ไม่ทราบมันเป็นไร ไม่รู้ว่ามาไง อาการรักเธอ…

ใครอ่านแบบมีทำนอง รู้เลยนะว่าไม่เด็กแล้ว

ก็รู้มีคนจอง ยังบ้าไปยืนมอง ตกเย็นก็เพ้อ…

ยัง ยังอ่านเป็นทำนองอีก ถ้าอย่างนั้น เราร้องกันเสียงดัง ๆ ให้ถึงท่อนฮุกแล้วค่อยกลับมาอ่านบทความนี้ต่อก็ได้ เพราะ จิตรกร บุญสอน หรือ ฟลุ๊ค ไอน้ำ นักร้องนำของวงป๊อปร็อกแห่งยุคจากค่ายอาร์เอสคงดีใจที่เพลงของเขายังติดอยู่ในห้วงความทรงจำของแฟนเพลงยุค 90 – 2000 ตลอดมา

ชีวิตขึ้นต้นตาล สู่การเป็นคุณพ่อของ ‘ฟลุ๊ค ไอน้ำ’ วงแห่งยุคที่พาเด็ก 18 จับเงินล้าน

ที่หนึ่งไม่ไหว คนอกหัก รักคนมีเจ้าของ เขียนไว้บนหน้าผาก ใจโซโซ รักน้องปีหนึ่ง เด็กพี่มีชู้ ชู้ทางตา ฯลฯ คือเพลงระดับตำนานของ ‘ไอ..น้ำ’ ที่ส่งเด็กมัธยมวัย 18 จากบุรีรัมย์ทะยานสู่การเป็นศิลปินเจ้าของยอดขายเกือบ 2 ล้านก๊อบปี้ ด้วยแรงผลักดันอย่างตั้งใจตั้งแต่อัลบัมแรกของ สุทธิพงษ์ วัฒนจัง หรือ ชมพู ฟรุตตี้ ผู้ยอมให้ ไอ..น้ำ เข้าห้องอัดตอนเที่ยงคืน

ฟลุ๊คบอกว่าชีวิตของเขาเหมือนการปีนขึ้นต้นตาล และเพลง รักคนมีเจ้าของ ก็คือยอดต้นตาลที่ไม่อาจปีนต่อได้อีก ทางต่อมาของเขาคือการคืนสู่สามัญ เปลี่ยนบทบาทตัวเองเป็นคุณพ่อ ลดราวาศอกและความดื้อรั้นในช่วงวัยรุ่น เพื่อเตรียมเป็นผู้นำครอบครัวซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบใหญ่และใหม่กว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน

ชีวิตขึ้นต้นตาล สู่การเป็นคุณพ่อของ ‘ฟลุ๊ค ไอน้ำ’ วงแห่งยุคที่พาเด็ก 18 จับเงินล้าน

ฟลุ๊ค + ไอ..น้ำ

ก่อนจะรวมกลุ่มกันเป็นวงป๊อปร็อก เคยมีแนวเพลงอื่นที่อยากเล่นไหม

โห เราก็ฟังเพลงลูกทุ่งนะ แต่ยุคนั้นมันต้องอินคา, โลโซ, หิน เหล็ก ไฟ ก็เลยมาแนวนี้มากกว่า

แต่ผมเคยเป็นเด็กวงโยธวาทิตของโรงเรียนด้วย เป่าทรัมเป็ตตั้งแต่ ม.1 – ม.5 จริง ๆ อยากเอกแซกโซโฟน แต่เขาจองกันเต็มก่อนเลยอด

แสดงว่าทรัมเป็ตคือเครื่องดนตรีที่นำคุณไปสู่การเล่นดนตรีได้หลายชนิด

ไม่นะ ป.6 เริ่มจับกีตาร์ แต่เป็นของคนอื่น ผมต้องเอาไม้แผ่นยาว ๆ มาขึงยาง จับคอร์ดซ้อมรอกีตาร์ตัวจริงมา เพราะพ่อยังไม่ซื้อให้สักที จากนั้นไม่เกินปี ม.1 ผมก็ได้กีต้าร์แล้ว แต่ก็ไม่ได้แบกไปไหนมาไหน มีไว้ที่หอเพื่อน ไม่ก็ใช้ของรุ่นพี่ ใช้ของห้องดนตรี

ด้วยความที่บ้านผมอยู่นอกตัวจังหวัด ต้องนั่งรถไฟเข้ามาเรียนตอน 06.45 น. ถึงเมือง 7 โมงกว่า ตอนเย็นก็มีรถไฟ 4 โมง ถึงบ้าน 5 โมงเย็นพอดี ผมจะแบกเป้มา 2 ใบ ใบหนึ่งเป็นหนังสือเรียน อีกใบเป็นเสื้อผ้า ก็เลยไม่ได้แบกกีต้าร์มาด้วย

จริง ๆ ไม่ค่อยกลับบ้านมากกว่า (หัวเราะ) เริ่มตั้งแต่ ม.ต้น พอมีวงตอน ม.ปลาย ก็แทบไม่กลับเลย

สำหรับวัยรุ่นมัธยมในตอนนั้น ดนตรีมีความสำคัญกับคุณขนาดไหน

20 – 30 ปีที่แล้วมันไม่มีอะไรให้ทำเลย เสาร์-อาทิตย์ ปั่นจักรยานไปหาเพื่อนในอำเภอ ไปเล่นกับเพื่อนในตลาด ปั่นไปโรงพักเล่นกับเพื่อนลูกตำรวจ ผมลูกโรงพยาบาล วนกันอยู่แค่นั้น

ดนตรีเลยเป็นเพื่อนแก้เหงายามว่าง ยิ่งพอกลายเป็น ไอ..น้ำ นี่หนักเลย ดนตรีเป็นทุกอย่าง

ทำไมถึงตั้งชื่อวงว่า ไอ..น้ำ

เราตั้งวงตอน ม.4 ผมเป็นเด็กโรงเรียนเดิม แต่มีเพื่อนต่างอำเภอเข้ามาคือ ก๊อบ มือเบส และ ฟัก มือกีตาร์ ซึ่งอยู่ห้องเดียวกันตอน ม.ปลาย 

เมื่อก่อนไม่ได้มีนักร้องคนเดียว เรามีเพื่อนอีกคน เพราะเวลาไปเล่นตามงานโรงเรียนหรืองานประกวด นักร้องคนเดียวอาจจะไม่เต็มที่ ยุคนั้นยังไม่รู้ว่าตัวเองมีพลังมากขนาดนี้ (หัวเราะ) โชว์ 2 ชั่วโมงยังไม่เหนื่อย

ตอนนั้น กะลา มาแล้ว 2 – 3 ปี ลาบานูน มาแล้ว เราอยากใช้ชื่อไทยง่าย ๆ แล้วยุคนั้น…พูดได้ไหมนะ ได้แหละ เราลองดูดกัญชาครับ (หัวเราะ) มันก็มีไอน้ำขึ้นมา เพื่อนเลยพูดว่า ไอน้ำ เราเห็นว่าดีเลยใช้มาจนประกวดของอาร์เอส ก็ใช้ชื่อนี้

จริง ๆ ไอ..น้ำ ต้องมีจุด 2 จุดไหม

ตอนเข้ามาอยู่อาร์เอสเขาอยากเน้นคำให้มีอะไรมากกว่าปกติเลยใส่จุด 2 จุด ไม่มีอะไรหรอก ครีเอทีฟเขาใส่ให้ (หัวเราะ)

บางคนมองว่า ไอ..น้ำ เป็นวงยุค 90 บางคนก็บอกว่า 2000 คุณจัดตัวเองเป็นนักร้องยุคไหน

ยุคผมเติบโตมากับการฟังเพลงทางวิทยุ ยังต้องเอาเทปพ่อแม่มาอัดเพลง ไม่มี MP3 ใครมีซาวนด์อะเบาต์ก็จะแย่งฟัง เลิกเรียนไปร้านเทป 

ตอนผมโตมันยังอยู่ในยุค 90 แต่พอออกเพลงมันคือปี 2003 ก็เป็นยุค 2000 แต่ ณ เวลานั้น วงการเพลงร็อกของไทยมี CLASH, กะลา, POTATO นั่นคือวัยรุ่นสุด 2 ปีก่อนเรา พอมาเป็นยุคอาร์เอส ก่อนเราเข้ามามีวง MOTIF, OUT, ปลื้ม ด้วย แล้วก็ไอ..น้ำ พอจบจากเรา แนวเพลงต่าง ๆ ก็เปลี่ยน ความเป็นวงหายไป เราเหมือนวงท้าย ๆ ในกลุ่มนี้เลยอาจจะถูกคิดรวมเป็น 90 มั้ง

แต่แหม ก็ไม่ได้มีอายุไปเทียบพี่เขาขนาดนั้นนะครับ (หัวเราะ)

ชีวิตขึ้นต้นตาล สู่การเป็นคุณพ่อของ ‘ฟลุ๊ค ไอน้ำ’ วงแห่งยุคที่พาเด็ก 18 จับเงินล้าน

คุณเคยบอกว่า ตัวตนของ ไอ..น้ำ คือความสนุก อะไรคือนิยามความสนุกที่พูดถึง

ทุกอย่างเลย ดนตรี การร้อง ท่วงทำนอง หรือแม้กระทั่งช่วงเวลาที่ได้อยู่กับทุกคนก็คือความสนุก เป็นมวลที่กระจายออกไปถึงผู้ฟัง ใครนึกถึงพวกเรา เขาก็จะได้รับความรู้สึกนี้

เคยมีใครสนุกจนตีกันหน้าเวทีไหม

จะบอกว่าเขาตีกันอยู่แล้ว (หัวเราะ) 

ยุคนั้นเรามีแค่ 20 เพลง ต้องเลือกมาเล่น ไม่อย่างนั้นคนดูเบื่อแน่นอน มีเอาเพลงคนอื่นมาคัฟเวอร์ใหม่ให้หนักขึ้นด้วย แต่ไม่ใช่ว่าเราเล่นสนุกจนคนตีกัน ยิ่งงานประจำปี เด็กบ้านนั้นชอบเราเลยมาดู อีกบ้านก็ชอบเหมือนกัน เจอกันที่งาน ยิ่งมันยิ่งเต้นยั่ว จบเพลงเร็วเข้าเพลงช้าคือช่วงปะทะเลย

เพลงช้าไม่ต้องเต้น ไม่ต้องใส่ใจความสนุก เราใส่ใจคู่อริแล้ว อันนี้ประสบการณ์ตรงเลยนะ เราก็ต้องหยุดร้อง ครั้งแรกเจ้าหน้าที่จะมาห้ามแล้วเล่นต่อได้ ถ้ามีอีกเราต้องลงจากเวที

บางทีอยากเล่นคอนเสิร์ตมาก ก็มีคิดว่า หรือเราซัดเพลงเร็วไปเลย 4 – 5 เพลง เล่นเสร็จกลับบ้าน (หัวเราะ) เล่นนานสุดคือจบโชว์ สั้นสุดคือเพลงแรกมาเลิกเล่นเลย ซวย (หัวเราะ)

จากที่บอกว่า ไอ..น้ำ เป็นวงสนุก แล้วตัวตนของคุณกับวงมีอะไรเชื่อมโยงกันบ้างไหม

วง ไอ..น้ำ คือความสนุก ตัวผมเองคือผู้นำความสนุก เรายังเป็นเรา แม้จะไม่มีวง คนดูเห็น เขายังสนุกเหมือนเดิม ภาพของเราถูกดึงจาก ไอ..น้ำ สู่ ฟลุ๊ค ไอน้ำ ไม่เปลี่ยนแปลงครับ

มีความทรงจำอะไรเฟี้ยว ๆ สมัยที่ยังเป็นวงในโรงเรียนบ้างไหม

ตัวผมไม่ค่อยเฟี้ยวนะ แค่กินของมึนเมาเฉย ๆ เป็นนักดนตรีมันต้องได้ฟีลใช่ไหม คนนั้นกระดกเหล้าขาว ไม่เอา เราสายเบียร์ พอดีมีคนหวังดีไปฟ้องฝ่ายปกครอง หลังเล่นเสร็จมีเสียงตามสายมาเลย นักดนตรีวง ไอ..น้ำ พบฝ่ายปกครองที่ห้องปกครองด่วน (หัวเราะ) 

ชีวิตมันก็แบบนี้แหละ ยุคเราไม่มีโซเชียลก็เลยเป็นการสังสรรค์ ยิ่งเราเจอรุ่นพี่นักดนตรี เราอยากซึมซับดนตรี อยากเรียนจากเขา ก็ต้องเข้าไปแลกเปลี่ยนกับเขาในวงเหล้า

เป็นช่วงชีวิตที่มีอะไรให้จดจำเยอะ ถ้าให้วิเคราะห์เพลงยุค 90 – 2000 คุณคิดว่าเสน่ห์ของเพลงยุคนั้นคืออะไรบ้าง

เนื้อหาเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ใช้คำง่าย สื่อสารตรง ๆ ผสมกับเมโลดี้ติดหู สวยงาม ที่หนึ่งไม่ไหว รักคนมีเจ้าของ ช่วงนั้นเป็นเพลงสไตล์นี้ นี่อาจเป็นสาเหตุที่คนวนกลับมาฟังเพลงของพวกเราอีกครั้งล่ะมั้ง คนโหยหาอะไรเดิม ๆ ที่เขาเคยฟังและยังจำได้

เห็นว่ากว่าจะได้เป็นเพลง ที่หนึ่งไม่ไหว ต้องใช้เวลาพอดู ในฐานะนักร้องนำ คุณต้องเผชิญอะไรบ้าง

ขอเล่าก่อนว่าเพลงนี้มาเป็นเพลงสุดท้ายของอัลบัม แล้วถูกจับมาโปรโมต สมัยนั้น พี่ชมพู ฟรุตตี้ มาดูแลวง ไอ..น้ำ แล้วเขาคิดว่าต้องมีเพลงหัว แต่เพลงที่เรามีมันยังหัวไม่พอ พี่ชมพูบอกว่าเดี๋ยวพี่จัดการเอง ก็ได้มาเป็นเพลง ที่หนึ่งไม่ไหว แต่ที่เกือบไม่ไหวคือ กว่าจะได้ร้องมันยากมาก (หัวเราะ)

ใครรู้จักพี่ชมพูจะรู้เลยว่า กว่าจะได้ 1 เพลงต้องนั่งฟังพี่ชมพูเล่นกีตาร์ไปประมาณ 2 อาทิตย์ สไตล์พี่เขา น้อง ๆ เข้าไปถึงปุ๊บ นั่ง พี่ชมพูเล่นกีตาร์โชว์ แล้วเขาก็จะถาม มึงขึ้นคีย์สุดได้แค่ไหนวะ กูได้คีย์นี้ แล้วก็ร้องโชว์ มันต้องแบบนี้ ฟลุ๊ค ไอน้ำ ลองร้องแบบนี้สิ เขาก็ร้อง ที่หนึ่งไม่ไหว… แต่ร้องเป็นเวอร์ชันฟรุตตี้ (หัวเราะ) โห พี่! ให้ผมร้องเป็นฟรุตตี้ก็หวานไปอะ

เป็นเพลงที่รายละเอียดเยอะมาก แต่ละคำในแต่ละท่อนมีที่มาทั้งหมด ฝึกกันทีละคำ ได้รับการเกลามาหมดแล้ว พี่ชมพูจริงจังมาก เพราะจะเป็นเพลงเปิดตัวที่ทำให้คนทั้งประเทศรู้จักเรา พวกเราทำการบ้านกันเยอะ รักคนมีเจ้าของ ยังง่ายกว่านะ เพราะเพลงนี้สนุก

วันนั้นหน้าห้องอัด พี่ชมพูไปด้วย เรานัดกันประมาณบ่ายโมง ได้เข้าห้องอัดเกือบเที่ยงคืน นั่งถามกัน มึงว่าดีไหม ผมว่าดี แต่พี่ว่ายังไม่ดี เขาเค้นกับผมมากจนออกมาดีจริง ๆ กว่าจะได้อัดเพลงนี้ก็รอไปหลายชั่วโมง แต่มันคุ้มค่ามาก

ชีวิตขึ้นต้นตาล สู่การเป็นคุณพ่อของ ‘ฟลุ๊ค ไอน้ำ’ วงแห่งยุคที่พาเด็ก 18 จับเงินล้าน

แสดงว่านี่คือเพลงที่ใช้เวลาอัดนานที่สุด

ใช้เวลาอัดไม่นาน แต่รออัดนานที่สุด (หัวเราะ)

(หัวเราะด้วย) นอกจากเป็นเพลงแรกที่ใช้เปิดตัว คิดว่ามีเหตุผลอื่นด้วยไหมที่พี่ชมพูเค้นกับคุณเป็นพิเศษ

มันเป็นเพลงโปรโมต และผมไม่เคยเรียนร้องเพลงมาด้วย เราอาศัยครูพักลักจำตลอด คนที่เคยเรียนเขารู้วิธีการออกเสียง รู้วิธีการวางลิ้น เราเลยเรียนจากพี่ชมพูในเวลานั้น เขาบอกให้ทำลิ้นแบบนี้แล้วเสียงจะขึ้นถึง เออ จริง ปรับกันตรงนั้นก่อนบันทึกเสียงเลย

ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ได้เรียนนะ แต่คิดว่าร้องได้สูงกว่าเมื่อก่อน ดีกว่า และนานกว่าด้วย

ในยุคที่เพลงแตะเกือบ 2 ล้านก๊อบปี้ ยังจำช่วงชีวิตนั้นได้ไหมว่าเป็นอย่างไร

จำได้ว่าทำงานทุกวัน (หัวเราะ) ปี รักคนมีเจ้าของ ทำทุกวันยกเว้นแต่วันหยุดนักขัตฤกษ์ที่จัดงานไม่ได้ เกือบ 2 ปีเลยที่งานเยอะขนาดนั้น ทั้งโปรโมต โฆษณา สัมภาษณ์ ร้องเพลง

แต่ตอน รักคนมีเจ้าของ มีเวลาทำเพลงน้อย เพราะทำงานไปด้วย ขณะที่อัลบัมปล่อยปีต่อปี ช่วงที่ยังทัวร์ ที่หนึ่งไม่ไหว ถ้ามีเวลาว่างก็ต้องไปทำเพลงอัลบัม รักคนมีเจ้าของ เว้นจากงานทัวร์ก็ไปเข้าห้องอัด

ตอนนั้นมีไฟที่จะทำทุกอย่าง ความสนุกมันเกิด เพราะเราไม่เคยได้ทำ พวกเราเป็นเด็กที่เล่นตามโรงเรียน แต่พอเป็นอาร์เอส ไฟมันมา ภายในไม่ถึงปีเราได้ทัวร์ครบทุกจังหวัดในประเทศไทย

รักคนมีเจ้าของ ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของใครไหม

ถ้าในวงก็ไม่มีเลย เพราะสมัยก่อนเลือกได้ โคตรเท่ (หัวเราะ) แต่หลังจากนั้นกระแสเริ่มผ่อนลง รักน้องปีหนึ่ง กับ แฟนเราเอาแต่ใจ ทำให้ชื่อวงกลับมาอีกรอบ เหมือนเราขึ้นไปสุดยอดต้นตาลแล้วก็ค่อย ๆ หล่นลงมา การขึ้นสูงสุดทำให้เราไม่มีที่ขึ้นต่อ แต่จะทำยังไงให้ลงอย่างสวยงาม มันก็จะมีความเด้งขึ้นบ้างจากบางเพลง จนอยู่ได้ครบ 12 ปี

ถ้าให้ย้อนกลับไปฟังเพลงตัวเองตอนนี้ มีคอมเมนต์อะไรบ้างไหม

ตอนนั้นสนุกมาก แต่ตอนนี้รู้สึกว่าทำไมเพลงช้าจัง ผมต้องอัปบีตขึ้นมาให้สนุกขึ้น

คุณบอกว่าลิ้มรสชีวิตมาครบทุกรสชาติ มีทั้งชื่อเสียงและเงินทอง จนเข้าสู่สัจธรรมที่ชื่อเสียงมีวันร่วงโรย คุณได้เรียนรู้อะไรจากความเปลี่ยนแปลงในชีวิตบ้าง

เยอะเลย ผมแบ่งเป็น 5 จุดแล้วกัน ตั้งแต่ประกวด จนถึงวันที่เราได้โตจริง ๆ คือการเป็นพ่อคน ถึงวันที่จะกลับมาออกเพลง แต่ก็เจอโควิด-19 สกัดเข้าไป ถือเป็นบทเรียน 5 ข้อในชีวิตครับ

ชีวิตขึ้นต้นตาล สู่การเป็นคุณพ่อของ ‘ฟลุ๊ค ไอน้ำ’ วงแห่งยุคที่พาเด็ก 18 จับเงินล้าน

Lesson 1

Panasonic Star Challenge, 2002

การประกวด พานาโซนิค สตาร์ ชาเลนจ์ คือปีสุดท้ายที่ ไอ..น้ำ ได้ใช้ชีวิตอย่างเด็กมัธยมปลาย ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าจะได้เดินต่อบนเส้นทางดนตรีไหม หากไม่เป็นอย่างที่ฝัน แต่ละคนคงต้องแยกย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยที่ชอบ กระทั่งสุดท้ายการประกวดครั้งนั้นกลับทำให้เด็ก ม.6 กลุ่มนี้ได้อยู่ด้วยกันนานขึ้น

จากการชิงแชมป์ระดับภาค ไอ..น้ำ มีพี่และอาจารย์ดนตรีมาช่วยคุมวง จากการซ้อมก่อนโชว์เพียง 2 – 3 ชั่วโมง พวกเขาต้องเปลี่ยนนิสัยและคุมวินัยอย่างจริงจัง ใช้เวลาหลายเดือนซ้อมหลังเลิกเรียนทุกวันจนถึงเที่ยงคืน แล้วผลลัพธ์ของความพยายามก็งอกงามเป็นรางวัลวงดนตรียอดเยี่ยมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ก่อนขึ้นเวทีที่อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก ทุกอย่างยังวนลูปเดิม คือการเรียนและซ้อมทุกวัน เล่นเพลงที่ใช้ประกวด 3 เพลงวนไป ไม่เล่นเพลงอื่น ไม่รับงาน และไม่โชว์ ผลลัพธ์คือวงดนตรีมัธยมศึกษาดีเด่นระดับประเทศ และได้เซ็นสัญญากับอาร์เอส

สิ่งที่ได้เรียนรู้ : 

ดนตรีไม่ต้องเก่งแต่แรก แต่ต้องซ้อมให้เยอะ มีวินัยกับตัวเอง ซ้อมกับเพื่อนร่วมวง เพราะเปลี่ยนนิสัยแค่คนเดียวย่อมไม่ได้ผล ต้องเปลี่ยนด้วยกันทั้งหมด

Lesson 2

Can’t be your first one, 2003

ผู้ที่ได้รางวัลวงดนตรีอันดับ 1 ได้ทำสัญญากับอาร์เอส แต่โชคไม่ทิ้ง ไอ..น้ำ เพราะชมพู ฟรุตตี้ และทีมงานเห็นศักยภาพจึงเรียกพวกเขาในฐานะที่ 2 (รางวัลดีเด่น) ไปเตรียมกลั่นตัวเป็นพายุเพลงป๊อปร็อกชโลมใจผู้ฟังทั่วประเทศ

จากเด็ก ม.6 ที่ชีวิตไม่มีอะไร ไม่มีช่วงชีวิตมหาวิทยาลัย ความเป็นศิลปินของพวกเขาถูกเติมเต็มด้วยการโชว์ ทุกคนมีความสุขกับการเล่นดนตรี แค่เริ่มงานก็ได้จับเงินล้านภายในเวลาเพียง 1 ปี

สภาพนักศึกษาของฟลุ๊คถูกคงไว้ เพราะต้องออกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศ กว่าจะได้กลับไปเรียนอย่างจริงจังก็ช่วงเพลง รักคนมีเจ้าของ เพื่อนเรียนจบปี 4 กันหมดแล้ว แต่เขามองว่าสิ่งที่ชอบทำให้ตนเองประสบความสำเร็จในชีวิต แม้จะได้เรียน แต่ถ้าไม่ได้เล่นดนตรีก็คงไม่ถือว่าเป็นชีวิตที่สมหวัง

สิ่งที่ได้เรียนรู้ : 

บทเรียนนี้อาจไม่ได้สอนใจ แต่เป็นประสบการณ์ความสุขที่ยิ่งใหญ่ หลายคนคงอยากจะทำได้บ้าง ผมเรียนรู้ว่าในเมื่อมีผลงานเพลงที่ทุกคนชื่นชอบแล้ว เราก็ต้องเต็มที่ต่อไป ทำให้คนชอบเรา ไม่ใช่แค่ชอบเพลงอย่างเดียว

Lesson 3

Havin’ my baby, 2007

ชีวิตนักดนตรีคงตัว มีคอนเสิร์ตให้เล่น และเห็นแจ้งถึงสัจธรรมที่รุ่นพี่หลายคนเตือนไว้ตั้งแต่แรกเข้า กระทั่งมีลูกคนแรก ฟลุ๊คบอกว่า อัลบัมชุดที่ 4 บังเอิญ…โสด ช่างเหมาะเจาะกับสถานการณ์ การมีลูกเหมือนแฟลชแบ็กที่ทำให้ตัวเองมองเห็นอดีตทุกอย่างว่าเคยทำอะไรไม่ดีมาบ้าง

ในชีวิตนักดนตรีมีทั้งความเกเร ดื้อ ห้าว เอาแต่ใจ หนึ่งในนั้นคือการขอรถตู้ 2 คันสำหรับการทัวร์ คำถามที่เด็กหนุ่มได้รับคือ ทำไมถึงใช้รถตู้คันเดียวไม่ได้ แต่ ไอ..น้ำ ถามกลับว่า แล้วทำไมถึงจะใช้ 2 คันไม่ได้ เพราะพวกเขาต้องการขนเครื่องดนตรีและมิกเซอร์ไปเองทุกอย่าง พร้อมให้ทีมงานนั่ง ส่วนอีกคันไว้สำหรับสมาชิกในวง ช่วงแรกไม่มีใครเข้าใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกคนจึงเห็นว่าการใช้เครื่องดนตรีของตัวเองซาวนด์เช็กทุกวันตอน 4 โมงเพื่อรอเล่นตอน 4 ทุ่ม ทำให้การทำงานง่ายกว่ามาก

เมื่อลูกคนแรกคลอด เขายังใช้ชีวิตวัยรุ่นอย่างสนุกสนาน กระทั่งความรับผิดชอบเข้ามาทวงถามความสนใจ ‘ลูกต้องมีคนดูแล’ ฟลุ๊คจึงเริ่มใช้เหตุผล ทะเลาะกับแฟนน้อยลง ไม่ออกเที่ยว อยู่กับครอบครัวมากขึ้น และแสดงความรับผิดชอบในฐานะพ่อมากขึ้น

เวลาผ่านไป ลำดับความสำคัญของ ‘ครอบครัว’ ขึ้นมาก่อน ‘งาน’ แต่นั่นกลับกลายเป็นว่าเขาทำงานได้ดีขึ้นด้วย เพราะยิ่งอายุมาก มีเวลาพัก ก็ยิ่งทำให้คุณภาพงานดี ประกอบกับกลุ่มลูกค้าเปลี่ยน ฟลุ๊ค ไอน้ำ รับงานในร้านอาหาร โชว์เพียงวันศุกร์-อาทิตย์ ทำให้มีเวลาเตรียมโชว์และกระหายที่จะรออีก 4 วันเพื่อการแสดง

สิ่งที่ได้เรียนรู้ : 

บทเรียนนี้ทำให้ผมคิดได้เสมอว่า ชีวิตอยู่ไปทำไม พอมีลูกก็มีจุดหมายที่ชัดเจนว่าทำอะไรไปเพื่อใคร ผมต้องสู้เพื่อครอบครัว แม้จะต่อสู้มาตั้งแต่อายุ 22 เพราะมีลูกเร็ว แต่ผมมีความสุขมากและจะตั้งใจทำงานเพื่อครอบครัวต่อไป

Lesson 4

See you again, 2015

สิ่งที่ต้องมา ต้องเป็น และทุกคนทำใจยอมรับไว้แล้วคือ ‘การแยกวง’ ฟลุ๊ครับรู้ว่างานจะลดน้อยลง พร้อมกับดนตรีที่เปลี่ยนสไตล์ไปตามยุคสมัย การแยกวงไม่ได้สร้างความแปลกใจจนทำให้ชีวิตชะงัก เพราะเขาเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า มีธุรกิจส่วนตัวรองรับ

สิ่งที่ได้เรียนรู้ :

นี่คือสัจธรรมของวงดนตรี ทุกอย่างมีมาและจากไป เราไม่อาจสนุกด้วยกันจนแก่เฒ่าได้ ทุกคนมีหนทางของตัวเอง คำว่าเพื่อนสำคัญก็จริง มีความสุขก็จริง แต่เมื่อถึงเวลา แต่ละคนต้องมีเส้นทางที่แยกออกไป เหลือไว้เพียงความเป็นเพื่อนที่คุณจะเข้าใจมากยิ่งขึ้นเมื่อโต เป็นเพื่อนกันเสมอไป แต่ลำดับความสำคัญจะเปลี่ยนไปตามเวลา

Lesson 5

If he doesn’t come back, 2020

สังคมบอกว่าเขาหายไปนานกว่า 8 ปี กระทั่งปล่อยซิงเกิล ถ้าเขาไม่กลับมา เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ แต่ก็โดนโรคระบาดขัดขวางในเดือนถัดมาจนหลายอย่างชะงักไป งานที่คอนเฟิร์มไว้จนถึงช่วงสงกรานต์ถูกยกเลิกยาว 2 ปี ธุรกิจร้านอาหารถูกปิด ร้านตัดผมของเขาก็เปิดให้บริการไม่ได้ แต่ด้วยนิสัยไม่เกี่ยงงาน ฟลุ๊ค ไอน้ำ จึงผันตัวเป็นพ่อค้าขายหมูและไส้ย่างแทน

สิ่งที่ได้เรียนรู้ :

8 ปีที่หายไป เป็นช่วงที่ใช้ชีวิตได้สบายมาก เพราะตัดผมแล้วคนจำไม่ได้ ผมทั้งสุขและกล้าใช้ชีวิต เป็นไปได้ว่า ช่วงที่มีแต่แสงสีทำให้เราโหยหาอิสระและความเงียบ โดยเฉพาะช่วงที่ลูกเริ่มโต พูดได้ การทำกิจกรรมกับลูกคือความสุขที่สุด

สำหรับช่วงโควิด-19 ผมรับรู้ได้ว่า โรคระบาดมันโหด แต่ฟ้าหลังฝนดีเสมอ และมันก็เป็นจริง

กราฟชีวิตของคุณพ่อลูกสอง ‘ฟลุ๊ค ไอน้ำ’ จากวงป๊อปร็อกแห่งอาร์เอส สู่บทเรียน 5 ข้อ และเบื้องหลังเพลงดังของคนวัยดื้อ

= ฟลุ๊ค ไอน้ำ

26 มิถุนายนนี้ ที่หนึ่งไม่ไหว จะอายุครบ 20 ปี ส่วนคุณอยู่ในวงการมาแล้ว 26 ปี คิดว่าอะไรคือความท้าทายที่สุดในการเป็นศิลปิน

ความท้าทายที่สุดคือจุดเปลี่ยนทั้งหมดที่เล่าให้ฟัง เราจะยืนหยัดต่อความเปลี่ยนแปลงได้หรือเปล่า จากมีงานทุกวันสู่วันที่แทบไม่มี คุณรับสิ่งนี้ได้ไหม ไหนจะความเปลี่ยนแปลงของกระแสเพลง ถ้าคุณรับไหว นั่นคือคุณผ่านความท้าทายในชีวิตศิลปินมาแล้ว

คุณยังมีความฝันในฐานะศิลปินที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำอีกไหม

ทุกอย่างเกินฝันมาหมดแล้ว เราตื่นอยู่กับชีวิตความจริง ตอนนี้ยังมีคนจดจำได้ ยังมีคนชื่นชอบเพลง ยังมีคนย้อนกลับไปฟัง มันก็ดีมากแล้ว แต่ถึงความฝันทั้งหมดจะผ่านมาแล้วก็จริง ผมยังอยากร้องเพลงต่อไปจนถึงวันที่ร้องไม่ไหว

หรือความฝันต่อไปของผมคงไม่ใช่เรื่องการเป็นศิลปิน แต่เป็นฐานะพ่อมากกว่า ผมอยากอยู่กับทุกคนต่อไปให้ได้นานที่สุด ดูการเติบโตและสร้างความพร้อมให้ลูกของผม

คำถามสุดท้าย จาก ฟลุ๊ค ไอน้ำ ที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ถ้าคุณได้เจอกับตัวเองในอดีต คิดว่าเขาจะพูดอะไรกับคุณ แล้วคุณจะพูดอะไรกับเขาบ้าง

ผมจะกระโดดถีบมันก่อนเลย (หัวเราะ) นานจังเลยกว่าจะคิดได้ขนาดนี้ ถ้าเขาเจอผมตอนนี้เขาคงสงสัยเหมือนกันว่าทำไมไม่เป็นแบบตอนนี้ตั้งนานแล้ว  

ผมคงไม่บอกให้ผมในอดีตเปลี่ยนเส้นทางการเดินหรอก แต่ผมจะบอกว่า สิ่งที่คิดว่าถูกและสิ่งที่ใจอยากทำมันไม่ได้ดีที่สุดสำหรับคนรอบข้างและครอบครัวเสมอไป แต่ก็ไม่ต้องห่วงนะ เขาจะคิดได้ แค่มันนาน เลยอยากกระโดดถีบมันก่อน (หัวเราะ)

กราฟชีวิตของคุณพ่อลูกสอง ‘ฟลุ๊ค ไอน้ำ’ จากวงป๊อปร็อกแห่งอาร์เอส สู่บทเรียน 5 ข้อ และเบื้องหลังเพลงดังของคนวัยดื้อ

ขอบคุณสถานที่ Malong Cafe’ Boutique & Spa

Writer

วโรดม เตชศรีสุธี

วโรดม เตชศรีสุธี

นักจิบชามะนาวจากเมืองสรอง งานประจำเป็นนักฟัง งานพาร์ทไทม์เป็นนักเขียน งานอดิเรกเป็นนักเล่า

Photographer

Avatar

ผลาณุสนธิ์ ผดุงทศ

ช่างภาพที่โตมาจากเมืองทอง รักแมว ชอบฤดูฝน และฝันอยากไปดูบอลที่แมนเชสเตอร์