เรารู้จัก ตอง-พชร ประภาตะนันท์ ในฐานะชายหนุ่มบ้า ๆ คนหนึ่งที่ลาออกจากบริษัท Apple เพื่อไปเดินป่า Pacific Crest National Scenic Trail (PCT) ระยะทาง 4,270 กิโลเมตร จากประเทศเม็กซิโกไปแคนาดานาน 5 เดือน

ข้างกายของเขาคือ แป้น-ศศิลา สุขะ หญิงสาวอดีตพนักงาน Facebook ที่ยอมปั่นจักรยาน 6,624 กิโลเมตร ข้ามประเทศสหรัฐอเมริกา 14 รัฐ ใน 103 วัน กับสามีในโปรเจกต์ชื่อเดียวกันกับที่หลายคนตั้งคำถามในใจว่า ‘ปั่นทำไมล์’

สามีภรรยาคู่นี้เป็นเจ้าของเพจ ‘My name is Kustard’ รถแวนเก่าสีละมุน จักรยาน 2 คัน การเดินทางมากมาย และหัวใจอีกคนละ 1 ดวง

My name is Kustard คู่รักนักผจญภัยที่เดิน ปั่น ขับ หลายพันกิโลเพื่อตามหาสมดุลของชีวิต

เราพูดคุยกับทั้งคู่ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์แทนการพบหน้า ท่ามกลางอากาศสีเทาของกรุงลอนดอน ในบ้านของเพื่อนสนิทที่ตองได้จากการเดินป่า PCT

ปัจจุบันพวกเขาพักจากการผจญภัยโลดโผนชั่วคราว แต่กำลังออกเดินทางครั้งใหม่ที่อาจไม่ยิ่งใหญ่เท่า

ตองกลับมาทำงานที่ Apple อีกครั้ง ส่วนแป้นก็ใช้โอกาสนี้เรียนรู้ไปพร้อมกันว่าอะไรคือสมดุลที่แท้จริงของชีวิต

นี่คือเรื่องราวระหว่างการเดินทางตามหาเป้าหมายใหม่ของพวกเขา เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ความเศร้า และความรักของคนสองคน

ไมล์แรก

ตองและแป้นเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เรียน ม.2 

ฝ่ายหญิงเล่าให้ฟังว่าสมัยนั้นตองเรียนเก่ง แต่คบเพื่อนเฮี้ยว ๆ หลายคน เธอยังคิดว่าน่าจะไม่รุ่ง อย่าเพิ่งพูดถึงการออกเดินทางเลย ชีวิตจะไปรอดไหมก็ยังไม่รู้

“อาจจะเรียนไม่จบ” ตองยอมรับ แต่แป้นก็ชอบเขาตั้งแต่ตอนนั้น ด้วยความที่เธอเป็นคนช่างพูด ส่วนตองมีบุคลิกเงียบ ๆ จึงรู้สึกเหมือนเขารับฟังเธออยู่ตลอด อีกทั้งตองยังคอยกันพวกเพื่อนเกเรไม่ให้เข้ามาแกล้งเธอด้วย

ส่วนตองเริ่มชอบแป้นเอาก็ตอนปี 3 ขณะเรียนอยู่ที่สหรัฐฯ พอปิดเทอมกลับไทยมาก็คิดถึงเพื่อนสนิทวัยเด็ก จึงเอ่ยปากชวนแป้นไปเดินห้าง

“เราพยายามแต่งตัวสวย ต้องให้เขาประทับใจให้ได้เพราะเรามีใจ ไปนั่งรอที่ป้ายรถเมล์ เขาเดินผ่านไปเลย จำเราไม่ได้” แป้นยิ้มร่าย้อนอดีตให้เราฟัง หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มคุยกันมากขึ้นจนตกลงเป็นแฟนกัน

ถึงวันที่แป้นเป็นฝ่ายก้าวเท้าออกจากบ้านมา Work and Travel ที่สหรัฐฯ บ้าง เธอถือโอกาสมาหาตองที่กำลังเรียนอยู่ที่ซินซินนาติ แล้วไปเที่ยวนิวยอร์กด้วยกัน นั่นเป็นจุดเริ่มต้นแรกที่ทำให้เธอหลงเสน่ห์การเดินทำไมล์

“แฮปปี้มากกก” เธอลากเสียงยาว “ตอนนั้นรู้กันแน่ ๆ ว่าเราชอบเดิน รู้สึกว่าเดินรอบเมืองได้โดยที่ไม่ต้องไปไหน แล้วก็พยายามตามหาแต่ละประเทศว่าจะไปที่ไหนอีกดีที่จะเหมือนนิวยอร์ก อยากได้ความรู้สึกนั้นกลับมา” 

 แม้ความไร้เดียงสาในตอนนั้นจะทำให้ทั้งสองโดนโกงค่าที่พัก แต่ก็เป็นการเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกที่แป้นจำได้ไม่ลืม

ส่วนไมล์แรกของตองเกิดขึ้นในตอนที่ชีวิตการงานมีพรั่งพร้อม แต่หัวใจว่างเปล่า เขารู้สึกเหมือนชีวิตเจอทางตันเมื่อฝันทุกอย่างมาถึงฝั่ง ได้เรียนที่ต่างประเทศ ทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ แล้วยังได้ปล่อยผลิตภัณฑ์ tvOS ถึง 2 ชิ้น

“ไม่มีอะไรตื่นเต้นแล้ว ไม่รู้ว่าต่อไปคืออะไร” เขาจึงพยายามตามหาบทเรียนสดใหม่ที่ต้องเริ่มตั้งแต่ศูนย์ 

My name is Kustard คู่รักนักผจญภัยที่เดิน ปั่น ขับ หลายพันกิโลเพื่อตามหาสมดุลของชีวิต

ตองอยากเป็นช่างซ่อมรถขึ้นมา เขาจึงไปตระเวนหารถแวนคันเก่ามาลองซ่อมและให้ชื่อว่า ‘Kustard’ ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมจึงเป็นตัว K ก็ง่าย ๆ เพราะชื่อ Custard ถูกชิงจดทะเบียนไปก่อนแล้ว

เลยเถิดจนคิดจะกลับไทยไปเป็นเด็กยกกระเป๋าที่เกาะสมุย แต่สุดท้ายเปิดยูทูบมาเจอคนแบกเป้เดินป่า เลยคิดว่า “อันนี้แล้วกัน เท่กว่าไปยกกระเป๋า เพราะไม่มีเด็กยกกระเป๋าขั้นสูงสุด แต่การเดินป่าไต่ระดับได้เรื่อย ๆ” 

ผนวกกับนิสัยชอบอะไรต้องทำให้สุด ชอบด้าน IT ก็ต้องมาทำ Apple ชอบเดินป่าก็ต้องเดินเส้นแคนาดา-เม็กซิโก 

หลังจากหาข้อมูลดีแล้ว ตองจึงเอ่ยถามแป้นว่า “ขอไปเดินป่าคนเดียวได้ไหม 5 เดือน” คำตอบของภรรยาคือ “ไปแล้วอย่ากลับมานะ” 

แป้นบอกว่าห้ามไม่ได้เพราะตองน่ะดื้อ จึงกำชับสามีแทนว่า “ต้องทำให้สำเร็จ การที่เธอจะทิ้งทุกอย่าง ต้องได้เรียนรู้อะไรกลับมา” 

ตองตอบตกลงและสะพายเป้ขึ้นหลัง เขาออกเดินไปบน Pacific Crest National Scenic Trail (PCT) ระยะทางยาว 4,270 กิโลเมตร มีแป้นคอยขับรถส่งข้าวส่งน้ำ ระหว่างทางเขาก็ดันไปตกหลุมรักอิสระและการเดินทางเข้า

ไปด้วยกัน ไปได้ไกล

สองเท้าก้าวเข้าบ้านหลังกลับมาจาก PCT แต่ใจของตองกลับยังติดอยู่บนทางเดิน เขายังโหยหาความรู้สึกแบบนั้น 

“ปล่อยวางไม่ได้” ตองพูด

เขาบอกเราว่าไม่ได้ติดใจการเที่ยวหรอก แต่ชอบเดินทาง ชอบหลงทาง ชอบวางแผน และแผนต่อไปของเขาคือการชวนภรรยาไปผจญภัยด้วย

“สนุกมากเลย อยากให้เธอไป อยากให้เธอรู้สึกแบบเดียวกัน” แป้นเลียนแบบเสียงตอนที่ตองตะล่อมให้เธอออกไปเที่ยวด้วยกัน 

ณ ตอนนั้นแป้นทำงานชั่วคราวอยู่ที่ Facebook พอได้ยินที่ตองชวน เธอก็นึกว่าเขาหมายถึงเที่ยวสุดสัปดาห์ทั่วไป และทั้งคู่คงจะใช้ชีวิตแบบปกติเหมือนก่อน แต่หลังจากหยอดไอเดียใส่หัวของแป้น ตองก็สารภาพความในใจว่า “ไปขับรถกันเถอะ” 

หารู้ไม่ว่านั่นไม่ใช่การขับรถธรรมดา สามีชวนเธอขับไปอลาสก้า ซึ่งใช้เวลา 6 เดือน

My name is Kustard คู่รักนักผจญภัยที่เดิน ปั่น ขับ หลายพันกิโลเพื่อตามหาสมดุลของชีวิต

ถึงเวลาต้องนั่งพูดคุยกันอย่างจริงจัง การออกเดินทางครั้งนี้หมายถึงการทิ้งความมั่นคงทางการเงิน อีกทั้งแป้นกังวลว่าครอบครัวที่ไทยจะเป็นห่วง แต่ใจหนึ่งก็คิดว่าถ้าตัวเองไม่ไป ตองก็คงไปคนเดียวอยู่ดี

ยิ่งคิด ยิ่งคุย ยิ่งเครียด น้ำตาก็ไหลออกมา

หลังจากผ่านบทสนทนาอันยาวนานไปได้ แป้นก็ตกลง “ในเมื่อมีโอกาส เราก็ต้องลองดูสักตั้ง ถ้าลองแล้วแย่ก็ค่อยหันหลังกลับ”

ทั้งคู่จึงตัดสินใจยกเครื่องคัสตาร์ดใหม่ พารถที่แก่กว่าตัวเอง 3 ปีออกเดินทางไปอลาสก้าในโปรเจกต์ ขับทำไมล์

ทำไมล์ต้องไปด้วยกัน

ตองผู้ชอบวางแผนริเริ่มทริป และแป้นผู้ชอบกังวลเวลาตองชวนไปทริป สลับบทบาทกันทันทีเมื่อเท้าแตะถนน กลายเป็นว่าแป้นสนุก ส่วนตองเครียดเพราะกลัวผิดแผนแล้วทำแป้นลำบาก 

ทริปที่ดูสนุกและน่าตื่นเต้นจริง ๆ แล้วสอดไส้ด้วยความยาก สองสามีภรรยาต้องใช้ความอดทนและความเข้าใจกันมาก ๆ เพราะการขับไปอลาสก้าคือการอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมงในรถนานหลายเดือน เราฟังแล้วนึกถึงส่างหม่องกับยุพดีจาก ชั่วฟ้าดินสลาย แต่ทั้งคู่ก็ผ่านมาได้

“ไม่ง่ายหรอกนะ” แป้นเน้นว่าชีวิตจริงไม่เหมือนละครที่นางเอกพระเอกรักกันหวานซึ้ง ข้ามน้ำข้ามภูผาก็ไม่หวั่น “เราไม่โอเคหรอก อยากไปก็ไม่ได้ห้าม แต่ถ้าต้องลากเราไปด้วย ฉันจะงี่เง่า จะบ่นร้อน ปวดแขน แล้วก็จะร้องไห้ กลัวหน้าพัง แกรับผิดชอบเองแล้วกัน สมน้ำหน้า” แป้นจ้องหน้าตองพลางเล่าให้เราฟัง

My name is Kustard คู่รักนักผจญภัยที่เดิน ปั่น ขับ หลายพันกิโลเพื่อตามหาสมดุลของชีวิต

ทริปล่าสุด ทั้งคู่ปั่นจักรยานข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปมหาสมุทรแอตแลนติก ผ่าน 13 รัฐในสหรัฐฯ มีวันหนึ่งลมพัดแรง และทั้งสองต้องปั่นบนถนนที่ชันเล็กน้อย รถบรรทุกก็สวนทางมาเยอะ ทำเอาแป้นกลัวจนใจฝ่อ นึกโมโหสามีที่พามาทำอะไรเสี่ยง ๆ จึงลากจักรยานไปหลบริมทางแล้วนั่งเงียบไม่คุยกับตอง 

ตองกังวลมากเพราะแถวนั้นไม่มีเมืองใกล้ ๆ แต่ก็เลือกที่จะนั่งข้าง ๆ เงียบ ๆ เพราะรู้จักนิสัยภรรยาดี “เราไม่จี้ว่าต้องไปต่อ แล้วก็ไม่ปลอบ ให้เขานั่งเฉย ๆ 15 – 20 นาที เดี๋ยวเขาก็ดีขึ้น”

ถามถึงเรื่องที่ทะเลาะกันบ่อยที่สุด ทั้งคู่พร้อมใจกันตอบว่าคือเรื่องกิน เพราะเวลาแป้นหิวจะหงุดหงิดง่าย ตองจึงเรียนรู้ว่าต้องรีบหาอะไรให้กิน 

อีกหนึ่งเหตุผลที่ชอบตีกันเรื่องอาหาร คือความเกรงใจกัน ต่างคนต่างกลัวว่าถ้าเลือกสิ่งที่ตัวเองอยากกิน อีกคนก็จะไม่ได้กินสิ่งที่อยากกิน มีครั้งหนึ่งที่ตองจะกินพิซซา แต่แป้นไม่อยากกิน เลยแอบไปร้องไห้ในห้องน้ำคนเดียว

My name is Kustard คู่รักนักผจญภัยที่เดิน ปั่น ขับ หลายพันกิโลเพื่อตามหาสมดุลของชีวิต

พอเล่าแล้วภาพเหตุการณ์ก็ย้อนกลับมา ทั้งคู่เลยเถียงกันต่อให้เราฟัง ก่อนมองหน้ากันแล้วหัวเราะ

ถึงการไปด้วยกันจะทุลักทุเลยังไง แต่พอถามตองว่าชอบไปคนเดียวหรือชอบไปด้วยกันมากกว่า เขานิ่งคิดก่อนตอบเราว่า “ตอนนี้เดินทางคนเดียวไม่เป็นแล้ว”

ตองบอกว่ายังไงอันดับ 1 ในใจก็คือการไปเดิน PCT คนเดียว เพราะคล่องตัว ไม่ต้องคอยเป็นห่วงภรรยา แต่การมีคนให้แชร์ทำให้การเดินทางสนุกกว่าเป็นไหน ๆ

“พอเรานึกย้อนกลับไป จะจำได้ว่าคนนี้อยู่กับเรา ในบางช่วงเวลาที่โคตรทรมาน แต่เราก็ยังมีเขาให้คุยด้วย” แป้นเล่า

การเดินทางครั้งใหม่

ตอนนี้ตองตัดสินใจกลับไปทำงานที่ Apple อีกครั้ง แม้ยังตอบไม่ได้ว่าจะยังมีความสุขกับการทำงานที่ชอบได้อีกหรือเปล่า แต่ข้อดีคือไม่ต้องเครียดเรื่องเงินเหมือน 3 – 4 ปีที่ผ่านมา

“ตอนที่เดิน PCT มันดีมาก อยากได้ความรู้สึกนั้นอีกเลยชวนแป้นไปขับรถ ต่อมาก็ชวนไปปั่นจักรยาน ถือว่าเป็นทริปที่ดีมาก สนุกและตื่นเต้น แต่ก็ยังวิ่งตามหาความรู้สึกแบบที่ได้จาก PCT อยู่ เลยบอกตัวเองว่าทำมา 2 – 3 อย่างแล้ว ยังไงก็ไม่มีทางกลับไปมีความรู้สึกแบบนั้นได้อีก เลยวนกลับมาที่จุดเริ่มต้น” ตองเล่าเหตุผลที่เขากลับมาทำงานให้เราฟัง

“เพราะสุดท้ายแล้ว จุดหมายของชีวิตไม่ได้อยู่ที่ปลายทางสุดขอบโลก อาจไม่มีคำตอบ หรือคำตอบของเราเปลี่ยนไปเรื่อย แต่เราจะวิ่งตามมันเหมือนที่ผมเคยวิ่งตามความรู้สึกของ PCT ไหม จะหยุดแล้วไม่ทำอะไรเลย หรือจะหาตรงกลาง

“คนเราก็ต้องกินต้องอยู่นั่นแหละ แต่จะอยู่ยังไงให้มีความสุข เพราะไม่มีใครบนโลกนี้ที่เดินทางไกลแบบนั้นต่อไปได้เรื่อย ๆ เราจะเอาทักษะที่ได้จากการผจญภัยมาทำให้ชีวิตง่ายขึ้น ตอนไปปั่นจักรยานมีเสื้อ 3 ตัวเอง” 

My name is Kustard คู่รักนักผจญภัยที่เดิน ปั่น ขับ หลายพันกิโลเพื่อตามหาสมดุลของชีวิต

แป้นเสริมว่ายิ่งได้เห็นโลกมาเยอะ ๆ ยิ่งรู้สึกว่าชีวิตมันก็เท่านี้ “ไม่คิดว่าจะมีวันที่เราเห็นโลกมากพอ แต่ที่เจอมาก็เยอะกว่าคนอื่นและมากกว่าที่คิดจะทำในชีวิตหนึ่งแล้ว” 

เส้นทางหฤโหดข้างหน้านี้ทอดยาวไปภายในจิตใจ ระหว่างทางทั้งคู่ต้องคอยพร่ำบอกตัวเองว่า แม้ไม่ได้มีชีวิตที่หวือหวา ก็ต้องหาความสุขจากสิ่งเล็ก ๆ ให้ได้ เพราะที่ผ่านมาต้องเดินทางไกลเพื่อตามหาความสนุก บางทีเลยหลงลืมความสุขที่เรียกว่าความธรรมดา

ให้ผจญภัยต่อก็ทำได้ แต่ถ้าตายหรือแก่แล้วไปไม่ไหวก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ก็รักษาสุขภาพดี ๆ ออกกำลังกาย กินผัก ตอนอายุเยอะก็ยังมีอะไรให้ทำอีกแยะ คนอายุ 70 ที่ปั่นจักรยานนำหน้าพวกเขาก็มีเหมือนกัน

“แต่ถามว่ายังอยากเห็นอีกไหม ก็อยากอยู่แล้วแหละ” ตองรีบออกตัว

เรื่องเล่าระหว่างทางของ My name is Kustard คู่รักนักผจญภัย กับการเดินทางครั้งใหม่แสนธรรมดาเพื่อตามหาสมดุลของชีวิต

“ถ้าเธอตายก่อนเดี๋ยวฉันไปเดินรอบโลก” คือสิ่งที่ตองพูดกับแป้น ระหว่างบทสนทนาเกี่ยวกับการจากไป ทั้งคู่มองว่าความตายคือเรื่องธรรมดาที่คุยกันปกติในชีวิต

“เราไม่ได้ห่วงชีวิตอะไรขนาดนั้น ที่กลัวมากกว่าตายก็คือการมีชีวิตอยู่แล้วไม่ได้ทำทั้ง ๆ ที่มีโอกาส มันน่าเสียดาย เพราะมีหลายอย่างเหมือนกันที่รู้สึกว่าสายเกินไปแล้วที่จะทำ” เราฟังแล้วแอบพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนถามคำถามสุดท้ายว่าถ้าต้องตายจริง ๆ อยากบอกอะไรกันและกัน 

แป้นมองหน้าตองแล้วพูดว่า “ขอบคุณนะ ชีวิตมีค่ามากขึ้นเยอะเลยที่ได้เจอกัน” 

สำหรับเธอ ถ้าไม่ได้ไฮเกอร์คนนี้มาเป็นสามี ก็คงนอนอยู่บ้าน ดูทีวี ไม่มีหรอกการเดินทางผจญภัย

ฝั่งตองทำหน้าครุ่นคิด แหงนมองเพดาน เขาบอกว่าอะไรที่ต้องพูดก็พูดไปหมดแล้ว แต่จู่ ๆ ก็มอบคำตอบที่ทำเอาคนฟังหัวเราะ “อย่าลืมล็อกบ้าน”

ทริปสุดท้าย

ไปเห็นโลกมาก็หลายที่ ถ้าต้องมีทริปสุดท้ายก่อนตายอยากไปไหน

เรื่องเล่าระหว่างทางของ My name is Kustard คู่รักนักผจญภัย กับการเดินทางครั้งใหม่แสนธรรมดาเพื่อตามหาสมดุลของชีวิต

แต่จะกลับธรรมดาก็คงไม่ได้ ทั้งคู่จึงกำลังหาวิธีอยู่ว่าจะกลับมายังไงให้สมศักดิ์ศรี

ไม่แน่ เราอาจได้เห็นคู่รักออกผจญภัยครั้งใหญ่กับโปรเจกต์เดินกลับไทยก็ได้นะ

Facebook : My Name is Kustard 

YouTube : MyNameIsKustard

Writers

นวพรรษ สรรประสิทธิ์

นวพรรษ สรรประสิทธิ์

สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะไม่ยอมทิ้งความเป็นเด็ก ถ้าเลือกพลังวิเศษได้ 1 อย่างอยากมีสกิลการเรียนรู้ไม่สิ้นสุด ชอบการเดินทางเพราะได้เจอสิ่งใหม่

ชลลดา โภคะอุดมทรัพย์

ชลลดา โภคะอุดมทรัพย์

นักอยากเขียน บ้านอยู่ชานเมือง ไม่ชอบชื่อเล่นที่แม่ตั้งให้ มีคติประจำใจว่าอย่าเชื่ออะไรจนกว่าหมอบีจะทัก รักการดูหนังและเล่นกับแมว