“ไปเทรกกิ้งเนปาลกันมั้ยเดียร์” คือคำเชิญชวนของ พี่ชา นักดนตรีจากคณะสุเทพการบันเทิง พี่ชาตั้งใจจะไปเดินเทรกที่เนปาลทุกปี ปีนี้เป็นปีแรกที่แกเชิญชวนมิตรสหายร่วมทริปไปด้วย หลังจากดูปฏิทินและได้รับการอนุมัติวันลาจากที่ทำงาน เราก็ตอบตกลงพี่ชาไปทันที ทั้งที่ในหัวไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับประเทศนี้เลย รู้เพียงแต่ว่าการเดินทางในครั้งนี้มีสมาชิก 6 คน เดินทางกันทั้งหมด 8 วัน โดยจะเที่ยวอยู่ในเมืองกาฐมาณฑุและเดินเส้นทางทะเลสาบโกไซกุนดา (Gosainkunda) ในอุทยานแห่งชาติลังตัง (Langtang National Park) ที่ความสูง 4,380 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล แค่ฟังแผนการเดินทางคร่าว ๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นทันที

ทริป 8 วันในเนปาล เที่ยวกาฐมาณฑุแบบไร้แพลน พิชิตทะเลสาบโกไซกุนดาที่ความสูง 4,380 เมตร

หลังจากตกลงไม่นานก็ทำการขอ Thailand Pass ขอใบวัคซีน ขอวีซ่า ทำประกัน และซื้อตั๋วเครื่องบินของสายการบินเนปาลแอร์ไลน์ที่บินตรงไม่ต้องต่อเครื่อง สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมอีกอย่าง คือเตรียมร่างกายและจิตใจ จิตใจนี่ไม่เป็นปัญหาเพราะเตรียมมาเต็มล้าน แต่ร่างกาย แม้จะมีประสบการณ์การเดินป่าในไทยอยู่บ้าง แต่การเตรียมตัวด้วยการเดินสวนรถไฟและเดินขึ้นลงบันไดที่หอ 5 วันก่อนเดินทางนั้น อาจเป็นการเตรียมตัวที่น้อยเกินไป

เวลาไม่เดินถอยหลังให้เราย้อนกลับไปเตรียมตัว มีแต่เดินไปข้างหน้าอย่างเดียว และเสียงเรียกขึ้นเครื่องก็ดังขึ้น… พร้อมไม่พร้อมก็ต้องไปต่อ

กาฐมาณฑุ แด่แพลนที่เปลี่ยนตั้งแต่วันแรก

มาถึงก็ตรงกับวันเลือกตั้งใหญ่ ทำให้ไม่มีขนส่งออกเดินทางไปเมืองต่าง ๆ จากแพลนที่จะต้องเดินทางไปอีกเมือง เลยจบที่การได้เที่ยวเตร่อยู่แถวย่านทาเมล (Thamel) ข้อดีคือเราได้พักและได้ซื้ออุปกรณ์เดินเทรกเพิ่มเติม เช่น เสื้อกันฝน ยาฆ่าเชื้อโรคในน้ำ และที่คลุมกระเป๋า หลังวางของเข้าที่พักที่ Kathmandu Garden Home ก็ถึงเวลาออกเดินเล่นแบบ No Plan 

ทริป 8 วันในเนปาล เที่ยวกาฐมาณฑุแบบไร้แพลน พิชิตทะเลสาบโกไซกุนดาที่ความสูง 4,380 เมตร

ที่แรกที่ไป คือจัตุรัสกาฐมาณฑุดูร์บาร์ (Kathmandu Durbar Square) เป็นด้านหน้าพระราชวังเก่าของอดีตราชอาณาจักรกาฐมาณฑุ เดินไปได้จากที่พัก ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก 

ทริป 8 วันในเนปาล เที่ยวกาฐมาณฑุแบบไร้แพลน พิชิตทะเลสาบโกไซกุนดาที่ความสูง 4,380 เมตร

สถาปัตยกรรมของที่นี่ใหญ่และมีพื้นที่ให้เดินกว้างขวาง เราตั้งใจจะไปดูกุมารี เด็กสาวที่ผู้คนเชื่อว่าเป็นตัวแทนของพระเจ้า จึงได้รับการดูแลอย่างดีและมีการเปลี่ยนรุ่นเมื่อเด็กสาวผู้นั้นก้าวสู่วัยรุ่น แต่เราก็ไม่ได้เห็นนะ เพราะช่วงที่ไป ข้างในซึ่งเป็นเรือนพักกำลังทำพิธีอะไรสักอย่าง เลยตัดสินใจเดินเล่นที่อื่น ๆ ในบริเวณนั้นแทน ระหว่างที่เดิน เราชอบร้านรวงต่าง ๆ ชอบการแต่งตัวของผู้คน เดินได้เรื่อย ๆ เนื่องจากเราไปช่วงเดือนพฤษภาคม อากาศกำลังสบาย ๆ ไม่ค่อยร้อน เราใช้เวลาครึ่งเช้าเดินเล่นอยู่ที่นี่

ทริป 8 วันในเนปาล เที่ยวกาฐมาณฑุแบบไร้แพลน พิชิตทะเลสาบโกไซกุนดาที่ความสูง 4,380 เมตร

สถานที่ต่อไป คือวัดสยมภูวนาถ (Swayambhunath Stupa) มีภาพดวงตาที่หลายคนคงเห็นบ่อย ๆ เรียกว่าเป็นดวงตาของพระพุทธเจ้า ซึ่งชาวเนปาลเชื่อกันว่า พระพุทธเจ้ายังคงมองดูโลกมนุษย์อยู่ โดยมีจุดระหว่างคิ้วเป็นเหมือนดวงตาที่ 3 หรือดวงตาแห่งธรรม รวมถึงเลข 1 ที่วาดให้เหมือนส่วนจมูก หมายถึงความเป็นหนึ่ง เราทึ่งกับความใหญ่โตและแรงศรัทธาของคนที่นี่มาก เราเดินเล่นและสักการะกันสักพัก ก่อนจบวันด้วยการไปนั่งชิลล์ที่ร้าน Hole in the Wall ซึ่งพบระหว่างทางกลับเข้าที่พัก และลิ้มลองเบียร์เนปาลยามราตรี เพื่อดื่มให้กับทริปและการเดินทางในวันพรุ่งนี้

แด่ความทุลักทุเลและความสุนทรีที่เริ่มขึ้น ณ Dhunche-Chandanbari

เรานัดเจอกับ ซานโตส ไกด์ของพวกเราจาก Incredible Treks and Tours ในตอนเช้า เพื่อไปขึ้นรถบัสท้องถิ่น คล้าย ๆ กับรถหวานเย็นบ้านเรา เพื่อเดินทางไปที่ Dhunche จุดเริ่มเดินของเส้นทางที่จะไป แต่เราจะนอนพักกันก่อน 1 คืนและเริ่มเดินตอนเช้าตรู่ ซึ่งการนั่งรถบัสท้องถิ่นกว่า 8 ชั่วโมงที่นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ใครคิดจะมานอนเอาแรงและรับลมธรรมชาติ ขอให้คิดใหม่ เพราะถนนหนทางขรุขระ เส้นทางเป็นไหล่เขา รถโยกไปเยกมาเสมือนเครื่องในจะไหลกองรวมกัน รวมถึงการจอดแวะรับผู้คนระหว่างทาง ซึ่งระหว่างที่นั่งก็อาจมีเพื่อนมานั่งกับเราด้วยแบบงง ๆ ก่อนส่งยิ้มให้กันและกันเพื่อพิสูจน์ว่ากำแพงภาษาไม่ใช่ปัญหาหลัก จุดสังเกตก่อนที่จะถึง Dhunche คือจุดตรวจสัมภาระ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารมาตรวจค้นกระเป๋าเล็กน้อย เพราะจุดนี้เป็นเหมือนรัฐกันชนเลยมีทหารคุม

ทริป 8 วันในเนปาล เที่ยวกาฐมาณฑุแบบไร้แพลน พิชิตทะเลสาบโกไซกุนดาที่ความสูง 4,380 เมตร

เย็นวันนั้นซานโตสนัดพวกเรามาคุยถึงแผนการเดิน สิ่งที่ควรปฏิบัติ และข้อควรระวังระหว่างเดิน โดยเน้นย้ำที่การค่อย ๆ เดินเพื่อให้ระบบหายใจของเราเสถียรและไม่หอบเกินไป รวมถึงอาการแพ้ความสูง (Altitude Sickness) โดยอาจมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ และอ่อนเพลีย ดังนั้น การดื่มน้ำบ่อย ๆ อย่างน้อย 3 ลิตรจะช่วยป้องกันได้ ซึ่งน้ำที่นี่มาจากการนำน้ำแข็งมาละลาย หากไม่ชินก็อาจเกิดอาการท้องเสียได้ เราจึงใส่ยาฆ่าเชื้อโรค 30 นาทีก่อนดื่ม 

เราเริ่มเดินเส้นทางนี้จากความสูง 1,960 เมตรไปยัง 3,330 เมตร เส้นทางค่อนข้างโหดพอสมควร เพราะเป็นการเดินขึ้นอย่างเดียวเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายด้วยเวลาจำกัด (เราเดินขึ้น 2 วัน และเดินลงภายในวันเดียว)

ทริป 8 วันในเนปาล เที่ยวกาฐมาณฑุแบบไร้แพลน พิชิตทะเลสาบโกไซกุนดาที่ความสูง 4,380 เมตร

และตามคาด วันที่เริ่มเดิน ทุกคนในทริปเดินทิ้งเราไปอย่างไม่เห็นฝุ่น ด้วยความที่เป็นคนเดินช้าอยู่แล้ว ใช้คอนเซปต์ว่าช้าแต่ชัวร์ ตลอดเวลาก็จะมีซานโตสคอยเดินอยู่ข้าง ๆ เพราะต้องปิดท้ายคนที่เดินช้าที่สุดเพื่อความปลอดภัย ซึ่งถือว่าเป็นการใส่ใจและดูแลลูกทริปเป็นอย่างดี ครึ่งเช้าของวันแรกที่เดิน ทรมานมาก เหนื่อยมาก เหมือนร่างกายกำลังตกใจว่าพาฉันมาทำอะไร เดินขึ้นอย่างเดียวแบบที่ซานโตสบอกไว้จริง ๆ ไม่มีทางราบและไม่มีทางลงเลย ยิ่งเหนื่อยไปอีกเพราะอยู่ในช่วงยังหาจังหวะการเดินกับลมหายใจให้สอดคล้องกันไม่ได้ 

ทริป 8 วันในเนปาล เที่ยวกาฐมาณฑุแบบไร้แพลน พิชิตทะเลสาบโกไซกุนดาที่ความสูง 4,380 เมตร

ระหว่างที่เดินก็พอมีจังหวะได้คุยกับซานโตส ได้ความว่าจริง ๆ แล้วเส้นนี้ควรเดินสัก 4 – 5 วัน แต่ความที่เรามีเวลาน้อย ก็ต้องเดินแบบเส้นทางกระจัด คือขึ้น ขึ้น และขึ้นอย่างเดียว เราจึงทำได้แค่ค่อย ๆ เดินต่อไป

หลังกินข้าวเที่ยงที่จุดพัก รู้สึกเดินง่ายขึ้น เหมือนหาจังหวะที่สัมพันธ์ระหว่างการเดินกับลมหายใจได้พอดี กำลังใจที่หล่นตามรายทางก่อนหน้านี้ก็กลับมาอีกรอบ ถือเป็นครึ่งหลังที่ผ่านไปด้วยดี แม้จะมีฝนตกลงมาให้ตกใจเล่น ๆ แต่ก็ถือว่าคุ้ม เพราะวันรุ่งขึ้นท้องฟ้าปลอดโปร่ง

เราถึง Chandanbari กันตอน 4 โมงกว่า เบ็ดเสร็จแล้ววันแรกเดินประมาณ 8 ชั่วโมง อุณหภูมิลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซานโตสมาวัดออกซิเจนพวกเรา หากใครต่ำกว่า 65 อาจไม่ได้ไปต่อ ซึ่งข้างบนนั้น ค่าออกซิเจนเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 88 – 89 โชคดีที่ทุกคนผ่านหมด ค่ำนั้นเลยมีวงดนตรีเฉพาะกิจ นำโดยพี่ชา พร้อม จ่าเล สุขเสมอ บรรเลงเพลงพร้อมเสียงร้องจากพี่ ๆ ลูกหาบมาปัดเป่าความเหนื่อยล้าของพวกเราให้ออกไป

แด่ความเหนื่อยล้าและความศักดิ์สิทธิ์ของทะเลสาบโกไซกุนดา

ช่างเป็นเช้าที่ต่อสู้กับความขี้เกียจของตัวเองอย่างถึงที่สุด โดยเราจะเดินกันรวดเดียวไปถึงจุดหมายเลย จากความสูง 3,330 เมตรไปยัง 4,380 เมตร โชคดีที่ช่วงแรก ๆ ของวันนี้เป็นทางราบเล็กน้อย เดินผ่านป่าไม้ห่มผ้า เพราะมีพวกเฟิร์น พวกมอสส์เยอะมาก สีเขียวเต็มไปหมด สบายตาและร่มรื่น เราชอบเส้นนี้มาก ๆ และแล้วเราก็เจอกับภูเขาน้ำแข็ง คือยอดภูเขาลังตัง สวยมาก สวยตะลึง ถึงขนาดหยุดเดินเพื่อบันทึกภาพอยู่สักพักใหญ่ ๆ วันนั้นร่างกายปรับตัวได้ค่อนข้างดี เลยเดินต่อไปเรื่อย ๆ ได้อย่างไม่ทรมานตัวเองเกินไป

บันทึก 8 วันในเนปาลที่เริ่มต้นจากเดินเล่นในกาฐมาณฑุ จนถึง Trekking พิชิตเส้นทางหฤโหดสู่ทะเลสาบโกไซกุนดา

หลังถึงจุดพักกินข้าว ลมเริ่มแรงขึ้น ซานโตสกำชับให้หาหมวกมาปิดหูและบดบังส่วนหัว ป้องกันการเกิดอาการมึนศีรษะจากลมและความหนาว แล้วความทรมานของจริงก็เริ่มขึ้น เป็นส่วนที่ยากที่สุดของทริปนี้ เพราะออกซิเจนเริ่มต่ำ เราหายใจกันยากขึ้น ทำให้เหนื่อยง่ายขึ้น เราค่อย ๆ กระดึ๊บตัวเองขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ สังเกตได้เลยว่าเหนื่อยง่ายจริง ๆ ทั้งที่เดินแค่ไม่กี่ก้าว ร่างกายเริ่มไม่มีแรง เราหยุดพักกันเป็นระยะและถี่กว่าเดิมมาก ๆ 

เราเห็นเป้าหมายอยู่ไกลลิบ ๆ มองออกไปเห็นเป็นแค่จุดเล็ก ๆ เหมือนคนเอาปากกามาจุดไว้ในกระดาษ เท้าก้าวเดิน ยังไงมันก็ถึง แค่จะถึงช้าถึงเร็ว อากาศตอนนั้นทั้งหนาวและลมแรง รู้สึกหนาวจนปวดกระดูก บอกตรง ๆ ว่าไม่ได้เตรียมใจมาเจอกับความหนาวขนาดนี้ แม้จะดูอุณหภูมิมาแล้วก็ตาม แถมเป็นช่วงหน้าร้อนของประเทศเนปาล อย่างมากก็แค่เลขตัวเดียว 

บันทึก 8 วันในเนปาลที่เริ่มต้นจากเดินเล่นในกาฐมาณฑุ จนถึง Trekking พิชิตเส้นทางหฤโหดสู่ทะเลสาบโกไซกุนดา

เวลาล่วงเลยไปกว่า 7 ชั่วโมง และแล้วทะเลสาบโกไซกุนดาก็อยู่ข้างหน้าเรา! อยากร้องไห้จริง ๆ ขอบคุณตัวเองไปหลายรอบ

ทะเลสาบเป็นทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธและชาวฮินดู ช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมของทุกปี ชาวฮินดูหลายพันคนจะเดินทางมาที่นี่เพื่ออาบน้ำชำระตัว ศักดิ์สิทธิ์ขนาดที่ว่าก่อนตายควรมาสักครั้ง บางคนเดินเท้ามาจากอินเดียเลยก็มี 

คืนนั้นในบ้านไม้ที่มีเสียงเฮฮาจากดนตรีบรรเลง พร้อมกับวงไพ่และหนุ่มสาวผู้โหยหาไออุ่นแบบพวกเรากำลังนั่งผิงไฟ ต่างไม่มีใครอยากลุกไปไหนและไม่มีใครรีบนอน เพราะด้วยความสูงและระดับออกซิเจนที่ต่ำมาก ทำให้เรานอนหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่ดี พวกเราจึงเป็นกลุ่มสุดท้ายในบ้านที่อยู่ผิงไฟจนมอด เพราะไม่อยากปะทะกับความหนาวเหน็บที่อุณหภูมิ -2 องศา ในที่พักที่ไม่มีฮีตเตอร์ใด ๆ 

สรุป คืนนั้นฝนตกและหิมะตก!

รุ่งเช้าหลังกินข้าวเสร็จ เรารวดเดินลงเขาไปเลยทีเดียว ด้วยความคิดว่าขาลงยังไงก็ง่ายกว่าขาขึ้นจริงอยู่ที่ง่ายกว่า แต่ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด การเดินลงติดกันยาว ๆ 8 ชั่วโมง ทำให้ขาและเข่าล้าและไร้เรี่ยวแรง ยิ่งเดินยิ่งเจ็บเท้า เราเป็นคนสุดท้าย (เช่นเดิม) ที่มาถึงที่พักในเวลาเกือบทุ่ม ก่อนที่จะจบวันด้วยการล้างเนื้อล้างตัว จิบชาร้อน ๆ และนอนหลับเต็มอิ่ม อะไรมันสุขใจไปมากกว่านี้

Hello, Goodbye แด่การเดินทางและประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต

ในฐานะคนที่เดินช้าสุดในกลุ่ม รั้งท้ายทุกวัน ข้อดีของมันก็คือการได้อยู่กับตัวเอง รื่นรมย์กับบรรยากาศรอบตัว และต้องขอบคุณซานโตสที่คอยอยู่เป็นเพื่อนตลอดทริป สำหรับคนที่สนใจจะมาเส้นนี้ ถ้าไม่ชอบคนพลุกพล่าน ต้องการพบเจอวิวที่หลากหลาย อยากดูนกหลายชนิด และใช้เวลาไม่มาก เส้นทางนี้ถือว่าเหมาะมาก ๆ 

บันทึก 8 วันในเนปาลที่เริ่มต้นจากเดินเล่นในกาฐมาณฑุ จนถึง Trekking พิชิตเส้นทางหฤโหดสู่ทะเลสาบโกไซกุนดา
บันทึก 8 วันในเนปาลที่เริ่มต้นจากเดินเล่นในกาฐมาณฑุ จนถึง Trekking พิชิตเส้นทางหฤโหดสู่ทะเลสาบโกไซกุนดา

ทริปนี้กลายเป็นทริปที่เราประทับใจและยกให้ติดอันดับการเดินป่าที่น่าจดจำที่สุดในชีวิต อาจจะไม่ใช่เพราะทรมานที่สุด แต่เป็นเพราะระหว่างทาง เราได้ทำสมาธิและได้เท่าทันความคิดของตัวเองมากที่สุด ได้ท้าทายขีดจำกัดของตัวเอง ชนิดที่คิดว่าเหนื่อยแล้วก็ยังเหนื่อยได้อีก คำที่ว่าใจเป็นนายกายเป็นบ่าวอาจจะใช้ได้จริง ๆ 

เหนือสิ่งอื่นใดก็คือการได้พบเจอมิตรภาพใหม่ ๆ และเป็นการยืนยันกับตัวเองว่า มนุษย์เราก็แค่ธุลีของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ก่อนจะจากกับซานโตสที่สนามบิน เขาบอกว่ารอบหน้ามาเดินเส้นอื่นอีกสิ

ขอคิดดูก่อนนะ แต่ไม่แน่ น่าจะกลับมาอีกแหละ

นมัสเต

บันทึก 8 วันในเนปาลที่เริ่มต้นจากเดินเล่นในกาฐมาณฑุ จนถึง Trekking พิชิตเส้นทางหฤโหดสู่ทะเลสาบโกไซกุนดา

Write on The Cloud

Travelogue

ถ้าคุณมีประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ ๆ จากการไปใช้ชีวิตในทั่วทุกมุมโลก เชิญแบ่งปันเรื่องราวความรู้ของคุณพร้อมภาพถ่ายประกอบบทความ รูปถ่ายผู้เขียน ประวัติส่วนตัวผู้เขียน ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ และชื่อ Facebook มาที่อีเมล [email protected] ระบุหัวข้อว่า ‘ส่งต้นฉบับสำหรับคอลัมน์ Travelogue’ ถ้าผลงานของคุณได้ตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ เราจะส่งสมุดลิมิเต็ดอิดิชัน จาก ZEQUENZ แบรนด์สมุดสัญชาติไทย ทำมือ 100 % เปิดได้ 360 องศา ให้เป็นที่ระลึกด้วยนะ

Writer & Photographer

อลิศรา สำราญ

อลิศรา สำราญ

เป็นสิ่งมีชีวิตชั่วคราวที่หลงใหลในธรรมชาติ และตระหนักเสมอว่าทุกอย่างในชีวิตไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน