษาใหม่อีกครั้ง เพื่อเริ่มออก ‘ล่าฝันหลังเลนส์กล้อง’ ด้วยหัวใจของหญิงชราที่ถูกคลื่นทะเลนำพาให้เธอเลือกเดินมายังเส้นทางสายนี้

“บางคนกว่าจะพบว่าตัวเองชอบอะไรหรืออยากทำอะไรก็ย่างเข้าสู่ช่วงบั้นปลายชีวิตไปแล้ว แต่การเริ่มต้นช้ากว่าคนอื่นก็ยังถือว่าเราได้เริ่มนี่นา และจากการสั่งสมประสบการณ์การใช้ชีวิตมาอย่างยาวนาน ก็อาจทำให้เรามีมุมมองหรือแนวคิดบางอย่างที่เกื้อหนุนกับสิ่งที่เรากำลังจะได้เริ่มลงมือทำก็ได้ อย่างเช่นที่เด็กหนุ่มไคได้กล่าวถึงคลิปที่คุณอุมิโกะถ่ายไว้ในเรื่องว่า แม้มันจะดูเป็นคลิปธรรมดา แต่ก็เป็นคลิปธรรมดาที่น่าสนใจ เพราะคุณอุมิโกะมีมุมมองต่อโลกบางอย่างที่แตกต่างจากเด็กวัยรุ่นภายในเรื่องนั่นเอง

“เราเชื่อว่ามีหลายคนที่กำลังรู้สึกทนทุกข์กับการตามหาตัวตนและไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วตัวเองชอบอะไรหรือกำลังสับสนว่าควรจะเลือกเส้นทางชีวิตสายไหน ก็อยากให้ลองได้ดื่มด่ำไปกับเรื่องราวของหญิงชราอย่างคุณอุมิโกะดูค่ะ หลังอ่านจบจะพบว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข และการเริ่มต้นบางสิ่งบางอย่างช้ากว่าใคร ไม่ได้หมายความว่าเป็นสิ่งที่แย่เสมอไป”

จริยา อ่องรัตนกุล
บรรณาธิการสำนักพิมพ์


24

ชื่อหนังสือ : The Girl From The Other Side เด็กหญิงอีกฟากฝั่ง เล่ม 3

ผู้เขียน : Nagabe

สำนักพิมพ์ : AMICO

บูท : F47

เปิดแผง 25 หนังสือใหม่ใน งานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28 จาก 25 สำนักพิมพ์

“นอกจาก The Girl From The Other Side จะมีงานภาพที่สวยประหนึ่งงานศิลปะสไตล์ Gothic Mysterious ในแทบทุก ๆ ช่องแล้ว ยังมีเนื้อเรื่องชวนตั้งคำถามถึงความดี-ความเลว และรูปลักษณ์ภายนอกอีกด้วย

“นี่คือเรื่องราวการพบกันของ ชิวา เด็กหญิงตัวน้อยซึ่งถูกทอดทิ้งไว้ที่ ‘อาณาจักรด้านนอก’ ดินแดนแห่งปีศาจร้ายผู้เผยแพร่คำสาป แปรมนุษย์เป็นอสูรได้เพียงแค่การสัมผัส เด็กหญิงได้พบกับ อาจารย์ ปีศาจที่ยื่นมือมาช่วยเหลือ เธอเติมเต็มช่องว่างบางอย่างในชีวิตของเขาโดยไม่รู้ตัว จนถึงวันที่ คุณป้า ญาติเพียงคนเดียวของชิวาดั้นด้นตามหาเธอจนพบและพากลับไปยัง ‘อาณาจักรด้านใน’ (ดินแดนของมนุษย์) อาจารย์ปีศาจก็ทำได้เพียงถอดใจ 

“มนุษย์ควรอยู่กับมนุษย์ และปีศาจควรอยู่กับปีศาจ มีเหตุผลชอบธรรมอันใดที่จะรั้งเด็กหญิงตัวน้อยไว้ในอาณาจักรของอมนุษย์เช่นเขา เรื่องราวคงจบลงอย่างสวยงามหากไม่ใช่ว่า คุณป้า กลับเปลี่ยนร่างเป็นปีศาจร้าย และทุกคนในหมู่บ้านกลับถูกทหารเข่นฆ่าราวผักปลา

“เรารู้กันดีว่าความดี-เลว ไม่อาจตัดสินที่รูปลักษณ์ภายนอก เผ่าพันธุ์ หรือพื้นเพ แต่จากสถานการณ์ในเรื่อง โลกคือดินแดนแห่งความวุ่นวาย ปีศาจร้ายส่งต่อคำสาปให้มนุษย์ได้เพียงการสัมผัส มันผิดจริงหรือที่เราในฐานะมนุษย์จะหวาดกลัวหรือป้องกันตัวเองจากสิ่งที่อาจคุกคามเรา ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าการกระทำอาจรุนแรง แต่ว่าก็ชอบธรรมรึเปล่าที่จะปกป้องครอบครัวหรือคนที่เรารัก”

อภิญญา ปัญญไพโรจน์
บรรณาธิการสำนักพิมพ์


25

ชื่อหนังสือ : เอลฟ์ต่างโลกกับนายชิโนบุคนบาป

ผู้เขียน : ทาจิคาวะ อุระอุระ

สำนักพิมพ์ : Zenshu

บูท : P34

เปิดแผง 25 หนังสือใหม่ใน งานหนังสือ 2566 ครั้งที่ 28 จาก 25 สำนักพิมพ์

“ไลต์โนเวลเรื่องนี้แตกต่างจากเล่มอื่น ๆ ตรงที่พูดถึงเรื่องการมายังต่างโลก แต่ตัวเอกที่ต้องรับมือด้วยกลับเป็น นาคาตะ ชิโนบุ ข้าราชการผู้จริงจังที่ดูแลเกี่ยวข้องกับสวัสดิการของคนญี่ปุ่น เขายึดในหลักการและเหตุผล มีความรับผิดชอบสูง เย็นชาเข้มงวดจนได้สมญานามต่าง ๆ นานา เช่น จอมมารบ้าง ชีวจักรกลบ้าง สัตว์เลื้อยคลาน (เลือดเย็น) บ้าง แต่จู่ ๆ วันหนึ่ง ในห้องของชิโนบุกลับมีเอลฟ์สาวมานอนอยู่ 

“ด้วยตรรกะของชิโนบุ เชื้อโรคของเอลฟ์จากต่างโลกอาจมีอันตราย ถึงขั้นทำให้มนุษยชาติสูญสิ้น ดังนั้นเพื่อสันติสุขของโลก ชิโนบุจึงต้องยอมแบกรับบาปอันหนักหนานี้ด้วยการจะจับเอลฟ์สาวไปโยนทิ้งก้นทะเล แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำ เอลฟ์ก็ลืมตาขึ้น

“เรื่องราวการสานสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการผู้ยึดมั่นในหลักการกับเอลฟ์ที่สื่อสารกับมนุษย์ไม่รู้เรื่องจึงได้เริ่มขึ้น ณ ที่ตรงนี้ เขาจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร การเลี้ยงดูเอลฟ์ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ใสซื่อ และสื่อสารกับมนุษย์ไม่ได้ ก็ไม่ต่างกับการแอบดูแลผู้ลี้ภัยอย่างผิดกฎหมาย แล้วยังมีเรื่องที่ว่าเชื้อโรคจากเอลฟ์ต่างโลกอาจทำให้มนุษย์สูญพันธุ์ได้อีก ดังนั้นควรจะจัดการไม่ใช่หรือ แต่จะฆ่าคนคนหนึ่งได้อย่างนั้นหรือ

“มีเนื้อหาตลกที่เกิดจากบุคลิกของตัวชิโนบุซึ่งเป็นพระเอก กรอบความคิดของเขาผิดจากสามัญสำนึกของมนุษย์ธรรมดา ซึ่งในเล่มนี้จะมี โยชิมิตสึ (เพื่อนสนิทของชิโนบุ) เป็นตัวแทนของคนปกติทั่วไป นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจ ภาพวาดประกอบสวย และหน้าปกก็จงใจออกแบบโดยใช้ตัวหนังสือสีแดงที่บ่งบอกถึงความมีมลทิน ตัดกับพื้นหลังสีขาวทำให้คนดูรู้สึก ‘เอ๊ะ’

“ภายในเล่มแรก เรื่องราวจะเกิดขึ้นภายในกรอบไม่กี่วัน และเกิดขึ้นแต่ในห้องของชิโนบุ ความสนุกจึงเป็นเรื่องของการอ่านความคิดความอ่านของตัวเอก ความพยายามสื่อสารกับเอลฟ์ในช่วงสุดสัปดาห์ และการถกเถียงกันระหว่างชิโนบุกับเพื่อนที่มาช่วย

“สุดท้ายแล้วชิโนบุจะแก้ไขปัญหาเบื้องต้นและไปทำงานในเช้าวันจันทร์ได้ทันหรือไม่ แล้วนี่คือความผิดบาปอย่างไร ลองติดตามกันใน เอลฟ์ต่างโลกกับนายชิโนบุคนบาป

พงศ์พนม โพธิติก
บรรณาธิการสำนักพิมพ์

มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 28 (Book Expo Thailand 2023) จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 – 23 ตุลาคม พ.ศ. 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น LG ฮอลล์ 5 – 7 เวลาเปิด-ปิด วันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 11.00 – 22.00 น. และวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 10.00 – 23.00 น. ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thailandbookfair.com

Writer

สหัสวี อารีย์

สหัสวี อารีย์

มนุษย์ผู้หลงรักในมนุษย์ ยึดติดอยู่กับการไม่ยึดติด และคลั่งความไม่สมบูรณ์แบบอย่างสมบูรณ์แบบ