ได้เดินทำความคุ้นเคยกับ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โฉมใหม่กันไปแล้วในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 27 เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา
คราวนี้ ทุกท่านคงเตรียมรองเท้าและกระเป๋าขนหนังสือมาเป็นอย่างดีสำหรับงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 51 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 21 Sponsored by BOOK☆WALKER จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 มีนาคม – 9 เมษายน พ.ศ. 2566 ณ ฮอลล์ 5 – 7 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แถมปีนี้ยังพิเศษกว่าปีไหน เพราะวันที่ 30 มีนาคม – 1 เมษายน พ.ศ. 2566 เปิดถึงเที่ยงคืน เอาใจนักอ่านผู้เลิกงานดึกกันสุด ๆ
ในยุคที่ Influencer ผู้มีอิทธิพลทางความคิดกำลังครองตลาด หนึ่งในอินฟลูมาแรงที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Bookfluencer หรืออินฟลูสายอ่านผู้จะมาเปลี่ยนมุมมองความคิดให้ทุกคนเห็นว่า การอ่านนั้นทั้งเท่ สมาร์ต แถมยังชวนเปิดโลกและค้นพบตัวตนแบบที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อน
แต่ถึงคุณจะยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอ่านหนังสืออะไร อยากเป็นอินฟลูที่แนะนำหนังสือสายไหน หรือแม้กระทั่งยังไม่รู้ว่าหนังสือออกใหม่ในงานปีนี้มีอะไรบ้าง The Cloud ได้เชิญบรรณาธิการ 25 ท่าน จาก 25 สำนักพิมพ์ มาแนะนำหนังสือน่าสนใจชนิดพลาดไม่ได้ให้ทุกคนแล้ว
01
ชื่อหนังสือ : 1000 ปีแห่งความรื่นรมย์และขมขื่น (1000 Years of Joys and Sorrows)
ผู้เขียน : อ้าย เว่ยเว่ย
สำนักพิมพ์ : สวนเงินมีมา
บูท : K39
เชื่อว่าคนเกินครึ่งประเทศล้วนมีเชื้อสายเกี่ยวดองกับชาวจีนอพยพที่ถูกบีบให้ออกนอกประเทศจีนในช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน แต่น้อยคนจะรู้ซึ้งถึงความแร้นแค้นแสนสาหัสที่พวกเขาต้องเผชิญ อะไรทำให้บรรพชนของเราต้องละถิ่นฐาน ทิ้งความทรงจำ สูญเสียความรู้สึกเป็นเจ้าของและรากฐานที่มั่นคง เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในดินแดนอื่น อ้าย เว่ยเว่ย ศิลปินจีนผู้ได้ชื่อว่าเป็นปรปักษ์กับรัฐ บอกเล่าไว้ใน 1000 ปีแห่งความรื่นรมย์และขมขื่น หนังสือที่เป็นเสมือนเสียงกู่ร้องให้ชาวโลกได้เห็นความจริงอีกด้านที่รัฐบาลจีนไม่ประสงค์ให้โลกรับรู้ “หากปราศจากประชาธิปไตยทางการเมือง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะพูดถึงประชาธิปไตยทางศิลปะ คุณคาดหวังไม่ได้ว่าประชาธิปไตยจะถูกใส่พานมาถึงมือคุณ คุณจะได้ประชาธิปไตยผ่านการต่อสู้เท่านั้น”
อ้าย เว่ยเว่ย เปิดบันทึกความทรงจำผ่านเรื่องราวของคนรุ่นพ่อ อ้าย ชิง กวีปัญญาชนจีนที่ถูกอำนาจการเมืองบีบคั้นจนแทบสูญสิ้นความเป็นมนุษย์ ทั้งที่เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ มาสู่เรื่องราวของตนเอง ซึ่งจะส่งผลอย่างสำคัญไปสู่คนรุ่นลูกอย่าง อ้าย เหล่า บริบททางสังคม การเมือง และวัฒนธรรมแบบไหนกันที่หล่อหลอมวิญญาณขบถให้ อ้าย เว่ยเว่ย สร้างงานศิลปะอันน่าตื่นตะลึงตอบโต้อำนาจรัฐ จนกลายเป็นศิลปินที่ได้รับการกล่าวขานระดับโลก
นงลักษณ์ สุขใจเจริญกิจ
ทีมสื่อสารสำนักพิมพ์
02
ชื่อหนังสือ : Maymyo Days: Forgotten Lives of a Burma Hill Station
ผู้เขียน : Stephen Simmons
สำนักพิมพ์ : River Books
บูท : E13
“แรกเห็นชื่อ Maymyo Days หลายคนอาจนึกไปถึง Burmese Days ของ จอร์จ ออร์เวลล์ ซึ่งก็ไม่ใช่ความบังเอิญเลย เพราะ สตีเฟน ซิมมอนส์ เลือกใช้วิธีการคล้าย ๆ กัน พาคนอ่านไปรู้จักหลากหลายชีวิตในเมืองตากอากาศบนเนินเขาของพม่าสมัยอาณานิคมอังกฤษ ก่อนที่เมืองนี้จะกลับมาใช้ชื่อ Pyin Oo Lwin แบบดั้งเดิมหลังได้รับเอกราช
“ตอนที่รู้จักเมเมียวครั้งแรกจากหนังสือ Finding George Orwell in Burma เราพบว่าเมืองสวย ๆ ที่มีความเป็นอังกฤษแบบประกอบสร้างนี้มีมิติน่าสนใจ ทั้งในแง่ภูมิทัศน์ธรรมชาติและภูมิทัศน์การเมือง เมื่ออ่าน Maymyo Days นอกจากกลิ่นอายบรรยากาศแบบโคโลเนียล ผู้คนที่โคจรมาพบกัน ณ เมืองแห่งนี้ยังหลากหลายและน่าค้นหา ไม่ว่าจะเป็นคนทำแผนที่ ช่างถ่ายภาพ คนสวน นักเขียน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฯลฯ เพราะนี่คืองานเขียนที่รวบรวมเรื่องราว รูปวาด ภาพถ่ายของบุคคลที่ล้วนเคยใช้ชีวิตอยู่ในเมเมียว
“นักอ่านที่ชอบหนังสือภาษาอังกฤษอ่านสบาย ๆ พร้อมภาพประกอบสีสวย เหมาะกับการค่อย ๆ ละเลียดซึมซับเรื่องราวเหมือนมีไอหมอกเย็น ๆ ลอยเคลียใกล้ ๆ คงจะสนุกกับหนังสือเล่มนี้ไม่ยากเลย แต่ถ้าคุณเป็นสายเรื่องเก่า เน้นชมภาพถ่ายหายาก จะลองแวะมาหยิบ Unseen Burma ไปพิจารณาเพิ่มด้วยอีกเล่ม เราคงยิ่งดีใจ”
ทิมา เนื่องอุดม
บรรณาธิการภาษาไทย
03
ชื่อหนังสือ : Drag Queen และซูเปอร์ฮีโร่คนอื่น ๆ
ผู้เขียน : ณพรรธน์
สำนักพิมพ์ : Avocado Books
บูท : E24
“นี่คือรวมเรื่องสั้นแนว Sci-Fi เล่มแรกของสำนักพิมพ์อะโวคาโด บุ๊กส์ ที่อัดแน่นไปด้วยความแฟนตาซี ทั้งซูเปอร์ฮีโร่ มนุษย์กลายพันธุ์ วาฬบินได้ และอีกมากมายเกินกว่าจะจินตนาการ แถมยังแฝงประเด็นทางสังคมให้ผู้อ่านได้ตั้งคำถามและหาคำตอบเกี่ยวกับทุกความเป็นไปในฐานะมนุษย์
“ผมรู้สึกว่าเล่มนี้สนุก แปลกใหม่ อ่านไปว้าวไป ต้องพักซี้ดปากเป็นช่วง ๆ เพราะความดุเดือดของเนื้อหา บางช่วงก็ต้องพักเปิดไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์การเมืองไทย บางช่วงก็ต้องพักคิดถึงเรื่องที่เคยเห็น เคยได้ยินมา มั่นใจมาก ๆ ครับว่าถ้าใครชอบ Sci-Fi จะรักเล่มนี้มาก หรือถ้าใครไม่ค่อยถูกจริตกับ Sci-Fi เท่าไหร่นัก ก็ยังอ่านเล่มนี้ได้อย่างเพลิดเพลิน และพร้อมจะยกหนังสือเล่มนี้ให้เป็นรวมเรื่องสั้นอีกเล่มในดวงใจ”
จักรกฤต โยมพยอม
บรรณาธิการสำนักพิมพ์
04
ชื่อหนังสือ : วันที่วาฬหายไป รวม 9 นิทานอิ่มอุ่นหัวใจ
ผู้เขียน : บุณยวีร์ เซ่งไพเราะห์
สำนักพิมพ์ : ห้องเรียน
บูท : C43
“วันที่วาฬหายไป รวม 9 นิทานอิ่มอุ่นหัวใจ คือนิทานที่จะพาเด็ก ๆ ไปพบมิตรภาพที่ไม่คาดฝัน ความสุขอิ่มอุ่นหัวใจ ผ่านนิทาน 9 เรื่อง ทุกเรื่องราวจะบันทึกไว้เป็นพลังให้หัวใจดวงน้อยเติบโตอย่างงดงาม
“นี่เป็นหนังสือรวม 9 นิทานที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวและข้อคิดดี ๆ ทั้งการแบ่งปัน เท่าทันอารมณ์ตนเอง แฝงความแตกต่างและมิตรภาพ พาให้เด็ก ๆ เพลิดเพลินไปกับการอ่าน โลดแล่นสู่โลกจินตนาการบนหน้ากระดาษ ทุกเรื่องราวจะกล่อมเกลาหัวใจพวกเขาให้อ่อนโยนและแข็งแรง เมื่ออ่านจบแล้ว เด็ก ๆ จะพบว่าหัวใจของเรานั้นยิ่งใหญ่กว่าที่คิด”
บุณยวีร์ เซ่งไพเราะห์
บรรณาธิการสำนักพิมพ์
05
ชื่อหนังสือ : ฉันรักก้อนเมฆ
ผู้เขียน : น้านกฮูก
สำนักพิมพ์ : แฮปปี้คิดส์
บูท : E32
“ก้อนเมฆบนท้องฟ้าเป็นของหาง่ายและไม่มีราคา แต่กลับมีคุณค่าในฐานะของเล่นเสริมจินตนาการที่สร้างความสนุกสนานได้ไม่รู้จบ เพียงเงยหน้ามองท้องฟ้า ดูก้อนเมฆที่เปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อย ๆ ช่วยกระตุ้นจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และความเบิกบานในหัวใจ ทั้งยังต่อยอดไปสู่กิจกรรมสร้างสรรค์อื่น ๆ ได้อีกมากมาย
“เราอยากให้เด็ก ๆ มีโอกาสพักสายตาจากการจ้องหน้าจอ แล้วมาบริหารสายตาและสมอง ด้วยการทอดสายตามองไกลไปที่ท้องฟ้า และสนุกไปกับจินตนาการเมื่อเห็นก้อนเมฆรูปร่างต่าง ๆ”
ณิชาดา ทวีศิลป์
หัวหน้ากองบรรณาธิการ
06
ชื่อหนังสือ : นิทานวานร
ผู้เขียน : ดร.พุทธชาด สุจริตกุล หรือ ดร.ชีนา
สำนักพิมพ์ : ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
บูท : G20
“หนังสือ นิทานวานร เป็นนิทานสำหรับเด็กวัย 6 – 9 ปี ผู้เขียนคือ ดร.พุทธชาด สุจริตกุล หรือ ดร.ชีนา สำเร็จหลักสูตรการบำบัดด้วยการสะกดจิตทางอารมณ์จาก LifeEnricher Group ด้วยความรู้นี้ประกอบกับประสบการณ์การทำงานเป็นเจ้าของโรงเรียนอนุบาลนานาชาติ ความชอบทำงานกับเด็ก และความสนใจด้านจิตวิทยา ดร.ชีนา จึงเริ่มเขียนนิทานสำหรับเด็กที่มีคติธรรม หนังสือที่ช่วยให้เด็กจัดการกับความคิดของตัวเอง ทำให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะรับมือกับความรู้สึกของตัวเองและเข้าใจโลกในแบบที่เป็น
“ตัวละครลิงในเรื่องเปรียบเหมือนเหรียญ 2 ด้าน ความคิดด้านดีและด้านร้ายในตัวเรา เนื้อเรื่องมีเป้าหมายในการแนะแนวทางให้เด็กจัดการกับความรู้สึกขัดแย้งภายในใจ โดยการชี้นำให้เด็กฝึกตนเองให้ทำในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ให้เป็นไปตามระเบียบของสังคมและวัฒนธรรม
“หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนเครื่องมือสื่อสารที่ผู้ปกครองใช้พูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกของเด็ก”
พรนภัส เพชรสง
ประชาสัมพันธ์ศูนย์หนังสือแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
07
ชื่อหนังสือ : Why Is Sex Fun? : The Evolution of Human Sexuality เซ็กซ์นั้นสนุกไฉน วิวัฒนาการด้านเพศวิถีของมนุษย์
ผู้เขียน : Jared Diamond
สำนักพิมพ์ : ยิปซี
บูท : M31
“Why Is Sex Fun? ถือเป็นหนังสือ Pop-science หนึ่งในเล่มคลาสสิกจากปลายปากกาของ จาเร็ด ไดมอนด์ นำเสนอประเด็นวิทยาศาสตร์ฉบับเพศวิถีที่ชวนนักอ่านไปขบคิดและตั้งคำถามว่า เหตุใดพฤติกรรมทางเพศของมนุษย์จึงแตกต่างจากสัตว์สปีชีส์อื่นขนาดนี้ โดยที่ตัวเราเองอาจไม่ทันได้สังเกตมาก่อน แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็มีจุดร่วมที่เหมือนกับสัตว์อื่น ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัวเช่นกัน
“ถ้าว่ากันจริง ๆ แล้ว หนังสือเล่มนี้ถือเป็นผลงานของ จาเร็ด ไดมอนด์ ที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ต่างจากเล่มอื่น ๆ พอสมควร เราอาจพอเห็นไดมอนด์แตะเรื่อง ‘เพศ’ เป็นครั้งคราวเมื่อเขาพูดถึงวิวัฒนาการมนุษย์ในหนังสือเล่มอื่น ๆ แต่ในเล่มนี้ เขามาเพื่อเจาะประเด็นเรื่องวิวัฒนาการทางเพศแบบถึงพริกถึงขิงไปเลย ถ้าใครมีคำถามใหญ่ ๆ เกี่ยวกับเรื่องเพศวิถี วิวัฒนาการทางเพศ เล่มนี้คือคำตอบเพื่อปูพื้นฐานความเข้าใจทางสรีรวิทยา ชีววิทยา และเพศศึกษาของเรา
“หลายครั้งเรามักมองไปยังพฤติกรรมการสืบพันธุ์ของสรรพสัตว์พลางขบขันกับกิจวัตรแบบสัตว์ที่เรามองว่าแปลกประหลาด แต่ถ้าเราหยุดมองโลกแบบมนุษย์เป็นศูนย์กลาง แล้วมองสัตว์ทั้งมวลด้วยสายตาที่เป็นกลางราวกับผู้สังเกตการณ์จากนอกโลก สัตว์ที่มีพฤติกรรมการสืบพันธุ์แสนแปลกประหลาดที่สุดก็คงไม่พ้นมนุษย์
“แล้วเราแปลกอย่างไรบ้าง ลองนึกว่ามีสัตว์ชนิดไหนที่ต้องผสมพันธุ์กันในที่ลับตาบ้างนอกจากมนุษย์ เท่านั้นไม่พอ มนุษย์ที่กล้าพอจะทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นย่อมถูกสังคมลงโทษไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
“สัตว์ชนิดอื่นรู้ตัวว่าจะตกไข่เวลาไหน แต่สำหรับมนุษย์ นอกจากจะไม่รู้วันตกไข่แล้ว ยังเป็นสัตว์เพียงไม่กี่ชนิดที่มีประจำเดือนด้วย
“ทำไมบทบาททางเพศในแต่ละสังคมมนุษย์ถึงผกผันกันอย่างสิ้นเชิง บางสังคมถึงมีลักษณะชายเป็นใหญ่สุด ๆ แล้วมีการยังเปรียบเทียบบทบาททางเพศของมนุษย์กับสัตว์สายพันธุ์ใกล้ชิดอย่างชิมแปนซีและโบโนโบ ซึ่งสะท้อนถึงวิวัฒนาการทางสังคมมนุษย์ได้
“นี่ไม่ใช่หนังสือที่จะทำให้คุณสุขสมในเพศสัมพันธ์หรือบอกเคล็ดลับการรักษาความสัมพันธ์ แต่มันจะทำให้เราเข้าใจและจัดการกับสัญชาตญาณของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงเข้าใจถึงธรรมชาติทางเพศของมนุษย์คนอื่น ๆ ที่อาจจะเหมือนหรือแตกต่างกันออกไปมากยิ่งขึ้น”
อันโตนิโอ โฉมชา
บรรณาธิการสำนักพิมพ์
08
ชื่อหนังสือ : 80 ต้นไม้รอบโลก (Around the World in 80 Trees)
ผู้เขียน : โจนาธาน โดรรี
สำนักพิมพ์ : Bookscape
บูท : G07
“นี่เป็นหนังสือที่จะพาไปรู้จักโลกทั้งใบผ่านต้นไม้ 80 ต้นจากทุกทวีป ตั้งแต่ไม้ออลเดอร์อันเป็นรากฐานรองรับเมืองเวนิสทั้งเมือง โพธิ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งอินเดียที่รวมใจทั้งชาวพุทธและฮินดู ไม้ก๊อกที่ใช้หุ้มถังเชื้อเพลิงบนกระสวยอวกาศของนาซ่า ป่าเรดวูดที่ซ่อนความลับของต้นไม้สูงเสียดฟ้าไว้ในน้ำหยดเล็ก ๆ ต้นรักจีนกับตำนานชวนขนลุกเรื่องมัมมี่นักบวช จนถึงการทิ้งใบของเชสต์นัตที่มอบความหวังแก่ แอนน์ แฟรงก์ ว่าฤดูใบไม้ผลิจะมาถึงในสักวัน เรียกว่าครบเครื่องเรื่องต้นไม้ในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นพฤกษศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยน่าตื่นใจ แต่งแต้มเรื่องราวด้วยภาพประกอบสดสวย 4 สีทั้งเล่ม
“เหตุผลที่เลือกหนังสือเล่มนี้มาแนะนำ เพราะต้นไม้อยู่รอบตัวเรา แต่เรารู้เรื่องมันน้อยเหลือเกิน หนังสือเล่มนี้จะช่วยจุดประกายให้เราสังเกตสิ่งละอันพันละน้อยในธรรมชาติ และชี้ชวนให้เราสำรวจความสัมพันธ์อันน่าอัศจรรย์ใจระหว่างต้นไม้ เรา และโลก ที่จะทำให้เรามองมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”
ศรัชญ์ศรณ์ ศรประสิทธิ์
บรรณาธิการสำนักพิมพ์
09
ชื่อหนังสือ : ลวดลายแบบอยุธยาตอนต้น
ผู้เขียน : ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.สันติ เล็กสุขุม
สำนักพิมพ์ : เมืองโบราณ
บูท : K31
“หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานการศึกษา เก็บข้อมูลลวดลายแบบต่าง ๆ อย่างละเอียดที่ปรากฏบนโบราณสถานที่มีหลักฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนต้น เช่น วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดส้ม วัดพระราม และโบราณสถานที่สร้างในยุคก่อนสมัยอยุธยา ซึ่ง ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.สันติ เล็กสุขุม ผู้เขียน นำข้อมูลที่ได้มาเปรียบเทียบรูปแบบของลวดลาย ตามแนวทางการศึกษาด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ เพื่อกำหนดอายุสมัย ลำดับวิวัฒนาการของลาย ซึ่งบางลายมีรูปแบบที่สืบทอดมาจากศิลปะยุคก่อนหน้า เช่น สมัยทวารวดี ลพบุรี และบางลวดลายรับอิทธิพลกับศิลปะที่มีอายุร่วมกันอย่างสุโขทัย นำมาสู่การคลี่คลายมาเป็นรูปแบบลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปะอยุธยา
“ทำให้ผู้อ่านเข้าใจถึงพัฒนาการและการสร้างสรรค์งานศิลปะ โดยเฉพาะงานปูนปั้นที่เป็นฝีมือของช่างสมัยอยุธยาตอนต้น และทำให้เห็นถึงความสำคัญของลวดลายจากอดีตที่หลงเหลือเหล่านี้ แม้บางลายในโบราณสถานบางแห่งจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็มีคุณค่าและความหมาย นอกเหนือจากคุณค่าความงามทางศิลปะ
“หนังสือเล่มนี้เป็นงานที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับลวดลายไทยอย่างละเอียด มีทั้งภาพวาดลายเส้นของลวดลายแต่ละแบบ เปรียบเทียบกับภาพถ่ายลวดลายจากโบราณสถาน ซึ่งถ่ายเมื่อ 40 กว่าปีก่อน ซึ่งหลายแห่งในปัจจุบันอาจเปลี่ยนแปลงหรือสูญหายไปบ้างแล้ว นับว่าเป็นหนังสือที่บันทึกข้อมูลของลวดลายไทยในศิลปะอยุธยาตอนต้น และอธิบายลักษณะลายแต่ละรูปแบบอย่างละเอียด ข้อมูลของลวดลายแบบอยุธยาตอนต้นเหล่านี้ยังอาจเป็นแนวทางให้ผู้สนใจด้านศิลปะไทยนำไปต่อยอดความรู้ พัฒนาสู่การสร้างสรรค์งานศิลปะแขนงต่าง ๆ ในยุคปัจจุบันได้”
อภิวันทน์ อดุลยพิเชฏฐ์
บรรณาธิการสำนักพิมพ์เมืองโบราณ
10
ชื่อหนังสือ : คดีฆาตกรรมในคฤหาสน์หน้ากากมหัศจรรย์ 1 – 2
ผู้เขียน : อายาสึจิ ยูกิโตะ
สำนักพิมพ์ : PRISM
บูท : D48
“เรื่องนี้เป็นผลงานที่นักอ่านหลายคนรอคอย ก่อนหน้านี้ในซีรีส์คฤหาสน์มีออกมา 2 เล่มแล้วกับแพรวสำนักพิมพ์ คือ คดีฆาตกรรมในบ้านสิบเหลี่ยม และ คดีฆาตกรรมในคฤหาสน์แมวดำ และเล่มนี้ คดีฆาตกรรมในคฤหาสน์หน้ากากมหัศจรรย์ นักเขียนมีทริกการฆาตกรรมที่พิสดารและความลับของตัวคฤหาสน์ที่นักอ่านคาดไม่ถึงอีกเช่นเคย จึงทำให้นักอ่านที่เป็นแฟนซีรีส์คฤหาสน์รอคอยกันเป็นอย่างมาก
“เหตุผลที่บรรณาธิการเลือกหนังสือเล่มนี้ คือ สนุกค่ะ ไม่มีเหตุผลอื่นเลย ทั้งเนื้อหาที่เข้มข้นตั้งแต่ต้นจนจบ ทริกของฆาตกรที่ก่อเหตุฆาตกรรมและตัวบ้านหน้ากากมหัศจรรย์ที่ลึกลับซับซ้อนกว่า 2 เล่มก่อนที่แพรวสำนักพิมพ์ทำออกมา อยากให้คนอ่านที่เป็นแฟนซีรีส์คฤหาสน์ได้ลองอ่านเล่มนี้ รวมถึงคนที่เพิ่งเริ่มอ่านงานชุดนี้ ก็เริ่มจากเล่มนี้ได้เช่นเดียวกัน”
ปุริษา ตาสาโรจน์
บรรณาธิการสำนักพิมพ์
11
ชื่อหนังสือ : เราจะเป็นแดดจ้าในวันที่ฟ้ามีเมฆมาก (구름 껴도 맑음)
ผู้เขียน : แพซ็องแท
สำนักพิมพ์ : Bloom Publishing
บูท : F31
“หนังสือที่ถ่ายทอดความรักหลังแต่งงานของนักวาดฟรีแลนซ์ชาวเกาหลีผ่านลายเส้นละมุนตากับคำอธิบายสั้น ๆ แต่อบอุ่นใจ ภาพสี่สีสดใสตามสไตล์นักวาดเพจ grim_b ที่ครองใจนักอ่านจนมีผู้ติดตามกว่า 500,000 คนทางอินสตาแกรม
“หนังสือภาพเล่มนี้ไม่ใช่จุดเริ่มต้นของความรัก แต่เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตคู่ เส้นทางที่เดินขนานกันหลอมรวมกลายเป็นจับมือเคียงคู่ในเส้นทางเดียวกัน จึงมีมุมมองที่ลึกซึ้ง อบอุ่น และสัมผัสถึงการร่วมชีวิตมากกว่าหนังสือรักหลายเล่ม ความแตกต่างจะกลายเป็นจิ๊กซอว์คนละชิ้นส่วนที่ลงล็อกกันได้อย่างพอดี ลายเส้นที่น่ารักเข้าใจง่ายกับคำอธิบายที่แสดงถึงความใส่ใจละเอียดอ่อนทำให้ยิ้มอย่างมีความสุขในทุก ๆ หน้าที่เปิดอ่าน เต็มอิ่มกับทุกย่างก้าวของพวกเขา
“การได้เรียนรู้ความรักของใครสักคนเพื่อรื้อฟื้นความรู้สึกทั้งหลายของความรักทั้งอดีตและปัจจุบันของเรา ผ่านหนังสือรักสุดอาร์ตแบบนี้ก็กระชุ่มกระชวยจิตใจไม่น้อยเลยครับ ในช่วงเวลาเหนื่อยล้าและยากลำบากทั้งกายและใจเช่นนี้ก็ขอให้หนังสือรักเล่มนี้ส่งความอบอุ่นไปถึงจิตใจคุณครับ”
ปิยะนัฐ ลักษมีพงศ์
บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์
12
ชื่อหนังสือ : LOST ด้วยดวงใจที่สูญหาย
ผู้เขียน : สิลิ
สำนักพิมพ์ : P.S. Publishing
บูท : K15
“รวมเรื่องสั้นของหญิงสาวที่รักคนผิด โดนโลกบีบให้พบเจอความว่างเปล่าอยู่บ่อย ๆ เป็นจดหมายถึงความรักและการร่ำลาที่เคยผ่านมา เพื่อนแก้เหงา ตัวสำรอง ความสัมพันธ์ลับ ๆ การทรยศ ในเล่มจะประกอบไปด้วย Fragment สั้น ๆ กอบโกยมาจากหัวใจที่ถูกกร่อนทำลายแต่ยังทำงานไม่เคยบกพร่อง โกรธแค้นแต่ก็ยังปฏิเสธความคิดถึงไม่ได้ เปราะบางแต่ก็ยังเหลือเรี่ยวแรงให้เข้มแข็งในบางเวลา เป็นน้ำเสียงที่ขมขื่น แต่ก็ยังล้นด้วยความรัก
“มันเป็นเรื่องเศร้าที่เป็นเหมือนความหวังว่าสักวันจะถูกรัก เหมือนคำอธิษฐานให้รักตัวเอง เข้าใจความเปลี่ยนแปลง ไม่ได้ตัดสินว่าควรจะรักแบบไหน แต่เป็นเหมือนคำปลอบโยนง่าย ๆ ว่า ‘ไม่เป็นไรนะ’ ไม่ว่าอะไรจะหายไป ขอให้คุณยังหายใจ เท่านั้นเอง”
อันตา จิตตาศิรินุวัตร
บรรณาธิการสำนักพิมพ์
13
ชื่อหนังสือ : Nights ยามดาราสิ้นสูญ เล่ม 1
ผู้เขียน : มู่ซูหลี่ (Mu Su Li)
สำนักพิมพ์ : everY
บูท : Q02
“การไขปริศนาแห่งมิติเวลาในโลกอนาคตอันไร้ขอบเขตของนิยายวายแปลจีน แนว Sci-Fi อวกาศ ผสมผสานด้วยความโรแมนติก-คอมเมดี้จากเหล่าตัวละคร เดินทางมาพร้อมเซตติ้งโลกอนาคตซึ่งมนุษย์มีอายุขัยประมาณ 200 ปี
“Nights ยามดาราสิ้นสูญ เป็นนิยายวายแปลจีนที่เล่าเรื่องราวของมนุษย์บนดาวเคราะห์ที่ชื่อว่า ‘อากีลาแกมม่า’ ซึ่งวันหนึ่งเกิดการระเบิดและกลายเป็นเศษเสี้ยวดาวเคราะห์กระจัดกระจายไปทั่ว โชคดีที่พวกเขามีนวัตกรรมที่เรียกว่าแคปซูลแช่แข็ง มนุษย์จึงเข้าไปนอนในนั้นได้และถูกแช่แข็งเอาไว้อย่างเป็นสุข เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็จะยังคงแข็งแรง กระฉับกระเฉงแม้ว่าจะนอนหลับไปนานแค่ไหนก็ตาม
“ฉู่ซือ และ ซ่าเอ้อ หยาง คือตัวเอกของเรื่อง คนหนึ่งคือหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการกองอำนวยการความมั่นคงมากความสามารถ อีกหนึ่งคนคือนักโทษที่ตามจับยากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรือนจำอวกาศ ผู้ที่โดนกำหนดเอาไว้ว่าจะต้องถูกจองจำจนกว่าจะสิ้นอายุขัยของดวงดาว คนสองคนที่สถานะทางสังคมแตกต่างกันกลับใกล้ชิดกันกว่าที่ใครคาดคิด หลังจากฉู่ซือตื่นขึ้นมาจากการพักผ่อนอันยาวนานในแคปซูลแช่แข็ง เขาก็พบว่านักโทษตัวเอ้ อย่างซ่าเอ้อได้หนีออกจากคุกมาแล้ว และกำลังตามหาตัวเขาอย่างสุดความสามารถอีกด้วย
“การเอาตัวรอดท่ามกลางสภาพอันเลวร้ายของดาวเคราะห์ที่ระเบิดจนกลายเป็นเศษเสี้ยวมากมาย ไหนจะปริศนาเกี่ยวกับมิติเวลาที่ทำให้เวลาของฉู่ซือแตกต่างจากผู้อื่น รวมถึงการโจมตีของผู้พเนจรอวกาศและดาวอื่น ๆ พวกเขาจะเอาตัวรอดไปได้หรือไม่ ร่วมติดตามและเอาใจช่วยพวกเขาไปด้วยกันใน Nights ยามดาราสิ้นสูญ นิยาย Sci-Fi ที่ everY ภูมิใจนำเสนอ”
ภุมริน ปทุมพรรุจี
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์
14
ชื่อหนังสือ : Do you ship? ใครชิปกันคู่นั้นเขาแต่งกันแล้ว
ผู้เขียน : LALIETTE
สำนักพิมพ์ : LILLY HOUSE PUBLISHING
บูท : N42
“เรื่องนี้เป็นนิยายแนว Girl Love แนวแข่งขันไอดอลที่แปลกใหม่ แถมยังมีปมปริศนาต่าง ๆ ที่นักเขียนวางไว้ เรียกได้ว่าไม่ใช่แค่แนวไอดอลเท่านั้นที่เป็นจุดขายของเรื่อง แต่ยังมีเรื่องของปริศนาซ่อนเงื่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่นางเอกคนหนึ่งมีภาวะความจำเสื่อม โดยที่เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าได้ ‘แต่งงาน’ กับนางเอกอีกคนไปแล้ว
“เราเลือกเล่มนี้ เพราะเป็นนิยายที่นอกจากจะน่าสนใจด้วยเนื้อหาและบทของเรื่องแล้ว ตัวผู้แต่งยังใช้คำบรรยายได้น่าติดตาม ทำให้อ่านแล้วชวนลุ้นว่าเนื้อเรื่องจะเป็นไปในทิศทางใด เป็นอีกหนึ่งเล่มที่อยากแนะนำให้คนที่ชอบอ่านแนว Girl Love ลองอ่านกัน หรือถ้ายังไม่เคยอ่านแนวนี้ นี่ก็เป็นอีกเล่มหนึ่งที่อยากแนะนำค่ะ”
พิมพ์ชนก เจียรวัฒนกุล
บรรณาธิการสำนักพิมพ์
15
ชื่อหนังสือ : Pretty Guardian Sailor Moon Eternal Edition เล่ม 10 (จบ)
ผู้เขียน : Naoko Takeuchi
สำนักพิมพ์ : VIBULKIJ
บูท : O26
“หนังสือ Pretty Guardian Sailor Moon Eternal Edition ใน 1 ชุดมีทั้งหมด 10 เล่ม จัดพิมพ์เป็นพิเศษแบบเดียวกับต้นฉบับญี่ปุ่น หนังสือแต่ละเล่มเป็นการรวมเนื้อหาภายในของฉบับครบรอบ 20 ปี เข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
“หนังสือเล่มจบของชุดออกภายในงานสัปดาห์หนังสือ ครั้งที่ 51 เพื่อเป็นผลงานหนังสืออมตะสุดคลาสสิก ทรงคุณค่า สำหรับแฟนการ์ตูน ผู้รักในผลงานสร้างสรรค์ของ อาจารย์ Naoko Takeuchi
“เป็นหนังสือที่สำนักพิมพ์ตั้งใจผลิตให้ออกมาเป็นหนังสือเพื่อการเก็บสะสมของแฟนคลับเซเลอร์มูนโดยเฉพาะ ด้วยการคัดเลือกกระดาษพิมพ์ทั้งปกและเนื้อกระดาษภายในเล่ม ด้วยกระดาษเกรดงานศิลปินคุณภาพสูง ตัวเล่มจึงมีความหนาเป็นพิเศษมากกว่ากระดาษปกติทั่วไป การเคลือบผิวบนปกด้วยฟิล์มเคลือบพิเศษสร้างความวาววับอย่างมีคุณค่า อีกทั้งยังได้รับการตรวจทานคุณภาพจากทีมบรรณาธิการญี่ปุ่นของอาจารย์ Naoko Takeuchi โดยตรง
“ดังนั้นการผลิตหนังสือตั้งแต่เล่มที่ 1 – 10 ซึ่งเป็นการออกจำหน่ายครบชุดพอดีภายในงานสัปดาห์หนังสือ ครั้งที่ 51 นี้ จึงเป็นช่วงเวลาที่แฟนคลับจะได้สะสมผลงานอมตะเรื่อง เซเลอร์มูน ได้อย่างพอดิบพอดี สิ่งสำคัญที่สุด คือผลงานครบทั้ง 10 เล่มนี้ จะเป็นการผลิตรูปแบบนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เนื่องจากความยากในรายละเอียดตลอดขั้นตอนการผลิตและความตั้งใจเพื่อให้เป็นหนังสือสำหรับการเก็บสะสมโดยเฉพาะ”
ทีมบรรณาธิการ
สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ
16
ชื่อหนังสือ : My Broken Mariko – แด่มาริโกะของฉัน
ผู้เขียน : วากะ ฮิราโกะ
สำนักพิมพ์ : PHOENIX
บูท : Q44
แด่มาริโกะของฉัน My Broken Mariko… แด่เธอผู้จากไป
ชิอิโนะ โทโมโยะ รู้ข่าวว่าเพื่อนสนิทอย่าง มาริโกะ จากไปอย่างกะทันหัน เธอเจ็บใจที่ไม่อาจช่วยเพื่อนไว้ได้ ทั้งที่รู้ว่ามาริโกะมีปัญหาในชีวิตมากมายแค่ไหน ชิอิโนะจึงตัดสินใจออกเดินทางพร้อมกับอัฐิของมาริโกะเพื่อทำตามความปรารถนาของเพื่อนเป็นครั้งสุดท้าย
*Trigger Warning เนื้อเรื่องมีการพูดถึงเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย ความรุนแรงในครอบครัว และประเด็นอ่อนไหวหลายเรื่อง
My Broken Mariko – แด่มาริโกะของฉัน คือเรื่องราวเกี่ยวกับคนที่ถูกทิ้งให้มีชีวิตอยู่แม้ว่าคนที่รักจะจากไปแล้ว ชิอิโนะคือคนที่คอยยึดเหนี่ยวมาริโกะผู้แตกสลายให้มีชีวิตอยู่ตลอดมา ในขณะที่มาริโกะมีบาดแผลเต็มตัว ชิอิโนะเองก็มีบาดแผลฝังลึกในจิตใจเพราะรู้สึกว่าตนไม่อาจช่วยเหลืออีกฝ่ายได้เลย จนในที่สุดความตายของมาริโกะก็ทำให้ชิอิโนะพลอย ‘แตกสลาย’ ไปด้วย การออกเดินทางพร้อมอัฐิของเพื่อนรักในครั้งนี้เป็นเหมือนการจัดการความโศกเศร้าและความอาลัยอาวรณ์ของตัวเอง ซึ่งนำไปสู่การเรียนรู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำให้กับคนที่จากไปได้ ก็คือการมีชีวิตต่อไปพร้อมโอบกอดความทรงจำเกี่ยวกับคนคนนั้นไว้
ผลงานเรื่องนี้คือผลงานเดบิวต์ของ วากะ ฮิราโกะ ซึ่งเขียนจากประสบการณ์จริง ผู้แต่งจึงบอกเล่าเรื่องราวและถ่ายทอดความรู้สึกได้อย่างเจ็บปวดและลึกซึ้ง จนได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ในปี 2022 ที่ผ่านมา
พิมพ์พชร คุณโสภา
บรรณาธิการสำนักพิมพ์
17
ชื่อหนังสือ : เพราะอย่างนี้คุณถึงถูกฆ่า
ผู้เขียน : มิซูกิ ฮิโรมิ
สำนักพิมพ์ : ไดฟุกุ
บูท : M07
มาซาโยชิ กับ ยู เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกัน แต่ใช้นามสกุลต่างกัน เพราะพ่อแม่ของทั้งสองหย่ากันตั้งแต่ทั้งคู่ยังเด็ก มาซาโยชิอยู่กับพ่อ ส่วนยูย้ายออกไปอยู่กับแม่
10 ปีต่อมา แม่ของยูเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง มาซาโยชิจึงย้ายมาอยู่ด้วยเนื่องจากยูยังเป็นผู้เยาว์
จนวันหนึ่งเกิดคดีฆาตกรรมนางแบบสาวในสวนสาธารณะ ยูจึงต้องออกโรงช่วยพี่ชายสุดที่รักที่เป็นตำรวจสืบสวนไขคดี
ความโชคร้ายซ้ำซ้อนที่แสนเศร้าของคนที่เรานึกไม่ถึงว่าเป็นเหยื่อ เรื่องนี้หักมุมหลายตลบ หลอกคนอ่านแบบชิลล์ ๆ ตลอดเรื่อง พอเฉลยตอนหลัง ทั้งเรื่องก็จะดูมีความหมายใหม่ขึ้นมาว่า อ้อ คนนี้เองที่ชักใยอยู่ทั้งหมด ทำให้เกิดอาการ ‘ว้าว’
โซเชียลมีเดียเต็มไปด้วยการบูลลี่ ครอบครัวซ่อนความรุนแรง สังคมมีแต่ความเหลื่อมล้ำ
บทสรุปหักมุมของทั้งคู่ในโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าครั้งนี้คืออะไร!
“ความดีงามแรกของเล่มนี้คือปกฝีมือ คุณ Sasi สวยงามประณีตมาก ศิลปะสีน้ำที่ไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ มีเสน่ห์ของการละลายเข้ากันของสี ภาพดึงรายละเอียดจุดเด่นของเรื่องออกมาได้อย่างน่าสนใจ เมื่ออ่านจบแล้วกลับมาดูปกก็จะอินไปอีกระดับ
“และอีกสิ่งดีงามที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าปก คือเนื้อเรื่องที่ลึกลับซับซ้อนกว่าที่คิด ตอนแรกคิดว่าเป็นแค่เรื่องน้องสาวจอมจุ้นที่เข้าไปช่วยพี่ชายที่เป็นตำรวจสืบสวนสืบคดีฆาตกรรมธรรมดา ๆ แต่กราฟความตื่นเต้นกลับพุ่งทะยานขึ้นไปอีกหลังจากที่คดีคลี่คลาย
“หนังสือเล่มนี้ทิ้งเบาะแสของเหตุการณ์ต่าง ๆ ไว้ตลอดทั้งเรื่อง ชนิดที่ว่าพออ่านจนจบแล้วถึงกับต้องร้องอ๋อกันยาว ๆ รับรองว่านี่จะเป็นนิยายสอบสวนที่อ่านแล้วลุ้นตัวโก่ง โดนหลอกแบบคาดไม่ถึงแน่นอน
“ใครเดาเรื่องได้ ขอซูฮกคารวะเลย”
อลีน เฉลิมชัยกิจ
บรรณาธิการสำนักพิมพ์
18
ชื่อหนังสือ : ซาฮาแมนชัน (Saha Mansion)
ผู้เขียน : โชนัมจู
สำนักพิมพ์ : เอิร์นเนส
บูท : N01
ในประเทศสมมติ บริษัทแห่งหนึ่งยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลเสียจนแบ่งแยกตัวเองออกเป็นประเทศและใช้ชื่อว่า ‘ทาวน์’
บุคคลที่มีความสามารถจะได้รับสิทธิ์เป็นพลเมืองของทาวน์
ส่วนพลเมืองชั้น 2 จะต้องทำงานใช้แรงกายโดยได้รับแค่ค่าแรงขั้นต่ำและไม่มีสวัสดิการใด ๆ
‘ซาฮาแมนชัน’ เป็นที่อยู่อาศัยของคนนอกทาวน์ เป็นถิ่นฐานของคนไร้อนาคต
แต่แล้ววันหนึ่งแพทย์หญิงที่ชื่อ ซู ถูกพบเป็นศพในรถนอกตัวเมือง
โทคยอง น้องชายของ จินคยอง ที่อาศัยอยู่ในซาฮาแมนชัน หายตัวไปและโดนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นฆาตกรสังหารพลเมืองของทาวน์
เพื่อสืบหาความจริง จินคยองต้องสอบถามเพื่อนบ้านที่แต่ละคนที่มีปูมหลังลึกลับ แต่เมื่อยิ่งขุดลึกลงไป เธอก็ยิ่งค้นพบความลับอันดำมืดของทาวน์
ซาฮาแมนชัน เป็นนิยายแนวดิสโทเปียของ โชนัมจู ผู้เขียน คิมจียอง เกิดปี 82 ซึ่งสะท้อนภาพปัจจุบันด้วยโลกอนาคตในลักษณะเดียวกับ 1984 ของ จอร์จ ออร์เวลล์
ทีมงานสำนักพิมพ์
19
ชื่อหนังสือ : รักชวนหัว
ผู้เขียน : มิลาน คุนเดอรา
สำนักพิมพ์ : บทจร
บูท : N14
“หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานรวมเรื่องสั้นเรื่องเดียวของ มิลาน คุนเดอรา ซึ่งเคยเขียนถึงงานเล่มนี้ว่าเป็นงานที่เขาพึงใจที่สุด เพราะเขาเขียนในยามที่เขามีความสุขที่สุดในชีวิต และเขียนเรื่องสุดท้ายเสร็จก่อนโซเวียตจะเข้ามายึดครองเช็กเพียงไม่กี่วัน
“ชื่อหนังสือไม่ใช่ชื่อเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งที่นักเขียนหรือบรรรณาธิการเลือกขึ้นมาเป็นตัวแทนของเล่ม การตั้งชื่อจึงมีนัยบ่งบอกถึงแนวคิดบางอย่างของเรื่องสั้นเรื่องต่าง ๆ ในเล่ม
“รักชวนหัว หมายความถึงความรักที่ลดทอนภาพของความหนักหน่วงจริงจังแบบที่เราคุ้นเคยยามพูดหรือนึกถึงความรัก รักกันปานจะกลืนกิน รักเดียวใจเดียว รักกันจนวันตาย รักต้องสู้ รักที่แลกมาด้วยหยาดน้ำตา ฯลฯ ซึ่งเรามักคุ้นเคยว่า ความรักคือความจริงจังที่คนเราต้องอุทิศให้หรือให้ความสำคัญ รักชวนหัว ตั้งคำถามและเสนอภาพของความรักที่ลดทอนความจริงจังเหล่านี้ ความรักยังคงดังเดิมหรือไม่ ยามร่างกายโรยรา ผิวเหี่ยวย่น หัวเริ่มล้าน ความรักมาด้วยความบังเอิญแทนที่จะเป็นชะตากรรมได้หรือไม่ ความรักเป็นเรื่องเล่น ๆ สรวลเสเฮฮาได้หรือไม่ ฯลฯ คำถามเหล่านี้เหมือนคำถามใกล้ตัวหรือประหนึ่งหญ้าปากคอกที่ถูกบดบังยามพูดถึงความจริงจังของความรัก ทั้งที่ดำรงอยู่จริง
“รักชวนหัว ฉบับภาษาไทยพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อราว ๆ 20 กว่าปีที่แล้ว และขาดตลาดไปนานมาก การพิมพ์งานของคุนเดอราครั้งใหม่เชื้อเชิญให้นักอ่านรุ่นใหม่ได้มาสัมผัสกับงานของนักเขียนคนสำคัญอีกครั้ง
วรงค์ หลูไพบูลย์
บรรราธิการอำนวยการสำนักพิมพ์
20
ชื่อหนังสือ : เมื่อลมหายใจกลายเป็นอากาศ
ผู้เขียน : Paul Kalanithi
สำนักพิมพ์ : ซอลท์
บูท : i06
“นี่เป็นบันทึกเรื่องราวชีวิตและการต่อสู้กับโรคมะเร็งของ พอล คาลานิที ศัลยแพทย์หนุ่มวัย 36 ปี ที่ชีวิตกำลังไปได้ดีและมีอนาคตอันรุ่งโรจน์รออยู่ แต่แล้วเขาก็ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็ง เขาบันทึกการเผชิญหน้า สำรวจ ต่อสู้ และโอบรับความตายเอาไว้ในหนังสือเล่มนี้ ด้วยความงดงามของภาษาและความคว้างร้างของความตายที่จดจ่ออยู่เบื้องหน้า เมื่อลมหายใจกำลังจะกลายเป็นอากาศ อะไรคือความหมายของทุกสิ่งนี้กันแน่
“เราเลือกหนังสือเล่มนี้ เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวทุกคน เชื่อว่ามนุษย์เรามักสงสัยและอยากรู้เสมอว่าเราจะตายเมื่อไหร่ แต่นั่นเป็นคำตอบที่ไม่มีใครรู้ และอาจไม่มีวันรู้เลยก็ได้ หนังสือเล่มนี้จึงเป็นมากกว่าบันทึกการต่อสู้กับโรคร้ายและความตายที่อยู่ตรงหน้า เป็นมากกว่าวรรณกรรมที่แสนลึกซึ้ง เจ็บปวด และน่าจดจำ เพราะมันเต็มไปด้วยการตั้งคำถามทางปรัชญามากมาย เรายังตามหาคุณค่าแห่งชีวิตอีกหรือไม่ในวันที่เราเห็นความตายอยู่ตรงหน้า แล้วความหมายที่แท้จริงของการดำรงอยู่คืออะไร ทุกขณะที่พลิกหน้าหนังสือจะชวนให้ผู้อ่านได้ไตร่ตรองไปพร้อม ๆ กัน”
ภสรัณญา จิตต์สว่างดี
ผู้จัดการสำนักพิมพ์
21
ชื่อหนังสือ : แมวปริศนากับใบไม้แห่งคำทำนาย 猫のお告げは樹の下で
ผู้เขียน : มิจิโกะ อาโอยามะ
สำนักพิมพ์ : Bibli
บูท : i15
“หนังสือเล่มนี้บอกเล่าความเป็นมนุษย์ของแต่ละตัวละคร ชวนให้เรานึกถึงบางสิ่งที่อาจทำหล่นหายไปในระหว่างทางที่ใช้ชีวิต โดยฉากสำคัญของเรื่องคือศาลเจ้า สถานที่ซึ่งเราจะได้พบกับ ‘แมวผู้ส่งสาร’ ที่ช่วยมอบคำพยากรณ์เมื่อเราอธิษฐาน พร้อมการปลอบประโลมจิตใจและคำแนะนำจาก ‘เจ้าอาวาส’
“ในขณะอ่าน ทั้งตัวละครในเรื่องและผู้อ่านจะได้หวนย้อนนึกถึงอดีต ปัจจุบัน และความคาดหวังต่ออนาคต และหากมีเรื่องที่กำลังกังวลใจ หนังสือเล่มนี้ก็พร้อมอยู่ข้าง ๆ และช่วยพวกเราตามหาคำตอบหรือทบทวนเรื่องสำคัญที่เผลอหลงลืม เพื่อไปสู่ทางออกของชีวิต
“หนังสือเล่มนี้ผสมผสานเอาความเชื่อของคนญี่ปุ่นอย่างเรื่องคำทำนายจากใบทาราโย มาขมวดเข้ากับปัญหาของคนปัจจุบันให้ดูร่วมสมัยได้น่าสนใจ ยิ่งมีเจ้าแมวเหมียวคอยเป็นผู้ส่งคำทำนายให้ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันน่ารักจริง ๆ แต่คำทำนายที่ได้จากเจ้าเหมียวมิกุจินั้นสั้นมาก กลายเป็นอีกปริศนาหนึ่งที่แต่ละคนต้องไปขบคิดและตีความเอง น่าสงสัยว่าแต่ละคนจะหาทางออกให้ตัวเองได้ยังไง
“หลังอ่านเรื่องนี้ก็พบว่าจริง ๆ แล้วมนุษย์พยายามหาคำตอบให้ชีวิตของตัวเองเสมอ จนบางครั้งหลายคนก็อาจไปอาศัยการดูดวงหรือการทำนายดวงชะตาต่าง ๆ แต่ก็พบว่าไม่มีคำทำนายไหนที่บอกทิศทางชีวิตให้เราได้ถูกต้องไปทั้งหมด มันอาจจะชี้แนวทางหรือให้ความสบายใจกับเราส่วนหนึ่ง แต่หลัก ๆ แล้วเราต้องไปใช้ชีวิตเพื่อหาคำตอบเอาเอง ชอบที่หนังสือไม่ได้บอกให้เราพึ่งพาคำตอบจากอะไรแบบนี้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ให้เราพยายามแสวงหาทางออกของชีวิตในแบบของตัวเองนี่แหละ”
ลดาวัลย์ นงลักษณ์
ตำแหน่งบรรณาธิการ
22
ชื่อหนังสือ : KITCHEN คิตเช่น
ผู้เขียน : บานานา โยชิโมโตะ (Banana Yoshimoto)
สำนักพิมพ์ : แซลมอน
บูท : i31
“เรื่องราวของหญิงสาวผู้โปรดปรานอาหารและรักสารพัดสิ่งในห้องครัว ต้องเผชิญหน้ากับช่วงเวลาแห่งความสับสน โดดเดี่ยว และเปลี่ยวเหงาเพียงลำพัง ภายหลังสูญเสียคุณยายซึ่งเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ไปตลอดกาล ท่ามกลางช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้น ครอบครัวของเด็กหนุ่มผู้เงียบขรึมก็ชักชวนให้เธอย้ายไปอยู่ด้วย การเป็นผู้อาศัยในบ้านคนแปลกหน้าก็เยียวยาหัวใจของเธอเป็นอย่างดี หากว่าชีวิตก็ยังมีความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่กว่ารอให้พวกเขาเผชิญหน้าและผ่านพ้นอยู่
“นวนิยายเขียนขึ้นในปี 1988 ซึ่งแม้ผ่านช่วงเวลามากว่า 30 ปี แต่แก่นแกนและการเล่าเรื่องกลับยังร่วมสมัยเข้ากับยุคปัจจุบัน อีกทั้งเป็นผลงานเล่มแรกในเส้นทางสายวรรณกรรมของ บานานา โยชิโมโตะ นักเขียนชาวญี่ปุ่นที่มีผลงานครองใจนักอ่านทั่วโลก โดยหลังตีพิมพ์ในญี่ปุ่นก็ได้รับการตอบรับดีมาก ๆ
“นอกจากตัวเนื้อหาที่โดดเด่นแล้ว อีก 2 ความพิเศษคือในเล่มนี้คือ การตีพิมพ์ Moonlight Shadow นวนิยายขนาดสั้นของโยชิโมโตะเป็นภาษาไทยครั้งแรก และการแปลจากต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นโดยตรงจาก คุณอิศเรศ ทองปัสโณว์ ผู้ฝากสำนวนการแปลไว้ในมังงะชื่อดังหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ลัคกี้แมน, Naruto นินจา คาถาโอ้โฮเฮะ หรือ Bleach เทพมรณะ ด้วย
“เชื่อว่าเรื่องราวในเล่มเกี่ยวข้องกับชีวิตของเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ อย่างการชื่นชอบห้องครัว หลงใหลในอาหาร เคยเผชิญกับการสูญเสียคนรัก ตกอยู่ในห้วงเวลาที่สับสนจนทำอะไรไม่ถูก หลงทางชีวิต ไม่มูฟออนจากการโทษตัวเอง ซึ่งเราคิดว่าความรู้สึกนึกคิดและความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นกับเหล่าตัวละครในเล่มนี้ น่าจะช่วยปลอบประโลมหัวใจ ตบบ่าให้คุณกล้าเผชิญหน้ากับความเศร้าเพื่อยอมรับและพยายามลุกขึ้นใช้ชีวิตอีกครั้งได้ ยิ่งวิธีการเล่าเรื่องของโยชิโมโตะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เล่าอย่างเรียบง่าย แต่แฝงด้วยความลึกซึ้ง งดงาม ชวนให้ติดตามด้วยแล้ว ก็น่าจะถูกใจสายนักอ่านและแฟน ๆ ชาวก้อนเมฆ”
ชนัดดา ตันนพรัตน์
บรรณาธิการสำนักพิมพ์
23
ชื่อหนังสือ : ‘เมื่อแมวที่บ้านคุณผันตัวมาเป็นไลฟ์โค้ช’ How to Live Like Your Cat
ผู้เขียน : Stéphane Garnier
สำนักพิมพ์ : วีเลิร์น
บูท : J34
“เราว่าหนังสือเล่มนี้ต้องถูกใจบรรดาทาสแมวอย่างแน่นอน แต่นอกจากปกที่น่ารักน่าชังแล้ว เนื้อหาก็น่าสนใจไม่แพ้กัน หนังสือเล่มนี้มี 40 คำแนะนำในการใช้ชีวิตที่มนุษย์อย่างเรา ๆ น่าจะได้เรียนรู้จากเจ้าเหมียว รับรองอ่านแล้วใจกับชีวิตเราจะเบาขึ้น เปลี่ยนความคิดได้หลายอย่างเลย”
ศิริกุล มานพ
บรรณาธิการสำนักพิมพ์
24
ชื่อหนังสือ : Need to Know รู้แล้วรู้รอด
ผู้เขียน : ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์
สำนักพิมพ์ : sundogs
บูท : M49
“ใคร ๆ ก็รู้ว่าจิตใจมนุษย์นั้นแสนซับซ้อนและยากแท้หยั่งถึง บางครั้งแม้แต่ความรู้สึกของตัวเราเอง เราก็ยังหาคำตอบไม่ได้ด้วยซ้ำ
“Need to Know รู้แล้วรู้รอด วิทยาศาสตร์ฉบับย่อยง่าย (Pop-sci) โดย ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ กลับมาอีกครั้งด้วยรูปโฉมใหม่สีสันสดใสตลอดทั้งเล่ม หนังสือเล่มนี้จะพาผู้อ่านไปส่องเบื้องลึก สำรวจเบื้องหลัง รู้เท่าทันพฤติกรรมของผู้อื่น เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น คนที่มั่นอกมั่นใจนั้นเก่งจริงไหม สัญชาตญาณแรกแม่นแค่ไหน ทำไมคนเราถึงทำผิดซ้ำซาก ทำไมคนแก่ถึงไม่ชอบเพลงวัยรุ่น ฯลฯ เพื่อตอบเรื่องต้องรู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวรอบตัวหรือประสบการณ์ร่วมของใครหลายคน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป
“ชวนรู้อย่างเข้าใจในอารมณ์ แล้วรู้รอดในความรู้สึกนึกคิดไปด้วยกัน!”
ทักษพร คูหากาญจน์
บรรณาธิการเล่ม
25
ชื่อหนังสือ : ความลับของความสุข
ผู้เขียน : นิ้วกลม
สำนักพิมพ์ : KOOB
บูท : i22
“รวมงานเขียนขนาดกระชับ แต่โดนใจทุกบท ร้อยเรียงให้เห็น ‘ความลับ’ ว่าถ้าคิดและทำได้แบบนี้จะมีความสุข อ่านจบแน่นอน และหยิบมาอ่านซ้ำได้บ่อย ๆ ด้วย
“คิดว่าเป็นหนังสือที่เหมาะกับช่วงเวลาที่ต้องการอ่านงานเขียนสบาย ๆ ได้แง่คิด เหมาะพกติดกระเป๋า แก้เครียดด้วย ได้มุมคิดด้วย”
สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์
ผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์