Forget private plane, private train is the way to go!

ชวนพูดคุยกับ เก๋ และ บอย สองสามีภรรยาสาวกรถไฟ ผู้ก่อตั้ง ‘NexStation Kanchanaburi’ บ้านพักตากอากาศ 4 โบกี้ ในพื้นที่ 10 ไร่ จังหวัดกาญจนบุรี จากความตั้งใจแรกที่อยากทำบ้านพักหลังเกษียณให้พี่-น้อง สู่ที่พักคอนเซปต์สนุกที่ตั้งใจเติมเต็มและแบ่งปันประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับนักเดินทางจากไทยและต่างประเทศ

เรื่องบังเอิญ (ไม่) มีจริง

เก๋เป็นคนเมืองกาญจน์ เธอผูกพันกับรถไฟมาตั้งแต่เด็ก เพราะบ้านหลังเก่าที่ครอบครัวเคยอาศัย (ก่อนเธอย้ายมาเรียนมัธยมที่กรุงเทพฯ) ติดกับทางรถไฟในตำบลท่าเรือ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อเวลาล่วงผ่านไป ครอบครัวและบรรดาพี่น้องชาย-หญิง ต่างแยกย้ายกันเติบโตและใช้ชีวิต บ้างอยู่ต่างประเทศ บ้างทำธุรกิจในประเทศไทย

ครั้งหนึ่งเก๋กลับบ้านเกิดมาเยี่ยมคุณพ่อ เธอได้พบกับที่ดินใกล้กับอำเภอท่าม่วง ที่ดินมีขนาด 10 ไร่ ฉากหลังเป็นทิวเขาหิน สวยงามและน่าประทับใจ เธอเสนอไอเดียแก่พี่ ๆ ให้ซื้อไว้ครอบครอง โดยไร้แผนการว่าจะจัดสรรที่ดินผืนนี้เป็นอะไร จึงปล่อยให้ว่างเปล่านานเกือบ 6 ปี แล้วถึงปล่อยให้ชาวไร่เข้ามาใช้พื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง 

แต่แล้วจุดพลิกผันก็บังเกิด เมื่อเก๋และบอยเดินทางมาเยือนไร่มันสำปะหลังในวันที่หญ้าและพืชรกร้างถูกถางจนโล่งเตียน เผยให้เห็นทิวเขาและห้วยน้ำกว้างใหญ่ เก๋ตัดสินใจ ณ ตอนนั้น ว่าอยากทำบ้านพักตากอากาศ

“ตอนนั้นไม่คิดจะทำที่พักและไม่คิดว่าจะเป็นรถไฟด้วย” เก๋เล่าอย่างสนุกสนานราวกับว่าทั้งหมดเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เราไม่คิดอย่างนั้น เพราะทั้งคู่ดำเนินกิจการ‘Visionnex’ ออกแบบวัสดุและภาพ Wall Art ตกแต่งโรงแรม สนามบิน จนถึงโปรเจกต์ล่าสุดอย่างการตกแต่งสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ร่วมกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)

“เราคุยกับพี่บอยว่า น่าจะทำบ้านพักในฉบับของเราเอง ในเมื่อเรามีวัสดุ มีดีไซเนอร์ มีทีมคิดคอนเซปต์ เลยพูดคุยกับพี่ ๆ ของเราถึงโปรเจกต์นี้ ซึ่งเขาก็ปล่อยให้เราเป็นคนทำ เพราะเราอยู่ในสายงานตกแต่งอยู่แล้ว”

นั่นคือที่มาที่ไปในตอนต้นของบ้านพักตากอากาศจากขบวนรถไฟแห่งนี้ 

ไม่เล็ก ไม่ใหญ่ ไซซ์กำลังดี

เก๋ไม่สันทัดกับบ้านสำเร็จรูปหรือบ้านจัดสรร แต่อยากทำบ้านตากอากาศด้วยวัสดุและแนวคิดของตัวเอง กอปรกับสามีภรรยาคู่นี้ชอบท่องเที่ยวต่างประเทศ มีประสบการณ์นั่งรถไฟและเข้าพักบ้าน Airbnb มานับไม่ถ้วน งานที่ทำก็เกี่ยวข้องกับรถไฟ แถมบ้านเกิดและวัยเด็กของเก๋ยังใกล้ชิดกับรถไฟ จึงไม่แปลกที่ทั้งคู่อินกับพาหนะที่ส่งเสียงปู๊น ๆ นี้กว่าใคร และกลายเป็นเหตุผลว่าทำไม NexStation ถึงเลือกรถไฟเป็นคอนเซปต์หลัก

“เราขอเป็นตัวแทนของเด็กผู้ชายยุคก่อน สมัยนั้นการนั่งรถไฟไปเมืองกาญฯ ค่อนข้างนิยม เราก็เอากับเขาด้วย พอโตมาหน่อยก็นั่งรถไฟไปหัวหิน พอมีโอกาสไปต่างประเทศก็เริ่มนั่งรถไฟที่ทันสมัยขึ้น เจ๋งขึ้น อย่างชินคันเซ็น ซึ่งเราก็ประทับใจขึ้นอีกระดับหนึ่ง เอาเข้าจริง เราชอบการนั่งรถไฟนะ มันมีบางอย่างพิเศษกว่าการนั่งรถยนต์หรือรถทัวร์ นั่นทำให้เราซึมซับเรื่องราวและความผูกพันกับรถไฟมาโดยไม่รู้ตัว” บอยเล่าแววตาเป็นประกาย

เก๋และบอยเริ่มตะลุยหาคุณปู่โบกี้ของ รฟท. ที่ปลดระวาง แล้วจับมาแปลงโฉมใหม่ให้สวยกริบ

“รถไฟที่ได้มาเป็นโมเดลเบลเยียมกับญี่ปุ่น สวยทั้งคู่ เราเลือกใช้ตู้เสบียงขนส่งสินค้า ไม่ใช่ตู้โดยสารแบบที่คนนั่ง เพราะในแง่การตกแต่ง ถ้าเอาตู้เสบียงผนังเรียบ ๆ มาดีไซน์มันทำงานง่ายกว่า” เก๋เล่าถึงความเป็นมา

“ถ้าเริ่มต้นจากสิ่งเรียบ ๆ เหมือนกล่องหนึ่งใบ เราจะดีไซน์ออกมายังไงก็ได้ตามจินตนาการ อีกอย่างที่เลือกใช้ตู้เสบียงเพราะไซซ์กำลังดี ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก เหมาะกับการทำห้องพัก 1 ห้องพอดี” บอยอธิบายเสริม

ปีกทั้งสี่ของเหล่าพี่น้อง

NexStation Kanchanaburi ตั้งอยู่ในพื้นที่ 10 ไร่ มีบ้านพัก 4 หลัง หรือเรียกแต่ละหลังว่าโบกี้ก็ได้ ส่วนพื้นที่กว่า 6 ไร่แบ่งไปปลูกต้นซิลเวอร์โอ๊ก (Silver Oak) หรือต้นสนออสเตรเลียที่ทนต่ออากาศร้อนและดูดซับแก๊สเรือนกระจกได้ดี อีกทั้งยังมีสระน้ำขนาดย่อมที่ขุดขึ้นใหม่ โดยดึงน้ำจากแอ่งขนาดใหญ่ในพื้นที่มาใช้งาน

“โจทย์ของการทำที่พักแห่งนี้ แขกต้องอยู่สบาย และข้าวของเครื่องใช้ต้องครบครันเหมือนอยู่บ้านจริง ๆ”

เก๋เล่าต่อด้วยความตื่นเต้นว่า บ้านพักรถไฟทั้งหมด 4 โบกี้ มีสไตล์การตกแต่งต่างกันโดยสิ้นเชิง ตามเอกลักษณ์เฉพาะตัวและถิ่นฐานของเหล่าพี่น้อง รวมถึงตัวตนของเก๋และบอยก็ถูกหยิบมาใส่ไว้ในตู้นอนด้วย

01 – California Wings Bogie

โบกี้นี้มีแรงบันดาลใจจากพี่สาวที่อาศัยในแคลิฟอร์เนีย จึงมีป่าสน ต้นปาล์ม อยู่รอบ ๆ ตู้นอน ภายในประกอบด้วยเตียงนอนกว้าง 6 ฟุต และเตียงเสริมอีก 2 เตียง มีห้องครัวและห้องน้ำพร้อมอ่างอาบน้ำในตัว

02 – Tony Wings Bogie

โทนี่ คือ นามแฝงของพี่ชาย, ห้องนี้เก๋ตั้งใจสร้างเพื่อเป็นเกียรติแก่พี่ชายคนเดียวของเธอ ความพิเศษของโทนี่ วิงส์ คือ โบกี้หันหน้าไปทางภูเขาหิน วิวที่ทำให้เก๋ตกหลุมรักที่ดินผืนนี้ ผนังหัวเตียงทับซ้อนเป็นชั้น ๆ เหมือนภูเขาหินและซ่อนดวงไฟไว้ด้านหลัง เมื่อเปิดไฟหัวเตียง ให้อารมณ์เหมือนกำลังมองพระอาทิตย์ยามอัสดง

03 – Nex Wings Bogie

ถัดมาเป็นโบกี้ของเก๋และบอย มีที่มาจากชื่อบริษัท Visionnex ของทั้งคู่ เจ้าบ้านอยากให้แขกรู้สึกเหมือนบ้านพักตากอากาศและการแคมปิ้ง นอนดูดาว ชมป่าเขา ภายในเต็มไปด้วยงานตกแต่งด้วยวัสดุไม้ พร้อมกับซ่อนลูกเล่นเป็นแผนที่ดวงดาวไว้บริเวณหัวเตียงนอน ส่วนห้องน้ำก็แต่งด้วยกระจกจำนวนมาก (ห้องน้ำอยู่ในโบกี้เลย)

04 – Santa Cruz Wings Bogie

โบกี้สุดท้ายมาจากความประทับใจส่วนตัวของเก๋ คือ เมืองซานตาครูซ รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นเมืองที่เธอไปพักผ่อนบ่อยครั้ง เมืองนี้มีความเรียบหรู มีทะเลล้อมรอบ มีสภาพอากาศและภูมิประเทศที่ดี และเมืองนี้ยังโด่งดังเรื่องกิจกรรมโต้คลื่น ภายในโบกี้ซานตาครูซจึงตกแต่งให้ดู Antique เรียบหรู แต่อยู่สบาย

นี่มันคือบ้านหลังหนึ่งชัด ๆ – เราเผลอเปรยความคิดออกไปหลังได้ฟังคอนเซปต์ของทั้ง 4 หลัง

“ใช่ค่ะ เหมือนบ้านเลย ทุกโบกี้ต้องมีห้องครัว ตู้เย็น ไมโครเวฟ เป็นของตัวเอง มีห้องน้ำและมีชานชาลาส่วนตัว เอาไว้นั่งปาร์ตี้ ปิ้งบาบีคิว จิบไวน์ หรือทานชาบูกัน 4 – 5 คนได้ในหนึ่งชานชาลา ส่วนภายในโบกี้ ยังไงก็ต้องเป็นเตียง 6 ฟุต เพราะเน้นนอนสบาย ใช้ที่นอน ผ้าปูเตียง ผ้าห่มอย่างดี มีเตียงเสริมที่แยกออกเป็น 2 เตียงได้”

แม้ตอนต้น เก๋ตั้งใจทำที่นี่เป็นบ้านพักตากอากาศส่วนตัวของพี่-น้อง แต่เหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจเปิด NexStation Kanchanaburi ให้คนแขกมาพักเป็นเพราะภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่เธอกับสามีเคยนั่งดูด้วยกัน 

“เราเคยดูหนังเรื่อง The Holiday ตั้งแต่ปี 2006 ประทับใจมาก ต่างคนต่างมาเที่ยว แล้วแลกบ้านกันนอนจากฝั่งอังกฤษกับสหรัฐฯ เลยเป็นแรงบันดาลใจและทำให้เราไปค้นหาว่า การจะแลกบ้านกับคนอื่นนอนในต่างประเทศต้องทำยังไง ติดต่อผ่านทางไหน สุดท้ายไปเจอ Airbnb ตั้งแต่ปี 2007 เราก็ใช้มันมาตลอด เราเลยคิดว่าบ้านตากอากาศของเราก็เป็น Airbnb ได้นะ น่าจะมีคนที่รักและอยากมานอนในรถไฟเหมือนกับเรา” เก๋เล่า

โรงแรมก็ไม่ใช่ รีสอร์ตก็ไม่เชิง

แน่นอนว่าการทำบ้านให้ตัวเองอยู่ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่การเปิดบ้านให้คนเข้ามาพักเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ซึ่งเก๋และบอยไม่เคยเข้าใกล้งานสายบริการหรืองานโรงแรม มีเพียงประสบการณ์การเป็นผู้เข้าพักและใช้งาน Airbnb แต่ทั้งคู่บอกว่า ประสบการณ์และความรู้เหล่านั้นเพียงพอแล้วสำหรับการเปิด NexStation Kanchanaburi 

ประการแรก – ที่นี่เป็นโบกี้ส่วนตัว แขกรู้สึกเหมือนนอนบ้านเพื่อนหรือบ้านญาติ ไม่จำเป็นต้องเจอกับเจ้าบ้าน

ประการที่สอง – การเช็กอินโดย Keybox และผู้เข้าพักบริการตัวเอง แต่มีกฎระเบียบชัดเจนว่าควรระวังเรื่องไหน ให้ช่วยทำอะไร ทิ้งขยะแบบไหน รวมถึงควรเคารพพื้นที่ชุมชนอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา 

อาหารก็ให้สั่งเป็นพรีออร์เดอร์ และทำได้เองด้วยอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ให้ภายในที่พัก หากลูกค้าอยากทานอาหารท้องถิ่น อาจแนะนำให้ขับรถออกไปร้านใกล้เคียง หรือมีเบอร์ร้านอาหารเอาไว้ให้ลูกค้าโทรสั่งมาทาน

นอกจากนี้ NexStation Kanchanaburi ยังมีพื้นที่สำหรับปั่นจักรยานและพายเรือ รวมถึงกำลังดำเนินการสร้างฟาร์มเลี้ยงเป็ด ไก่ และแปลงผัก เพื่อให้เป็นพื้นที่สำหรับครอบครัวและเด็กได้เล่นสนุกด้วยกัน

“ส่วนหนึ่งที่เราตั้งใจทำแบบนี้ เพราะอยากให้แขกรู้สึกเหมือนมาแคมปิ้งที่สะดวกสบายขึ้นมาหน่อย ไม่อยากให้มองว่าเราไม่มี Full Sevice แต่เราอยากให้แขกที่มาพักได้ทำอะไรสนุก ๆ ด้วยตัวเอง เพราะมันจะสร้างประสบการณ์และความทรงจำที่ดีให้กับเขา” บอยให้เหตุผลว่าทำไมที่นี่ถึงไม่ใช่ทั้งโรงแรมและรีสอร์ต

เราถามต่อไปว่าแล้วกลุ่มเป้าหมายของที่นี่คือใครกันแน่

เก๋นึกอยู่แวบเดียวและตอบกลับทันทีว่า มี 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มวัยรุ่น ครอบครัว และชาวต่างชาติ

มีลูกค้าชาวต่างชาติรายแรก ๆ ที่เธอประทับใจมากจนต้องเล่าให้ฟัง

“เขาเป็นคนเบลเยียม เขาไปส่องโค้ดบนโบกี้รถไฟ แล้วรู้ว่ารถไฟที่เขานอนมาจากเบลเยียม เขากับลูกตื่นเต้นมาก เพราะเป็นสาวกรถไฟ มันเป็นความประทับใจพิเศษของเขา เขาเขียนรีวิวให้เราอย่างดีเลย”

เราสัมผัสได้ว่า NexStation Kanchanaburi ถือเป็นโปรเจกต์ท้าทายที่เก๋และบอยต่างได้เรียนรู้และได้ทำในสิ่งที่ชอบ โดยนำประสบการณ์การทำงาน การท่องเที่ยว และความประทับใจส่วนตัว มาประกอบสร้างเป็นที่พักแห่งนี้

“เรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องราวดี ๆ ที่ไม่ได้เป็นเพียงธุรกิจ แต่มีคนมาแชร์ประสบการณ์กับเรา ที่พักของเราไม่โทรมและมีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด คนมาแล้วมีความสุข เรารู้สึกว่ามันเป็นพลังงานดีที่อยู่ในพื้นที่นี้” เก๋เล่า

“สิ่งที่เราทำมันมีคุณค่ากับคนทั่วโลก เราได้รับพลังบวกกลับมาโดยนึกไม่ถึงว่าสิ่งที่เราทำหรือดีไซน์ที่เราคิด จะได้รับความจริงใจกลับมาเยอะขนาดนี้” บอยปิดท้ายบทสนทนานี้ด้วยความสุขเช่นกัน