ธรรมชาติและมนุษย์มีความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกันภายใต้รูปแบบที่แตกต่างกันออกไป องค์ประกอบของธาตุต่าง ๆ หลอมรวมกันเป็นชีวิตและความสวยงามที่เหนือกาลเวลา ยากจะแยกจากกันได้ เหมือนกับความพิเศษของ ‘Blancpain’ (บลองแปง) แบรนด์นาฬิกาที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก 

นิยามของนาฬิกาเป็นมากกว่าเครื่องมือในการบอกเวลามาแต่ไหนแต่ไร บางคนเชื่อว่าเป็นสิ่งสะท้อนฐานะทางสังคม เป็นมรดกที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น หรือเป็นอีกทางเลือกสำหรับการลงทุนเพื่อต่อยอดความมั่งคั่งที่ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลายด้วย

แต่สำหรับ กฤษณ์ ภีมะโยธิน Country Manager ของ Swatch Group Trading (Thailand) และ Brand Manager ของตำนานเรือนเวลา ‘Blancpain’ เขาเชื่อว่านี่เป็นงานศิลปะที่ประณีตที่สุดตั้งแต่วินาทีแรกของการออกแบบ ผลิต ไปจนถึงความสุนทรีที่ผู้สวมใส่ได้รับ ซ่อนรหัสเฉพาะตัวสำหรับกลุ่มคนพิเศษที่เข้าใจและชื่นชอบวิถีของคุณค่าของศิลปะเหนือกาลเวลาเอาไว้ ละเมียดละไมโดยไม่ต้องไปเทียบกับใครและไม่มีใครเทียบได้

The Cloud อยากแนะนำเรื่องราวของ Blancpain ที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติและธาตุทั้งสี่ ประกอบด้วย ดิน น้ำ ลม และไฟ นาฬิกาของแบรนด์ใช้องค์ประกอบเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ มีทั้งความสวยงามและความแม่นยำด้วยกลไกที่ดีที่สุดของ Blancpain เบื้องหลังของ Blancpain เป็นอย่างไร คุณกฤษณ์จะเล่าให้อ่านในบทความพิเศษนี้

คนที่ใส่ Blancpain คือใคร

สไตล์ของนาฬิกา Blancpain อาจจะไม่ใช่สไตล์ที่มองเห็นได้จากระยะ 10 เมตรหรืออะไรแบบนั้น แต่เป็นสไตล์ของคนที่ชอบรายละเอียด หลงใหลในงานศิลปะ คนกลุ่มนี้จะเห็นคุณค่าของนาฬิกาเรา เป็นคนที่ไม่ได้รับเอาอิทธิพลจากกระแสภายนอกมาเป็นหลักในการตัดสินใจ บางคนเขาใส่นาฬิกาที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พอมีกระแสว่าตัวไหนดี ตัวไหนสวย ก็เลือกหามาเพื่อใส่ให้คนทั่วไปรู้จัก แต่ว่าคนใส่ Blancpain จะเป็นคนอีกแบบหนึ่งเลย นาฬิกา Blancpain มีรายละเอียดหลายอย่างที่ซ่อนอยู่ คนทั่วไปอาจจะไม่รู้หรือไม่สังเกตเห็น แต่คนที่ใส่มักจะรู้และมีความภาคภูมิใจในตัวเอง

อย่างนาฬิกาทั่วไปที่มีฟังก์ชันแบบเรือนที่ผมใส่อยู่นี้ (ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมา) จะมีรูอยู่ข้างตัวเรือน เอาไว้ใช้เข็มจิ้มเพื่อตั้งข้อมูลต่าง ๆ แต่ของ Blancpain จะซ่อนที่ปรับเอาไว้ที่ใต้ขาทั้งสี่ของตัวเรือน เพื่อทำให้ตัวเรือนดูเรียบร้อย ประณีต สวยงาม เพราะฉะนั้น เวลาผมปรับเวลาหรือปรับวัน อย่างอันนี้ครับ ผมจะใช้เล็บกดลงไปแทน นาฬิกา Blancpain มีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้เต็มไปหมด คือคนที่จะซื้อ Blancpain ต้องมีกำลังซื้อในระดับหนึ่ง ราคาเริ่มต้น 3 แสนบาทไปจนถึงเท่าไหร่ก็ได้เลย รุ่นที่ราคาสูงสุดอาจจะเป็น 17 – 18 ล้านบาท ส่วนที่แพงไปกว่านี้ก็มี แต่จะแพงเพราะอัญมณีอย่างเพชรที่ใช้ตกแต่ง แล้วแต่รุ่น ๆ ไป 

คนใส่ Blancpain มักสนใจเรื่องกิน-ดื่ม-เที่ยว ใช้ชีวิตเต็มที่อย่างเป็นส่วนตัว ไม่ต้องบอกให้คนอื่น ๆ รู้หรือต้องโพสต์ลงโซเชียลมีเดียแบบนั้นครับ 

Blancpain กับธาตุทั้งสี่อย่างดิน น้ำ ลม และไฟ เกี่ยวข้องกันอย่างไร

ต้องอธิบายแบบนี้ครับ ตอนนี้ Tagline ที่เราใช้คือ ‘There is Eternity in Every Blancpain’ คำว่า Eternity แปลได้ว่า ‘กาลนิรันดร์’ เป็นแกนกลางสำคัญที่เชื่อมโยงแบรนด์เรากับธรรมชาติ ซึ่งช่วงเวลา Special Moments ที่เราจดจำได้จะอยู่กับเราไปตลอดกาล เหมือนกับวินาทีที่ Jehan-Jacques Blancpain ทำนาฬิกาเรือนแรกในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่สวิตเซอร์แลนด์เมื่อปี 1735 และส่งผ่านปรัชญาจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน

ธรรมชาตินั้นไม่มีจุดเริ่มต้น ไม่มีจุดสิ้นสุด เป็นนิรันดร์เหนือกาลเวลา ตรงกับคำว่า Eternity ธรรมชาติประกอบด้วยธาตุสำคัญ 4 อย่าง คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ ซึ่งตรงกับ Collection ของ Blancpain ผมอยากเริ่มจาก ‘น้ำ’ ก่อน นั่นคือ ‘Fifty Fathoms’ Collection ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของ Blancpain ไปแล้ว เป็นนาฬิกาดำน้ำแบบโมเดิร์นเรือนแรกของโลก และครบรอบ 70 ปีในปี 2023 นี้ โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 1953 มีกองทัพเรือฝรั่งเศสเป็นกลุ่มคนที่ใช้งานกลุ่มแรก ตามมาด้วยกองทัพเรืออีกหลายชาติทั่วโลก รวมไปถึงกองทัพสหรัฐฯ ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อการดำน้ำแบบมืออาชีพโดยเฉพาะ ทางแบรนด์จึงมีความผูกพันและเห็นคุณค่าของท้องทะเลเสมอมา เราจึงทำโครงการ Blancpain Ocean Commitment ซึ่งเป็นโครงการเพื่อสังคม ไปร่วมมือกับพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อปกป้องและฟื้นฟูท้องทะเล 

ต่อมาคือ ‘ลม’ เกี่ยวข้องกับ ‘Air Command’ Collection ต้องเล่าย้อนกลับไปประมาณยุค 50 ซึ่งในตอนนั้นหลังจาก Fifty Fathoms ได้ถูกกองทัพเรือสหรัฐฯ เลือกใช้เป็นนาฬิกาประจำหน่วยแล้ว เราจึงมีโอกาสผลิตนาฬิกาเรือนต้นแบบรุ่น Air Command ทั้งหมด 12 เรือน ส่งผ่านตัวแทนไปให้กองทัพอากาศของสหรัฐฯ พิจารณา แต่ท้ายที่สุดแล้วไม่เคยได้ลงสายการผลิตจริง ทั้ง 12 เรือนจึงเป็นของที่มีคุณค่าและหายากมาก

‘ดิน’ จะเชื่อมโยงกับ ‘Villeret’ Collection ถือเป็นรุ่นที่คลาสสิกที่สุดของเรา เป็นเรื่องราวจากรากฐานของแบรนด์ เพราะ Villeret คือชื่อหมู่บ้านที่เป็นต้นกำเนิดของ Blancpain ทุกองค์ประกอบจึงคลาสสิกหมด ตั้งแต่ตัวเลข เข็มนาฬิกา หรือตัวเรือน ซึ่งสะท้อนเรื่องราวของแบรนด์ที่มีมากว่า 2 ศตวรรษ 

ส่วน ‘ไฟ’ จะเป็นนาฬิกาผู้หญิงภายใต้ ‘Ladybird’ Collection ซึ่งครั้งหนึ่งในอดีตเป็นนาฬิกาที่เล็กที่สุดในโลก โดยสะท้อนให้เห็นถึง Passion ในแบบสุภาพสตรีที่มีความเกี่ยวข้องกับ Blancpain ทั้ง CEO หญิงคนแรกของ แบรนด์ และของอุตสาหกรรมนาฬิกาสวิสอย่าง Betty Fiechter และ Muse แห่งยุคอย่าง Marilyn Monroe ที่มีนาฬิกา Blancpain ไว้ในครอบครอง พวกเธอประสบความสำเร็จทั้งในด้านการทำงานและการใช้ชีวิต ทั้งยังสะท้อนเสน่ห์ในแบบของตัวเองออกมาอีกด้วย

นี่จึงเป็นความเชื่อมโยงระหว่างธรรมชาติผ่านธาตุทั้งสี่ที่มีความเป็นนิรันดร์ เหมือนกับศิลปะเหนือกาลเวลาของ Blancpain ครับ

โลกเปลี่ยนไปมาก คุณคิดว่าทำไมคนยังนิยมใส่นาฬิกากันอยู่

ถ้าตอบแบบพื้นฐานเลยก็คือมันสะดวก อยู่ที่ข้อมือก็ดูเวลาได้เลย ที่สำคัญมากกว่านั้น คือนาฬิกาบอกเล่าเรื่องราวและบ่งบอกตัวตนของผู้สวมใส่ได้ การที่เขาเลือกนาฬิกาแบบไหนก็จะบอกว่าเราให้ความสำคัญกับอะไร นาฬิกาไม่เพียงเป็นเครื่องสะท้อนความสำเร็จหรือความร่ำรวย แต่ยังบอกเล่าวิธีคิดและวิถีชีวิตของคนใส่ด้วย

การเล่าเรื่องของแบรนด์จึงมักเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์โดยไม่ต้องปรุงแต่งอะไร เล่าได้ตลอดเวลา อย่างเรื่องที่เกี่ยวกับ Blancpain ก็เป็นเรื่องจริง เอกสารรับรองของรุ่น Fifty Fathoms ก็มีข้อมูลที่เชื่อมโยงกับกองทัพสหรัฐฯ ในยุคนั้น อะไรที่มันจริงก็มีค่า เล่าใหม่ได้ตลอด แต่ไม่ใช่ว่าเรายึดติดแต่กับอดีตนะครับ ทุกวันนี้แบรนด์เองก็ต้องมองต่อไปข้างหน้าด้วย เช่นในเรื่อง Blancpain Ocean Commitment ที่เราทำมาโดยตลอด ก็ทำเพื่อช่วยรักษาโลกใบนี้ไว้เพื่อให้ไปต่อได้ ซึ่งตรงกับเรื่องความยั่งยืนที่เป็นโจทย์สำคัญของทุกคนนับจากนี้

กลัวการขยายตัวของ Smart Watch หรือเปล่า

ความคิดเห็นส่วนตัว ไม่กลัวครับ ผมคิดว่าดีด้วยซ้ำไปที่ Smart Watch อาจเป็นประตูให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงโลกของนาฬิกา เข้าใจวิธีคิดของนาฬิกาเพิ่มขึ้น แล้วค่อย ๆ ขยับขึ้นไปตามความต้องการของตัวเอง ซึ่งเป็นคนละตลาดกับลูกค้าของเราอยู่แล้ว จะบอกว่าเป็นสินค้าคนละประเภทก็ได้ ผมว่ามันไม่ใช่พื้นที่ของเรา และเราก็คงไม่ไปแข่งในอุตสาหกรรมที่ไม่ถนัดแน่นอน

ความท้าทายของการเป็นผู้บริหารแบรนด์นาฬิการะดับตำนานคืออะไร 

คงเป็นเรื่องเข้าใจผู้บริโภคครับ ทุกวันนี้โลกเปลี่ยนเร็วมาก รสนิยมของผู้คนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผมเชื่อว่ามันมีพัฒนาการ (หยิบนาฬิกาอีกเรือนขึ้นมา) อย่าง Fifty Fathoms เรือนที่ผมถือนี้ ออกมาตั้งแต่ปี 2007 และยังอยู่ใน Catalogue ของเราจนถึงปัจจุบัน เหมือนเดิมแทบทุกอย่าง อาจจะมีเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเล็กน้อยบ้าง แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากลับได้รับความนิยมมากขึ้นเป็นเท่าตัว กลายเป็นสินค้าที่สำคัญของ Blancpain ดังนั้นเราจำเป็นต้องจับกับกระแสที่เปลี่ยนแปลงและตอบสนองให้ทันท่วงที

ทำไมเราไม่ค่อยเห็น Blancpain ใช้คนดัง ดารา หรืออินฟลูเอนเซอร์ โฆษณานาฬิกา

ผมเชื่อว่าคนที่จะมาเป็นพันธมิตรหรือ Friend of the Brand กับ Blancpain ต้องมีวิสัยทัศน์แบบเดียวกันกับเรา แบ่งปันในสิ่งเดียวกัน จริง ๆ แล้วที่เมืองไทยเรามี Thomas และ Mathias Sühring จากร้าน Sühring เป็น Friend of the Brand นะครับ เขาเป็นเชฟอาหารเยอรมันที่ภูมิใจในอาชีพตัวเอง ใช้สูตรอาหารที่เรียนจากคุณยาย ผ่านการแข่งขันมามากมายจนกลายเป็นเชฟ 2 ดาวมิชลินซึ่งสูงที่สุดในประเทศไทย ณ ตอนนี้ เรื่องราวแบบนี้แหละที่มันใช่ พวกเขาไม่ใช่คนที่ชอบไปออกงานสักเท่าไหร่ และคนก็ไม่ได้มากินอาหารของพวกเขาเพราะความหล่อของเชฟ พวกเขาถ่อมตนมาก นั่นคือจิตวิญญาณที่เรามีเหมือนกัน 

ปีที่แล้วเรามีเมนูพิเศษกับ Sühring เราก็ให้เชฟรังสรรค์เต็มที่ จนออกมาเป็นคอร์สพิเศษและประสบความสำเร็จมาก ๆ ทุกวันนี้ลูกค้าก็ยังถามถึงอยู่ อย่างอาทิตย์สุดท้ายที่เสิร์ฟคอร์สพิเศษนี้ ต้องขยายช่วงเวลาเสิร์ฟให้มีบริการทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อตอบรับกระแสความต้องการของลูกค้าที่มีให้อย่างท่วมท้น

ถ้ามองในแง่การลงทุน Blancpain เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนหรือเปล่า

ต้องกลับไปจุดเริ่มต้นคือเรื่อง Eternity ครับ มันเป็นศิลปะเหนือกาลเวลา ถ้าให้มองเรื่องลงทุนและผลตอบแทนอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ในทุกรุ่น ราคาขายต่อจะแตกต่างกันออกไป แต่ก็มีบางรุ่นอย่างตัววินเทจของ Fifty Fathoms หรือ Limited Edition ในรุ่นยุคปัจจุบันของ Blancpain ตอนนี้ราคาขายต่อก็กระโดดไปสูงมากแล้ว แต่เอาจริง ๆ แล้ว เราทำนาฬิกาออกมาเพื่อผู้ที่หลงใหลในความพิเศษของมัน ทั้งเรื่องราว กลไกของนาฬิกา หรือกระทั่งบริการที่เรามีมากกว่าที่จะมาโฟกัสในแง่ของการลงทุน