หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแสนยาวนานของสนามบินเถาหยวน ผมรีบรับกระเป๋าแล้วตรงดิ่งไปยังบูทชิงรางวัลของการท่องเที่ยวไต้หวันทันที
ผมลงทะเบียน Lucky Draw เอาไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทาง เพื่อรับสิทธิ์ที่ทุกคนอาจจะได้รางวัลสูงสุด คือบัตร Easy Card มูลค่า 5,000 TWD แหนะ
อย่างน้อย ๆ ก็ใช้ซื้อของในร้านสะดวกซื้อได้ แถมเอาใบเสร็จมาลุ้นรางวัลของรัฐบาลได้อีกต่อหนึ่ง
แล้วทุกอย่างก็จบลง เมื่อไม่มีโชคในการจับ Lucky Draw ในขณะที่คนที่จับอยู่รอบ ๆ ได้กันทั้งนั้น เลยตรงดิ่งเข้าสู่เมืองไทเปดีกว่า
ตั้งแต่ก่อนโควิด-19 การเดินทางเข้าไทเปสะดวกสบายกว่าสมัยก่อนมาก ตั้งแต่มีรถไฟจากสนามบินเข้าเมือง แบบไม่ต้องลุ้นการจราจรด้วยรถบัสบนทางด่วนอีกต่อไปแล้ว
ผมเพิ่งกลับมาเยือนไทเปอีกรอบหลังจากที่ไม่ได้ไปมาหลายปีตั้งแต่ก่อนโรคระบาด ที่เที่ยวในไทเปและรอบปริมณฑลมีความเปลี่ยนแปลง ไม่ถึงกับผิดหูผิดตา แต่ก็พบว่าไทเปเปลี่ยนแปลงตัวเองไปไม่น้อย
รอบนี้มี เอมี่ สาวไทยในไทเปเป็นคนพาเที่ยว ไปสำรวจว่าที่เที่ยวไทเปวันนี้เปลี่ยนไปอย่างไร มีอะไรน่าสนใจบ้าง และคนไต้หวันอยากให้นักท่องเที่ยวอย่างผมรู้จักที่ไหนบ้างหลังจากโควิด-19
เอมี่มีแผนพาไป New Taipei เป็นหลัก มันคือเมืองไข่ขาวรอบ ๆ กรุงไทเปที่เป็นไข่แดงอยู่ตรงกลาง เป็นเมืองใหม่ที่อยู่อาศัย แต่ในอีกฟากหนึ่งก็มีธรรมชาติให้ท่องเที่ยวเยอะมาก
ดีลเรื่องโชคกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ Xia-Hai City God Temple
ที่เที่ยวแรกที่นัดเจอกับเอมี่คือจุดเริ่มต้นของทริปนี้ ณ วัด Xia-Hai City God Temple (台北霞海城隍廟) วัดเล็ก ๆ แต่ดึงดูดทั้งคนไต้หวันและนักท่องเที่ยวมาขอพรในทุก ๆ เรื่อง แต่ส่วนใหญ่คนจะมาขอเรื่องความรักกับพระเจ้าเย่วเหล่าเป็นพิเศษ วัดนี้อยู่ใกล้กับตลาดผ้าหย่งเล่อ (Yongle Fabric Market) และถนนตี๋ฮว่า (Dihua Street) ถนนสายการค้าสายสำคัญของไต้หวัน ที่นี่เต็มไปด้วยร้านค้า โดยเฉพาะของแห้ง สมุนไพร และค้าขายใบชามาตั้งแต่อดีต เนื่องจากอยู่ใกล้กับแม่น้ำและท่าเรือคล้าย ๆ กับเยาวราช สำเพ็ง พาหุรัดของกรุงเทพฯ
หากเดินดูถนนสายสั้น ๆ นี้จะเห็นอาคารของร้านค้าที่มีทั้งบ้านแบบจีนโบราณที่ได้รับอิทธิพลจากชาวจีนที่ย้ายมาตั้งรกราก และร่องรอยดั้งเดิมของลายปูนปั้นหน้าอาคารกับสถาปัตยกรรมแบบบ้านของพ่อค้าชาวญี่ปุ่นที่มาทำการค้าขายตั้งแต่สมัยญี่ปุ่นปกครองไต้หวันด้วย
นั่งริมแม่น้ำยามเย็นที่ Dadaocheng Wharf
เอมี่พาเดินจากถนนตี๋ฮว่าไม่ไกล ไปที่ท่าเรือต้าเต้าเฉิง (Dadaocheng Wharf) ซึ่งเคยเป็นท่าเรือและคลังสินค้า แต่พัฒนาให้เป็นสวนสาธารณะ ใครมาไทเป กิจกรรมหนึ่งที่แนะนำคือเดินเล่นริมแม่น้ำในช่วงเย็น ๆ หรือออกกำลังกายได้ทั้งวัน เพราะมีสวนสาธารณะเชื่อมต่อกันตลอดริมแม่น้ำตั้นสุ่ย
ท่าเรือต้าเต้าเฉิงเพิ่งปรับให้กลายเป็นตลาดเล็ก ๆ ริมแม่น้ำ ปรับตู้คอนเทนเนอร์ให้กลายเป็นร้านขายอาหารและเครื่องดื่มหลายร้าน มีกิจกรรมของวัยรุ่นไทเปและที่นั่งริมแม่น้ำ ยิ่งเย็นย่ำก็ยิ่งมีคนมานั่งดื่มผ่อนคลายดูแสงพระอาทิตย์ตกหลังฉากเมืองนิวไทเปฝั่งตรงข้ามแม่น้ำตั้นสุ่ย
ย้อนไปยุคญี่ปุ่นครองเมืองที่ Rongjin Gorgeous Time
นอกจากตลาดท่าเรือต้าเต้าเฉิง ตอนนี้ที่เที่ยวในไทเปมีแหล่งท่องเที่ยวแหล่งใหม่เกิดขึ้นและเพิ่งเปิดได้ไม่นานช่วงหลังโควิด-19 นี่เอง นั่นคือ Rongjin Gorgeous Time เป็นกลุ่มบ้านเก่าที่รีโนเวตใหม่ให้กลายเป็นร้านค้าหลายร้าน อยู่แถว Da’an ย่านกลางเมือง
เป็นคอมมูนิตี้มอลล์วัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ใช้อาคารเก่ามาสร้างประโยชน์ใหม่ตามแบบฉบับที่ไต้หวันถนัด ที่นี่มีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของ ร้านเช่าชุดกิโมโนให้เดินใส่ในโครงการและย่านรอบ ๆ
สาเหตุที่แถวนี้เป็นญี่ปุ่นขนาดนี้ เพราะที่ Rongjin Gorgeous Time คือ Taihoku Prison คุกเก่า และหอพักเก่าของผู้คุมตั้งแต่สมัย 1905 ยุคที่ญี่ปุ่นเข้ามาปกครองไต้หวัน
ชิมเบเกิลชาไข่มุก ที่ 好丘 On The Road在路上
ร้านที่น่าสนใจสำหรับเราคือ 好丘 On The Road在路上 สาขาของ Good Cho’s คาเฟ่ขายเบเกิลน่ารัก มีเบเกิล เครื่องดื่ม และขนมหลายรสชาติให้เลือกในตู้ และอดไม่ได้ที่จะเลือกเบเกิลรสชาไข่มุกที่มีเม็ดไข่มุกหนึบ ๆ หอม ๆ ฝังอยู่ในตัวเนื้อเบเกิลเลย
ประสบการณ์กาแฟชงให้ถึงโต๊ะที่ The Coffee One
สำหรับผม ร้านที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นที่สุดคือร้าน The Coffee One ของ Kaffa Coffee ร้านนี้เป็นร้านที่คนชอบกาแฟน่าจะรู้ดีว่าเป็นสายแข่งขันบาริสต้าเบอร์ต้น ๆ ของไต้หวัน อาจเรียกได้ว่าเป็นของโลกด้วยซ้ำ The Coffee One เป็นร้านที่มีคอนเซปต์เฉพาะตัว ไม่เหมือนสาขาอื่น ๆ ของ Kaffa Coffee เพราะเป็นร้านที่ให้เราได้ดื่มด่ำกับกาแฟและประสบการณ์จากบาริสต้าอย่างเต็มที่
เริ่มจากเลือกเมล็ดพิเศษที่คัดเลือกมาแล้ว และวิธีชงกาแฟที่มีให้เลือกชงแบบฟิลเตอร์หรือแบบเครื่องชงเอสเปรสโซ่ บาริสต้าแต่ละคนจะมาชงและอธิบายกระบวนการต่าง ๆ แบบละเอียดให้เราโดยเฉพาะที่ข้าง ๆ โต๊ะ รวมถึงแนะนำการดื่มที่ทำให้ได้รับรสชาติที่ดีที่สุดของกาแฟเมล็ดนั้น พร้อมแนะนำการกินคู่กับขนมของร้านด้วย
Taipei Fish Market ยังเป็นที่ที่ดี
หลังจบจากการดื่มกาแฟ พอเริ่มหิว เอมี่แนะนำ Taipei Fish Market ขึ้นมา ตลาดขายอาหารทะเลสดใหญ่เป็นอันดับ 1 ของไต้หวันยังคงเป็นไอเดียที่ดีเสมอ
เราเลือกซูชิบาร์สำหรับคนที่อยากทานอาหารทะเลแบบสด ๆ หรือเลือกของทะเลสด ๆ ให้เชฟปรุงได้ทันทีในโซนปรุงอาหาร ซื้อกลับบ้านหรือเอาออกมานั่งทานตรงที่นั่งที่จัดให้ข้างนอกได้ ตลาดปลาไทเปถือเป็นตลาดปลาที่สะอาดมาก โซนอาหารเป็นเหมือนซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ มีของให้เลือกละลานตามาก มีทั้งของคาวและของหวานปรุงสำเร็จ
เราหยิบซูชิ ข้าวหน้าปลาดิบ ปลาย่าง และอาหารทะเลอีก 2 – 3 อย่าง
เอมี่แนะนำพุดดิ้งของที่นี่เป็นพิเศษเลยไม่พลาดที่จะติดมาด้วย ตุนพลังงานก่อนที่บ่ายนี้เราจะเปลี่ยนไปเป็นเที่ยวธรรมชาติทางตอนเหนือของนิวไทเปกันบ้าง
ไม่น่าเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าตั้งแต่มาไต้หวันไม่รู้กี่รอบ ยังไม่เคยขึ้นไปที่ภูเขาหยางหมิงซานเลยสักครั้ง มากสุดก็ไปถึงเป่ยโถวเพื่อแช่น้ำร้อน
เอมี่บอกว่าหยางหมิงซานมีบ่อน้ำร้อนที่เป็นบ่อน้ำร้อนแบบธรรมชาติด้วย คล้าย ๆ แหล่งน้ำธรรมชาติที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก ต้องเดินป่าเข้าไปสักพักหนึ่ง แต่เอาไว้ทริปหน้า พอมีเวลามากกว่านี้ค่อยลองไปเดินป่าแช่น้ำร้อนดูบ้าง
รอบนี้เลยเลือกแค่ขึ้นไปสัมผัสความสดชื่นบนโซนภูเขาสูงแทน เพราะในเมืองก็เริ่มอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
เสียดายที่ซากุระบนยอดเขาหยางหมิงซานร่วงโรยไปเป็นเดือนก่อนหน้าที่เราจะมาไต้หวัน แต่บนยอดเขาก็มีอากาศเย็น มีฝนแบบไต้หวันที่ตกพรำ ๆ ตลอดวัน และหมอกหนา ๆ ยิ่งขึ้นสูงยิ่งขาวโพลนไปหมด
ถึงไม่มีซากุระ แต่เอมี่ก็แนะนำว่าช่วงเข้าฤดูมรสุมนี้ที่ไต้หวันก็มีดอกไฮเดรนเยียให้ดู
ดูดอกไฮเดรนเยียชุ่มฉ่ำในหมู่บ้านกลางหุบเขา Zhuzihu Agricultural Village
เราแวะหมู่บ้านที่ชื่อว่า Zhuzihu แถบนี้นิยมทำสวนดอกไม้หลาย ๆ สวน สวนที่เราเลือกเข้าจะเก็บค่าเข้า 150 TWD แต่ตั๋วนี้ก็นำมาแลกเครื่องดื่มหรือซื้อดอกไม้กลับบ้านได้ด้วย
ฝนยังคงโปรยลงมาเบา ๆ อากาศเย็นกว่าในเมืองไทเปเยอะ ดอกไม้เลยดูสีสวยตัดกับฟ้าหม่น ๆ สวนไฮเดรนเยียจะเป็นเนินสลับพื้นที่ราบและล้อมรอบด้วยภูเขา เลยรู้สึกสดชื่นและเขียวชอุ่มตาไปอีกแบบ เราใช้เวลากับที่นี่ได้นานมากกว่าที่อื่น ๆ เพราะส่วนตัวเราชอบที่ที่ทำให้รู้สึกสดชื่นแบบนี้ และคิดว่าที่นี่เหมาะกับคนที่ชอบเที่ยวธรรมชาติในช่วงฤดูฝนเป็นที่สุด
ฟังตำนานรักหินสามีภรรยาที่ Lion’s Head Mountain Hiking Trail
ไหน ๆ ก็ขึ้นมาถึงทางเหนือของนิวไทเปแล้ว เลยแวะอีกสักจุดหนึ่งที่เป็นที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติของไต้หวันเช่นกัน หลายคนคงนึกถึงอุทยานหินเย่หลิวออก เป็นหินชายฝั่งถูกกร่อนด้วยลมและฝนตามธรรมชาติให้จินตนาการเป็นรูปร่างต่าง ๆ แต่ผู้นำทัวร์ของเราในครั้งนี้อยากพาไปอีกจุดหนึ่งที่ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติสักเท่าไหร่ นั่นคืออุทยานหัวภูเขาสิงโต (Lion’s Head Mountain Hiking Trail) ที่นี่อยู่ด้านทิศเหนือของเกาะ หันหน้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิก เป็นเส้นทางเดินธรรมชาติสั้น ๆ รวมถึงทางเดินเท้าเพื่อจะเข้าไปยังจุดไฮไลต์ของอุทยานภูเขานี้
คนไต้หวันมักมาเดินเที่ยวชมธรรมชาติและไปดูโขดหิน 2 โขดคู่กันกลางทะเล ถือเป็น 1 ใน 8 สิ่งมหัศจรรย์ของเขตจินซาน
เอมี่เล่าตำนานรักแสนเศร้าให้ฟังว่า ภรรยารอสามีที่เป็นชาวเรือที่หายสาบสูญไปให้กลับมา นั่งรอคอยทุกวันจนตัวเองกลายเป็นหิน แต่อยู่มาวันหนึ่ง สามีก็หาทางกลับมาได้ แต่ก็พบว่าภรรยาตัวเองกลายเป็นหินไปแล้ว จึงได้แต่ร้องไห้เสียใจและนั่งอยู่เคียงข้างภรรยาจนตัวเองก็กลายเป็นหินคู่กันอย่างที่เห็น
ขออภัยที่จู่ ๆ ก็ดึงลงมาเศร้า แต่นอกจากความงดงามของตำนานรักนี้แล้ว ทัศนียภาพและภูมิประเทศของโซนภาคเหนือและภาคตะวันออกของไต้หวันก็นับว่าน่าสนใจมากสำหรับเหล่านักเดินเทรล เป็นเส้นทางที่ภูมิประเทศเป็นภูเขาและหน้าผา มีเส้นทางเดินสำรวจธรรมชาติ มีจุดแวะพักเป็นบ่อแช่น้ำร้อนกระจายตัวอยู่ทั่วทั้งแบบธรรมชาติ แช่ทั้งตัวหรือแช่เท้าไว้ผ่อนคลาย
ยิ่งเป็นช่วงหน้าฝนยิ่งรู้สึกสดชื่นมาก เลยคิดว่าทริปหน้าจะลองมาเดินเส้นทางเทรลในเขตหยางหมิงซานและนิวไทเปภาคเหนือนี้โดยเฉพาะ
ส่วนรอบนี้ขอเข้าไทเปไปกินชาบูหม่าล่าให้อุ่นท้องก่อนแล้วกัน