1
ชายแดนประเทศโบลิเวีย-อาร์เจนตินา
“มาจากไทยแลนด์เลยเหรอ เดินทางมานานเท่าไหร่แล้ว”
“สองปีกว่าแล้วค่ะ”
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองชวนเราคุยผ่านช่องเล็กๆ ใต้กระจกกั้นหน้าเคาน์เตอร์ ตามองตามหมวกกันน็อกและแจ็กเก็ตมอเตอร์ไซค์ที่วางกองอยู่ข้างเรา ในขณะที่มือก็พลิกหน้ากระดาษหนังสือเดินทางของเราไปเรื่อยๆ
“ผมเคยกินอาหารไทยด้วย ผัดไทยอร่อยดี”
“แถวนี้มีร้านอาหารไทยด้วยหรือคะ”
ยังไม่ทันได้คำตอบ ก็มีเสียงเฮที่ดังประสานขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งจากภายในห้องของเจ้าหน้าที่และจากกลุ่มคนที่นั่งรอยืนรอกันอยู่ด้านนอก เราหันไปมองถึงได้รู้ว่าต้นเหตุมาจากรายการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลจากโทรทัศน์เครื่องเล็กที่วางอยู่บนตู้ ภาพบรรยากาศของกองเชียร์ในจอดูครึกครื้นไม่ผิดกับบรรยากาศรอบตัวของเราในตอนนี้
แม้แต่เจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเรา ถ้าไม่ติดว่ากำลังทำงานอยู่ ก็คงจะไปร่วมกระโดดกอดกับเพื่อนๆ ที่อยู่ข้างหลังด้วยแน่ เมื่อเสียงรอบๆ ตัวเบาลง คุณเจ้าหน้าที่ก็หันกลับมาถามเราด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรว่า
“คนไทยชอบฟุตบอลไหม”
“ชอบค่ะ”
ตึง!
เสียงตราประทับถูกกดลงบนหน้ากระดาษหนังสือเดินทางของเรา พร้อมลายมือตวัด ‘90 วัน’ กำกับมาให้ด้วย
“แล้วคุณเชียร์ทีมอะไรล่ะ”
ตราประทับก็ได้แล้ว จำนวนวันก็เขียนแล้ว แต่หนังสือเดินทางยังเปิดค้างอยู่ ความอึดอัดในตอนนั้นก็จะอารมณ์คล้ายๆ เวลาเจอคนขับรถแท็กซี่ชวนคุยเรื่องการเมือง ถ้าเราตอบผิดทีม เขาจะเปลี่ยนใจไม่ให้เข้าประเทศหรือเปล่านะ
“ทีมชาติไทยค่ะ”
เจ้าหน้าที่ยิ้มกว้างผ่านช่องกระจกและยื่นหนังสือเดินทางคืนให้เรา
“ยินดีต้อนรับสู่อาร์เจนตินาครับ ผมเป็นแฟนโบคา จูเนียร์ส (Boca Juniors) ทีมที่ดีที่สุดของอาร์เจนตินาเลยนะ”
2
ซัลตา, อาร์เจนตินา
“La Mitad mas uno”
ครึ่ง (ประเทศ) บวกหนึ่ง
นั่นเป็นครั้งแรกที่เราได้ยินชื่อของโบคา จูเนียร์ส ค่ะ แน่นอนว่าเราไม่ใช่แฟนบอล แต่ก่อนเดินทางมาถึงอาร์เจนตินาเราก็พอจะรู้มาบ้างว่าชาวอาร์เจนตินารักกีฬาประเภทนี้มากขนาดไหน เคยได้ยินแม้กระทั่งเรื่องที่เล่าสู่กันฟังแบบติดตลกในกลุ่มนักเดินทางถึงประโยคทักทายติดปาก หรือเรื่องที่คนแต่ละชาติชอบชวนคุยเป็นพิเศษ เช่น คนเอเชียชอบชวนคุยเรื่องของกิน คนอังกฤษชอบชวนคุยเรื่องสภาพอากาศ ส่วนคนอาร์เจนตินาก็ขึ้นชื่อว่าชอบชวนคุยเรื่องฟุตบอล ขนาดที่แซวกันว่า ถ้าคุยกับคนอาร์เจนตินาเกิน 10 นาทีแล้วไม่มีการเอ่ยถึงเรื่องฟุตบอลเลยละก็ ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ
ในตอนแรกเราเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับประเด็นนี้ จนกระทั่ง 2 วันหลังจากข้ามชายแดนเข้ามา ก็ได้มามีบทสนทนาที่แทบจะเหมือนถอดบทกันมาอีกครั้งกับเจ้าของบ้านที่เราเช่าอยู่ในเมืองซัลตา (Salta) เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ห่างจากชายแดนโบลิเวีย-อาร์เจนตินาไม่มาก เพียงแต่คราวนี้มาพร้อมกับหลักฐานพิสูจน์ความเป็นแฟนพันธุ์แท้ของทีมนี้ด้วย
“หัวใจของผมคือโบคา จูเนียร์ส”
ฟาคุนโด้ยืนยันคำพูดด้วยการดึงคอเสื้อเปิดให้ดูรอยสักที่หน้าอกข้างซ้าย ซึ่งเป็นรูปโล่มีตัวอักษร ‘CABJ’ อยู่ตรงกลาง ฟาคุนโด้บอกว่า ชื่อเต็มๆ ในภาษาสเปนคือ Club Atlético Boca Juniors หรือสโมสรฟุตบอลโบคา จูเนียร์ส นั่นเอง
พอเราเล่าเรื่องที่คุยกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองให้ฟัง ฟาคุนโด้ก็หัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี
“โบคา จูเนียร์ส ไม่ได้เก่งเฉพาะในอาร์เจนตินาหรอก แต่เป็นทีมที่เก่งที่สุดทีมหนึ่งของโลกและของประวัติศาสตร์โลกฟุตบอลด้วย”
ฟาคุนโด้เป็นนักบาสเก็ตบอลมืออาชีพ ที่นอกเหนือจากเวลาซ้อมบาสฯ แล้ว ก็มักจะดูฟุตบอลอยู่บ้านหรือไม่ก็มาเคาะประตูชวนเรากับแฟนไปดูการแข่งฟุตบอลที่สนามเล็กๆ ใกล้บ้าน บ่อยครั้งที่เราเห็นฟาคุนโด้ไปวิ่งไล่ตามลูกฟุตบอลอยู่กับเด็กๆ ในสนาม วันดีคืนดีหันมาเห็นเราสองคน เจ้าตัวก็จะกวักมือเรียกให้ไปร่วมวงด้วยตลอด
“ถึงผมไม่ใช่นักฟุตบอล แต่ผมก็โตมากับการเล่นฟุตบอล ของขวัญชิ้นแรกที่พ่อซื้อให้ก่อนผมจะเกิดก็คือฟุตบอลลูกเล็กๆ ที่ผมเอามาเตะเล่นจนเปื่อย ทั้งพ่อผม ลุงผม ปู่ผม เป็นแฟนโบคาฯ กันทั้งตระกูล ครอบครัวเราฉลองใหญ่ทุกครั้งที่โบคาฯ ชนะ เรารวมเงินกันทำป้ายไปติดแสดงความยินดี ทำธงประจำทีมไปแขวนไว้ที่ระเบียงบ้าน แม่กับป้าๆ ทำอาหารแจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้านที่เป็นแฟนโบคาเหมือนกันด้วย”
เมื่อเห็นป้ายสัญลักษณ์ของทีมโบคา จูเนียร์ส ก็มักจะเห็นวลี ‘La Mitad mas uno’ ซึ่งมีความหมายในภาษาอังกฤษว่า Half Plus One อยู่คู่กัน
“เพราะแฟนบอลมากกว่าครึ่งประเทศเป็นแฟนโบคาฯ ไม่ใช่แค่ครึ่งเดียวแต่มากกว่านั้นเสมอ เลยเป็นครึ่งบวกหนึ่งไง”
เมื่อฟาคุนโดรู้ว่าหลังออกจากซัลตาแล้ว เราจะเดินทางไปบัวโนสไอเรสต่อ ก็รีบหยิบแผนที่มากางบนโต๊ะและบอกว่าเราสองคนจะต้องไปเยือน ลา บอมโบเนรา (La Bombonera) หรือสนามฟุตบอลของทีมโบคา จูเนียร์ส ในย่านโบคาให้ได้
“ผมเล่นบาสฯ ให้กับทีมเยาวชนที่บัวโนสไอเรสอยู่สี่ปี ไปซ้อมวิ่งใกล้ๆ สนามบอลทุกวัน แค่ให้ได้เห็นผนังสีฟ้าเหลืองก็ชื่นใจแล้ว บอมโบเนราเป็นสนามฟุตบอลที่แฟนโบคาฯ ทุกคนฝันว่าต้องไปเหยียบให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิตก่อนตาย ผมเคยเข้าไปดูการแข่งขันจริงๆ แค่ครั้งเดียวเพราะตั๋วหายากมาก และถ้าไม่ใช่สมาชิกสโมสรก็แทบจะเป็นไปไม่ได้หรือไม่ก็ต้องยอมซื้อในราคาที่แพงมากด้วย”
3
บัวโนสไอเรส
“ที่อาร์เจนตินา ฟุตบอลเป็นมากกว่าเกมกีฬา แต่มันคือตัวตน คืออัตลักษณ์ที่คุณเลือกให้กับตัวเอง โบคาฯ ได้ชื่อว่าเป็นทีมของประชาชน เพราะมีจุดเริ่มต้นมาจากชุมชนผู้อพยพชาวอิตาลีในย่านอู่ต่อเรือของบัวโนสไอเรส ทีมโบคา จูเนียร์ส จึงเป็นตัวแทนของชนชั้นแรงงาน ชัยชนะของโบคาฯ คือชัยชนะของคนจนที่สู้อย่างกัดปากตีนถึบจนได้ยืนในจุดที่สูงสุด”
ในศตวรรษที่ 18 ชาวอิตาลีจำนวนมากอพยพจากบ้านเกิดมาตั้งรกรากที่อาร์เจนตินา ปัจจุบันชาวอาร์เจนตินากว่าร้อยละ 60 มีเชื้อสายอิตาลีผสมอยู่ด้วย เรโต้ เพื่อนใหม่ชาวอาร์เจนตินาที่เราได้นั่งคุยโดยบังเอิญที่ร้านกาแฟในวันนี้ พูดได้ทั้งภาษาสเปน อิตาลี และภาษาอังกฤษ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ทีมฟุตบอลเชื้อสายอิตาลีอย่างโบคา จูเนียร์ส จะเป็นทีมฟุตบอลที่คนอาร์เจนตินารักได้อย่างสนิทใจ
แล้วทำไมสีประจำทีมถึงไม่ใช่สีฟ้าขาวเหมือนธงชาติอาร์เจนตินาล่ะ
“แต่ก่อนก็เคยใช้สีฟ้าขาว แต่ดันไปคล้ายกับสีของอีกทีม เลยตกลงกันว่าถ้าใครชนะก็จะได้ใช้สีฟ้าขาวต่อ เมื่อโบคา จูเนียร์ส เป็นฝ่ายแพ้ ประธานสโมสรก็เลยบอกว่าจะใช้สีอะไรก็ตามของเรือลำถัดไปที่จะเข้ามาเทียบท่า ปรากฏเรือลำที่ว่าเป็นเรือของประเทศสวีเดน โบคา จูเนียร์ส เลยใช้สีธงชาติของสวีเดนเป็นสีประจำทีมตั้งแต่ตอนนั้น”
หลังจากย้ายมาอยู่ที่บัวโนสไอเรสได้สักระยะ เราก็เริ่มคุ้นเคยกับการได้เห็นฟุตบอลเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของคนที่นี่ ป้ายโฆษณาสินค้าบนตึกสูงที่มีนักฟุตบอลเป็นพรีเซนเตอร์ รถประจำทางที่มีลวดลายและสีของทีมฟุตบอล คุณตาที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์กีฬาอยู่ตรงริมระเบียงบ้านทุกเช้า ผู้คนเกาะกลุ่มกันเชียร์การถ่ายทอดสดฟุตบอลในร้านอาหาร และที่เกิดขึ้นบ่อยๆ แต่ก็ยังไม่ชินเสียที นั่นก็คือเสียงเฮที่ดังขึ้นพร้อมกันจากหน้าต่างของเพื่อนบ้านหลายหลังในช่วงกลางวัน รวมไปถึงการวิ่งออกมาร้องเพลงฉลองกลางถนนอย่างพร้อมเพรียงกันเมื่อทีมที่ตัวเองเชียร์แข่งชนะ
“อาร์เจนตินามีทีมฟุตบอลใหญ่ๆ อยู่ห้าทีม แต่ทีมที่ดังที่สุดมีอยู่สองทีม คือโบคา จูเนียร์ส กับทีมริเวอร์ เพลต (River Plate) จริงๆ ทั้งสองทีมก็มาจากย่านโบคาเหมือนกัน แต่ริเวอร์ เพลต ย้ายถิ่นไปอยู่ย่านที่มีฐานะดีกว่า และมีทุนซื้อตัวนักฟุตบอลด้วยเงินก้อนใหญ่ เลยกลายเป็นคู่กัดกับโบคา จูเนียร์ส เพราะถูกมองว่าเป็นทีมตัวแทนของคนรวยและกลุ่มนายทุน แต่จริงๆ แล้วทั้งสองทีมก็มีแฟนบอลทุกกลุ่มนั่นแหละ”
เรโต้ปิดท้ายก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานต่อ
“รอบนี้ให้ผมเลี้ยงกาแฟพวกคุณนะ ไว้เจอกันใหม่ จากตรงนี้ไม่กี่ป้ายรถเมล์ก็ถึงลา บอมโบเนรา แล้ว หาโอกาสไปดูให้ได้นะ”
4
กล่องช็อคโกแลตกับผู้เล่นคนที่ 12
ลา บอมโบเนรา มีความหมายในภาษาไทยว่า ‘กล่องช็อกโกแลต’ เพราะสนามฟุตบอลสีฟ้าเหลืองสดใสแห่งนี้มีอัฒจันทร์ทรงโค้งเพียง 3 ด้าน อีกหนึ่งด้านที่เหลือเป็นอัฒจันทร์แนวตั้งคล้ายกล่องช็อกโกแลต
ด้วยเหตุผลที่ย่านโบคายังคงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของชนชั้นแรงงานไม่ต่างกับในอดีต การสร้างสนามฟุตบอลขนาดมาตรฐานในย่านนี้จึงถูกจำกัดด้วยขนาดของพื้นที่ จนกลายเป็นที่มาของอัฒจันทร์แนวตั้ง และทำให้สนามแห่งนี้กลายเป็น ‘หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกแห่งวงการฟุตบอล’
ในวันที่ไม่มีการแข่งขัน คนทั่วไปซื้อบัตรเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ของสโมสรโบคา จูเนียร์ส (Museo de la Pasión Boquense) ซึ่งอยู่ในอาคารฝั่งแนวตั้งและซื้อทัวร์เข้าไปชมบางส่วนของสนามจริงจากฝั่งพิพิธภัณฑ์ได้ด้วยค่ะ
ส่วนภายในมีการจัดแสดงภาพ ถ้วยรางวัล และภาพยนต์สารคดีสั้น บางส่วนในนั้นพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับสนามลา บอมโบเนรา ที่จุคนดูได้เกือบ 50,000 คน แต่ด้วยขนาดที่ค่อนข้างเล็ก พื้นที่ของคนดูจึงอยู่ใกล้กับผู้เล่นในสนามมากกว่าปกติ ในระหว่างการแข่งขัน เสียงตะโกนเชียร์และร้องเพลงของแฟนโบคา จูเนียร์ส จะดังสนั่น จนทำให้พื้นที่บริเวณนั้นคล้ายมีแผ่นดินไหว โดยเฉพาะตัวอัฒจันทร์แนวตั้งที่ถึงกับโยกไปมา
ผู้เล่นของทีมเยือนหลายคนพูดถึงการมาลงแข่งในสนามแห่งนี้ว่า เป็นสนามที่ถูกข่มขวัญด้วยเสียงเชียร์ของแฟนจากทีมเจ้าบ้านตั้งแต่ยังไม่เริ่มเกมด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้แฟนโบคา จูเนียร์ส จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้เล่นคนที่ 12 ของทีม เพราะมีส่วนร่วมในเกมไม่แพ้ผู้เล่นในสนาม
“ทุกครั้งโบคาเปิดศึก บอมโบเนราจะกลายเป็นอัฒจันทร์ที่มีชีวิต มันสั่นสะเทือนเหมือนหัวใจที่เต้นอย่างรุนแรงและหนักหน่วงทั้งของผู้เล่นและกองเชียร์”
เราไม่เคยคิดเลยค่ะว่าชีวิตนี้จะมีวันที่เราตั้งใจเดินทางไปดูบรรยากาศภายในสนามฟุตบอลที่ว่างเปล่า โดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่ได้เป็นแฟนบอลอย่างเรา ภาพของสนามหญ้าสีเขียว ล้อมรอบด้วยเก้าอี้ฟ้าเหลืองที่ตั้งเรียงรายเหล่านั้น ไม่น่าจะมีความหมายอะไรกับเราเป็นพิเศษได้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะความรักและความผูกผันที่มีต่อทีมฟุตบอลของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ของฟาคุนโด้และเรโต้ หรือของเพื่อนบ้านชาวอาร์เจนตินาอีกหลายๆ คน
ทุกวันนี้ถ้าเราได้ยินหรือเห็นข่าวเกี่ยวกับโบคา จูเนียร์ส ลา บอมโบเนรา หรือริเวอร์ เพลต เราก็อดที่จะหยุดฟังและไล่สายตาอ่านไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเราสนใจว่าใครจะแพ้หรือชนะ แต่สำหรับเรา มันคือคำทักทายจากเพื่อนเก่าที่ตีความหมายได้คล้ายๆ กับคำว่า ‘คิดถึงนะ’ 🙂
“โบคา – ริเวอร์”
- ในการแข่งขันระหว่างโบคา จูเนียร์ส และริเวอร์ เพต เคยเกิดเหตุปะทะกันอย่างรุนแรงของแฟนบอลหลายครั้ง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสเป็นจำนวนมาก ทำให้สมาคมฟุตบอลอาร์เจนตินาห้ามไม่ให้แฟนบอลของทีมเยือนเข้าร่วมชมการแข่งขันในสนาม ถ้าแข่งกันที่สนามของโบคา จูเนียร์ส ก็จะไม่มีแฟนของริเวอร์ เพลต และในทางกลับกัน ถ้าแข่งกันที่สนามของริเวอร์ เพลต แฟนของโบคา จูเนียร์ส ก็จะไม่ได้เข้าไปในสนามเช่นกัน
- สีประจำทีมของริเวอร์ เพลต คือสีแดงขาว เมื่อบริษัทโคคา-โคลาต้องการเป็นสปอนเซอร์ โบคา จูเนียร์ส จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนป้ายเป็นสีดำขาว เพื่อให้ติดตั้งป้ายในสนามลา บอมโบเนรา ได้