มีคำกล่าวว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้เกิดทุกสรรพสิ่ง แม้แต่สิ่งที่เป็นขั้วตรงข้ามของกันและกัน

จะเป็นดำกับขาว ดีกับชั่ว กลางวันกับกลางคืน ความสว่างกับความมืดมิด คนมั่งมีกับคนยากไร้ หรือผู้ทรงศีลในศาสนาที่ผู้คนเคารพกับบรรดาคนบาปในมุมมืดที่หมู่ชนดูแคลนก็ดี สิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงมีให้ชนทุกหมู่เหล่าอย่างเสมอภาคคือความรักและโอกาสในการกลับตัวกลับใจ ด้วยไม่ใช่ทุกคนที่จะมีสิทธิ์ในการดำเนินชีวิตอยู่บนฐานค่านิยมที่สังคมวาดหวัง โดยเฉพาะเพศหญิงซึ่งถือกำเนิดมาพร้อมธาตุความนุ่มนวลกว่าเพศตรงข้าม บ่อยครั้งที่คุณสมบัติดังกล่าวแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนแอเมื่อถูกสภาวการณ์บีบคั้น และดำเนินไปในทางที่น่าเศร้าเมื่อพวกเธอไม่แลเห็นคุณค่าในตนเอง

คงเป็นเหตุผลที่ชักนำให้คณะภคินีศรีชุมพาบาล – คณะนักบวชหญิงในคริสต์ศาสนา นิกายโรมันคาทอลิกจากฝรั่งเศส ขยายสาขามาดำเนินภารกิจในพัทยาเมื่อ 30 กว่าปีก่อน เพื่อช่วยเหลือเหล่าสตรีที่ตกอยู่ในวังวนของธุรกิจทางเพศด้วยความจำยอมให้พ้นทุกข์

ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี มูลนิธิของแม่ชีคาทอลิกที่ยกระดับคุณภาพชีวิตแก่สาวบาร์พัทยา
ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี มูลนิธิของแม่ชีคาทอลิกที่ยกระดับคุณภาพชีวิตแก่สาวบาร์พัทยา

ช่วงสายของวันพุธที่ตะวันโด่งเหนือศีรษะ นครแสงสียามราตรีอย่างพัทยากลับหลับใหลคล้ายกำลังพักผ่อนจากความเร่าร้อนเริงรมย์ตลอดค่ำคืนที่ผ่านมา หากในความเงียบสงบของตึกรามย่านนาเกลือ เสียงดนตรี เสียงปรบมือ และเสียงหัวร่อต่อกระซิกอันมีท่วงทำนองครึกครื้นผิดไปจากเมื่อคืน ทยอยดังลอดออกมาจากตึกสูง 4 ชั้นซึ่งดูร่มรื่นด้วยสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าด้านหน้า

ณ ‘ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี’ แห่งนี้ คืออีกโลกหนึ่งที่มอบโอกาสให้ผู้หญิงกลางคืนตื่นแต่เช้ามาเรียนหนังสือ ฝึกทำผม หัดนวดแผนไทย ขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ รวมทั้งร้องเล่นเต้นระบำกับอาสาสมัครชาวต่างชาติโดยไม่มีการแบ่งแยกอายุ อาชีพ หรือภูมิลำเนา

ซิสเตอร์ปิยฉัตร บุญมูล ผู้อำนวยการศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี มูลนิธิคณะศรีชุมพาบาล ต้อนรับเราด้วยรอยยิ้ม ก่อนเดินนำชมสถานที่พลางเล่าถึงที่มาของมูลนิธิแห่งนี้ ท่ามกลางเสียงจ้อกแจ้กของบรรดา ‘นักเรียน’ ในความดูแลของเธอดังแทรกเป็นพัก ๆ

ซิสเตอร์ปิยฉัตร บุญมูล ผู้อำนวยการศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี มูลนิธิคณะศรีชุมพาบาล
ซิสเตอร์ปิยฉัตร บุญมูล ผู้อำนวยการศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี มูลนิธิคณะศรีชุมพาบาล

นักบวชสตรีเพื่อสตรี

คณะภคินีศรีชุมพาบาล (The Good Shepherd) เป็นคณะนักบวชหญิงนานาชาติ ก่อตั้งในประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี 1835 ด้วยดำริของ นักบุญมารีอา ยูเฟรเซีย ที่ตั้งปณิธานช่วยบุคคลให้รอดจากบาปและความทุกข์ยาก เมื่อครั้งยังสาว นักบุญท่านนี้เคยเป็นสมาชิกคณะพระมารดาแห่งเมตตาจิตของ นักบุญจอห์น ยูดส์ มาก่อน แต่เพราะนักบวชคณะนี้วางข้อระเบียบไม่ให้ส่งนักบวชหญิงไปปฏิบัติงานทั่วโลกได้ ซิสเตอร์มารีอา ยูเฟรเซีย จึงต้องแยกตัวออกมาตั้งคณะนักบวชใหม่ของตัวท่านเอง เพื่อสานต่อเจตนารมณ์อันแรงกล้าเกินกฎของคณะเดิมที่เคยสังกัด

“นักบุญยูเฟรเซียรักคณะพระมารดาแห่งเมตตาจิตมาก เลยรับทุกอย่างของคณะนี้มาหมด รวมทั้งข้อปฏิญาณด้วย” ซิสเตอร์ปิยฉัตรกล่าวถึงที่มาของคณะ

ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี : ศูนย์ฝึกวิชาชีพโดยภคินีคณะศรีชุมพาบาล ที่อยากมอบทางเลือกใหม่ในชีวิตให้ผู้หญิงกลางคืนเมืองพัทยารักตัวเองมากขึ้น

“ข้อปฏิญาณของคณะซิสเตอร์มีอยู่ 4 ข้อ นักบวชโดยทั่วไปก็จะนบนอบเชื่อฟัง ถือความยากจน ความบริสุทธิ์ ส่วนคณะซิสเตอร์จะพิเศษคือความกระตือรือร้นที่จะช่วยบุคคลให้รอด คำคำนี้มันรัดตัวพวกเรา มันเป็นพันธสัญญาที่ทำให้เราอยู่เฉยไม่ได้กับโลกปัจจุบันที่ผู้หญิงไม่ได้รับความยุติธรรม”

กลุ่มเป้าหมายที่นักบุญผู้ก่อตั้งคณะมุ่งให้ความช่วยเหลือในชั้นแรกประกอบด้วยผู้หญิงที่ขายตัวเป็นทาส เป็นแม่หม้าย เคยถูกจองจำ รวมถึงอาชีพเก่าแก่ของโลกอย่างโสเภณี

คณะศรีชุมพาบาลดำเนินงานอยู่ในต่างประเทศนานนับ 100 ปี จนกระทั่งปี 1965 ภคินีจากไอร์แลนด์จึงเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยได้รับเชิญและใบรับรองนักบวชจาก พระอัครสังฆราชยอแซฟ ยวง นิตโย โดยมีที่ทำการแห่งแรกในเขตดินแดง กรุงเทพฯ

ซิสเตอร์ปิยฉัตร บุญมูล ผู้อำนวยการศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี มูลนิธิคณะศรีชุมพาบาล

แม้ไม่เคยรู้จักนักบวชคณะนี้มาก่อน แต่ด้วยชื่อและหน้าที่ปฏิบัติงานของคณะล้วนเป็นที่สะดุดใจของเด็กสาวชาวบ้านโนนแฝกคนหนึ่งตั้งแต่แรกได้ยิน คล้ายว่าพระเจ้ากำลังส่งกระแสเรียกให้เข้าเป็นสมาชิกของคณะนี้ เธอจึงขอร้องให้บาทหลวงเขียนจดหมายสมัครเข้าทันทีที่จบมัธยมศึกษาปีที่ 6

เด็กสาวคนนั้นคือผู้อำนวยการศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี คนปัจจุบัน ผู้ปฏิบัติหน้าที่นี้มาเข้าปีที่ 9 แล้ว

“ก่อนมาอยู่ที่นี่ คณะศรีชุมพาบาลของซิสเตอร์ส่งเสริมให้เรียนรู้วิชาชีพต่าง ๆ เป็นการเตรียมซิสเตอร์ที่จะเข้ามาทำงานที่นี่ เพราะเป็นงานที่หนักหน่วง เราต้องมาฟังเรื่องจริงที่เจ็บปวด เป็นบาดแผลของชีวิตของจิตวิญญาณคน บางทีเขาพูดข้างนอกไม่ได้ เขาก็มาเล่า แล้วเราต้องอยู่ท่ามกลางเขา เราจะอยู่ยังไงให้เข้มแข็งเพื่อเขา เป็นผู้ฟังให้เขา เป็นที่พึ่งให้เขา แต่ซิสเตอร์ก็ทำมาได้ 9 ปีแล้วค่ะ”

นักบุญในเมืองบาป

ย้อนกลับไปในทศวรรษ 2500 อุตสาหกรรมทยอยเกิดขึ้นในเมืองไทย ประจวบกับสงครามเวียดนามที่สร้างความระส่ำระสายไปทั้งโลก สหรัฐอเมริกาใช้สนามบินอู่ตะเภาของไทยเป็นฐานทัพ การหลั่งไหลเข้ามาของทหารอเมริกันส่งผลให้พื้นที่ใกล้เคียงอย่างพัทยาพลิกโฉมจากเมืองเล็ก ๆ ในชนบทที่ชาวบ้านเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา ขายปลา กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยสถานบันเทิงอย่างผับ บาร์ แหล่งค้าบริการทางเพศ เพื่อตอบสนองความต้องการของเหล่านักรบไกลบ้าน

ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี : ศูนย์ฝึกวิชาชีพโดยภคินีคณะศรีชุมพาบาล ที่อยากมอบทางเลือกใหม่ในชีวิตให้ผู้หญิงกลางคืนเมืองพัทยารักตัวเองมากขึ้น

ธนบัตรดอลลาร์ในกระเป๋าชาวอเมริกันพวกนั้นยังนำพาผู้หญิงไทยจากภาคเหนือ ภาคอีสาน ให้มาทำงานกลางคืนที่พัทยา ด้วยความตั้งใจจะหลีกหนีความยากจนในภูมิลำเนาเดิม บางคนสมหวัง แต่ขณะเดียวกันมันก็บ่มเพาะปัญหาสังคมตามมาอีกหลายเรื่อง ทั้งครอบครัวแตกแยก สามีภรรยาแยกทาง เด็กกำพร้าถูกทิ้งขว้าง โรคติดต่อ ฯลฯ ทั้งหมดมีที่มาจากธุรกิจทางเพศที่ซิสเตอร์ปิยฉัตรใช้คำว่า ‘อุตสาหกรรม’ เพื่อเน้นย้ำความเฟื่องฟูเป็นล่ำเป็นสันของกิจการประเภทที่ว่า

ยุคแรก ซิสเตอร์คณะศรีชุมพาบาลมีบทบาทมากในการช่วยเหลือผู้อพยพชาวลาวช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศลาว หน้าที่โดยมากจึงจำกัดอยู่ในจังหวัดหนองคายซึ่งเป็นหน้าด่านสู่ไทย ส่วนพื้นที่พัทยาเดิมมีคณะพระมหาไถ่เป็นหน่วยงานของนิกายคาทอลิกคอยดูแล แต่เนื่องเพราะคณะพระมหาไถ่เป็นคณะนักบวชชาย การให้ความช่วยเหลือแก่สตรีที่ทำงานค้าบริการจึงไม่สะดวกนัก ทางคณะจึงทำเรื่องส่ง พระสังฆราชลอเรนซ์ เทียนชัย สมานจิต ที่ปกครองดูแลกิจการของคาทอลิกในภาคตะวันออกเวลานั้น ให้เชิญคณะศรีชุมพาบาลมาสานต่อภารกิจนี้แทน

ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี : ศูนย์ฝึกวิชาชีพโดยภคินีคณะศรีชุมพาบาล ที่อยากมอบทางเลือกใหม่ในชีวิตให้ผู้หญิงกลางคืนเมืองพัทยารักตัวเองมากขึ้น

ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี จึงเกิดขึ้นที่พัทยาเมื่อเกือบ 40 ปีก่อน ก่อนที่คณะศรีชุมพาบาลจะขยายไปเปิดศูนย์ธารชีวิตเพื่อเด็กอีกในปี 1989 หลังจากที่ซิสเตอร์ในคณะได้เห็นเด็กเร่ร่อนตามชายหาด หลายคนเป็นลูกติดท้องของแม่ชาวไทยกับพ่อชาวตะวันตก จึงต้องเป็นสัดส่วนดูแลเป็น 2 ศูนย์เพื่อความชัดเจน

สมัยแรก ๆ ที่เปิดศูนย์ เรื่องราวชีวิตของผู้หญิงทำงานกลางคืนในพัทยายังเป็นประเด็นที่สังคมเดียดฉันท์ น้อยคนนักที่จะยอมรับหรือพูดถึงอย่างเปิดเผย มีเพียงหน่วยงานรัฐที่คอยสอดส่องดูแล แต่ซิสเตอร์ในคณะศรีชุมพาบาลก็ไม่ล่าถอยต่อความพยายามที่จะช่วยหาทางเลือกใหม่ในชีวิตพวกเธอเหล่านี้ เพื่อที่พวกเธอจะได้ไม่ต้องลดทอนคุณค่าในตัวเองไปทำธุรกิจบาป

“พระเป็นเจ้าประทานโอกาสให้คนบาป พระเป็นเจ้าทรงเกลียดบาป เราก็เกลียดบาป แต่เรารักคนบาป เราให้โอกาสเขาค่ะ” ผู้อำนวยการศูนย์แสดงเจตนารมณ์ในการทำงานของตน

สตรีในศูนย์ธารชีวิต

“กลุ่มเป้าหมายของเรามีตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไปนะคะ แต่ต่ำกว่า 18 ปี ต้องมีผู้ปกครองมาเซ็นรับรองว่าทำไมลูกหลานเขาถึงไม่ได้ไปเรียนภาคปกติ บางทีเหตุผลอาจจะด้วยเรียนที่บ้านไม่ได้ หรือแม่ให้มาอยู่ที่นี่ แล้วลูกต้องอยู่กับยาย เขาก็เรียน กศน. แต่ว่าเขาก็มาเรียนภาษาที่นี่ เพราะอย่างน้อย ๆ เขาไม่ได้ปล่อยลูกไว้คอนโดคนเดียว หรือบ้านเช่าคนเดียว หรืออยู่กับสามีฝรั่ง เพราะว่าก็อันตรายนะ”

ซิสเตอร์ปิยฉัตรพูดขณะรับไหว้นักเรียนที่เดินเรียงแถวออกจากห้องเรียนฝึกวิชาชีพไปยังโรงอาหาร เพื่อรับประทานมื้อกลางวันซึ่งได้รับการหุงหาเสร็จใหม่ ๆ โดยเจ้าหน้าที่ของศูนย์

ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี : ศูนย์ฝึกวิชาชีพโดยภคินีคณะศรีชุมพาบาล ที่อยากมอบทางเลือกใหม่ในชีวิตให้ผู้หญิงกลางคืนเมืองพัทยารักตัวเองมากขึ้น

“ที่อายุต่ำกว่า 18 ตอนนี้มีไม่ถึง 5 คน ส่วนที่เกินนี่ ถ้ารวมทั้งช่วงเช้าและบ่ายจะประมาณ 150 คน แต่ที่สมัครเรียนกับเรามี 200 – 300 คน บางทีก็หยุดด้วยเหตุจำเป็น เช่น แฟนไม่สบาย ลูกไม่สบาย”

รอจนกระทั่งผู้หญิงกลุ่มนั้นคล้อยหลัง ซิสเตอร์จึงเล่าให้เราฟังถึงพื้นเพของพวกเธอ ไปจนถึงสาเหตุที่ทำให้ทุกคนเลือกทำอาชีพที่สังคมภายนอกตราหน้าดูแคลน

“เบื้องหลังบรรดานักเรียนของเรา 99 เปอร์เซ็นต์หย่าร้างกับผู้ชายคนไทย สาเหตุคือความรุนแรง หนี้สิน สามีติดเหล้า เล่นการพนัน ยาเสพติด ติดคุก ไม่รับผิดชอบครอบครัว ดังนั้นภาระหน้าที่ที่ต้องหาเงิน ส่งลูกเรียน เลี้ยงครอบครัว เลยมาอยู่ที่ผู้หญิง

“แบ็กกราวนด์ของผู้หญิงศูนย์เราส่วนมากมาจากภาคอีสาน อันดับ 2 เป็นปริมณฑล แถบภาคกลาง รอบกรุงเทพฯ ซึ่งไม่น่าเชื่อเลย แต่ก่อนเป็นภาคเหนือ เพราะยุคสัก 40 ปีที่แล้วมีเรื่อง ‘ตกเขียว’ เราก็มีศูนย์ที่น่านอีกนะคะที่ช่วยเหลือเขา”

เท่าที่เราสังเกต ผู้หญิงที่มาเรียนในศูนย์ธารชีวิตส่วนมากค่อนข้างมีอายุ บ้างเกิน 40 ปี บ้างก็เกิน 50 ปี สอดคล้องกับที่ซิสเตอร์ปิยฉัตรเล่าว่าพวกเธอที่มีอายุเกิน 35 ปีมักประสบความล้มเหลวในการร่อนใบสมัครงาน ที่หลายคนอยากทำคืองานแม่บ้านในธุรกิจโรงแรม แต่โรงแรมทั่วไปก็ไม่ได้เปิดรับพนักงานเพิ่มตลอด เพื่อหาเงินจุนเจือครอบครัว เกิดเป็นค่านิยมให้มาหากินที่พัทยา

ซิสเตอร์ปิยฉัตร บุญมูล ผู้อำนวยการศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี มูลนิธิคณะศรีชุมพาบาล

“เขาจะบอกกันว่ามาพัทยาสิ มาขุดทอง สมัยก่อนเขาใช้คำนี้” ซิสเตอร์เอ่ยถึงความคิดที่ได้ยินจากนักเรียนบ่อย ๆ “แต่เรื่องอะไรบ้างที่ตามมา ถูกหลอกลวงไปทำงานขายบริการที่ต่างประเทศนี่ก็อย่างหนึ่ง”

ความคิดที่ซิสเตอร์ปิยฉัตรเห็นเป็นเรื่องน่ากลัวจนต้องแย้งอยู่ประจำ คือทัศนคติแบบผิด ๆ ว่าฝรั่งจะต้องรวย ผู้หญิงมากมายจึงบากหน้ามาพัทยาโดยตั้งใจว่าจะทนทุกอย่าง เพื่อเอาเงินกลับไปเลี้ยงครอบครัว ซึ่งหลายครั้งการณ์ก็กลับตาลปัตรเป็นพวกเธอเองที่ถูกหลอก

“ซิสเตอร์ก็ต้องพยายามบอกว่าไม่ใช่ฝรั่งทุกคน มาหลอกก็เยอะ ตกเป็นเหยื่อเยอะ แล้วฝรั่งน่ะมาพึ่งคนไทยด้วยซ้ำ เราต้องพูดกับเขาอย่างนี้เลยนะ”

ห้องเรียนของผู้หญิง

ห้องเรียนของที่นี่มีสภาพเหมือนกับโรงเรียนส่วนใหญ่ จะผิดกันก็แต่อายุของผู้เรียนที่อยู่ในข่ายผู้ใหญ่หรือย่างเข้าวัยกลางคนแล้วทั้งสิ้น แต่ละห้องมีนักเรียนมากน้อยต่างกันไป ห้องหนึ่งมีอาสาสมัครคนไทยสอนภาษาอังกฤษ อีกห้องเป็นฝรั่งสอนภาษาเยอรมัน ติดกันเป็นห้องเรียนฝรั่งเศส ซ้ำยังมีห้องเรียนคอมพิวเตอร์ด้วย รวม ๆ แล้วคงมีนักเรียนไม่ต่ำกว่า 100 คนอย่างที่ซิสเตอร์บอก

“เลดี้บอยเราก็รับนะคะ ครั้งก่อน 20 – 30 คน เสียงดังมาก” ผู้นำศูนย์ธารชีวิตหัวเราะ “เรื่องเพศวิถีนี่คณะเราไม่มีปัญหาเลย แต่เราเน้นช่วยผู้หญิงเป็นหลักก่อน เพราะผู้หญิงยังมีคนช่วยน้อย”

ไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้นที่ซิสเตอร์รับ ยังมีชาวเอเชียอีกหลายชาติที่เคยมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่

ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี : ศูนย์ฝึกวิชาชีพโดยภคินีคณะศรีชุมพาบาล ที่อยากมอบทางเลือกใหม่ในชีวิตให้ผู้หญิงกลางคืนเมืองพัทยารักตัวเองมากขึ้น

“ซิสเตอร์รับเฉพาะโซนเอเชียค่ะ มีคนจีน คนเกาหลีที่มาเรียนภาษาไทยแล้วก็ภาษาอังกฤษ แล้วยังมีคนลาว คนพม่า เคยมีคนเวียดนามที่มาเรียนนวด เขาทำงานที่นี่ไม่ได้ ต้องกลับไปบ้านเขา แต่ทางเราก็ดีใจที่เขาได้กลับบ้าน”

แล้วพวกเธอมารู้จักศูนย์ของซิสเตอร์ปิยฉัตรได้อย่างไร – เราถามออกไป

“ส่วนมากเลยก็คือเขาบอกต่อ ๆ กัน ถามกันว่าเธอไปเรียนภาษาอังกฤษที่ไหน ทำไมเธอพูดอังกฤษคล่องจังเลย ตอบโต้เอาตัวรอดจากผู้ชายได้ เรียนนวดที่ไหน เรียนที่อื่นเขาคิด 3,500 – 4,000 บาท เรียนที่นี่แค่ 1,000 บาท ใครไม่มีสตางค์เราก็ให้เรียนฟรี บอกต่อ ๆ กันมา สอง คือเพจเฟซบุ๊กของศูนย์ สาม คือซิสเตอร์แจกโบรชัวร์”

ซิสเตอร์ปิยฉัตรไม่อายที่จะเล่าว่าเธอกับบรรดาอาสาสมัครที่มาช่วยงานของศูนย์ธารชีวิต เที่ยวเดินไปตามบาร์เพื่อแจกโบรชัวร์แนะนำทางเลือกแก่ผู้หญิงซึ่งทำงานที่นั่น จากเครื่องแบบผู้รับใช้พระเจ้า เธอต้องสลัดคราบนักบวชชั่วคราวเพื่อออกเดินในย่านโลกีย์ ซึ่งก็ได้ผลตอบรับที่ดี เนื่องจากนักเรียนใหม่จะตามมาเรียนด้วยวิธีนี้กันมาก

ซิสเตอร์ปิยฉัตร บุญมูล ผู้อำนวยการศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี มูลนิธิคณะศรีชุมพาบาล

กำลังสำคัญที่ช่วยขับดันให้งานของศูนย์เป็นไปได้ง่ายขึ้นคือบรรดาอาสาสมัครซึ่งจำนวนมากเป็นชาวต่างชาติ หลายคนเป็นนักศึกษาฝึกงานจากคณะสายสังคมศาสตร์ พวกเขาและเธอช่วยแบ่งเบาภาระซิสเตอร์ในการสอน ทำกิจกรรม ดูแลนักเรียนได้มากทีเดียว

“ห้องเรียนนี้เป็นของคนที่เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่พื้นฐานค่ะ จะให้เรียนกับครูคนไทยไปก่อน” ซิสเตอร์ผายมือให้ชมห้องเรียนแต่ละห้อง “ส่วนห้องนี้ของคนที่เขาพอพูดได้แล้ว ค่อยเรียนกับชาวต่างชาติ”

ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี : ศูนย์ฝึกวิชาชีพโดยภคินีคณะศรีชุมพาบาล ที่อยากมอบทางเลือกใหม่ในชีวิตให้ผู้หญิงกลางคืนเมืองพัทยารักตัวเองมากขึ้น

ที่พึ่งของคนยาก

“สิ่งสำคัญที่ซิสเตอร์พยายามมอบให้นักเรียนทุกคนคือโอกาสและทางเลือกให้เขาเลือก เลือกออกจากการทำงานในบาร์ ออกจากการถูกกดขี่ข่มเหงทางเพศ” ผู้อำนวยการให้ข้อสรุปถึงงานที่เธอทำมาตลอด

“เราให้ทางเลือกกับเขา ที่จริงผู้หญิงหลายคนรู้ทางออกนะ เขารู้ทางไป แต่พลังมันยังไม่พอ พลังภายในมันสำคัญนะคะ รู้ศักดิ์ศรีและคุณค่าในตัวเอง ซิสเตอร์คิดว่าเมื่อเขาพร้อมเขาจะไป ดังนั้นงานของเราคือช่วยเขาให้ช่วยตัวเขาเอง

ซิสเตอร์ปิยฉัตร บุญมูล ผู้อำนวยการศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี มูลนิธิคณะศรีชุมพาบาล

“ซิสเตอร์อยากให้เขารักตัวเองมาก ๆ เมื่อรักตัวเองมันจะมีพลังเอง เราก็ช่วยพวกเขาให้พวกเขาได้ช่วยตัวเอง ให้เขาเปลี่ยนแปลงชีวิต จะเปลี่ยนไปทางไหนเป็นเรื่องของเขา อีกหน้าที่หนึ่งคือให้ความรู้ที่จะออกจากสิ่งที่เขารู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัย หรือรู้สึกถูกกดขี่นี่ละค่ะ คือหน้าที่ของเรา”

ควบคู่กับการฝึกทักษะวิชาชีพ อีกบริการหนึ่งที่ทำให้ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี เป็นที่รู้จัก คือบริการด้านคำปรึกษา ที่นี่มีนักจิตวิทยาประจำศูนย์ แม้แต่ซิสเตอร์ปิยฉัตรเองก็ทำหน้าที่นี้อย่างเต็มกำลังความสามารถ เจ้าหน้าที่ทุกคนในศูนย์ได้รับการส่งตัวไปอบรมด้านการให้คำปรึกษา เพื่อรอรับฟังปัญหาและช่วยให้คำแนะนำแก่บรรดาสตรีที่มีภูมิหลังขื่นขมทั้งสิ้น

ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี : ศูนย์ฝึกวิชาชีพโดยภคินีคณะศรีชุมพาบาล ที่อยากมอบทางเลือกใหม่ในชีวิตให้ผู้หญิงกลางคืนเมืองพัทยารักตัวเองมากขึ้น

“การให้คำปรึกษาบางครั้งจะไม่เป็นรูปแบบตายตัว เขาอยากนั่งคุยใต้ต้นไม้เราต้องพร้อม เขาอยากนั่งคุยในครัวเราก็ต้องพร้อม แล้วก็การบำบัดเป็นกลุ่มอีก

“ถ้าคนที่เป็นเยอะ เราก็แนะนำให้ไปหาหมอ วิธีเช็กของซิสเตอร์คือถามว่านอนหลับไหม ถ้านอนไม่หลับแล้วทานยาอะไร ก็จะขอดูเพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเองและของศูนย์ด้วย เผื่อเจ้าหน้าที่สอน ๆ อยู่แล้วเกิดอะไรขึ้น แต่ยังไม่เคยเกิดอะไรอันตรายขึ้น แต่มันก็มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเราก็ อ๋อ เราควรจะระวังเรื่องพวกนี้เหมือนกันน่ะค่ะ”

ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี : ศูนย์ฝึกวิชาชีพโดยภคินีคณะศรีชุมพาบาล ที่อยากมอบทางเลือกใหม่ในชีวิตให้ผู้หญิงกลางคืนเมืองพัทยารักตัวเองมากขึ้น

หลายปีที่ภคินีชาวบ้านโนนแฝกรับบทบาทดูแลศูนย์นี้ มีกรณีตัวอย่างสารพัดที่ความรักความเมตตาของเธอได้กลายเป็นเกราะกำบังแก่หญิงสาวผู้สิ้นไร้ไม้ตอก

เป็นต้นว่า คดีที่ผู้หญิงคนหนึ่งถูกชายชาวต่างชาติที่มีปมทางจิตทำร้ายหมายเอาชีวิต ซิสเตอร์ก็ได้ประสานงานกับสถานีตำรวจจนจับกุมตัวชายวิปริตคนนั้นส่งตะรางได้สำเร็จ แต่เรื่องก็ไม่จบลงเพียงเท่านั้น เมื่อผู้ร้ายได้พ้นโทษก่อนกำหนด เขาพาพรรคพวกชาวอเมริกันร่างใหญ่รวม 3 คนบุกมาเอาเรื่องซิสเตอร์ถึงศูนย์ เคราะห์ดีที่พวกนั้นเห็นกล้องวงจรปิดเสียก่อน จึงถอยกลับไปไม่ตามราวีซิสเตอร์อีก

ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งคือผู้หญิงในความดูแลของซิสเตอร์ถูกหลอกลวงให้เซ็นเอกสารภาษาอังกฤษทั้งที่พวกเธออ่านไม่ออก ไม่รู้ความหมาย แต่เพราะถูกเป่าหูว่าจะเปิดบริษัทให้ แท้จริงคือเป็นเอกสารจัดตั้งบริษัทผิดกฎหมาย เว็บไซต์ลามก การพนัน มีแม้กระทั่งสัญญาให้ยกลูกทั้ง 2 คนให้ ซิสเตอร์ก็มีหน้าที่ติดต่อทนายความหรืออัยการให้ช่วยผู้ตกเป็นเหยื่อได้พ้นผิดในสิ่งที่พวกตนไม่ได้ก่อ

ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี : ศูนย์ฝึกวิชาชีพโดยภคินีคณะศรีชุมพาบาล ที่อยากมอบทางเลือกใหม่ในชีวิตให้ผู้หญิงกลางคืนเมืองพัทยารักตัวเองมากขึ้น

แม้จะมีเรื่องให้หนักใจได้ไม่เว้นวัน แต่สิ่งที่เป็นเสมือนยาชูใจให้ซิสเตอร์ปิยฉัตรยืนหยัดต่อไปคือตัวอย่างนักเรียนที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงอาชีพและตัวเธอเอง

“ซิสเตอร์ว่ามันเป็นทางค่อย ๆ เจอแสงสว่าง การเปลี่ยนแปลงของบางคนไม่ได้ทันทีทันใด เราก็ต้องรอคอย ทั้งที่การรอคอยมันทรมานที่จะเห็นชีวิตคนหนึ่งเปลี่ยนแปลง แต่ว่าเราก็ต้องทำต่อ ก็ต้องให้โอกาสต่อค่ะ” เธอเล่าพร้อมกับผลักประตูเข้าไปในห้องเรียนขนาดใหญ่ซึ่งจะคึกคักเป็นพิเศษทุก ๆ วันพุธ

ความรักของพระเจ้าไม่จำกัดศาสนา

เบื้องหน้าเราในตอนนี้คือห้องประชุมที่มีเครื่องฉายโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า รูปเคารพพระแม่มารีย์อุ้มพระกุมารตั้งเด่นบนมุมหนึ่งของเวทีซึ่งอาสาสมัครผมทองกำลังบรรยายเรื่องภาวะโลกร้อน โดยมีซิสเตอร์ปิยฉัตรคอยแปลไทย เสียงตอบคำถามดังกะพร่องกะแพร่งจากเก้าอี้พลาสติกขาวกว่า 50 ตัวซึ่งยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ในห้อง มีที่ตอบถูกบ้าง ผิดบ้าง ตามแต่พื้นความรู้ของแต่ละคน

ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี : ศูนย์ฝึกวิชาชีพโดยภคินีคณะศรีชุมพาบาล ที่อยากมอบทางเลือกใหม่ในชีวิตให้ผู้หญิงกลางคืนเมืองพัทยารักตัวเองมากขึ้น

สักพักหลังจากนั้น ห้องเรียนรวมก็เปลี่ยนบรรยากาศจากวิชาการลับสมอง เป็นห้องแห่งความสนุกสนาน เมื่อบรรดาอาสาสมัครชุดม่อฮ่อมชวนกันยืดเส้นยืดสายด้วยการเปิดเพลงจังหวะเร้าใจ ให้สาว ๆ ได้ลุกขึ้นมาเต้นเปลี่ยนอิริยาบถ จนทั้งห้องดังระงมด้วยเสียงกระทืบเท้า ตบมือ และหัวเราะต่อกัน

ใบหน้าเศร้าหมองของสุภาพสตรีหลายคนถูกฉาบแทนด้วยยิ้มเต็มหน้า พาให้ใจพวกเราเบิกบานตามเมื่อได้เห็นหลายคนมีสุข ลืมทุกข์ที่ต้องเผชิญชะตากรรมในชีวิตประจำวัน…แม้เป็นเวลาสั้น ๆ ก็ยังดี

ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี : ศูนย์ฝึกวิชาชีพโดยภคินีคณะศรีชุมพาบาล ที่อยากมอบทางเลือกใหม่ในชีวิตให้ผู้หญิงกลางคืนเมืองพัทยารักตัวเองมากขึ้น

พอได้รอยยิ้มกลับมาแล้ว กิจกรรมก็สิ้นสุดลงด้วยการสวดมนต์ประจำวัน ซิสเตอร์ปิยฉัตรชวนเราเข้าแถวสวดมนต์พร้อมกับเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร และนักเรียนทั้งหลาย ด้วยเครื่องแบบที่ซิสเตอร์ใส่ ไม้กางเขนบนตราคณะ และความจริงที่ว่าศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี แห่งนี้เป็นมูลนิธิของชาวคาทอลิก เราคาดหวังว่าเมื่อหลับตาภาวนาแล้ว เราอาจได้ยินคำขึ้นต้นอย่าง เดชะพระนาม พระบิดา พระบุตร และพระจิต แต่เปล่าเลย ความคิดนั้นผิดถนัด เมื่อเสียงที่ดังขึ้นมาคือ อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา ขณะที่ซิสเตอร์และอาสาสมัครที่นับถือคริสต์นั่งหลับตาพนมมือเหมือนกับทุกคน

ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี : ศูนย์ฝึกวิชาชีพโดยภคินีคณะศรีชุมพาบาล ที่อยากมอบทางเลือกใหม่ในชีวิตให้ผู้หญิงกลางคืนเมืองพัทยารักตัวเองมากขึ้น

“บางคนก็ถามอยู่เหมือนกันว่าที่นี่จะต้องเข้าคริสต์ก่อนไหมถึงจะให้เรียน ซิสเตอร์ก็บอกว่าไม่ค่ะ เราไม่บังคับ เรารับทุกคน ความรักของพระเจ้าโอบกอดทุกคน พระเจ้าของเราไม่บังคับใคร เขายิ่งสบายใจเลย พอมาเขาก็เห็นว่าซิสเตอร์อนุญาตให้เขาสวดอะระหังสัมมา ศาสนาไม่มีพรมแดน คนไทยส่วนใหญ่นับถือพุทธ เราก็ให้เขาสวดมนต์พุทธ

“มีบางคนเขาก็ถามว่า ซิสเตอร์ ถ้าหนูถือคริสต์ล่ะ ซิสเตอร์ก็บอกใจเย็น ๆ เราไม่ได้บังคับให้ใครถือคริสต์นะ แต่ถ้าอยากจะเป็นคริสต์จริง ไปหาคุณพ่อที่โบสถ์เลย ที่นี่ไม่รับค่ะ”

เพราะอย่างนี้ เสียงสวดบูชาพระรัตนตรัยถึงได้ดังขึ้นในห้องเรียนทุกห้อง ไม่เว้นแม้แต่ในห้องเรียนนวดและห้องเสริมสวย แม้ภายในห้องจะตกแต่งด้วยรูปพระเยซูเจ้าและกางเขนก็ตามที

ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี : ศูนย์ฝึกวิชาชีพโดยภคินีคณะศรีชุมพาบาล ที่อยากมอบทางเลือกใหม่ในชีวิตให้ผู้หญิงกลางคืนเมืองพัทยารักตัวเองมากขึ้น

“แต่ละคนเกิดมาก็อยากจะมีความสุขในชีวิตแล้วอยากจะมีอิสระ เสรีภาพในการกระทำ การที่จะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เมื่อหลายท่านคิดจะทำอะไรก็ตาม แน่นอนว่าพระเป็นเจ้าให้เสรีภาพเราอยู่แล้วที่จะทำ แต่เสรีภาพนั้นจะต้องมากับความรับผิดชอบด้วย ความรับผิดชอบในตัวของเรา ความรับผิดชอบในสังคมที่เราอยู่ด้วย

“อีกอันหนึ่งคือซิสเตอร์ยอมรับได้กับความคิดทุกแบบ เพราะว่าเราเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่ได้ตัดสินว่าใครคิดอะไรยังไง แต่ซิสเตอร์อยากจะให้เข้าใจผู้หญิง เปลี่ยนมุมมองใหม่กับผู้หญิงที่เขาทำงานด้านนี้ อย่าไปมองว่าเขาเป็นผู้หญิงไม่ดี อยากให้เปลี่ยนทัศนคติใหม่ว่าไม่มีใครเกิดมาแล้วอยากเป็นโสเภณีหรือขายบริการทางเพศหรอกค่ะถ้าเขามีทางเลือกที่ดีกว่า ซิสเตอร์จะอยู่ข้างผู้หญิง ผู้หญิงที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายของเราเขาไม่ต้องการกฎหมายค้าบริการทางเพศเสรี มีแค่ส่วนน้อยที่อยากได้ ซิสเตอร์ถามเหตุผลเหมือนกัน เขาบอกเราไม่อยากถูกตราหน้าว่ามีอาชีพนี้ตลอดชีวิต”

ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี : ศูนย์ฝึกวิชาชีพโดยภคินีคณะศรีชุมพาบาล ที่อยากมอบทางเลือกใหม่ในชีวิตให้ผู้หญิงกลางคืนเมืองพัทยารักตัวเองมากขึ้น

ทุกวันนี้ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี มีรายได้จากการขอทุนร้อยละ 65 จากคาทอลิกต่างประเทศอย่างไอร์แลนด์ แคนาดา เยอรมนี และจริงอยู่ที่ซิสเตอร์ปิยฉัตรจะสั่งห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ในศูนย์ขอรับบริจาคเงินจากนักเรียน แต่ก็เป็นนักเรียนเองที่ร่วมด้วยช่วยกันหยอดตู้บริจาคตามความศรัทธาและขอบคุณที่ศูนย์ธารชีวิตช่วยเป็นสายธารหล่อเลี้ยงชีวิตอันยากเข็ญของพวกเธอ

“ถ้าอยากจะช่วยจริง ๆ ถ้ามีของบริจาคเสื้อผ้ามือสอง มาบริจาคที่ซิสเตอร์ได้ แล้วก็อยากจะฝากเป็นกระบอกเสียงว่า ศูนย์ธารชีวิตแห่งนี้ซึ่งดำเนินงานภายในศรีชุมพาบาลเป็นศูนย์ที่ฟังผู้หญิงทุกคน หรือใครที่มาพัทยาแล้วต้องการความช่วยเหลือหรือไม่มีใครฟัง แนะนำให้เขามาศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรีค่ะ” ผู้อำนวยการศูนย์กล่าวทิ้งท้ายด้วยแววตาเปี่ยมพลังแห่งความรักที่เธอพร้อมจะมอบมันแด่นักเรียนทุกคน

ศูนย์ธารชีวิต เพื่อสตรี : ศูนย์ฝึกวิชาชีพโดยภคินีคณะศรีชุมพาบาล ที่อยากมอบทางเลือกใหม่ในชีวิตให้ผู้หญิงกลางคืนเมืองพัทยารักตัวเองมากขึ้น

Writer

พัทธดนย์ กิจชัยนุกูล

พัทธดนย์ กิจชัยนุกูล

ชอบอ่านเขียนตั้งแต่จำความได้ สนใจวิชาสังคมศึกษาตั้งแต่จบอนุบาล ใฝ่รู้ประวัติศาสตร์ตั้งแต่อยู่ประถม หัดแต่งนวนิยายตั้งแต่เรียนมัธยม เขียนงานสารพัดด้วยนามปากกา “แพทริก เหล่า” ตั้งแต่เข้ามหา’ลัย

Photographer

ภรัณยู วรรณศรีพิศุทธิ์

ภรัณยู วรรณศรีพิศุทธิ์

นักศึกษาเอกญี่ปุ่นจากมหาสารคาม สนใจภาพถ่าย ชีวิตขับเคลื่อนด้วยเสียงเพลง อยากมีเงินไปมิวสิกเฟสติวัลเยอะๆ