ที่ดินแห่งนี้เป็นพื้นที่พืชพรรณและระบบนิเวศที่ไม่ได้รับการฟื้นฟูขนาดราว 600 ไร่อยู่ตรงกลางเกาะภูเก็ต แม้จะไม่ได้ติดทะเลอันดามัน แต่สถาปนิก ภูมิสถาปนิก และเจ้าของที่ดินอย่าง Montara Hospitality Group ซึ่งถนัดในเรื่องรีสอร์ตอยู่แล้ว เล็งเห็นว่าพื้นที่นี้มีศักยภาพมากมายซุกซ่อนอยู่ ถ้ามีโอกาสได้ฟื้นฟูจนกลับมาสมบูรณ์แบบที่ป่าภูเก็ตควรจะเป็น
หลังจากผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายได้ร่วมมือกันพลิกพื้นที่จนกลับมาชอุ่มงาม ก็เกิดเป็น ‘ตรีวนันดา’ (TRI VANANDA) Integrative Wellness Community ในคอนเซปต์ ‘Healing by Nature, Nature Healing by People’ โดยมีทั้งส่วนหมู่บ้านให้เช่าระยะยาว ส่วนรีสอร์ตที่พักชั่วคราว และ Community House ซึ่งเป็นหัวใจของโครงการ คอยสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสุขภาพกาย-ใจ ให้กับลูกบ้านและคนมาพัก
ซึ่งสถาปัตยกรรมในโครงการก็จะแทรกตัวอยู่กับภูมิทัศน์อย่างกลมกลืน ไม่หนาแน่น ให้คนและธรรมชาติเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
กลุ่มเป้าหมายของที่นี่ คือผู้คนทุกช่วงวัยที่ให้ความสำคัญกับสุขภาวะของตัวเอง รักการทอดอารมณ์ริมน้ำ อยากอาบป่า หรือสนใจการแพทย์ทางเลือกหลาย ๆ แบบ
คอลัมน์หมู่บ้านครั้งนี้ เหล่าดีไซเนอร์จะพานั่งรถบักกี้เยี่ยมชมตรีวนันดากันให้รอบโครงการ และเล่าให้ฟังตั้งแต่ขั้นตอนการชุบชีวิตที่ดินกันเลย
ปฏิบัติการเริ่มเมื่อเจ้าของโครงการเลือกบริษัท สถาปนิกชุมชนและสิ่งแวดล้อม อาศรมศิลป์ และ Habita Architects มาช่วยกันฟื้นฟูพร้อมทั้งพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นดินแดนแห่ง Wellness
ทะเลสาบใหญ่ 7 แห่ง ทะเลสาบเล็ก ๆ หลายแห่ง พื้นที่ราบลุ่ม พื้นที่ซึ่งรายล้อมไปด้วยภูเขา ทั้งหมดนี้คือสภาพพื้นที่ที่ดีไซเนอร์ได้เห็นในครั้งแรก
“ถ้าไม่บอกคนก็ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่เดียวกัน” ทิป-ชัชนิล ซัง ผู้เป็นภูมิสถาปนิกกล่าวถึงคาแรกเตอร์สำคัญของพื้นที่ “มันมีความแตกต่างทางกายภาพมาก และเราคิดว่าที่นี่มีศักยภาพ มีพลังในการเป็นพื้นที่เยียวยาให้กับคน”
แต่เพราะไม่เคยได้รับการฟื้นฟูมาก่อน แม้จะดูเหมือนรายล้อมไปด้วยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่เมื่อสำรวจดูก็พบว่าพืชพรรณทั้งหมดมีความหลากหลายต่ำหรือเรียกได้ว่ามีสปีชีส์น้อย ส่วนใหญ่เป็นกระถินณรงค์
นี่แหละคือตอนที่แนวคิด ‘คนและธรรมชาติ เยียวยาซึ่งกันและกัน’ เกิดขึ้น
“เราอยู่ให้พื้นที่นี้กลับมาเป็นป่าของภูเก็ตที่ยั่งยืนอีกครั้ง” ทิปประกาศ ก่อนจะไปเยียวยาคน เจ้าของและทีมดีไซเนอร์ต้องระดมสมองช่วยกันเยียวยาพื้นที่ก่อน
ทิปบอกว่าการฟื้นฟูที่ยั่งยืนที่สุด คือการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมเดิมของเกาะภูเก็ตให้กลับคืนมา และคุณค่าของตรีวนันดาก็คือการเป็น Wellness ที่ต่างจากที่อื่น
พวกเขาเริ่มตั้งแต่การปลูก ‘ไม้เบิกนำ’ ซึ่งเป็นไม้ที่โตเร็ว ช่วยให้ร่มเงาแก่พื้นที่ จากนั้นจึงใช้ไม้พื้นถิ่นซึ่งโตช้าแต่เสถียร ค่อย ๆ เติมเข้าไป สุดท้ายก็จัดกลุ่มต้นไม้ที่มีประโยชน์ เป็นอาหารให้กับคนและนกได้
“พอเป็นพืชพื้นถิ่นซึ่งหาได้ในพื้นที่อยู่แล้ว เขาก็ไปขอเมล็ดมาปลูก มาเพาะบ้าง” ทิปเล่าว่ากว่าจะสรุปกันได้ว่าจะมีต้นอะไรบ้าง ก็ผ่านการค้นคว้าเรื่องพันธุ์ไม้ภาคใต้และคุยกันในทีมหลายตลบ
แม้จะเปิดทำการแล้ว แต่ตรีวนันดาถือว่ากำลังฟื้นฟูอยู่ตลอด และนับวันต้นไม้ก็ยิ่งเจริญงอกงาม สมบูรณ์ขึ้นเรื่อย ๆ หวังว่าในที่สุดที่นี่จะเป็นพื้นที่แห่งความหลากหลายและชอุ่มงามของพันธุ์ไม้ภูเก็ตอย่างที่ทุกคนตั้งใจ
อย่างที่เราเกริ่นไปตอนแรก โครงการตรีวนันดามีทั้งส่วนหมู่บ้าน (Residential) และส่วนรีสอร์ต โดยทั้ง 2 ส่วนจะใช้ Community House ซึ่งถือเป็น ‘ใจบ้าน’ ร่วมกัน (ถึงระยะทางดูเหมือนไกล แต่ที่นี่มีรถบักกี้รับ-ส่ง)
Community House มีทั้งพื้นที่ส่งเสริมกิจกรรม Wellness ทั้ง Indoor และ Outdoor ไล่ตั้งแต่พื้นที่ออกกำลังกาย สนามเด็กเล่นที่ออกแบบโดยใช้ธรรมชาติ หรือเส้นทางเดินชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก พื้นที่โยคะ พื้นที่สปา ทางด้านจิตใจก็มีให้เลือกหลายอย่าง ตั้งแต่พื้นที่นั่งสมาธิ หรือพื้นที่จัดกิจกรรมเพื่อเยียวยาในรูปแบบต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารที่มาในคอนเซปต์ Zero Waste ใช้วัตถุดิบที่ปลูกในโครงการมาปรุงอาหารด้วย
ที่สำคัญคือส่วนของการแพทย์ ซึ่งมีทั้งแพทย์แผนปัจจุบันทางตะวันตกและแพทย์แผนไทย หลากหลายศาสตร์ให้ผู้รักสุขภาพเลือกสรร
“สถาปัตยกรรม Community House ไม่เน้นให้กะทัดรัด แต่จะทำให้กลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด” จรัส พงศ์เพียรรัก จาก Habita Architects เล่า พวกเขาได้คำนึงถึงต้นไม้ที่มีอยู่ก่อนเดิม ไม่ทำให้อาคารเทอะทะจนต้องตัดต้นไม้เยอะ ทั้งยังพยายามทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาในอาคาร และสร้างความเป็นส่วนตัวให้ผู้ใช้อาคาร โดยใช้ธรรมชาติเป็นตัวช่วย ซึ่งในส่วนการออกแบบภายในจะอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทผู้ออกแบบระดับสากลอย่าง AvroKO
ส่วนหมู่บ้านนั้นใช้พื้นที่ประมาณ 15% ในการสร้างบ้าน ซึ่งถือว่ามีความหนาแน่นน้อย โดยหมู่บ้านจะแบ่งออกเป็น 2 โซนหลัก ๆ ได้แก่ Blue Mind และ Forest Bathing คนที่สนใจโครงการก็เลือกโซนจากวิถีการใช้ชีวิตที่สนใจได้
Blue Mind เป็นโซนที่ขุมเหมืองเก่ากลายเป็นบ่อน้ำน้อยใหญ่ ใครเลือกโซนนี้ก็จะได้บ้านริมน้ำ ซึ่งนอกเหนือจากบรรยากาศสบายตาราวกับหนังสือ Walden แล้ว ดีไซเนอร์ยังออกแบบให้เป็นพื้นที่เยียวยาด้วยน้ำ
ทั้งนี้ Blue Mind เองก็แบ่งเป็นหลายส่วน ด้านล่าง ๆ เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ พร้อมรับน้ำท่วมในหน้าฝน เรียกว่า Wetland Healing ซึ่งพืชในส่วนนั้นต่างออกไป เป็นต้นว่า จิกน้ำ อินทนิลน้ำ
ส่วน Forest Bathing คือส่วนไม่มีทะเลสาบ และอิงทฤษฎีการอาบป่า โดยทางผู้ออกแบบได้ทำการฟื้นฟูป่าและเติมไม้พื้นถิ่นเข้าไป ใครที่สนใจการอาบป่าเป็นพิเศษ เลือกส่วนนี้ก็เหมาะเหม็ง
บ้านมีทั้งหมดหลายไซซ์ หลายดีไซน์ บ้านชั้นเดียวอาจเหมาะกับการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ ส่วนบ้าน 2 ชั้นอาจเหมาะสำหรับครอบครัวที่อยู่กันหลายรุ่น มีทั้งผู้สูงอายุและเด็ก ๆ โดยการออกแบบก็เป็นไปในทางเดียวกันกับ Clubhouse คือการเข้าถึงธรรมชาติ ซึ่งโซน Forest Bathing จะมีพื้นที่ระหว่างบ้านที่ออกแบบไว้สำหรับการอาบป่าด้วย
เพื่อความยั่งยืน โครงการยังใช้โซลาร์เซลล์ใน Community House หากลูกบ้านอยากติดตั้งสำหรับบ้านตัวเองก็ทำได้ ไม่มีปัญหา
ส่วนการออกแบบภายในสวย ๆ ก็ได้ บริษัท P49 Design มาแสดงฝีมือ
ตอนนี้มีลูกบ้านเริ่มเข้าอยู่แล้วทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยทางโครงการจะค่อย ๆ ปลูกบ้านไปตามการจับจองของลูกค้า ไม่ได้ขึ้นมาทีเดียวจนเต็มไซต์
“ส่วนใหญ่จะมองว่าที่นี่เป็นบ้านหลังที่ 2” ทิปบอกอย่างนั้น
หากอ่านแล้วอยากเป็นเพื่อนบ้านกับเขาบ้าง ก็ลองไปดูลาดเลาที่ตรีวนันดาก่อนได้ว่าโซนไหนจะเหมาะกับคุณที่สุด แต่หากอยากมาเยียวยาตัวเองในช่วงเวลาสั้น ๆ รีสอร์ตอาจตอบโจทย์มากกว่า ตรีวนันดามีพื้นที่รองรับบุคคลภายนอกให้เข้าร่วมกิจกรรมดี ๆ ได้เหมือนกัน
เมื่อช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19 มาถึง รัฐบาลเริ่มสนับสนุนให้ภูเก็ตเป็น Medical Wellness Destination แม้ว่าตรีวนันดาจะเป็นโครงการที่เริ่มมาก่อนหน้านั้น แต่เรียกได้ว่ามาตอบโจทย์นโยบายได้พอดิบพอดี
เพราะโรคระบาดเกิดขึ้น เมื่อปลดล็อกดาวน์ เทรนด์ Wellness Tourism ก็เริ่มมาแรง และดูท่าทางว่าจะเป็นอย่างนั้นไปยาว ๆ สุขภาพจะดีได้ต้องใช้เวลา การได้ไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาวะ และเข้ารับบริการทางสุขภาพในแขนงต่าง ๆ จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาเรื่องเงิน เวลา หรือเงื่อนไขต่าง ๆ ในชีวิต
ทั้งนี้ เราคิดว่าธุรกิจที่ตอบรับความต้องการในการดูแลสุขภาพนั้นช่วยพัฒนาเมืองได้หลายด้าน ทั้งการฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ เป็นปอดให้กับผู้อยู่อาศัยโดยรอบได้ด้วย และที่สำคัญคืออาจช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในจังหวัดในส่วนหนึ่งได้เป็นอย่างดี
นอกจากตรีวนันดาที่ภูเก็ตแล้ว หลังจากนี้คงมีโครงการแบบนี้ผุดขึ้นมามากมายให้เราเห็นอีกแน่นอน
ภาพ : ตรีวนันดา