ชาเขียว เรียวกัง รองเท้าสาน กรรไกรตัดแต่งกิ่ง บอนไซ ดาบคาตานะ

คงธรรมดามากถ้าพบสิ่งนี้ที่ประเทศญี่ปุ่นหรือบ้านของคนบ้าญี่ปุ่นสักคน แต่สิ่งเหล่านี้พิเศษขึ้นมา เพราะมันรวมอยู่ในบ้านของ แบงค์-ปรีติ บารมีอนันต์

แบงค์ ปรีติ ในความทรงจำของเราตัดผมทรงสกินเฮด สวมเสื้อกล้ามสีขาว มีรอยสักรูปพระอาทิตย์บนหัวไหล่ เราต่างรู้จักเขาดีในฐานะนักร้องดังระดับตำนาน ผู้กวาดยอดขายกว่าล้านตลับ เจ้าของเสียงเป็นเอกลักษณ์ที่ใครต่างก็ฝันอยากมี แต่แบงค์ที่อยู่ตรงหน้าในวันนี้ดูแปลกไปจากที่เคยจนน่าตกใจ

เขาต้อนรับเราด้วยชุดญี่ปุ่น สุขุม ลุ่มลึกในความคิด ว่างเว้นจากการจับไมค์เมื่อไหร่ก็จะเอนกายอยู่บนเก้าอี้ในสวน Aoi-en Bonsai ความหลงใหลใหม่ที่เป็นมากกว่างานอดิเรกทั่วไปในชีวิต

หลายคนเข้าใจว่าบอนไซเป็นชื่อต้นไม้ ความจริงแล้วเป็นศิลปะการปลูกไม้ใหญ่ในกระถางใบเล็ก ละเอียดลออ ใช้เวลา จนมีคนเคยบอกให้ดูแลมันอย่างลูกที่เป็นใบ้

ต้นไม้ยิ่งผ่านเวลานาน ยิ่งน่าเกรงขามและสูงใหญ่ แต่สุนทรียะของบอนไซคือการตัดแต่งกิ่งทิ้งไป เพื่อรักษาสภาพให้สง่างามได้นานที่สุด 

นั่นคือสิ่งที่ แบงค์ ปรีติ ตกผลึกได้ราวกับปรัชญา

เพราะอะไรคุณถึงอยากทำบ้านสไตล์ญี่ปุ่นให้เหมาะกับบอนไซ

เราคงเลี้ยงบอนไซในบ้านโมเดิร์นไม่ได้หรอก ถ้าเราเดินตามทางนี้แล้วก็ต้องสุด ถ้าทำอะไรไม่สุด เราไม่ทำ

ห้องนี้เหมือนหยุดเวลาไว้ เป็นที่พักใจของเรา เพราะเราทำอาชีพที่มีแต่ความอึกทึกครึกโครม แรก ๆ ก็สนุกดี แต่พอมีคอนเสิร์ตเยอะ ๆ ผ่านไปนาน ๆ เราพบว่าอยู่กับความเงียบแล้วมีความสุขมากกว่า 

วัฒนธรรมญี่ปุ่นมีเยอะแยะมากมาย ทำไมบอนไซถึงดึงดูดคุณมากกว่าวัฒนธรรมอื่น

จริง ๆ มันก็ดูดเราทุกสิ่ง ดาบคาตานะก็อยู่ห้องข้างล่าง เราไปญี่ปุ่นบ่อยมากจนเหมือนอยู่ที่นู่นไปแล้ว สมัยก่อนญี่ปุ่นเป็นสังคมที่เชื่องช้า ละเมียดละไม แต่ญี่ปุ่นกลายเป็นเมืองที่เจริญหลังสงครามแบบก้าวกระโดด มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นเยอะมาก ถ้าเราอยู่กับวัฒนธรรมใหม่ก็คงต้องขยายไปเรื่อย ๆ เพลงเดียวก็เล่นไม่ได้ โมเดลก็มีตัวเดียวไม่ได้ แต่วัฒนธรรมเก่า ๆ อีก 100 ปีก็อยู่แค่นี้ 

หลายคนเข้าใจว่าบอนไซคือต้นไม้ แต่จริง ๆ แล้วคือวิธีการ อธิบายเพิ่มเติมให้ฟังหน่อย

ใช่ แปลตรงตัวก็คือต้นไม้กระถางนั่นแหละ

สมัยก่อนบอนไซเป็นของกำนัลในการเผยแผ่ศาสนาแล้วก็พัฒนามาเรื่อย แต่คนยุคนั้นเลี้ยงบอนไซไม่ได้เพราะไม่มีเวลามานั่งประดิดประดอย ใส่ปุ๋ย ใส่ขี้วัวขี้ควาย เปลี่ยนกระถางทุก 4 ปี มีแต่ชนชั้นสูงเท่านั้นที่จะเลี้ยงได้ 

คราบสีขาว ๆ เรียกว่า ชาริ คือส่วนที่เมื่อก่อนมีกิ่งแล้วทิ้งตัวตายตามกาลเวลา จากไม้ป่ายะมะโดะริ ยะมะ แปลว่า หุบเขา โดริ แปลว่า ทางเดิน ซึ่งมนุษย์ไม่ได้สร้าง ธรรมชาติสร้างมาเป็นร้อยปี แล้วการขุดให้ได้บอนไซมามีคนตายทุกปี เพราะปีนตัวเปล่ากับเชือกบนหน้าผาชัน ขุดหมดจนรัฐบาลญี่ปุ่นสั่งห้ามขุด ตอนนั้นบอนไซเลยแพงกว่าทอง แล้วจากต้นใหญ่ก็เริ่มเล็กลง ๆ เดี๋ยวนี้ยิ่งเล็กยิ่งแพง บางต้นแค่คืบเดียวก็ 4 แสนบาทแล้ว

คิดว่าเงื่อนไขที่บังคับให้บอนไซโตได้แค่ตามขนาดกระถางบอกอะไรเรา

สมัยก่อนมีศิลปะไม่กี่อย่างที่ประดิษฐ์ได้เหมือนประติมากรรมที่มนุษย์ร่วมสร้างกับสิ่งมีชีวิต ต้นไม้คงเป็นสุนทรียภาพหนึ่งที่ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจ ทำไมเราต้องมานั่งเสียเวลาเพื่อพืชชนิดหนึ่งที่อายุมากขนาดนี้ แต่สุดท้ายแล้วมันคือความสำเร็จที่ฤดูกาลนี้ผ่านพ้นไปด้วยความสวยงามที่เราตั้งใจต่างหาก บางทีสนุกกับการแก้ปัญหาใน 3 – 4 ปี กิ่งยื่น ตัดทิ้ง รอกิ่งใหม่เพิ่มเข้ามา 

บอนไซเป็นไม้ที่ฟอร์มสวย คุณปลูกจากจินตนาการหรือวาดฟอร์มไว้ก่อน

มีต้นไม้อยู่ 3 ชนิดหลัก ๆ ชนิดแรก คือไม้ป่า ซื้อต้นละ 3 แสนมาตั้งหล่อ ๆ ไว้ ซึ่งหล่ออยู่ 3 – 4 เดือนก็ฟูแล้ว แทงยอด สำหรับคนที่ไม่ได้เล่นบอนไซจะรู้สึกไม่ดี เพราะเขาคิดว่าจะสวยตลอดเวลา ซึ่งไม่มีทาง เพราะพืชเติบโตตลอด

ชนิดที่ 2 คือไม้ทั่วไปนี่แหละ เอามาตัดให้เป็นทรง ดัดรอเวลา 

ชนิดที่ 3 คือไม้ไม่จบ ทำมาแล้ว 50 – 60 เปอร์เซ็นต์ ต้องค่อย ๆ ทำ สนุก เราทำแบบนี้ เพราะเมื่อมาถึงจุดหนึ่งแล้ว การซื้อไม้จบไม่ใช่วิถีของคนทำสวน เพราะเราไม่รู้ว่าต้องระบายยังไงถ้ารูปเสร็จมาแล้ว

ช่วงแรกตัดเยอะเลยไหม

โห เละไปหมด ลองผิดลองถูก ดีที่ไม่ตาย แต่มันป่วยเหมือนคนเป็นมะเร็ง ถ้าเป็นต้นชิมปากุปลายใบทู่ จะแตกเป็นหนามเหมือนตอนที่เขาเพิ่งเกิดมา แล้วก็ป่วยจากแมลง แมงมุมตัวเล็ก เชื้อราในหน้าฝน 

จับทางได้ยังไง จากเคยตัดกระจุยในช่วงแรก 

อ่านหนังสือกับให้เพื่อนญี่ปุ่นช่วย แต่สุดท้ายหลักญี่ปุ่นก็ใช้กับเมืองไทยไม่ได้ เพราะอากาศบ้านเราไม่เหมือนเขา ที่ญี่ปุ่นมีช่วงเวลาไม้หลากสี จากสีเขียวเป็นสีน้ำตาล บางคนนึกว่าไม้ตาย แต่เปล่า เขาหลับเอาคลอโรฟิลล์เก็บ เพื่อให้ไม่ต้องสังเคราะห์อะไรเลย แต่เมืองไทย มึงห้ามหลับ เพราะแดดกูดี เติบโตอย่างมีคุณภาพ ฉะนั้น เราบอกเสมอว่าไม่ต้องแปลกใจถ้าเกิดไม้ที่อยู่เมืองไทยจะกระชับได้ไม่เท่าไม้ญี่ปุ่น เพราะมันโตตลอดเวลา

จริงไหมที่คนเลี้ยงบอนไซมักห้ามใจไม่ให้ตัดแต่งกิ่งยาก

เพราะว่าเขามีต้นน้อย ลองมีเยอะแบบเราสิ (หัวเราะ) 

ถ้าเริ่มเล่นบอนไซแรก ๆ จะเห็นตลอดเวลา เดินผ่าน เช็กหน่อย เมื่อไรจะสวยวะ ตัดแม่งเลย สักพักก็เละ ถ้ามีต้นไม้เยอะก็จะมีคิวให้ทำ ต้นที่เล็ก ๆ ชี้ ๆ ต้องต่อคิว ปล่อยให้เติบโตอย่างดีไปก่อน หรือถ้ามันง้อง ๆ แง้ง ๆ ก็อย่าเพิ่งไปยุ่ง ต้องดูว่าเป็นเพราะอะไร 

เคยรู้สึกว่าบอนไซเป็นไม้ที่เรื่องเยอะ ดูแลยากไหม

บอนไซไม่เรื่องเยอะ คนต่างหากที่เอาไม้ปกติมาทำบอนไซ บอนไซเลี้ยงไม่ยากหรอก แต่เลี้ยงให้สวยตลอดเวลายากมาก บางคนหายเห่อ เลี้ยงมา 1 ปีก็ทิ้ง ปล่อยฟูเละเทะ ไม่เป็นทรง

เคยมีอาจารย์บอนไซญี่ปุ่นคนหนึ่งพูดว่า จงเลี้ยงบอนไซเหมือนลูกที่เป็นใบ้ ในมุมมองของคุณ คิดว่าประโยคนั้นหมายความว่าอะไร

บอนไซพูดไม่เป็น ลูกที่เป็นใบ้เวลาหิวเขาก็บอกไม่ได้ แต่ถ้าเราอยู่กับเขาเยอะ ๆ เราจะรู้ว่าเขาหิวแล้ว ใส่ใจเขาหน่อย ถ้าเขาไม่พูดก็ต้องไปถามเขา สะกิดเขา คุยกับเขา

เพราะวิธีการทำบอนไซ เรามีดินให้เขาแค่นี้ พอดินหมดอายุเขาก็ไม่มีสารอาหาร ดินเปรียบเหมือนข้าวสวย แดดคือเตาแก๊ส ใช้ผัดอาหารได้ คนเรากินข้าวเปล่าได้อยู่แล้ว แต่สุขภาพไม่ดี ปุ๋ยคือกับข้าว ปุ๋ยน้ำคืออาหารเสริม มันจะเป็นแบบนี้ 

ถ้าให้เทียบระดับความยากระหว่างเลี้ยงต้นไม้แบบอื่น ๆ กับบอนไซ 

บอนไซยากที่สุด เราว่ามันคือปริญญาเอกของการเลี้ยงต้นไม้ ถ้าปลูกบอนไซได้ ปลูกต้นไม้อะไรก็ได้แล้ว

เราจะจบหลักสูตรปริญญาเอกนี้ด้วยอะไร

จบหลักสูตรด้วยการเลี้ยงให้เขาสง่างามทุกปี 

คุณไม่ต้องเป็นศิลปินบอนไซแบบเราหรือแบบคนอื่น ๆ ที่เอามาทำเป็นลายมือตัวเอง แต่คุณคือผู้เลี้ยงที่ทำให้บอนไซสวยได้ทุกปี อยู่ในฟอร์มเดิมตลอด ใบไหนเกินเอาออก ยอดไหนแทง ตัดทดกลับไปที่เดิม ทำให้ปีหน้าเขาสวยเหมือนปีที่แล้ว

บอนไซและร่องรอยการเติบโตของ แบงค์ ปรีติ ในวันที่ยอมทิ้งกิ่งสำคัญในชีวิตเพื่อสง่างาม
บอนไซและร่องรอยการเติบโตของ แบงค์ ปรีติ ในวันที่ยอมทิ้งกิ่งสำคัญในชีวิตเพื่อสง่างาม

ซึ่งตรงข้ามกับไม้อื่น ๆ ที่ยิ่งเติบโตยิ่งสวยงาม แต่บอนไซคือการคงไว้ดังเดิมให้นานที่สุด

ใช่ ด้วยการย่อไม้ใหญ่ให้ไปอยู่ในกระถาง อย่างไม้พวกนี้ (แบงค์ชี้ไปที่ไม้ยืนต้นหน้าบ้าน) ไม่ต้องทำอะไรเลย ปลูกมาตั้งแต่ต้นยังไม่สูงเท่านี้ ถ้าดินอุดมสมบูรณ์ เดี๋ยวมันก็หยั่งรากลึกลงไปเรื่อย 

คนเล่นใหม่ ๆ จะมองต้นไม้พันธุ์อื่นต่างจากเดิม รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่คนละชั้น กูเล่นบอนไซนะ กูไม่ตลกกับพวกมึง แต่พอเล่นไปเรื่อย ๆ เราจะเอ็นดูต้นไม้ทุกต้นมากขึ้นเอง

พอมาเลี้ยงบอนไซที่ต้องอาศัยการดูแลเอาใจใส่ คุณปรนนิบัติกับคนรอบตัวเปลี่ยนไปไหม

เปลี่ยนไปนะ ต้องอย่าลืมว่าไม้พวกนี้คือกิเลส เป็นของฟุ่มเฟือย แต่ก็ทำให้รู้สึกว่า ในเมื่อดูแลต้นไม้ได้ดีขนาดนี้ กูก็ต้องดูแลหมาแมวได้ดีสิวะ แล้วก็ต้องดูแลพี่น้องให้ดี มันเตือนเราทุกวัน 

คนรอบข้างให้ความเห็นกับการเปลี่ยนแปลงของคุณว่ายังไงบ้าง 

เขาก็บอกว่า กูไม่เจอมึงเลยนะ แรก ๆ มีคนชวนให้ออกมาจากบ้านบ้างเถอะ สักพักเพื่อนหายหมดเลย 

ปฏิเสธเขาด้วยเหตุผลอะไร

ก็กูจะทำต้นไม้ (หัวเราะ)

ต้นไม้ยิ่งอายุมาก ยิ่งใหญ่โต ดูน่าเกรงขาม คิดว่ามนุษย์ก็เป็นแบบนั้นไหม

เป็นเหมือนกัน ไม่มีใครเกิดมาแล้วสง่างามเลย ทุกคนต้องผ่านการถูกหล่อหลอม ต้นไม้ชนิดเดียวกัน เกิดที่แตกต่างกันก็คนละทรง บางคนตั้งตรงมาตั้งแต่ต้นเลย บางคนเลื้อยไปหาแดด เหมือนบอนไซไทยที่โตเร็วจนตัดไม่ทัน แต่ถ้าโตญี่ปุ่นก็จะแขนสั้น ๆ ใบสั้น ๆ เพราะมันหนาว

คนเราต้องเติบโตอย่างสง่างามรึเปล่า

เราว่าทุกคนมีเป้าหมาย บางคนเดินตามฮีโร่ บางคนเดินตามพ่อตัวเอง แต่คงเป็นไปไม่ได้ถ้าคุณจะเดินตามแบบนั้น เพราะถ้าเรามีแต่ Dream ไม่มี Goal มันก็แค่ความฝัน การมีเป้าหมายจะทำให้เราฝึกฝน มีระเบียบวินัย กลายเป็นทักษะ พอมีทักษะ เราจึงไปถึง Goal แม้ว่านานขนาดไหน

แต่ทุกคนไม่ต้องสง่างามหรอก โลกเรามีคนหลายประเภท คนที่ตลกก็ตลกไป มึงเป็นตัวเองเถอะ แค่เข้าใจโลกก็พอแล้ว สง่างามแบบที่มึงเป็น 

บอนไซและร่องรอยการเติบโตของ แบงค์ ปรีติ ในวันที่ยอมทิ้งกิ่งสำคัญในชีวิตเพื่อสง่างาม

กว่าบอนไซจะเติบโตอย่างสง่างาม ต้องคอยตัดกิ่ง ลอกไม้ ทำให้มันสวย รู้สึกว่าชีวิตต้องตัดอะไรบางอย่างของตัวเองทิ้งเพื่อเติบโตไหม

รู้สึก เวลานั่งอยู่ตรงนี้เราได้ข้อดีข้อเสียเยอะมาก ดินของแต่ละต้นก็ไม่เหมือนกัน ต้นนี้ดินแน่นต้องรดน้ำจนกว่าจะทะลุกระถาง ต้นนั้นดินโปร่ง สบาย รดทีเดียวโดนราก ต้นที่มีชาริสีขาวจากกิ่งที่ตายไปแล้ว 2 ด้าน เราก็นั่งคิดว่าอายุมันตั้ง 90 กว่าปี กว่ามึงจะมาถึงวันนี้ได้ ต้องสละทิ้งกิ่งสำคัญไปตั้งมากมาย 

กิ่งสำคัญของบอนไซคือกิ่งใหญ่ที่สุด คือกิ่งแรกที่โต มึงถึงขั้นสละกิ่งที่เกิดมาก่อนเพื่อให้ยอดมันขึ้นต่อไปได้ 

ที่ผ่านมาเราพยายามมองแง่ดีในช่วงแรก ๆ แต่บอนไซก็มีแง่ร้าย มีร่องรอยการต่อสู้เพื่อจะได้อยู่บนดินของโลกใบนี้ให้นานที่สุด นี่เรื่องเดียวกับชีวิตเหมือนกัน เราต้องสละสิ่งสำคัญในบางครั้งเพื่อสิ่งที่สำคัญกว่าในวันข้างหน้า บอนไซสอนเราโดยกายภาพของมัน 

เปลือกไม้ฟ้องหมดแหละ ไม่ใช่หน้าตาที่เห็นแล้วผ่านไปหรือว่ารอยด่างดำตากแดด ไม่ใช่หรอก มันคือทัศนคติในสมอง นั่นแหละคือประสบการณ์ที่แท้จริง

ตัวคุณเองยอมสละอะไรทิ้งไปบ้างเพื่อเติบโตเป็นต้นไม้ที่สง่างาม

เยอะแยะไปหมด 

เพื่อนบางคนก็ไม่อยากไปอยู่ด้วยเพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่ามีเพื่อนเยอะเหมือนเมื่อก่อน ถ้าเป็นต้นไม้ก็คือช่วงที่ฉันจะปล่อยเกสรให้เต็มที่ พัดไปจนกว่าทุกคนจะได้รู้ว่าเกสรมาจากฉัน ต้องให้รู้ว่าฉันอยู่ไหน ยิ่งเพื่อนในเฟซบุ๊กเยอะยิ่งชนะ วันนี้ลบเหลือ 200 คน เอาเฉพาะเนื้อ ๆ ซึ่งมีความสุขกว่ามาก 

พอตัดทิ้งไปก็จะเริ่มมีข้อความเข้ามาแบบมีที่มาที่ไปมากขึ้น ใช้ชีวิตเบาขึ้น พอไม่เจอคนเยอะก็ไม่ต้องซื้อของเยอะ จะใส่นาฬิกาเรือนละ 2 ล้านกว่าไป 7-Eleven ทำไม ความสงบรักษาหัวใจเราได้ดี เพื่อพร้อมออกไปอึกทึกครึกโครมบนเวทีต่อไป

ถามกลับกัน แล้วตัวคุณต้องใส่ปุ๋ยอะไรถึงจะกระปรี้กระเปร่า

ปุ๋ยของเราเหรอ ก็ครอบครัวนี่แหละ จุ๊บเหม่งหมา บีบจมูกแมว เห็นคนที่รักมีชีวิตที่ดี แค่นี้ก็พอแล้ว

บอนไซให้อะไรที่ดนตรีให้ไม่ได้บ้าง

บอนไซให้อะไรที่ดนตรีให้ไม่ได้ (นิ่งคิด) 

ความบันเทิงและความอึกทึกครึกโครมของดนตรีเป็นเหมือนดอกไม้ที่ผลิบานออกมาหลาย ๆ สี แต่บอนไซคือสุนทรียภาพของความสงบนิ่ง ความนิ่งเฉยก็สง่างามได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นศิลปะเหมือนกัน แต่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง 

บางคนขึ้นเวทีไป ต้องโวยวาย ต้องชัดเจน ต้อง Aggressive แล้วจะสง่างาม บางคนก็เงียบซะจนไม่รู้จักคำว่าอึกทึกครึกโครม เมื่อก่อนเราพูดเยอะ ชอบวิจารณ์คน พอมาอยู่กับต้นไม้พวกนี้ เราก็ปิดวาจาเลย 

เราว่าการเป็นศิลปิน ไม่ว่าจะเป็นนักปั้น วิจิตรศิลป์ มัณฑณศิลป์ วาดรูป งานพิมพ์ เราทุจริตใครไม่ได้เลยนะ เพราะมันจะฟ้องที่งาน การทุจริตของเราคือการร้องเพลงห่วย ต้นไม้ก็เหมือนกัน มันโกงไม่ได้ เห็นอยู่ว่าดีหรือไม่ดี

คิดถึงช่วงชีวิตที่โลดโผนสุด ๆ บ้างไหม แล้วมองย้อนกลับไปด้วยความรู้สึกแบบไหน

โคตรมัน โคตรดีเลยว่ะ 

มีบางแวบที่รู้สึกว่า ชีวิต Rockstar แม่งมันชิบหาย ไม่ต้องคิดอะไร โซเชียลก็ไม่ค่อยมี กล้องวงจรปิดก็ไม่เห็น โทรศัพท์ก็ไม่มีกล้อง โอโห เจ้าชู้เหมือนไอ้เสือร้าย จนวันนี้กูเข้าใจแล้ว กูพอ

เราโชคดีที่เหี้ยต้นแล้วมาดีปลาย แต่มึงเป็นอย่างนั้นแหละดีแล้ว ไม่งั้นมึงจะไม่มีวันนี้

บอนไซและร่องรอยการเติบโตของ แบงค์ ปรีติ ในวันที่ยอมทิ้งกิ่งสำคัญในชีวิตเพื่อสง่างาม
บอนไซและร่องรอยการเติบโตของ แบงค์ ปรีติ ในวันที่ยอมทิ้งกิ่งสำคัญในชีวิตเพื่อสง่างาม

อยากได้อะไรในชีวิตวัยหนุ่มที่คืนมามากที่สุด

ไม่มีเลย บางคนโหยหาวัยเด็กนะ แต่เราก็มาเติมเต็มกับการซื้อของเล่น เล่นเกม ถ้าถามว่าแม่เสียไปแล้วเป็นยังไง ก็ให้แม่ไปสบายเถอะ ตอนครอบครัวล้มละลายเมื่อ 10 ปีที่แล้ว น้องชายบอกว่า ถ้าที่บ้านไม่มีหนี้ ป่านนี้คงขับเฟอร์รารีไปแล้วมั้ง เราก็สวนว่า มึงรู้ได้ยังไง ถ้าบ้านเราไม่ล้มละลายแล้วจะมี แบงค์ วง Clash วันนี้เหรอ กูอาจไม่ดิ้นรนอะไรเลยก็ได้ อาจเป็นเด็กบ้านรวยนั่ง BMW Series 5 ตั้งแต่เด็ก ถ้ากูเป็นอย่างนั้นแล้วมึงจะชอบเหรอ ชีวิตคือความมันเว้ย

คิดว่าช่วงชีวิตที่ได้เจอบอนไซเป็นจังหวะเวลาที่ถูกต้องไหม 

ถูกต้องมาก ถ้าเจอกันเร็วกว่านี้คงหมดไฟในการเล่นดนตรีไปนานแล้ว

เพราะ

ก็คงจะอยู่แต่กับพวกมันแหละ 

ความหลงใหลที่มีให้กับบอนไซ มีมากขนาดที่ทำให้คุณอยากเลิกเล่นดนตรีไปเลยเหรอ

มีคิดบ้างตอนที่เหนื่อย ในเดือนที่มีคอนเสิร์ต 24 โชว์ ก็มีจังหวะเฮือกหนึ่งที่ถอนหายใจ แล้วคิดว่า เชี่ยเอ๊ย อยากหยุดสักครึ่งปี แล้วกูก็จะทำแค่ 2 อย่าง คือทำต้นไม้กับเล่นเกม กล้ามก็ไม่ต้องเล่น อาหารก็ไม่ต้องอด ไม่ต้องทำ IF ไม่ต้องรักษาหุ่น แต่ก็จะไม่สง่างามถ้าเราทำอย่างนั้นจริง

มีระเบียบวินัยดีมาก

เพราะอยากได้ เหมือนการจีบผู้หญิง ถ้าไม่ไปรอหน้าโรงเรียน ไม่ไปรับเขาที่มหาลัย คุยไลน์อย่างเดียว มึงไม่มีทางได้หรอก ถึงบอกว่ามีความฝันก็ต้องมี Goal ไง 

เป็นคนชอบเอาชนะรึเปล่า

เมื่อก่อนชอบเอาชนะ รู้สึกสนุก แต่วันนี้มัน… เราอาจชนะมาเยอะแล้วมั้ง 

คำว่า Winner หรือยืนบนคำว่าที่ 1 เราผ่านมาจนรู้สึกว่าชนะน้อย ๆ ครั้งก็พอ หรือชนะใหญ่ครั้งเดียวก็พอแล้ว

ที่ผ่านมาวง Clash มีเส้นทางกว่าจะเป็นแชมป์ที่สนุกชิบหาย เราดันเป็นแชมป์ขึ้นมา ยอดขายเยอะสุดในตึกแกรมมี่ แล้วก็รู้ตัวว่าคงรักษาตำแหน่งแชมป์ได้ไม่นานหรอก เพราะถ้าพลุลูกหนึ่งแตกปั้ง มันก็จะค้างอยู่บนฟ้า มีสะเก็ดไฟค่อย ๆ ร่วงลงมา โดยเรายิงพลุอีกอันหนึ่งไปซ้อนพลุเดิมไม่ได้หรอก แล้วก็ไม่ต้องไปซ้ำอะไรอีกแล้ว 

จากคนที่เคยเป็นที่ 1 ยอมรับความธรรมดาของตัวเองได้ยังไง

เราตัวเล็กลงแล้วมีความสุข ขับรถจิ๋วมีความสุขมาก เพราะขับรถคันไหนแล้วเราจะเป็นรถคันนั้น อินเนอร์แม่งสิง ขับรถ Dodge Challenger ปี 1969 เราเป็น โดมินิค ทอเรตโต ขับเฟอร์รารีต้องกระจกใส ขับเชิดหน้า มองหางตา ซึ่งคนข้างนอกแม่งก็ไม่ได้ชื่นชมมึง เขาชื่นชมรถ ขับรถบรรทุกก็ร่างใหญ่ บีบแตรแต๊น ๆ พอขับคันนี้ ผมตัวเล็ก จอดทุกทางม้าลายตามวิถีญี่ปุ่น (หัวเราะ) 

พอไม่เกิดการแข่งขัน มันทำให้สิ่งที่เราไม่เคยเจอโผล่มานะ จากมีรูปลักษณ์ก้าวร้าวดุดัน ยิ่งเข้าใจต้นไม้ ความอ่อนโยนก็ออกมาเอง 

ตอนไปเสพป่าที่ญี่ปุ่น นอนดูต้นไม้สูงใหญ่อยู่บนพื้น เรานอนฟังเงียบ ๆ แล้วรู้สึกว่ามนุษย์นี่กระจอกมากเลย เป็นแค่เศษเสี้ยวธุลีหนึ่งของโลกใบนี้ ต่อให้ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็มีคนยิ่งใหญ่กว่ามึงอยู่ดี เราเป็นนักร้องที่ยิ่งใหญ่สุดในประเทศไทย ก็ยังมีคนยิ่งใหญ่กว่าเราเสมอ

ความคิดที่อยากตัวเล็กลง ตกตะกอนได้ก่อนหรือหลังเจอบอนไซ 

เราว่ามันมาพร้อมบอนไซ เพราะตอนทำ Clash ด้วยอินเนอร์ของวงร็อกทำให้ตัวเล็กไม่ได้ แต่พอแยกออกมาแล้ว กลายเป็นอีกลิ้นชักหนึ่งที่เราไม่เคยเปิดมาใช้ ถึงบอกว่ามันเป็นจังหวะเวลาที่ถูกต้อง

กว่าบอนไซจะสง่างามได้ต้องอาศัยการดูแลของมนุษย์ครึ่งหนึ่ง คิดว่าคนเราจะมีชีวิตที่ยืนยาวได้ไหม ถ้าปราศจากคนดูแล

เออ คำถามนี้ดีว่ะ 

ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ อย่าไปโทษสิ่งแวดล้อม บางคนบอกว่าบ้านกูยาเสพติดเยอะ บ้านเราตอนล้มละลายก็ไม่ต่างกัน ยาบ้าหาซื้อง่ายกว่ากรองทิพย์ มันไม่เกี่ยวหรอก

พ่อเราจบ ป.4 อ่านออก เขียนไม่ได้ แต่เป็นรองแชมป์โลกช่างตัดผม แล้วทำไมพ่อเราไม่ไปอยู่สลัม กลายเป็นเจ้าของตึกในซอยสุขุมวิท 39 ที่ทำให้เราได้นั่ง BMW Series 5 เป็นคุณหนู 

เราเลยสังเกตว่าพ่อฉลาดเพราะมีความรู้ พ่อซื้อหนังสือพิมพ์ 4 เล่มประจำ อ่านทุกเล่ม ทุกหน้า เวลาพ่อมีงาน มีเพื่อนมา เราก็สงสัยว่าทำไมพ่อนั่งหัวโต๊ะ ไอ้คนที่จบปริญญาเอกก็ต้องนั่งหัวโต๊ะสิเพราะฉลาดสุด ทำไมพ่อกูจบ ป.4 ถึงได้นั่ง เพราะความรู้ที่สำคัญบางอย่างไม่ได้มาจากห้องเรียน แต่มาจากข้างนอก เราเลยติดนิสัยชอบอ่านมาจากพ่อ อ่านทุกอย่าง พ่อเราตอบคำถามนี้ให้แล้ว

บอนไซและร่องรอยการเติบโตของ แบงค์ ปรีติ ในวันที่ยอมทิ้งกิ่งสำคัญในชีวิตเพื่อสง่างาม

คุณอยากอายุยืนเหมือนบอนไซรึเปล่า

อยู่ได้เราก็อยู่ ถ้าไม่ให้อยู่กูตายก็ได้

ถ้าเกิดเราไม่มีคนที่ต้องดูแลนะ พรุ่งนี้ก็ตายได้เลย ชีวิตเรามีห่วงอยู่ไม่กี่อย่างหรอก ห่วงครอบครัว ห่วงทรัพย์สมบัติ ซึ่งพวกนี้เอาไปได้ที่ไหน อีกเหตุผลคือเราอยากอยู่ดูโลก 

เราเจอความตายตั้งแต่เด็ก เราเลี้ยงหมามา 40 ตัว หมารอเราตายมา 3 – 4 ตัว กลับมาบ้านค่อยตายต่อหน้าเรา 3 วันที่แล้วก็เพิ่งมีหมามาตายหน้าบ้าน เราไม่ได้ตื่นเต้นกับการเสียชีวิตของสิ่งมีชีวิตใด ๆ อีกแล้ว จนบางทีก็รู้สึกผิดนะว่าทำไมกูไม่เศร้าวะ เพราะตั้งแต่แม่เสียไป นั่นคือสิ่งที่แย่ที่สุดในชีวิต ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าแม่

พอตกผลึกได้ก็เข้าใจว่าคนเราต้องตายทุกคนแหละ ทุกอย่างมีเหตุผล

บอนไซอาจเป็นสิ่งเดียวที่คุณยังไม่ได้เห็นความตายของมัน

ถูกต้อง บอนไซที่มีอายุมากที่สุดในโลกตอนนี้ อายุประมาณ 650 ปี 

ถ้าต้นไม้ชิมปากุมีประมาณ 2 ล้านต้นที่ญี่ปุ่น จะมีที่สง่างามอยู่ไม่เกิน 2,000 ต้น ก็เหมือนชีวิตเรา มีนักร้องในประเทศนี้ตั้งกี่คน กูเสือกโผล่มาเป็นแบงค์ Clash เป็นแบงค์ ปรีติ ทุกอย่างมีที่มาที่ไป ไม่ได้จับสลากได้มา 

บทเรียนสำคัญที่สุดที่ถ้าไม่ได้เลี้ยงบอนไซก็จะไม่มีวันได้รู้คืออะไร

การทิ้งกิ่งนั่นแหละ ตั้งแต่แม่เสียไปเราก็กลายเป็นคนสะสมเพื่อนเยอะมาก เพื่อนสำคัญที่สุดในชีวิต แต่หลังจากเลี้ยงบอนไซมา เรากางความสุข-ทุกข์แบบวิทยาศาสตร์ เจอคนนี้แล้วมีความทุกข์กี่เปอร์เซ็นต์ ถ้ามีความสุขแค่ 50 เปอร์เซ็นต์จะไปเจอคนนี้ทำไม ถ้าเจออีกคนหนึ่งที่มีความสุขตั้ง 95 เปอร์เซ็นต์ ก็คบกับคนแบบนี้สิ เอาคนที่รักเราจริง ๆ มีเพื่อน 5 คน 10 คนดี ๆ ก็พอแล้ว เพราะทุกคนต้องเปลี่ยนไป ทุกสิ่งมีการเปลี่ยนแปลง

บอนไซและร่องรอยการเติบโตของ แบงค์ ปรีติ ในวันที่ยอมทิ้งกิ่งสำคัญในชีวิตเพื่อสง่างาม

ถ้ามองชีวิต แบงค์ ปรีติ เป็นบอนไซ คิดว่าจะมีหน้าตาเป็นแบบไหน

เนี่ย ต้นนี้ (แบงค์ชี้ให้เห็นบอนไซที่ฟอร์มสวยด้วยสามเหลี่ยมสมมาตร) อายุ 100 ปี

เพราะว่าระบบกิ่งไม่มีพลาดเลย แต่ความสมมาตรนี้ถูกปรุงแต่ง ต้นไม้ทุกต้นไม่ได้สมมาตรขนาดนั้น มันมีร่องรอยของการตัดเพื่อให้สง่างามอยู่ ซึ่งการตัดกิ่งใหญ่เป็นเรื่องใหญ่ของคนเลี้ยงบอนไซเลยนะว่ากูจะตัดดีรึเปล่า ใจไม่กล้า ต้นนี้ต้องเสียสละหลายอย่างทิ้งไปถึงจะเติบโตได้ ที่สำคัญ เปลือกมันสวย เป็นเปลือกที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ชีวิต เราจะเป็นอย่างนั้นแหละ 

ในมุมคนเลี้ยงบอนไซ คุณคิดยังไงกับสุภาษิตที่ว่า ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก

ไม้อ่อนดัดง่ายก็จริง แต่สุดท้ายก็ดัดยากอยู่ดี (หัวเราะ) ไม่มีไม้อ่อนไหนที่ดัดแล้วสวยเลยหรอก เลี้ยงลูก สอนลูกคำเดียวได้ที่ไหน ต้องสอนกันไปเรื่อย ๆ หมาก็เหมือนกัน สั่งนั่ง ๆ ก็ต้องทำอยู่อย่างนั้นเป็นปีกว่าจะจำไปตลอดชีวิต 

ตอนนี้แบงค์เป็นไม้อ่อนหรือไม้แก่

เราเป็นไม้แก่ที่พร้อมจะอ่อน พร้อมถูดดัดตลอดเวลา 

เรามีลำต้นที่แข็งแรง แต่มาดัดแขนขาเราได้ให้ไปถูกที่ถูกทาง เราเปลี่ยนทรงจากตั้งตรงเป็นทรงเอนซ้ายด้วยการตัดฝั่งนี้ทิ้งให้หมดตามเหตุการณ์ในชีวิต หรือในวันที่เราใหญ่โตเกิน ก็ต้องยอมตัด 3 – 4 กิ่งทิ้งเพื่อไปต่อ 

ฝันของเราคือไม่อยากเป็นผู้ใหญ่ที่งี่เง่า เราเบื่อมาตั้งแต่เด็ก แต่เบื่อแล้วก็ต้องไม่ทำด้วยไง ไม่ใช่โตมาเป็นผู้ใหญ่ที่งี่เง่ากว่าคนนั้น โชคดีที่เราเป็นคนดนตรี เราเจอคนที่แก่แล้วเท่ พูดรู้เรื่องเยอะมากเลย แล้วก็เจอนักดนตรีแก่ ๆ ที่นิสัยไม่ดีเยอะมากเหมือนกัน เราอยากเป็นผู้ใหญ่ที่เท่ เด็กเห็นแล้วแบบ ไอ้เหี้ย เราแม่ง ได้ใจว่ะ 

แต่เราจะแก่ก็ต่อเมื่ออายุ 65 ตอนนี้ยังถือว่าเราเป็นวัยรุ่นตอนปลายอยู่แล้วกัน (หัวเราะ)

บอนไซและร่องรอยการเติบโตของ แบงค์ ปรีติ ในวันที่ยอมทิ้งกิ่งสำคัญในชีวิตเพื่อสง่างาม

Writer

ชลลดา โภคะอุดมทรัพย์

ชลลดา โภคะอุดมทรัพย์

นักอยากเขียน บ้านอยู่ชานเมือง ไม่ชอบชื่อเล่นที่แม่ตั้งให้ มีคติประจำใจว่าอย่าเชื่ออะไรจนกว่าหมอบีจะทัก รักการดูหนังและเล่นกับแมว

Photographer

มณีนุช บุญเรือง

มณีนุช บุญเรือง

ช่างภาพสาวประจำ The Cloud เป็นคนเชียงใหม่ ชอบแดดยามเช้า การเดินทาง และอเมริกาโน่ร้อนไม่น้ำตาล