เราขับรถออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปจนถึงอำเภอหางดง เลี้ยวลดไปตามทางอีกพักหนึ่ง ก็มาถึงสถานที่ที่ตั้งใจ
ไม่ใช่สตูดิโอเก๋ ไม่ใช่คาเฟ่สวย แต่คือบ้านของครอบครัวใหญ่ที่ลงหลักปักฐานในเชียงใหม่มาร่วม 150 ปี ที่สำคัญคือแม้โลกภายนอกจะหมุนไป พวกเขายังคงใช้ชีวิตด้วยวิถีล้านนาดั้งเดิม
โดยแง้มประตูบ้าน แบ่งปันเสน่ห์ล้านนาให้คนต่างถิ่นได้สัมผัส ในชื่อ ‘Chiang Mai Home Host’
โจ้-ชินดนัย ดุลิกานนท์ ทายาทรุ่นที่ 5 ของครอบครัวเล่าว่า การเปิดบ้านนี้เป็นความคิดของน้าชายผู้เคยเป็นไกด์มาก่อน เนื่องจากมีเอเย่นต์ฝรั่งเศสได้มาเห็นบ้านที่กว้างขวางและสวยมีเสน่ห์ จึงแนะนำให้ใช้พื้นที่ทำอะไรบางอย่าง เพราะนักท่องเที่ยวน่าจะสนใจ
จากความคิดแรกเริ่ม ต่อมาเอเย่นต์เจ้าเดิมก็มองหาโปรแกรมทัวร์แปลกใหม่ ที่ไม่ใช่แค่พาฝรั่งมาทำอาหารแบบเตาใครเตามัน ทำเสร็จก็กินแล้วจบไป เลยลองให้น้าของโจ้จัดโปรแกรมให้ ในที่สุดครอบครัวนี้จึงตกลงใจกันเปิดบ้านให้คนมาเรียนรู้วัฒนธรรมล้านนา ที่ไม่ได้มีแค่การทำอาหาร แต่ได้สัมผัสวัฒนธรรมล้านนาแบบลึกซึ้งในบ้านของคนล้านนาจริงๆ โดยมีหัวเรี่ยวหัวแรงหลักคือน้าและโจ้ซึ่งลาออกจากการทำงานโรงแรมมาช่วยงานนี้เต็มตัว
มาที่นี่จะได้พบกับอะไร เมื่อก้าวพ้นรั้วเข้ามา เราจะได้พบบ้านถึง 3 หลังบนที่ดินผืนเดียวกัน เพราะคนล้านนาอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ โดยนิยมให้ลูกเขยแต่งเข้า เพราะให้ความสำคัญกับลูกสาวมากกว่าลูกชาย
บ้านหลังที่โดดเด่นที่สุดคือเรือนไม้สักอายุเกือบร้อยปีซึ่งเป็นบ้านแบบล้านนาแท้ ภายในจะมีโถงรับแขก ถัดจากนั้นคือห้องนอนของพ่อแม่และลูกๆ ซึ่งมีตำแหน่งตายตัว เพราะคนล้านนาเชื่อว่าเราต้องนอนหันหัวไปทางตะวันออกซึ่งเป็นทิศมงคล และลูกๆ ไม่ควรหันเท้าไปยังหัวพ่อแม่ จึงจัดห้องให้พ่อแม่นอนในตำแหน่งที่ยังหันหัวถูกต้องและปลายเท้าชี้ไปทางหัวของลูกแทน ส่วนท้ายเรือนนั้นเป็นห้องครัวที่คนล้านนาใช้หุงต้มอาหารบนเตาฟืน ซึ่งโจ้บอกว่าทุกวันนี้ก็ยังใช้ทำอาหารกินกันในครอบครัวอยู่
หลังเยี่ยมชมบ้านล้านนาอันแสนมีเสน่ห์ เราก็ได้ลองชิมของกินแบบล้านนาแท้ นั่นคือเมี่ยง ซึ่งไม่ใช่เมี่ยงคำที่คนกรุงคุ้นเคย แต่คือใบชาหมักที่คนล้านนาเอาไว้เคี้ยวกินพร้อมเกลือเม็ดเพื่อแก้ง่วง
หลังชิมรสชาติแบบล้านนา ก็ยังมีกิจกรรมสนุกให้ทำมากมาย เช่น ดูการสาธิตทำบุหรี่ขี้โย หรือบุหรี่มวนด้วยใบตองที่คนล้านนามักเอาไว้สูบเพื่อให้เกิดควันไล่ยุงเวลาทำไร่ทำนา ลองทำอาหารเหนือแบบที่ครอบครัวของโจ้ทำกินกันจริงๆ ตั้งแต่ขั้นหั่นผักจนถึงจัดใส่จาน รวมถึงไปเยี่ยมชมพื้นที่กว้างขวางหลังส่วนที่อยู่อาศัย ซึ่งมีทั้งแปลงนา คอกสัตว์ และสวนที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด หลายอย่างก็เป็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน เช่น ต้นโปร่งฟ้า สมุนไพรที่ช่วยให้คนเลิกติดบุหรี่ได้
กิจกรรมทั้งหมดของ Chiang Mai Home Host กินเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ครบทุกรสทั้งการเยี่ยมชมและลงมือทำ ซึ่งโจ้บอกว่านี่ไม่ใช่การพาคนเข้ามาเรียนรู้ แต่จริงๆ แล้วคือการแลกเปลี่ยนระหว่างกัน
“จุดมุ่งหมายของที่นี่คือการเรียนรู้วัฒนธรรม เรียนรู้วิถีชีวิตคนล้านนาแบบที่เขาอยู่กันจริงๆ แล้วก็ทำกับข้าวกับครอบครัว รวมถึงแลกเปลี่ยนกัน คือไม่ใช่เขามารู้เราอย่างเดียวนะ เขาก็แลกเปลี่ยนกับเราเหมือนกันว่าบ้านเขาทำอย่างนั้นอย่างนี้” โจ้เล่า แล้วบอกว่าเขาเองก็สนุกกับการทำ Chiang Mai Home Host ไม่แพ้ผู้มาเยี่ยมเยือน
“เราสนุก เหมือนได้แบ่งปันข้อมูลให้ลูกค้า ลูกค้าโอเค เราก็ชอบใจ ลูกค้ามีความสุข เราก็ดีใจ ตอนแรกคิดว่าเขามาก็อยากจะสะดวกสบาย แต่จริงๆ เขาไม่อยากนะ เขาอยากดูว่าเราอยู่กันจริงๆ ยังไง”
หากอยากลองสัมผัสความเป็นล้านนาแบบถึงราก ลองแวะไปเยี่ยมบ้านของโจ้ดูสักครั้ง