ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ไปเที่ยวกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ ไม่ว่าจะเดินชมเมือง เที่ยวธรรมชาติ อาหารยิ่งไม่ต้องพูดถึง แถมขนมก็อร่อยไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะไปเยี่ยมเมืองไหนก็มีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป ไม่แปลกใจว่าญี่ปุ่นจึงยังเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่โผล่มาเสมอในการแพลนทริปท่องเที่ยวของใครหลายๆ คน รวมถึงเราด้วย
รอบนี้มีโอกาสไปเดินเล่นสองสามวันที่เมืองสำคัญแถบคันไซ ซึ่งก็คือโอซาก้าที่หลายคนคุ้นเคยกันดี เราจึงขอนำเสนอตัวเลือกในการหลีกเลี่ยงความวุ่นวายของย่านช้อปปิ้ง นั่นก็คือไปใช้เวลาสบายๆ เดินเล่นแบบไม่เร่งรีบเพื่อเยี่ยมเยียนคาเฟ่ในเมืองโอซาก้า
ที่นี่อาจจะยังไม่มีคาเฟ่ที่หลากหลายทั้งรูปแบบและปริมาณเท่าโตเกียว หรือไม่ได้มีกลิ่นอายเฉพาะเท่าเมืองเกียวโต แต่การไปเดินเล่นเสาะหาคาเฟ่แถบโอซาก้าในรอบนี้ก็ทำให้ค้นพบเสน่ห์ที่แตกต่าง
ญี่ปุ่นเขามีความน่ารักซ่อนอยู่ทุกที่จริงๆ นั่นแหละ
BROOKLYN ROASTING COMPANY Kitahama
เริ่มต้นกันแถวย่านคิตาฮามา (Kitahama) ซึ่งเป็นย่านธุรกิจที่เต็มไปด้วยตึกสูงและซาลารีมังชาวญี่ปุ่นใส่สูทเดินไปมาจนไม่คิดว่าจะมีคาเฟ่น่ารักๆ ซ่อนอยู่เยอะ
ร้านที่จะเป็นแรกของวันจึงต้องเลือกร้านที่เปิดเช้าๆ หน่อย และเพราะได้ยินชื่อ Brooklyn Roasting Company มานาน (ปีที่แล้วติดอันดับ One of the 25 Best Coffee Roasters In America by Men’s Journal) รอบนี้เลยไม่พลาดมาแวะจิบกาแฟพร้อมหาอะไรรองท้อง
นอกจากสาขาที่นิวยอร์กแล้ว ที่ญี่ปุ่นมีทั้งหมด 3 สาขาด้วยกัน คือ 1 สาขาที่โตเกียว และอีก 2 สาขาในโอซาก้า (Namba & Kitahama) เดินมาไม่ไกลจากสถานีรถไฟคิตาฮามา เราก็มองหาป้ายร้าน Brooklyn แต่ด้วยตัวอักษรและสีที่เป็นเอกลักษณ์จึงหาได้ไม่ยาก เมื่อเดินผ่านประตูกระจกที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางตึกสูง ก็เข้าสู่ร้านที่อบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟ อากาศข้างในอุ่นผิดจากลมเย็นๆ ด้านนอก และทันทีที่เจอบาริสต้ายิ้มต้อนรับอย่างเป็นกันเองบรรยากาศก็อุ่นขึ้นไปอีก 🙂
สำหรับกาแฟที่นี่เราไม่ห่วง ด้วยเป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2010 และให้ความพิถีพิถันในการคัดสรรเมล็ดไปจนถึงการคั่วกาแฟ ออกมาเป็นเมล็ดกาแฟหลากหลายบนแพ็กเกจสวย มีทั้ง Espresso, coffee drip และมีเมล็ดกาแฟชนิดต่างๆ ผลัดเปลี่ยนกันมาให้เลือกชิมทุกๆ วัน
เราจึงไม่รอช้าที่จะสั่งลาเต้อุ่นๆ สักแก้ว พร้อมกับหาขนมปังรองท้องสักหน่อย เพราะที่นี่มีเบเกอรี่หลายอย่าง ไปจนถึงแซนด์วิชชิ้นหนักๆ ซึ่งขอยืนยันว่าน่ากินทุกสิ่ง
ส่วนการตกแต่ง ด้านในร้านเป็นผนังปูน ตกแต่งร้านด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ให้โทนดิบๆ หน่อย มีหลายมุมให้เลือกนั่ง มีทั้งคนญี่ปุ่นและคนต่างชาติแวะมาเยี่ยมร้านกาแฟนี้ไม่ขาดสาย ทั้งมาจิบกาแฟ ถ่ายรูป นัดพบกัน นั่งทำงาน อ่านหนังสือสบายๆ ส่วนไฮไลต์ที่ห้ามพลาดของที่นี่คือ เมื่อเดินผ่านกระจกบานใหญ่ที่เป็นกำแพงกั้นบริเวณร้านกับระเบียงเข้าไปด้านในสุดของร้าน จะพบกับวิวริมแม่น้ำที่พาดผ่านเมืองแห่งนี้พร้อมวิวเมืองโอซาก้าฝั่งตรงข้าม ที่ให้ลูกค้าได้สูดอากาศสดชื่นริมน้ำที่มีลมเย็นพัดมาปะทะหน้าตลอดเวลา
จิบกาแฟอุ่นๆ พร้อมกินขนมอร่อยๆ แถมชมวิวเพลินๆ เรียกว่าเป็นมุมบังคับที่จะต้องได้รูปที่ถูกใจกลับมาแน่นอน ใครแวะไปโดยเฉพาะในวันอากาศดี เราขอเตือนว่าห้ามพลาดเลยจริงๆ
เวลาเปิด-ปิด
วันธรรมดา 08.00 – 20.00 น. LO 19.30 น.
เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุด 10.00 – 19.00 น. LO 18.30 น.
IG | brooklynroastingjapan
MOTO COFFEE
เดินเลียบแม่น้ำถัดจาก Brooklyn มาไม่ไกล จะพบร้านเล็กน่ารักที่ตั้งอยู่เชิงสะพานข้ามแม่น้ำพอดี ดึงดูดสายตาด้วยความมินิมอลของกำแพงสีขาว ตัดกับบานประตูและหน้าต่างไม้ ยืนตากลมหนาว ดูสาวญี่ปุ่นกับเกาหลีถ่ายรูปหน้าร้านอยู่สักพัก (เพลินนน) จนถึงเวลาพนักงานเปิดให้เข้าไปสั่งด้านใน พื้นที่ด้านในค่อนข้างเล็กถึงเล็กมาก การตกแต่งเป็นสีขาวสลับสีน้ำตาลอ่อนจากไม้ดูสบายตา มีถ้วยและกาน้ำชาตกแต่งเพิ่มความเป็นญี่ปุ่นให้ร้านได้อย่างลงตัว
เข้าไปตอนแรกไม่ต้องแปลกใจที่มองไปทางไหนก็ไม่เห็นที่นั่งเลย (แน่นอนว่าตอนแรกเราแปลกใจ) พอถึงคิวจึงรู้ว่าเมื่อเราสั่งเครื่องดื่มเรียบร้อย ก็เลือกที่นั่งได้ทั้งชั้นใต้ดิน ชั้นสอง (ต้องเดินออกนอกร้านไปขึ้นบันไดด้านนอก) และระเบียงริมแม่น้ำ ได้เลย ขอให้เช็กสภาพอากาศและความอึดของตนเองก่อนเลือกเล็กน้อยหากแวะไปในช่วงอากาศเย็น
ด้านนอกนั้นแน่นอนว่าชนะด้วยบรรยากาศริมน้ำพร้อมวิวหอประชุมเมืองโอซาก้าที่เป็นฉากหลัง แต่อาจจะพ่ายแพ้ให้กับลมหนาว ร้านนี้จึงแก้ปัญหาให้เราด้วยความน่ารักด้วยฮีตเตอร์จิ๋วตั้งพื้น พร้อมบริการผ้าห่มให้ทุกโต๊ะ
ถ้าใครอยากนั่งอุ่นกายสบายใจ แนะนำชั้นสอง เพราะเป็น indoor และยังได้เห็นวิวนอกกระจกบานใหญ่ของร้าน ส่วนด้านล่างเหมือนชั้นใต้ดิน ตกแต่งแนวห้องนั่งเล่นดูอบอุ่น แต่เนื่องจากไม่มีแสง daylight เราจึงขอผ่านไป
เมนูที่นี่มีให้เลือกทั้งกาแฟแบบ single origin และ house blend ชากลิ่นต่างๆ รวมไปถึง เบเกอรี่และขนมหวานหลากหลาย เราเลยเลือกชาร้อนไปนั่งจิบอุ่นๆ ทานคู่กับพุดดิ้งนุ่มๆ หวานกำลังดี MOTO COFFEE ยังมีขนมอีกหลายอย่างที่เราอยากลอง แต่เพราะต้องไปอีกหลายที่จึงต้องอดใจเพียงแค่นี้ก่อน ใครได้ตามมาช่วยชิมเผื่อเราที
เปิด-ปิด 12.00 – 19.00 น. LO 18.30 น.
IG | motocoffee_osaka
EMBANKMENT COFFEE
อีกหนึ่งคาเฟ่ที่เราเลือกมาแนะนำ คือ EMBANKMENT Coffee คาเฟ่ใหม่ไม่ไกลจากสองร้านแรกที่เพิ่งเปิดเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สามารถแวะมาจิบกาแฟดีๆ พร้อมชมวิวสวยริมแม่น้ำได้ ด้านนอกร้านมีกระจกบานใหญ่ ตกแต่งด้วยโทนสีเข้ม ถึงแวบแรกที่เห็นจะดูเป็นคาเฟ่เรียบหรูสมัยใหม่ แต่เอะใจตรงที่หลังคาดูเป็นกระเบื้องแบบบ้านญี่ปุ่นเก่า ซึ่งขัดกับตึกสูงโดยรอบมาก เมื่อเข้าไปร้านก็ไม่แปลกใจเพราะโซนที่นั่งด้านในเป็นโต๊ะเก้าอี้ไม้เรียบๆ วางเรียงกันริมหน้าต่างบ้านใหญ่และระเบียงไม้ริมน้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งจิบกาแฟในบ้านสไตล์ญี่ปุ่น ตัดกับความใหม่ของเคาน์เตอร์สีขาวดำเรียบหรูด้านหน้าได้อย่างเนียนๆ มารู้ทีหลังว่าบริเวณเคยเป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่นเก่า ก่อนจะถูกรีโนเวตนั่นเอง
บาริสต้าคนสวยต้อนรับเราด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร พร้อมนำเสนอ specialty coffee มี filter coffee ถึง 4 ชนิดให้เลือกด้วยกัน ซึ่งสามารถเลือกได้ทั้งแบบ Espresso หรือ hand drip หากชอบใจกาแฟตัวไหนก็มีเมล็ดกาแฟของร้านให้เลือกซื้อกลับไปได้เช่นกัน ขนมที่นี่ขอแนะนำเป็น Cinnamon Cheesecake ที่เสิร์ฟพร้อมวิปครีมนุ่ม แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบ Cinnamon ก็มีขนมอื่นรวมถึง Toast แบบต่างๆ ให้ทานคู่กับกาแฟ
อีกสิ่งที่น่าสนใจคือที่นีจะมีการจัดกิจกรรม special event อย่าง Cupping session & guest barista ร่วมกับหลากหลายร้านกาแฟดังในญี่ปุ่นอยู่เรื่อยๆ ซึ่งทำให้มีทั้งกาแฟที่หลากหลาย บางครั้งอาจมีขนมหรือเมนูพิเศษที่มีเฉพาะแค่งานวันนั้น หากใครสนใจลองติดตามทางเพจหรืออินสตาแกรมร้านดูได้เลย
เปิด-ปิด
จันทร์-ศุกร์ 11.00 – 19.00 น.
เสาร์-อาทิตย์ 08.00 – 18.00 น.
IG | embankmentcoffee
WAD OMOTENASHI CAFÉ
พักจากร้านกาแฟมาดื่มด่ำกับชาสไตล์ญี่ปุ่นกันที่ร้าน Wad คาเฟ่ที่ขึ้นชื่อเรื่องของชาญี่ปุ่น เรารอคอยที่จะมาร้านนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว Wad จึงอยู่ในอันดับต้นๆ ของลิสต์คาเฟ่เมืองโอซาก้าที่ห้ามพลาด ยิ่งใครเป็นสายชา รับประกันว่าเดินเข้าร้านแล้วกรี๊ดแน่นอน
เดินหาร้านสักพักจึงพบว่า Wad ซ่อนตัวอยู่ที่ชั้นสองของตึกสีขาวแห่งหนึ่ง มีป้ายน่ารักๆ บอกบุ้ยใบ้อยู่ตรงทางขึ้นร้าน เมื่อเข้าไปในร้านมีพนักงานเดินมาต้อนรับเราอย่างสุภาพแต่เป็นกันเอง บรรยากาศในร้านทำให้รู้สึกเหมือนหลุดมาอีกโลกที่เวลาเดินช้ากว่าด้านนอกมาก ทั้งๆ ที่คนเต็มเกือบทุกโต๊ะ และรู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายของคนที่มานั่ง ความสงบเงียบของร้านทำให้เรารู้สึกต้องทำตัวเรียบร้อย (กว่าปกติ..) ขึ้นมาทันที
ในร้านตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่มองไปมุมไหนก็สวย แสงยามบ่ายจากกระจกด้านข้างร้านส่องเข้ามาตรงกับภาพพนักงานที่กำลังชงชาด้วยอุปกรณ์แบบพิธีดั้งเดิมของญี่ปุ่น ด้านหลังเคาน์เตอร์มีชั้นวางถ้วยเซรามิกแบบต่างๆ ไม่ซ้ำกันที่จัดวางไว้อย่างประณีต เป็นภาพที่มองเพลินเหมือนเราหลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่งจริงๆ พนักงานแนะนำถึงชาแบบต่างๆ หลักๆ จะมี Matcha (มัทฉะ) และ Sencha (เซนฉะ) ซึ่งมีชาเซนฉะ 3 ชนิดที่สามารถรับประทานใบชาได้หลังจิบชาจนหมด โอ้โห…อยากลองทุกอย่างแต่เราทำไม่ได้ เลยขอเลือกสั่งเมนูมัทฉะก่อน
และได้พบอีกหนึ่งความกรี๊ดดังๆ (ในใจ) คือพนักงานอธิบายว่าเราสามารถเลือกถ้วยชาจากบนชั้นที่วางอยู่ได้ 1 ใบ พร้อมทั้งเล่าที่มาของถ้วยว่าเป็นของศิลปินท่านใด มาจากเมืองไหนของญี่ปุ่น จึงทำให้เข้าใจว่าเซรามิกทุกใบในร้านนี้ล้วนมีที่มาที่ไป มีความใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ
นอกจากมัทฉะเราสั่งเมนู Zenzai แป้งโมจิย่างหอมในซุปถั่วแดงต้มอุ่นๆ เสิร์ฟเป็นเซ็ตพร้อมชาโฮจิฉะ แป้งกรอบ (genmai) และสาหร่ายกรอบชิ้นเล็ก (salted seaweed) ที่ให้ทานคู่กันเพื่อปรับเปลี่ยนรสชาติขนม ส่วนขนมแนะนำอีกอย่างที่เห็นรูปอยู่บ่อยๆ คือ Ice shaving หรือน้ำแข็งไสราดด้วยชาต่างๆ ที่สามารถเลือกเองได้ แต่ด้วยอากาศของฤดูหนาวแบบนี้เราขอเก็บไว้รอบหน้าดีกว่า..
จิบชาไป ทานขนมไป เรียกได้ว่านั่งเพลินจนลืมเวลาไปเลย พอจะกลับพนักงานไม่ให้เรากลับ 555 (พนักงานที่นี่สุภาพและน่ารักมากทุกคนจริงๆ) แถมเชิญชวนให้เราขึ้นไปเยี่ยมชมนิทรรศการชั้นสามซึ่งจัดเป็น solo exhibition ของศิลปินเซรามิกท่านหนึ่ง สามารถเดินชมและเลือกซื้อผลงานติดไม้ติดมือกลับไปได้ และได้ทราบว่าบริเวณนี้ถูกจัดเป็นพื้นที่กิจกรรมที่จะมีงานสลับหมุนเวียนกันไป สำหรับใครที่หลงใหลชา ชอบงานเซรามิกสวยๆ เราไม่อยากให้พลาดคาเฟ่นี้จริงๆ
เปิด-ปิด 13.00 – 20.00 น.
IG | wadcafe
GRANKNOT COFFEE
ร้านสุดท้ายขอเปลี่ยนบรรยากาศพามาร้านย่านแหล่งช้อปปิ้งของโอซาก้ากันบ้าง เดินจากสถานีชินไซบาชิ (Shisaibashi) ประมาณ 10 นาทีจะเจอร้านกาแฟเล็กๆ ที่ภายนอกดูเท่ด้วยการตกแต่งร้านด้วยสีดำ แต่ด้านในบรรยากาศอบอุ่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ ไฟให้โทนสีเหลืองอุ่นๆ ตัดกับเครื่องชงกาแฟสีแดง อย่าง Granknot Coffee อีกหนึ่งร้าน Specialty coffee ที่เปิดบริการตั้งแต่ปี 2013 พร้อมสโลแกน ‘Good Taste Taste Good’ ร้านไม่ใหม่แต่ด้วยกาแฟที่ว่าดีเราก็ต้องแวะลอง
ร้านนี้มีโรงคั่วกาแฟคือ Granknot coffee roasters ที่คัดเลือกเมล็ดกาแฟดีมีคุณภาพหลากหลายมาเสิร์ฟให้ลูกค้ายัง coffee stand แห่งนี้ มีทั้ง coffee drip และ Espresso อีกเช่นเคย
ขนมที่นี่มีไม่มาก หากใครหิวก็มีเบเกอรี่ให้รองท้องได้เล็กน้อย เราแวะมาในช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันอากาศหนาวที่นอกร้านดูเงียบ แต่ในร้านนั้นเต็มเกือบทุกโต๊ะ ทั้งคนญี่ปุ่นและคนต่างชาติ อีกทั้งยังมีคนแวะเวียนมาซื้อกาแฟแบบไม่ขาดสาย หากใครเดินช้อปปิ้งจนเหนื่อย อยากหาที่แวะพักจิบกาแฟดีๆ แนะนำให้ลองแวะมาร้านนี้ดู