Live kindly for a healthier world!

ปัจจุบันมีคนจำนวนไม่น้อยเริ่มใส่ใจการมีสุขภาพที่ดีและชีวิตที่ยั่งยืน เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น วันนี้ฤกษ์ดีจึงเดินทางมาที่ ‘EKM6 – Plant-based Community Space’ พื้นที่แห่งใหม่ใจกลางเอกมัยที่อยากชวนทุกคนมานั่งพักผ่อนหย่อนใจในสวนเล็ก ๆ มีร้านรวงเพื่อสุขภาพให้จับจ่ายใช้สอย รวมถึงมีพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสายกรีนแวะเวียนมาปล่อยของกันได้เต็มที่แบบครบ จบ ในที่เดียว!

ก่อนพื้นที่แห่งนี้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2566 เราได้พูดคุยอย่างสนุกสนานกับ แพม-เปรมมิกา ศรีชวาลา หนึ่งในผู้ก่อตั้ง เธอเรียกตัวเองว่าเป็นผู้ประกอบการเล็ก ๆ ที่อยากสร้างพื้นที่สร้างสรรค์ให้ทุกคนที่มาได้รับความรู้สึกดี ๆ กลับไป และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดของ EKM6

Begins with Beyond Pops

ผมเริ่มต้นถามแพมด้วยความสงสัยว่า เธอเข้าสู่วงการ Plant-based ตั้งแต่เมื่อไหร่

“เราเริ่มสนใจตอนมีลูก เพราะลูกแพ้นมกับไข่ เราเลยหยุดทาน พอกลับมาทานร่างกายไม่รับ เลยศึกษาว่าทำไม ก็เลยไม่กินไปเลย แล้วผลที่ตามมาคือ เรามีแรงเยอะขึ้น ออกกำลังกายได้มากขึ้น”

เซอร์ไพรส์กว่านั้น เธอเคยขายไอศกรีมแพลนต์เบส แบรนด์ Beyond Pops โดยวางขายตามงานอีเวนต์ เมื่อขุดลึกลงไปว่าทำไมถึงทำไอศกรีม คำบอกเล่าที่ได้ คือความธรรมดาแสนพิเศษ

“เหตุผลก็เพราะว่าลูกเราดันอยากกินไอศกรีม Magnum มาก แต่ตอนนั้นในเมืองไทยยังไม่มี Magnum Plant-based ขาย เราเลยทำไอศกรีมขึ้นมาเอง” แม่ก็คือแม่จริง ๆ

แน่นอนว่าการทานอาหารจากพืชถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับใครหลายคน เช่น มังสวิรัติ เน้นการทานพืชผัก โดยไม่ทานเนื้อสัตว์ทุกชนิดแต่ทานผลิตภัณฑ์จากสัตว์ได้ เช่น ไข่ นม หรือน้ำผึ้ง และวีแกน ทานอาหารปราศจากเนื้อสัตว์ 100 เปอร์เซ็นต์ เน้นพืชผักเหมือนมังสวิรัติ แต่ไม่ทานผลิตภัณฑ์จากสัตว์ รวมถึงไม่ใช้สิ่งของที่มีกระบวนการผลิตเกี่ยวกับสัตว์ เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า หรือของใช้ที่ทดลองกับสัตว์

เราถามด้วยความใคร่รู้ว่า อาหารจากพืชหรือ Plant-based ที่กำลังพูดถึงคืออะไร

“จากที่เราศึกษามา แพลนต์เบสคืออาหารที่เป็นพืชผัก 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีเนื้อสัตว์หรือส่วนผสมของสัตว์ ไม่ว่าไข่หรือนม ซึ่งต่างจาก Vegetarian ที่อาจมีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์จากสัตว์ได้”

การที่ผู้คนมีทางเลือกมากขึ้น ย่อมเป็นโอกาสที่ดี โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพและความยั่งยืน

“แพลนต์เบสจะกลายเป็น The New Norm เราคิดว่าไม่ใช่ทุกคนที่ทานแพลนต์เบสตลอดเวลา แต่เขาจะเริ่มทานจาก 2 – 3 วัน จนกลายเป็นอาทิตย์ และเราเชื่อว่ามีหลายคนทำแบบนี้อยู่ และหลาย ๆ คนกำลังเริ่มทำให้กลายเป็นเรื่องปกติ เพราะที่เขาทานก็เพื่อตัวเองและเพื่อสิ่งแวดล้อมด้วย”

พอเข้าใจแล้วเราไม่รอช้า ขอให้เธอเล่าต่อถึง EKM6 

“เป็นคำที่ตีความได้ 2 แบบ แปลว่า เอกมัย ก็ได้ แต่เราคิดว่าเหมาะกับคำว่า ‘Every Kind Moment’ เพราะเราอยากนำเสนอว่า ที่นี่เป็นสถานที่ที่มี Kindness ขณะเดียวกันก็ต้องการให้คนมา Enjoy มากินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และกลับไปด้วยความรู้สึกที่ดี นี่คือเหตุผลหนึ่งที่เราสร้างที่นี้ขึ้นมา”

นอกจาก EKM6 จะเป็นพื้นที่ให้สายรักสุขภาพเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ดี ๆ แล้ว ที่นี่ยังเปิดให้เหล่าผู้ประกอบการรายย่อยและผู้ประกอบการท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในพื้นที่ ผ่านการจัดอีเวนต์ การฝากขายสินค้า และการจัดงานในลักษณะตลาดเล็ก ๆ ซึ่งย้อนกลับไปตอนที่แพมเคยทำไอศกรีมขายตามงาน ในฐานะที่เธอเคยเป็นผู้ประกอบการเล็ก ๆ ก็เลยอยากสร้างสถานที่ให้ผู้ประกอบการเล็ก ๆ มีโอกาสมาปล่อยของ เพื่อทำความรู้จักกับลูกค้าหน้าใหม่และผู้มาใช้บริการในพื้นที่ EKM6 ด้วยเช่นกัน

Plant-based Community Space

เราชวนคุยต่อว่าทำไมต้องเป็นพื้นที่ตรงนี้ เพราะท่านผู้อ่านอาจกำลังสงสัยเหมือนกัน

แพมเล่าว่าตอนที่เธอขายไอศกรีมตามงานอีเวนต์ เธอมีโอกาสมางานย่านเอกมัย เลยบังเอิญเจอที่ดินตรงนี้ จึงคุยกับสามีที่ทำงานเป็นนักพัฒนาอสังหาฯ และอยากพัฒนาพื้นที่เป็น Service Apartment แต่น่าเสียดายที่เจ้าของที่ดินไม่เห็นพ้อง แพมเลยตั้งใจขอเปลี่ยนพื้นที่เป็น Plant-based Community Space ซึ่งเจ้าของที่ดินก็ยินยอมให้เช่า เพราะเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อคนในสังคม

การออกแบบของ EKM6 เน้นความเรียบง่าย เพราะแพมไม่ต้องการให้ที่นี่เป็นตึกสูง แต่อยากให้เป็นพื้นที่เปิด เพื่อรับสายลมและแสงแดดได้มากที่สุด โดยกระบวนการออกแบบเริ่มต้นในปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้คนยังต้องรักษาระยะห่างและเลี่ยงอยู่ในพื้นที่แออัด

นั่นเป็นเหตุผลที่ EKM6 ออกแบบให้แสงและลมเข้าถึงได้ในหลาย ๆ มุม ทั้งบริเวณสวนหย่อมภายนอกอาคารและภายในตัวอาคาร เพื่อเชื่อมโยงธรรมชาติกับผู้คนในพื้นที่ใจกลางเมือง

ภายในอาคาร 2 ชั้นทรงโมเดิร์นประกอบด้วยโซนต่าง ๆ ตั้งแต่คาเฟ่ ร้านสะดวกซื้อ ห้องฝึกโยคะ ห้องให้เช่าสำหรับร้านค้า และร้านอาหารแพลนต์เบส ตลอดจนพื้นที่สำหรับจัดอีเวนต์ นอกจากนี้ สิ่งอำนวยความสะดวกภายในตัวอาคารยังออกแบบมาให้รองรับรถเข็นสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการด้วย

Kynd Kulture Cafe

คาเฟ่สไตล์เรือนกระจก นั่งเล่นก็ได้ นั่งทำงานก็ดี หากมาที่นี่ต้องลองเมนูแนะนำอย่าง Organic Kombucha และ Koka (Coffee) เสิร์ฟพร้อมอาหารแพลนต์เบสที่อร่อยทุกเมนูจนยกนิ้ว

Plenti : The Wholesome Grocery Store

ร้านสะดวกซื้อที่รวบรวมผลิตภัณฑ์แพลนต์เบส มีของกิน ของใช้ เครื่องดื่ม และขนมทานเล่น ซึ่งความพิเศษคือภายในร้านมีห้องครัวทำเวิร์กช็อป เรียนรู้ และทดลองทำอาหารแพลนต์เบสด้วยตนเอง 

Back Yard

พื้นที่ภายในตัวอาคารที่มีเป็นมุมนั่งเล่นหรือนั่งรับสายลมและแสงแดดกัน

Healing Room

ห้องฝึกโยคะและนั่งสมาธิ สำหรับบริหารสุขภาพกาย สุขภาพจิต และสุขภาพใจไปพร้อม ๆ กัน 

Retail Space & Market Place

พื้นส่วนนี้อยู่บริเวณชั้น 2 เป็นพื้นที่เช่าสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านค้า และบริการต่าง ๆ ที่กำลังทยอยเข้ามา นอกจากนี้ยังมีพื้นที่จัดตลาดและกิจกรรมต่าง ๆ ที่หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไปในแต่ละสัปดาห์ เพราะฉะนั้น คอยติดตามความเคลื่อนไหวจากทาง EKM6 ไว้ให้ดีนะ 

การจัดอีเวนต์ของที่นี่เป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ที่มีความสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน สุขภาพ เด็ก และเยาวชน ตลอดจนการสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น เข้ามาจัดงานในพื้นที่ด้วย อย่างอีเวนต์ที่จัดไปล่าสุด คือ Bangkok Sustainability Fair 2023 และ Kind Market Female founders editions

ส่วนเกณฑ์การคัดเลือกร้านค้าหรือผู้ประกอบการที่เข้ามาในพื้นที่แห่งนี้ แพมบอกว่ามีทั้งผู้ประกอบการและบริษัทใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ทว่ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์เป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น (Local Product) เพราะเธอต้องการสนับสนุนเหล่าผู้ประกอบการท้องถิ่นอย่างที่กล่าวไป

เมื่อพูดคุยกันในมุมของการทำธุรกิจ แพมกลับมองมุมต่าง

“เหตุผลที่เราทำสถานที่แห่งนี้ขึ้นมา หนึ่ง เราอยากให้แพลนต์เบสเป็น Another Norm และอยากให้คนมาได้ Good Vibes กลับไป ขณะเดียวกันก็อยากสนับสนุน Small Vendor ให้มีโอกาสเติบโต 

“ถ้ามองเรื่องของกำไรมันยังไม่ใช่ เพราะสิ่งที่เราได้กลับมาทุกครั้งคือการเห็นคนมาที่นี่แล้วเขามีช่วงเวลาที่ดี หรือทุกครั้งที่เวนเดอร์มาออกบูทแล้วขายดี เรามีความสุขกับตรงนั้นมากกว่า”

You are Here is More Than Enough

แพมยืนยันกับเราว่า EKM6 เป็นพื้นที่สำหรับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นคนที่ทานพืชผักหรือมังสวิรัติเพียงอย่างเดียว และในอนาคต แพมอยากใช้พื้นที่สร้างประโยชน์กลับคืนสังคมมากขึ้น เธอกระซิบดัง ๆ ว่าอยากให้ที่นี่เป็นพื้นที่การเรียนรู้สำหรับเยาวชน 

“เราอยากให้คนที่เข้ามา เขารู้สึกว่า You are here is more than enough เราเชื่อว่าสิ่งที่เราทำให้คนได้มาเห็น ได้มาศึกษา หรือได้มาลองสัมผัสประสบการณ์ดี ๆ มัน More than enough”

เธอยังเชื่อว่าการเกิดขึ้นของ EKM6 อาจจุดประกายให้มีพื้นที่ Plant-based Community ที่สร้างสรรค์ขึ้นอีก รวมถึงทำให้คนหันมาสนใจสุขภาพมากขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในประเทศไทย

“เราว่าคนไทยสนใจสุขภาพนะ และหากสังเกตบริษัทใหญ่ ๆ จากที่เราเรียนรู้มา เขาก็เริ่มเข้ามาทำเรื่องแพลนต์เบส เพราะเขารู้แล้วว่าตลาดของเนื้อโตไปมากกว่านี้ไม่ได้ และผู้บริโภคเขาหาความรู้ให้ตัวเองตลอดเวลา ตอนนี้คนก็เริ่มตั้งคำถาม เริ่มสรรหาสิ่งที่เป็นแพลนต์เบสที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น

“เพราะในตอนจบ ทุกคนอยากมีสุขภาพที่แข็งแรงและชีวิตที่ยืนยาว” 

ท้ายที่สุด คำว่า ‘อร่อย’ คือสิ่งที่แพมอยากให้คนจดจำเกี่ยวกับอาหารแพลนต์เบส

“เราอยากให้มาลองชิม ลองกิน ลองใช้เวลาที่นี่ หรือลองหยิบขนมจาก Grocery ไปชิมก็ได้ แล้วจะรู้ว่าอาหารแพลนต์เบสอร่อย ดีต่อสุขภาพ แถมกินแล้วไม่รู้สึกผิดด้วย” เธอชวนด้วยรอยยิ้ม