ใคร ๆ ก็อยากเป็นต้นตำรับ เป็นคนแรกที่ประดิษฐ์คิดค้นอะไรขึ้นมาสักอย่างกันทั้งนั้น 

อิตาลีเองก็ต้องการประกาศให้โลกรู้เหมือนกันว่าฉันเป็นผู้คิดค้นอะไรตั้งหลายอย่าง สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้คือสิ่งที่หนังสือเรียนภาษาอิตาเลียนสำหรับชาวต่างชาติเล่มหนึ่งบันทึกเอาไว้ นัยว่า ถ้าเธอเรียนภาษาฉัน เธอก็ต้องรับรู้ด้วยนะว่าฉันคือผู้สร้างสิ่งเหล่านี้ อันได้แก่…

#1

หนังสือ

อาจจะมีคนบอกว่า โอ้โห กล้าเนาะ เคลมอะไรใหญ่มาก เดี๋ยวนะ เขาไม่ได้พูดถึง ‘การพิมพ์หนังสือ’ นะ เขาหมายถึง ‘หนังสือ’ ที่หน้าตาเป็นอย่างที่เราเห็นทุกวันนี้ กล่าวคือ พกได้ ถือได้ มีเลขหน้า ก่อนหน้านั้นหนังสือเล่มใหญ่มากและไม่มีเลขหน้า หรือถ้าเป็นของไทยก็นับตอนที่เปลี่ยนจากใบลานทบมาเป็นหนังสือเล่ม ๆ อะไรอย่างนี้

ไม่ได้อ้างลอย ๆ ยังปรากฏชื่อไว้ด้วยว่าท่านผู้นั้นคือ คุณอัลโด มานุซซีโย (Aldo Manuzio) ซึ่งเป็นนักการพิมพ์ที่มีช่วงชีวิตคาบเกี่ยวอยู่ระหว่างศตวรรษที่ 14 – 15 ณ เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ท่านไม่ได้เคลมของท่านเองหรอกนะ คนรุ่นหลังนี่ช่วยกันประกาศเกียรติยศของท่านออกไป

#2

แบตเตอรี่

จากยุคเรอเนสซองส์ กระโดดมาปี 1799 อเลสซานโดร โวลตา (Alessandro Volta) ก็ได้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ขึ้นมา คือแบตเตอรี่ สิ่งประดิษฐ์ของโวลตานี้สร้างความตื่นเต้นและมีคุณูปการแก่การพัฒนาไฟฟ้าอื่น ๆ มาก และชื่อหน่วยที่ใช้เรียกขนาดแรงดันไฟฟ้าว่า โวลต์ ก็มาจากนามสกุล Volta ของอเลสซานโดรนี่เอง

หากคุณได้มีโอกาสไปทะเลสาบโคโม คุณก็จะได้พบกับ ‘วิหารแห่งโวลต์’ ซึ่งเป็นอนุสาวรีย์สร้างอุทิศแด่อเลสซานโดร โวลตา ตั้งอยู่อย่างสงบ ณ สวนสาธารณะเล็ก ๆ ริมทะเลสาบโคโมอันเป็นบ้านเกิดของเขา

วิหารแห่งโวลต์ (Tempio Voltiano)
ภาพ : it.wikipedia.org/wiki/Tempio_voltiano
#3

โทรศัพท์

ชะงักไปนิดหรือเปล่า คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นคนอื่นใช่ไหม อันนี้ก็เป็นดราม่าระดับโลกเบา ๆ อยู่เหมือนกัน จริงอยู่ เป็นที่รับรู้ของผู้คนในโลกทั่วไปว่าผู้คิดค้นได้แก่ Alexander Graham Bell นักวิทยาศาสตร์ชาวสกอตแลนด์ จริง เขาเป็นผู้จดลิขสิทธิ์จริง แต่พบว่าได้มีการจดสิทธิบัตรเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ในการถ่ายทอดเสียงผ่านสายมาได้แล้วตั้งแต่ปี 1871 โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาเลียนชื่อ อันโตนิโอ เมอุชชี (Antonio Meucci) ภายใต้ชื่อ Telettrofono (ยังไม่ใช่ Telefono หรือโทรศัพท์ในภาษาอิตาเลียน) แต่แล้วสิทธิบัตรดังกล่าวก็หมดอายุไป อันโตนิโอผู้ซึ่งขาดทุนรอนและมีอุปสรรคทางด้านภาษาจึงมิได้ต่ออายุ ทำให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น

จะว่าไปสิ่งที่ลุ้นระทึกน่าทำเป็นภาพยนตร์ คือในวันเดียวกันนั้นได้มีผู้ยื่นขอจดสิทธิบัตรนี้เช่นกัน คือ เอลิซา เกรย์ แต่ช้ากว่าเบลไป 2 ชั่วโมง จึงทำให้เบลได้รับสิทธิบัตรนั้นไป

สำหรับเรื่องการอ้างว่าเป็นผู้คิดค้นโทรศัพท์นี้ ไม่ใช่ว่าทางอิตาลีหรือแฟนคลับจะร้องแรกแหกกระเชอกันอยู่ฝ่ายเดียว แต่ในปี 2002 สภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาก็ได้มีมติรับรองการมีส่วนร่วมของเมอุชชีในการประดิษฐ์โทรศัพท์ โดยระบุว่าเขาควรได้รับการยอมรับจากผลงานของเขา

ส่วนทางฟลอเรนซ์นั้นก็ไม่รีรอที่จะขยี้เรื่องนี้ โดยสลักป้ายแปะไว้ตรงบ้านเกิดของเมอุชชี โดยระบุชัดเจนว่า ที่นี่เป็นสถานที่เกิดของ อันโตนิโอ เมอุชชี ผู้คิดค้นโทรศัพท์

ภาพ : it.wikipedia.org/wiki/Antonio_Meucci
#4

วิทยุ

ในที่นี้หมายถึงวิทยุสื่อสาร หรือการติดต่อกันโดยไร้สายนั่นเอง หลับตานึกนะว่ามันต้องมหัศจรรย์แค่ไหนที่คนเราได้ยินเสียงของอีกคนจากอีกที่ได้โดยไม่ต้องตะโกน และไม่มีสายอะไรโยงใยด้วย

วิทยุ คิดค้นขึ้นในปี 1896 โดย กูลเยียลโม มาร์โคนี (Guglielmo Marconi) นักวิทยาศาสตร์ชาวโบโลญญา ตอนนั้นเขามีอายุเพียง 21 – 22 ปี และการส่งสัญญาณเสียงก็เป็นเพียงจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่งซึ่งห่างไม่กี่เมตรเท่านั้น แต่ในปี 1901 เขาได้ส่งสัญญาณเสียงจากอังกฤษไปสู่แคนาดา และในปี 1909 เขาก็ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ร่วมกับ Karl Braun เพื่อนร่วมงานชาวเยอรมันของเขาด้วย

อนึ่ง วิทยุ แปลว่า สายฟ้าฟาด คนแปลเก่งเนอะ

โอเบลิสก์อุทิศแด่มาร์โคนี ตั้งอยู่ที่โรม
ภาพ : it.wikipedia.org/wiki/Obelisco_di_Marconi
#5

โคนไอศกรีม

ปีแรกที่มนุษยชาติเดินเลียไอศกรีมจนหมดสิ้น ไม่เหลือแม้แต่ภาชนะใด ๆ ให้เป็นหลักฐานน่าจะเป็นปี 1896 ซึ่งหลายคนคงอยากยกรางวัลโนเบลสาขาการกินให้แก่ คุณอิตาโล มาร์คีโยนี (Italo Marchioni) ผู้สร้างนวัตกรรมขนาดเท่าฝ่ามือแต่สร้างแรงกระเพื่อมไปทั้งโลกจริง ๆ

อิตาโล มาร์คีโยนี เป็นชาวอิตาเลียนผู้ไปตั้งถิ่นฐานในสหรัฐอเมริกา แต่เดิมเขาเป็นคนขายไอศกรีมนี่ล่ะ แต่ได้พบว่าการใช้แก้วเป็นภาชนะใส่ไอศกรีมแบบเดิม ๆ นั้น นอกจากจะแตกง่ายหายเร็วแล้ว ภาชนะกระดาษที่มีผู้คิดทำก็ยังไม่สะใจคนกินไอศกรีม มีความเหลวเป๋วง่ายด้วย อย่ากระนั้นเลย คุณอิตาโลจึงได้คิดค้นโคนไอศกรีมที่ทำด้วยเวเฟอร์ขึ้นมา ไม่คิดเปล่า จดสิทธิบัตรเสียเลยในปี 1903 แล้วคุณอิตาโลก็เลิกขายไอศกรีม หันมาปั๊มโคนไอศกรีมส่งขายร้านไอศกรีมทั่วสหรัฐฯ แทน

อนึ่ง ไม่พบอนุสาวรีย์ของท่าน หรือใครจะตั้งให้ไหม

แบบพิมพ์โคนไอศกรีมที่ อิตาโล มาร์คีโยนี จดสิทธิบัตรไว้ ยังเห็นเลขทะเบียนและวันที่จดอยู่ด้านบนภาพ
ภาพ : it.wikipedia.org/wiki/Italo_Marchion
ภาพ : vipiu.it/leggi/gelato
#6

หม้อต้มกาแฟ

อันนี้คงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเท่าไหร่ มันแหงอยู่แล้วไหมที่ผู้คิดค้นหม้อต้มกาแฟแบบอิตาเลียน ก็ควรจะเป็นคนอิตาเลียน 

ปีที่คิดค้นนั้นบันทึกไว้ว่าเป็นปี 1933 โดยผู้ที่คิดค้นนั้นคือ คุณอัลฟอนโซ เบียเล็ตติ (Alfonso Bialetti) ซึ่งหลายคนยังคงไม่ยอมซื้อหม้อต้มกาแฟอิตาเลียนหากไม่ใช่ยี่ห้อนี้

หม้อต้มกาแฟแบบนี้นั้น คนอิตาเลียนเรียกว่า ม็อคคา เขียนว่า Moka และไม่มีอะไรเกี่ยวพันกับกาแฟผสมช็อกโกแลตเลย กาแฟแบบนั้นอิตาเลียนกลับเรียกว่า กาแฟมาร็อคคีโน่ (Caffè Marocchino) ไปเสียอีก

ชื่อม็อคคานี้มาจากชื่อเมืองท่าของประเทศเยเมน (Mokha หรือ Mocha) ซึ่งเป็นเมืองที่มีประวัติอันยาวนานด้านการค้ากาแฟ เบียเล็ตติคงตั้งชื่อโดยเลือกชื่อเมืองที่มีเรื่องราวรุ่งเรืองด้านกาแฟก็แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเมืองนี้แม้แต่น้อย สรุป ชื่อ Moka ไม่เกี่ยวอะไรกับใครเลย

ภาพ : bialetti.com
#7

รถมอเตอร์ไซค์แบบ Scooter

หรือจะให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เวสป้า (Vespa) นั่นล่ะ

โอย อันนี้ยาว ไม่สามารถ แนะนำให้ไปดู

#8

พลาสติก

พลาสติก ตัวละครที่ถูกประณามว่าเป็นผู้ทำลายสิ่งแวดล้อมโลก ได้รับการประดิษฐ์คิดค้นในปี 1954 โดยวิศวกรเคมีชื่อ จูลีโย นัตตา (Giulio Natta) ซึ่งในที่สุดเขาก็ได้รับรางวัลโนเบลในปี 1963 ร่วมกับ Karl Ziegler เพื่อนร่วมงานของเขา

พลาสติกคงมีหลายแบบหลายอย่างและคงผ่านการพัฒนามาอย่างยาวนาน จึงพบชื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการคิดค้นมากมาย และหนึ่งในนั้นที่คนในวงการยอมรับนับถือก็คือ จูลีโย นัตตา ชาวแคว้นลิกูเรียท่านนี้

ขออภัยที่ลงรายละเอียดไม่ได้ ไม่มีความรู้จริง ๆ

จูลีโย นัตตา (Giulio Natta)
ภาพ : it.wikipedia.org/wiki/Giulio
#9

คอมพิวเตอร์ส่วนตัว

หรือที่เรียกกันว่า PC ที่มาจาก Personal Computer นั่นล่ะ ผู้ที่คิดเปลี่ยนจากคอมพิวเตอร์อันใหญ่โตมโหฬารที่มีไว้ใช้แต่ในองค์กรหรือบริษัทใหญ่ ๆ ให้มาเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่มีอยู่ทุกสำนักงานในโลก ก็คือบริษัท Olivetti นั่นเอง

PC นี้ นำเสนอสู่สายตาประชาชนในงาน Expo ปี 1965 ที่มหานครนิวยอร์ก

เกร็ดเซ่อ ๆ ในชีวิตก็คือ ตอนนั้นมีบอลโลก แล้วชื่อ Olivetti ขึ้นอยู่ด้านล่างจอทุกแมตช์ จะไม่มองก็ไม่ได้ ร้อนถึงเพื่อนพี่น้องในคณะรู้ว่าเรียนอิตาเลียน ก็มาถามกันใหญ่ว่ามันแปลว่าอะไร (ธรรมชาติเด็กอักษรฯ คือเห็นคำอะไรที่อยากรู้ต้องรู้ให้ได้ ยี่ห้งยี่ห้อ ต้องรู้) ด้วยความซื่อก็ไปเปิดดิกฯ ดู แล้วก็กลับไปบอกทุกคนว่ามันคือสวนมะกอก ตอนนี้ทุกคนคงรู้แล้วว่ามันคืออะไร และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสวนมะกอกหรือไร่มะกอกอะไรเลย มันเป็นแค่นามสกุลของผู้ก่อตั้ง ส่วนบรรพบุรุษจะทำเรือกสวนไร่นามะกอกหรือไม่นั้น ต้องไปตามรอยกันเอง

แมตช์ไหน ๆ ก็ต้องมี Olivetti
ภาพ : olivettipertutti.it/product/pullover
#10

ไมโครชิป

 ไมโครชิปออกแบบในปี 1971 โดยนักฟิสิกส์ชื่อ เฟเดริโค ฟัจจีน (Federico Faggin) เพื่อบริษัท Intel อันนี้รู้แค่นี้จริง ๆ

เฟเดริโค ฟัจจีน กับรูปของเขาและทีมงาน
ภาพ : en.wikipedia.org/wiki/Federico

จบไปแล้ว 10 อันดับที่ลอกมาจากหนังสือ แต่มีอยู่ 2 สิ่งที่เขาไม่ได้พูดไว้ แต่ฉันชอบเป็นการส่วนตัว คือ

  1. ตัวอักษรเอียง อันที่จริง นอกจากฟอร์แมตหนังสือที่กล่าวถึงไปแล้วในอันดับ 1 คุณอัลโด เมอุชชี ยังเป็นผู้คิดค้นตัวอักษรแบบเอียงด้วย และนั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมตัวอักษรเอียงจึงมีชื่อว่า ‘Italic’ ซึ่งแปลว่า ตัวอักษรแบบอิตาเลียน นั่นเอง
  2. ส้อมกินอาหาร อันนี้ได้ยินมานาน แต่หาอะไรอ้างอิงไม่ค่อยได้ ส้อมนั้นแต่เดิมอันใหญ่ ใช้ในครัว ไว้จ้วงเนื้อขึ้นมาจากหม้อต้มร้อน ๆ แต่ว่ากันว่าส้อมเล็ก ๆ แบบที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้คิดค้นโดยคนอิตาเลียน เพื่อไว้ม้วนสปาเก็ตตีก่อนสาวเข้าปาก (โดยไม่กัด!) นั่นเอง

ภาพ : en.wikipedia.org/wiki

เรื่องราวเหล่านี้อาจจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องรู้หรือไม่รู้ก็ได้ แต่ในวงสนทนานั้น การกล่าวถึงสิ่งที่คู่สนทนาสนใจเป็นเคล็ดลับและเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง คราวหน้าได้พูดคุยกับคนอิตาเลียนเมื่อไหร่ ลองพูดถึงเรื่องเหล่านี้ดูนะ รับรองคุยกันถึงเช้าแน่ 

เอ๊ะ หรือไม่คุย

ข้อมูลอ้างอิง
  • DIECI B2, Ciro Massimo Naddeo e Euridice Orlandino, Alma Edizioni, Firenze, 2022

Writer

Avatar

สรรควัฒน์ ประดิษฐพงษ์

‘ครูก้า’ ของลูกศิษย์และลูกเพจ ผู้เชื่อ (ไปเอง) ว่าตัวเองเป็นครูสอนภาษาอิตาเลียนมือวางอันดับหนึ่งของเอเชียอาคเนย์ หัวหน้าทัวร์ผู้ดุร้าย นักแปลผู้ใจเย็น ผู้เชิดหุ่นกระบอกมือสมัครเล่น และนักเขียนมือสมัครเล่นเข้าไปยิ่งกว่า