เท่าที่ดิฉันสังเกตดู ร้านอาหารส่วนใหญ่มีวิธีการเติบโต 2 แบบ หนึ่ง คือ การขยายสาขาเป็นจำนวนมาก ข้อดีของวิธีนี้ คือ สั่งวัตถุดิบจำนวนมาก ลดต้นทุน และขายสินค้าได้ในราคาที่ไม่สูงเกินไป แถมลูกค้ายังเดินทางไปได้สะดวก
ส่วนวิธีที่สอง คือ การเปิดร้านแค่ร้านเดียว แต่ไปให้สุด เช่น ร้าน Fine Dining หรือร้านขนมปังเล็ก ๆ ที่เชฟพิถีพิถันในการอบขนมสุด ๆ ตลอดจนร้านข้าวต้มข้างทาง (ที่อร่อยสุด ๆ) ลูกค้าก็มาทานเนืองแน่นตลอดเวลา
แต่ดิฉันเพิ่งได้เจอกับร้านซุปแกงกะหรี่แบรนด์หนึ่ง มีหลายสาขา แต่ขณะเดียวกัน ก็สร้างสาขาหนึ่งขึ้นมาให้สุดแสนพิเศษและอบอุ่นที่สุด
ซุปสกัดหัวกุ้ง
สมัยเด็ก โยสึเกะ โอคุชิบะ ชอบซุปฝีมือแม่มาก ด้วยความที่ครอบครัวยากจน แม่เขาเอาหัวกุ้งที่เหลือมาต้ม ซึ่งน้ำซุปนั้นมีรสหวาน หอม กลมกล่อมมาก เมื่อโตมา เขาจึงลองนำซุปสกัดหัวกุ้งนี้ มาผสมซุปแกงกะหรี่ซึ่งเป็นของดังแห่งเมืองฮอกไกโด และสร้างร้านซุปแกงกะหรี่ชื่อ ‘โอคุชิบะ โชเต็น’
ร้าน ‘โอคุชิบะ โชเต็น’ ร้านแรกเปิดปี 2006 และประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง ซุปแกงกะหรี่แตกต่างจากแกงกะหรี่ ตรงที่เหลวใสกว่า ใส่เครื่อง เช่น กุ้งตัวโต ปลาหมึก และทานกับข้าวได้
โอคุชิบะค่อย ๆ ขยายสาขาไปทั่วเมืองฮอกไกโด จนถึงโตเกียว ประมาณ 10 สาขา วันหนึ่งเขาคิดถึงคุณยายของเขาขึ้นมา ยายเขาป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ขั้นต้น จึงคิดอยากทำอะไรสักอย่างให้คุณยายได้ถ่ายทอดความสามารถตนเองได้บ้าง และอยากสร้างสถานที่ที่ผู้สูงอายุอย่างคุณยายเขาทำงานได้อย่างมีความสุข
นั่นเป็นที่มาของร้าน ‘โอคุชิบ้าจัง’ ร้านซุปแกงกะหรี่ที่รับพนักงานเฉพาะผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปีเท่านั้น ชื่อร้านก็เป็นการผสมคำระหว่างชื่อแบรนด์ ‘โอคุชิบะ’ กับ ‘บ้าจัง’ ที่แปลว่าคุณยาย
คอนเซ็ปต์ของร้าน คือ พลังสดใสของเหล่าคุณยาย จะทำให้ทุกคนสดใสตาม !
ที่ร้าน ‘โอคุชิบ้าจัง’ แห่งนี้ มีเมนูหลักเหมือนร้านโอคุชิบะโชเต็นสาขาอื่น แต่ก็มีเมนูอื่น ๆ ที่เหล่าคุณยายช่วยกันคิด เช่น ‘แกงกะหรี่ยายชู 2 นิ้ว’ ‘แกงกะหรี่คิดถึงตา’ ‘แกงกะหรี่คุณยายหนีออกไปทอดเทมปุระ’ ‘เกี๊ยวซ่าโฮมเมดฉบับคุณยายคิม’
นอกจากนี้ คุณยายยังมีวิธีการดูแลลูกค้าในฉบับคุณยายแสนอบอุ่น เช่น ถามลูกค้าว่า อยากได้เศษแป้งทอดเทมปุระกลับบ้านไหม เอาไปโรยข้าวราดซีอิ๊วก็ได้ หรือทำข้าวปั้นก็ได้ ยายใส่ถุงให้ได้ พร้อมแนบสูตรอาหารที่ใช้เศษแป้งเทมปุระเหล่านี้
หรือคุณยายท่านหนึ่งเห็นว่า ทางร้านมักใช้ต้นหอมส่วนสีขาวเพื่อโรยบนแกงกะหรี่เท่านั้น แกเสียดายส่วนสีเขียว ก็เลยเอามาหั่นและเคี่ยวกับมิโสะจนเป็นซอสโรยข้าว เหล่าคุณยายตั้งชื่อว่า ‘ต้นหอมมิโสะของชิโยะจัง’ และใส่ไว้ในเมนูด้วย เสิร์ฟฟรีจากเหล่าคุณยาย
ร้าน ‘โอคุชิบ้าจัง’ นี้มีพนักงานทั้งหมด 6 คน ผู้จัดการสาขา ชื่อ ซุมิจัง วัย 79 ปี ส่วนผู้ช่วยผู้จัดการ ชื่อ ชิโยะจัง วัย 68 ปี ทุกคนทำงานเป็นพนักงานพาร์ตไทม์ทั้งหมด มีพนักงานประจำของบริษัทโอคุชิบะเพียง 1 คน เป็นชายหนุ่มวัย 40 ปี
เมื่อเปิดประตูทางเข้าร้าน ก็จะเห็นเคาน์เตอร์คล้ายเคาน์เตอร์ในบาร์ มีเก้าอี้ตั้งเรียงแถวอยู่ หลังเคาน์เตอร์นั้น จะเป็นกระทะทอดเทมปุระกับพื้นที่ตักอาหารเสิร์ฟลูกค้า เหล่าคุณยายจึงมองเห็นแขกและกล่าวทักทายแขกตั้งแต่ตอนที่พวกเขาเปิดประตูกันเข้ามา
“ความสุขของฉัน คือ ตอนที่ทอดเทมปุระได้ดี แล้วก็ตอนที่ลูกค้าทานแล้วบอกว่าอร่อยมากค่ะ” คุณยายท่านหนึ่งบอก
หากถามถึงเสน่ห์ของร้านอาหารหนึ่ง ๆ เรามักจะนึกถึงรสชาติอาหาร หน้าตาอาหาร หรือการตกแต่งร้านนั้น ๆ
แต่สิ่งที่กลายมาเป็นเสน่ห์ของร้าน ‘โอคุชิบ้าจัง’ กลับเป็น ‘เหล่าพนักงาน’ วัย 65 ปีขึ้นไปนี้เอง
คุณยายต่างมีความสุขที่ได้ทำอาหารให้ใครทาน ได้เห็นรอยยิ้มของแขก ได้โชว์ฝีมือการทำอาหาร ได้ดูแลแขกในเรื่องต่าง ๆ เช่น ของแถม หรือการหยิบผ้ากันเปื้อนให้ ส่วนลูกค้าก็มีความสุขที่ได้รับการดูแลจากเหล่าคุณยาย จนบางคนบอกว่า ไม่รู้สึกเหมือนไปร้านอาหารเลย เหมือนกลับบ้านเกิดมากกว่า ผู้บริหารของ ‘โอคุชิบะโชเต็น’ ได้สร้างสาขานี้เพื่อเหล่าคุณยาย และได้ให้คุณยายมามีส่วนร่วมในการคิดเมนู ตลอดจนบริการแขกในแบบของคุณยายเต็มที่
ทั้งหมดนี้คือการสร้างเสน่ห์ให้แต่ละสาขาของโอคุชิบะโชเต็น ที่ทำให้ร้านซุปแกงกะหรี่อุ่นตั้งแต่กายไปจนถึงจิตใจ