ย้อนกลับไป 7 ปีก่อน ใคร ๆ ก็เรียกเขาว่า ‘นน ฮอร์โมน’

ถัดมาอีกหน่อย เราเห็นภาพเขากับสมุดวาดรูปของ ‘ป๋อง’ พร้อมประกายไฟ

แบงค์-ธิติ มหาโยธารักษ์ รับบทเป็นเด็กมัธยม เป็นนักต้มตุ๋น เป็นพระเอก เป็นตัวร้าย

ล่าสุด เขากระโจนเข้ามาเป็นโจร ในบท ‘เต๋อ’ จากภาพยนตร์เรื่อง Red Life ที่จะเข้าฉายปลายปีนี้ พร้อมภารกิจต้องลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัมให้ได้ภายใน 2 เดือน เพื่อเข้าถึงบทบาทให้มากที่สุด

แบงค์บอกว่าการแสดงไม่ต่างอะไรกับกาแฟ อีกหนึ่งสิ่งที่เขาหลงใหลและยอมทุ่มเวลาให้จนกลายมาเป็นธุรกิจแรกในชีวิต

เขาเปิดร้าน Refill.Coffee คาเฟ่ขนาดใหญ่ที่ขอนแก่น 

หากจิบแรกของคุณกำลังคิดว่าเขาแค่อยากเปิดมันล่ะก็ – เราขอให้คุณวางแก้วลงก่อน

แบงค์สนใจกาแฟจริงจัง ทั้งลงเรียนและลงแข่งขันเป็นเรื่องเป็นราว ใช้เวลา 5 ปีในการสร้างร้าน ลองผิดลองถูก สั่งสมประสบการณ์มาก็มาก เพื่อหวังให้มันกลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของจังหวัดที่ใคร ๆ ก็อยากตามหา

“การจะทำร้านกาแฟได้ เราต้องรู้ทุกอย่างก่อน เหมือนกับการแสดงที่ต้องศึกษาตัวละครตัวนี้จริง ๆ ถึงจะไปแสดงเป็นเขาได้” 

นี่คือปฏิญาณของแบงค์

กาแฟกับการแสดงของ ‘แบงค์ ธิติ’ ที่ใส่ใจทุกขั้นตอน ต้องลองให้รู้ และอย่าเชื่อ Sip แรก

บอส ธิติ

แบงค์ ธิติ ในวันสบาย ๆ ทำอะไรบ้าง

ตื่นมาแล้วก็ล้างหน้า แปรงฟัน สั่งอาหาร เปิดคอม เล่นเกม กินกาแฟ (หัวเราะ) 

เมื่อก่อนตอนอยู่คอนโดจะมีอุปกรณ์ทำกาแฟ แต่ตอนนี้ผมย้ายไปที่ร้านหมดแล้ว ช่วงนี้ก็เลยเล่นเกมอย่างเดียวเลย

เริ่มสนใจกาแฟได้ยังไง

เริ่มจากตอนที่ผมไปออกกองเรื่อง Fleet of Time แล้ว พี่เบสท์ ณัฐสิทธิ์ เอา Dripper มาที่กอง ผมก็งงว่าขนอะไรมา ทำไมการกินกาแฟมันถึงยุ่งยากจัง แต่พอได้กิน ผมก็รู้สึกว่า เฮ้ย นี่คือรสชาติใหม่ที่เราไม่เคยลอง แล้วแต่ละวันเมล็ดที่เขาเอามาก็รสชาติไม่เหมือนกัน เพราะกาแฟที่เรากินเป็นพวก Starbucks ที่รสชาติเหมือนกันตลอด ก็เลยตื่นเต้นกับมัน วิธีการทำก็ดูเท่ดี ต้องใช้ทั้งกระดาษฟิลเตอร์ ต้องใช้ทั้งเครื่องบด ผมเลยไปลงเรียนที่ Hands and Heart Coffee Roasters หลังจากนั้นประมาณอาทิตย์หนึ่ง

ติดเท่เหรอ

เออ แบบติดเท่ ทำอะไรต้องเอาลุคไว้ก่อน (หัวเราะ) 

พอลงเรียนก็ยิ่งตื่นเต้น แล้วก็สนใจมากขึ้น เพราะมันมีวิธีการหลากหลายมาก แต่ละคนสกัดกาแฟไม่เหมือนกัน การเทน้ำแค่ pH เปลี่ยนนิดหนึ่งก็ทำให้รสชาติกาแฟเปลี่ยนแล้ว เราได้ลองชิมกาแฟที่เป็น Specialty Coffee ครั้งแรกในช่วงนั้น เปิดโลกมากครับ

กี่ปีมาแล้วนะ

โห 4 – 5 ปีมาแล้วมั้งครับ หลังจากนั้นก็เริ่มซื้ออุปกรณ์ เริ่มไปชิมกาแฟ Slow Bar มากขึ้น

ความรู้สึกต่างกับตอนกิน Speed Bar ไหม

ต่างนะครับ ผมหลงใหลในวิธีการทำของเขา ผมชอบไปนั่งหน้าบาร์ แล้วก็ดูว่าแต่ละคนใช้กาอะไร ใช้น้ำอะไร วิธีการเขาแตกต่างกันมากแค่ไหน ผมรู้สึกเพลินเวลาไป แต่ถ้าเกิดช่วงรีบ ๆ ก็จะสั่ง Speed Bar แหละ แค่เปลี่ยนเป็นเมล็ดพิเศษของทางร้าน 

กาแฟกับการแสดงของ ‘แบงค์ ธิติ’ ที่ใส่ใจทุกขั้นตอน ต้องลองให้รู้ และอย่าเชื่อ Sip แรก
กาแฟกับการแสดงของ ‘แบงค์ ธิติ’ ที่ใส่ใจทุกขั้นตอน ต้องลองให้รู้ และอย่าเชื่อ Sip แรก

จริงไหมที่เขาชอบบอกกันว่าวงการนี้เข้าแล้วออกไม่ได้

ออกไม่ได้จริง ๆ ครับผม (ตอบทันที) แล้วก็อุปกรณ์นี่ อย่าเริ่มซื้อเลยครับ ซื้อแล้วแบบ โห บานปลายมาก

พอเราสนใจ Slow Bar ก็เริ่มจากการซื้อ Dripper แล้วก็อยากมาลองสกัดช็อตบ้าง เริ่มซื้อเครื่อง Flair มาทำอเมริกาโน่เย็น พอซื้อเครื่อง Flair มาก็อยากลองทำอีกเครื่อง เลยไปซื้อเครื่อง La Marzocco ตัวลิเนียหัวเดียว ผมก็ศึกษาไปเรื่อย ๆ ดูทางยูทูบบ้าง ไปลงเรียนบ้าง ทำลาเต้อาร์ตบ้าง ตอนนั้นอุปกรณ์เต็มโต๊ะเลยครับ

จริงจังมาก

ใช่ ตอนที่ผมมีเครื่อง Flair แล้ว ผมก็คิดอยากมีร้านกาแฟเล็ก ๆ อยู่ที่ขอนแก่น เป็นร้าน Slow Bar อย่างเดียว แต่พอคุยกับหลาย ๆ คน เขาก็บอกมาว่าการทำ Slow Bar อย่างเดียวไม่ตอบโจทย์ งั้นทำเป็นร้านไปเลยไหม

ทีนี้การจะทำร้านกาแฟได้เราต้องรู้ทุกอย่างก่อน เหมือนกับการแสดงเลย เราต้องศึกษาตัวละครตัวนี้ ให้เรารู้จักกับเขาจริง ๆ ก่อนถึงจะไปแสดงเป็นเขาได้ 

เพราะฉะนั้น ผมอยากรู้ ผมต้องลองทำ ผมก็เลยซื้อแม่งทุกอย่าง 

ทั้งเครื่องบด Single Dose เครื่อง Espresso Machine ซื้อ Slow Bar ซื้อ Flair ซื้อ AeroPress ลองทุกอย่าง เพื่อที่จะรู้ว่ากลไกของการทำกาแฟก่อนเสิร์ฟให้กับลูกค้าได้ ต้องผ่าน Process อะไรบ้าง 

เป็นช่วงที่ได้ลองทำจริง ๆ ได้ลองขายให้กับคนที่คอนโด แล้วยังมีแพสชันกับมันเป็นปีสองปี เลยตัดสินใจว่าทำร้านกาแฟที่ขอนแก่นเลยแล้วกัน

กาแฟกับการแสดงของ ‘แบงค์ ธิติ’ ที่ใส่ใจทุกขั้นตอน ต้องลองให้รู้ และอย่าเชื่อ Sip แรก

เกือบ 2 ปีที่ทดลองขายกาแฟ แบงค์เชื่อว่ามันจะเวิร์กเหรอ

ไม่ได้คิดว่าจะเวิร์กหรือไม่เวิร์ก แค่เป็นสิ่งที่เราอินกับมัน เป็นแพสชันที่เราอยากทำ 

แต่ช่วงแรกมันก็สนุกไงครับ (หัวเราะ) เป็นเหมือนกับความฝันของคน ๆ หนึ่งที่อยากจะมีร้านกาแฟเป็นของตัวเอง เราเริ่มต้นจากความคิดเล็ก ๆ แล้วแตกแขนงไปว่า เราจะใช้เครื่องอะไร Flow งานจะเป็นยังไง จะมีพนักงานกี่คน ร้านเราจะมีกี่ที่นั่ง เรามีเมนูซิกเนเจอร์ของตัวเราเอง มีนมที่เรามิกซ์ไว้เอง 

แต่เราลืมคิดไปว่าเราทำกินเอง เราทำให้เพื่อนชิม ไม่มีเวลามากำหนดว่าต้องออกออร์เดอร์ช้า-เร็วขนาดไหน หรือการที่เราต้องตื่นเช้ามาเตรียมตัวสำหรับการขาย 400 – 500 แก้วต่อวัน จากเคยขายแค่ 10 แก้ว แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วนะ

ผมอาจจะใช้เวลานาน 4 – 5 ปี กว่าจะสร้างร้านเป็นชิ้นเป็นอัน ซึ่งเราก็ไม่กังวลเท่าไหร่ แต่ที่กังวลคือการรักษาคุณภาพของกาแฟและเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่ผมรัก ให้คุณภาพยังเป็นแบบที่เราต้องการ 

เห็นว่าไปลงแข่ง Thailand AeroPress Championship 2022 ด้วย คิดอะไรถึงตัดสินใจไป

อยากลองเฉย ๆ ครับ อยากรู้ว่ากาแฟที่เราชอบ คนอื่นเขาจะชอบด้วยรึเปล่า สถานการณ์จริงเป็นยังไง เราได้ไปอยู่ในที่ที่ทุกคนทำกาแฟเป็นหมดเลย แล้วเทคนิคแต่ละคนก็ต่างกัน ไม่ใช่แค่การทำกินอยู่ที่บ้าน ให้คนรู้จักชิม แต่นี่คือกรรมการที่เขาชิมกาแฟจริง ๆ 

ได้คำตอบอะไรกลับมา

ได้คำตอบกลับมาว่า สิ่งที่เราว่าอร่อย จริง ๆ แล้วยังไม่อร่อย (หัวเราะ) 

ทำให้รู้เลยว่ามีหลายปัจจัยที่ส่งผล ทั้งความตื่นเต้น อุณหภูมิห้อง เพราะตอนที่เราทำอยู่ในห้องไม่ได้เย็นมาก เราต้องการดรอปอุณหภูมิกาแฟก่อนเสิร์ฟ แต่พอสถานที่จริงแอร์เย็นมากครับ แต่เรายังทำ Process เดิม กาแฟที่ใช้เสิร์ฟกรรมการก็เลยไม่เป็นแบบที่เราต้องการ 

แต่บางเรื่องแค่ชอบก็ได้ ทำไมต้องแข่งขัน

อืม จริง ๆ แค่ชอบก็พอแล้วแหละ แต่ผมชอบเอาชนะ ผมชอบการแข่งขัน ผมจะเอาตัวเองลงไปอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้ผมได้พัฒนาตัวเอง

เขาบอกว่ารายการ Thailand AeroPress Championship เป็นรายการชิลล์ ๆ ใช่ไหมครับ แต่พอเราตกรอบแรกไป เราก็เฟลเหมือนกันนะ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผลจะเป็นยังไง เพราะเราไม่ได้เตรียมตัวได้พร้อมขนาดนั้น 

พอเราเฟล ก็กลับมาศึกษาว่าจุดผิดพลาดของเรามีอะไรบ้าง ทำให้เราได้พัฒนาตัวเองมากขึ้นจากตอนแรกที่ไม่รู้ 

จะกลับไปแข่งอีกรอบไหม

จะกลับไปแข่งครับ 

ผมพยายามลงโปรแกรมแข่งเยอะมาก อยากลงที่เป็น International ด้วย แต่ประสบการณ์ยังไม่พอ แล้วก็ไม่ได้มีคอนเนกชันมากพอที่จะหาเมล็ดมาลงแข่ง 

ผมอยากไปอยู่เมลเบิร์น ไปศึกษา เปิดโอกาสให้ตัวเองได้เจอกับคนทำกาแฟจริง ๆ เจอกับคนที่เขานำ Green Bean เข้ามา เจอกับพี่ ๆ ในวงการ คือมีหลายอย่างมากที่ต้องเรียนรู้ในวงการกาแฟ ผมว่าผมเพิ่งเริ่มเองครับ

กาแฟกับการแสดงของ ‘แบงค์ ธิติ’ ที่ใส่ใจทุกขั้นตอน ต้องลองให้รู้ และอย่าเชื่อ Sip แรก
กาแฟกับการแสดงของ ‘แบงค์ ธิติ’ ที่ใส่ใจทุกขั้นตอน ต้องลองให้รู้ และอย่าเชื่อ Sip แรก

คาดหวังอะไรจากการเปิดร้านกาแฟพรีเมียมในจังหวัดขอนแก่น

ผมชอบได้ยินคำถามว่า ไปขอนแก่น ไปทำอะไรดี มีอะไรให้ทำบ้าง ผมก็บอก มีไหว้พระ แล้วก็มีเที่ยวกลางคืนสนุกที่สุดแล้ว (หัวเราะ) 

ผมต้องการให้ร้านนี้เป็นแลนด์มาร์กที่คนมาจากต่างจังหวัดหรือคนในจังหวัดเขาอยากจะแนะนำ แล้วก็อยากนำเสนอเมนูที่เราคิดขึ้นมาให้เขาได้ลองชิม 

ผมอยากพัฒนาให้ขอนแก่นมีคาเฟ่เยอะ ๆ เหมือนเชียงใหม่ คือเวลาไปเชียงใหม่ ผมตื่นเต้นมาก แฮปปี้ที่ได้ไปร้านกาแฟร้านนู้นร้านนี้ มันสนุกนะครับที่มีร้านคาแรกเตอร์แตกต่างกันออกไปให้ไปถ่ายรูป ไปนั่งชิลล์ ซึ่งจริง ๆ ร้านกาแฟดี ๆ ที่ขอนแก่นมีเยอะมากเลย ตอนนี้ขอนแก่นก็กำลังจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน 

ถ้ามีร้านกาแฟผุดขึ้นเยอะมาก อะไรทำให้แบงค์สู้เปิดในขณะที่ใคร ๆ ก็เปิดคาเฟ่ได้ 

ผมอยากเปิดครับ (หัวเราะ) ผมอาจจะไม่มีหัวในด้านธุรกิจ ไม่ได้เก่งหรือช่ำชองขนาดที่มานั่งลิสต์ว่าจะเอาชนะคู่แข่งยังไง ไม่ได้มานั่งคิดว่าเราจะสู้ใครได้ไหมนะ ผมแค่มีความเชื่อหนึ่งว่า ถ้าเกิดเรามีความตั้งใจในการทำอะไรสักอย่างแล้วทุ่มเทกับมันจริง ๆ มันจะตอบแทนเรา

ผมเหมือนเด็กคนหนึ่งเลยที่อยากทำในสิ่งที่เราชอบ แต่ว่าการทำสิ่งที่ชอบเนี่ย เราต้องศึกษาให้ดี แล้วก็เต็มที่ไปกับแพสชันของเรา 

กาแฟกับการแสดงของ ‘แบงค์ ธิติ’ ที่ใส่ใจทุกขั้นตอน ต้องลองให้รู้ และอย่าเชื่อ Sip แรก

คุณลงทุนไปหลายล้าน เดิมพันสูงมากเลยนะ 

เดิมพันสูงมากครับ ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะสูงขนาดนี้ (ยิ้ม) แต่สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ที่ได้ออกมา ทั้งโครงสร้าง บาร์ วัตถุดิบ คุ้มค่ากับสิ่งที่ลงทุนไป คืออย่างน้อยมันไม่ใช่แค่ดารามาเปิดร้านกาแฟ

ก่อนจะเปิดร้านผมคิดคำนี้มานานมากนะ ที่ผมศึกษากาแฟเยอะแล้วก็ลงไปทำกับมัน เป็นเพราะผมไม่ชอบคำนี้เลย ผมกลัวคนจะคิดว่า แม่งก็เป็นแค่ดารามาเปิดร้าน แห่กันไปเพราะว่าเป็นร้านของคนนี้ ๆ 

แต่เราใส่ใจรายละเอียดของเครื่องมือที่ใช้ สภาพแวดล้อม บรรยากาศในร้าน รวมไปถึงตัวเครื่องดื่มที่เราขาย เราเลยจำเป็นต้องลงทุนเยอะ ให้เขารู้สึกว่าผมไม่ได้แค่อยากเปิดก็เลยเปิด ผมอยากให้ทุกคนเห็นว่าเราตั้งใจทำสิ่งนี้จริง ๆ เรามีแพสชันกับกาแฟจริง ๆ 

ทุกวันนี้ลบคำสบประมาทได้รึยัง

นั่นสิครับ (หัวเราะ) ผมก็พยายามอ่านคอมเมนต์ว่ารสชาติกาแฟเป็นไง บรรยากาศร้านเป็นไง เขาชอบร้านแบบที่เราต้องการนำเสนอรึเปล่า หรือว่าเขามาร้านเพื่อต้องการมาเจอเราอย่างเดียว

ช่วงแรกผมไปอยู่ร้านประมาณ 2 เดือน ไม่รับงานในวงการเพื่อที่จะไปเซ็ตอัป ไปคุมคุณภาพ เพื่อให้เขาอยากมาร้านนี้เพราะเป็นแลนด์มาร์กของขอนแก่น อยากมานั่งชิลล์ อยากมากินกาแฟ อยากมา Refill Energy ที่ร้านนี้โดยที่ไม่ต้องเจอผมก็ได้ ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีคำว่า ‘ร้านกาแฟของแบงค์ ธิติ’ แต่ก็มองเป็นข้อดีอย่างหนึ่งที่ทำให้ร้านเราเป็นที่รู้จักได้เร็วครับ

ถ้าบอกอะไร เบสท์ ณัฐสิทธิ์ ได้ 1 อย่าง อยากบอกว่า…

ขอบคุณที่ทำให้ผมมีร้านกาแฟในวันนี้ครับ

กาแฟกับการแสดงของ ‘แบงค์ ธิติ’ ที่ใส่ใจทุกขั้นตอน ต้องลองให้รู้ และอย่าเชื่อ Sip แรก

แบงค์ ธิติ

งานแสดงของแบงค์ค่อนข้างน้อยถ้าเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ทำไมถึงเลือกรับเล่นแค่ครั้งละเรื่อง

ใช่ครับ ผมไม่ได้รับติดต่อกัน ผมรับแบบ Project by Project 

คนอื่นอาจจะทำได้ในการแยกสมาธิไปเป็น 2 คาแรกเตอร์ในเวลาเดียวกัน แต่ผมอยากทุ่มเทช่วงเวลาทั้งหมดให้กับแค่คาแรกเตอร์นั้น เพื่อศึกษาตัวละครให้เข้าใจมากที่สุด

เห็นว่าการแสดงเรื่องใหม่ คุณลงทุนลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัมใน 2 เดือน

ใช่ครับ ผมตัดสินใจที่จะลดน้ำหนัก เพราะว่าตัวละครนี้เป็นโจรอยู่ในชุมชนแออัด เราตีความตัวละครว่าอาจจะต้องมีเรื่องของการใช้สารเสพติด อดมื้อกินมื้อ หาเช้ากินค่ำ ก็เลยพยายามทำให้ตัวละครนี้ออกมาในรูปลักษณ์ที่คนเข้าใจง่ายที่สุด 

ตอนนั้นผมน้ำหนัก 70 กิโล กำลังจะเพิ่มกล้ามเพื่อให้รับบทที่โตเป็นผู้ใหญ่ได้ พอหนังเรื่องนี้เข้ามา เลยจำเป็นต้องลดลงเพื่อให้เข้ากับสถานที่และบรรยากาศ 

กว่าจะเพิ่มน้ำหนักให้ถึง 70 ก็ยากมาก รู้สึกยังไงที่ต้องตัดสินใจถอยหลังกลับมา

รู้สึก เอ้า (หัวเราะ) 

ต้องบอกก่อนว่าผมเป็นคนที่ผอมมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งคนผอมจะเพิ่มน้ำหนักค่อนข้างยาก แล้ววิธีการเพิ่มน้ำหนักของเราไม่ใช่การซัดบุฟเฟต์ทุกวัน ผมไม่ค่อยชอบกินหมูสามชั้นหรืออาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงอยู่แล้ว การเพิ่มของเราคือเน้นโปรตีน ตื่นมากินไข่ขาว 8 ฟอง กินอกไก่ กินข้าว กินอะไรที่เพลน ๆ ขาว ๆ มันยากมากเลยในการเพิ่มน้ำหนักแบบที่สุขภาพดีด้วย แล้วพอเราต้องกลับมาลดก็เลยรู้สึกเสียดาย เพราะร่างกายมันพร้อมที่จะไปเล่นเวทหนัก ๆ แล้ว กล้ามเรากำลังจะมา แต่ต้องมาลด 

แต่พอได้อ่านบท ก็รู้สึกว่าน่าจะคุ้มค่านะกับการที่เราจะยอมลดน้ำหนักมาก่อน เพื่อให้ผลงานนี้ออกมาดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ 

จากเด็กตัวผอมสู่เจ้าของร้านกาแฟ ‘แบงค์ ธิติ’ กับรสชาติใหม่ของชีวิตที่ใส่ใจทุกขั้นตอนและตัดสินจากจิบแรกไม่ได้

ยอมกลับไปเริ่มใหม่อีกครั้งหนึ่ง

ใช่ครับ ผมว่าถ้าเราเคยทำได้มาครั้งหนึ่งแล้ว ยังไงก็ต้องทำได้อีก 

จริงไหมที่นักแสดงชายผอมแห้ง มักจะได้รับบทเป็นพวก Loser 

ในมุมมองผมรู้สึกว่าจริงนะ บทบาทของผมก่อนหน้านี้ในวงการบันเทิงค่อนข้างเป็น Loser อกหักจากความรัก คอยช่วยเหลือนางเอก

เราห้ามให้คนตัดสินกันจากภายนอกไม่ได้หรอก สมมติเดินเข้าไปเจอคนหนึ่งที่ผอมมาก ๆ อาจจะมีคนคิดว่า เอ้ย ทำไมเขาผอม เขาต้องไปทำไรมา หรือเขาเล่นยารึเปล่า เห็นร่างกายเขาก็จะคิดไปเองแล้วว่าคนนี้ต้องเป็นคนแบบนี้แน่เลย ซึ่งแต่ละคนมีอคติอยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่าสิ่งนี้น่าจะมีผลในมุมมองของคนดู โดยที่ไม่รู้จักตัวละครนี้จริง ๆ ว่าเขาเป็นคนยังไง 

ตอนนี้ก็เป็นอีก Chapter หนึ่งของผม อาจเป็นเพราะเราโตขึ้นด้วย ก็เลยอยากได้รับบทบาทแตกต่างจากที่เคยได้รับมา เพื่อให้คนดูทุกคนได้เห็นบทบาทใหม่ ๆ ในตัวของแบงค์บ้าง 

เรื่องนี้เป็นโจร ก่อนหน้านั้นก็เล่นเป็นนักต้มตุ๋นใน อ้าย..คนหล่อลวง

(หัวเราะ) แต่ตัวละครเต๋อทำทุกวิถีทางเพื่อจะมีชีวิตรอดในแต่ละวันให้ได้

เขาเป็นคนต่างจังหวัด เข้ามาในเมืองเพื่อตามหาความเป็นอิสระ ตามหาความสุขในชีวิต แต่สุดท้ายแล้วจำเป็นต้องไปอยู่ในสถานที่ที่เขารู้สึกสบายใจ วิธีหาเงินของเขาก็ไม่ได้เหมือนกับคนทั่ว ๆ ไป เพราะเขาไม่ได้มีการศึกษา ไม่ได้มีหน้าที่การงานที่ดีที่เลี้ยงดูชีวิตเขาได้ เขาเลยเลือกเส้นทางที่แตกต่างออกไป เป็นอีกมุมหนึ่งที่เปิดโลกผมเหมือนกัน ให้ผมได้เห็นชีวิตอีกแบบที่ไม่เคยเจอ

ตัวละคร Loser ต้องดิ้นรนเอาตัวรอด ตัวละครที่เป็นโจร นักต้มตุ๋น ก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดเหมือนกัน คิดว่าทำไมแบงค์ถึงถูกเลือกให้รับบทเหล่านี้ 

(หัวเราะ) นั่นน่ะสิ อืม ผมก็อยากรู้เหมือนกันนะ 

ถ้าให้มองตัวเอง ผมคงเป็นคนขวนขวายมั้ง อยากเรียนรู้ อยากเอาชนะ อยากประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ก็คงต้องไปถามเขาแล้วล่ะว่าเห็นอะไรในตัวผม 

มีเป้าหมายสั้น ๆ ในชีวิตเสมอเหรอ

ใช่ ผมว่าการมีเป้าหมายสั้น ๆ หรือการมีอะไรที่เราอยากได้ในช่วงนั้นจะทำให้มีกำลังใจในการใช้ชีวิต เรื่องจริงนะ 

ถ้าเราทำงานไปวัน ๆ ก็จะรู้สึกว่า ทำไปเพื่ออะไรวะ มันไม่ชาเลนจ์ เราต้องเหนื่อยกับสิ่งนี้เพื่ออะไร แต่ถ้าเรามีเป้าหมายสั้น ๆ เช่น มีทริปไปเที่ยวสหรัฐฯ เราต้องการเงินไปใช้ชีวิตแบบมัน ๆ ที่นู่น เราก็จะพร้อมมากที่จะออกกอง อยากเก็บเงิน อยากทำงานหนักเพื่อสิ่งนั้น 

แน่นอนแหละว่าคนเรามีเป้าหมายระยะยาวอยู่แล้วว่าอยากได้อะไร อยากเป็นอะไรในอนาคต แต่มันต้องมีรางวัลสั้น ๆ ให้กับตัวเองบ้างในแต่ละช่วงเวลาชีวิต เป็นแรงผลักดันให้เราตั้งใจในสิ่งที่เราทำอยู่ 

ในอนาคตคิดอยากกลับมาอยู่ขอนแก่นไหม

ผมไม่รู้เลยว่าจะปักหลักบั้นปลายชีวิตที่ไหน ครอบครัวผมอยู่ขอนแก่นหมด ตอนนี้ก็ไป ๆ กลับ ๆ ทั้ง 2 จังหวัด

ถ้าไม่ได้เข้ากรุงเทพฯ มาเป็นนักแสดง คิดว่าชีวิตทุกวันนี้จะเป็นยังไง 

ผมก็คงเป็นเด็กวัยรุ่น ใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อน ดูแล เฝ้าร้านขายเสื้อผ้าให้พ่อ หรือไม่ก็ไปเฝ้าล็อบบี้โรงแรมให้แม่ อาจจะไปเปิดหอพักรายวันหรือรีโนเวตโรงแรมให้ดีขึ้น ไม่ได้ทำอะไรที่เราอยากทำจริง ๆ 

มองเห็นอะไรในตัวเด็กชายที่ร่างกายผ่ายผอมคนนั้น 

เขากล้าลองใช้ชีวิตมั้งครับ 

ผมเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในที่ที่ไม่เคยอยู่ คว้าทุก ๆ โอกาสที่เข้ามา อย่างตอนสมัคร Hormones The Next Gen ผมก็ไม่ได้มีความสามารถเรื่องการแสดง ร้องเพลงดี หรือเต้นเก่ง ผมแค่รู้สึกว่าเป็นโอกาสดีที่เขาเปิดรับสมัครใครก็ได้ เลยขอบคุณตัวเองที่กล้าลองทุกโอกาสที่เข้ามาในชีวิต

ตอนนี้ผมก็ยังเป็นแบงค์คนเดิมที่อยากพาตัวเองไปทำในสิ่งที่ไม่เคยลอง ไม่เคยรู้มาก่อน แต่น่าจะ Calm ลง เพราะเราโตขึ้นด้วย ละเอียดขึ้น เราชั่งใจนิดหนึ่งก่อนจะพุ่งเข้าไป 

แบงค์คนก่อนจะแบบ เฮ้ย เอาเลยเว้ย ใส่เต็มที่ ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว แต่แบงค์คนนี้อาจมีอะไรที่ต้องคิดมากกว่าเดิมในแต่ละสเตป

จากเด็กตัวผอมสู่เจ้าของร้านกาแฟ ‘แบงค์ ธิติ’ กับรสชาติใหม่ของชีวิตที่ใส่ใจทุกขั้นตอนและตัดสินจากจิบแรกไม่ได้
จากเด็กตัวผอมสู่เจ้าของร้านกาแฟ ‘แบงค์ ธิติ’ กับรสชาติใหม่ของชีวิตที่ใส่ใจทุกขั้นตอนและตัดสินจากจิบแรกไม่ได้

ในวัย 26 มีอะไรที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำอีกไหม

ผมอยากไปเรียนต่างประเทศครับ นี่คือความฝันที่อยากทำให้เป็นจริง

ผมอิจฉาเพื่อน ๆ มากนะที่พ่อแม่เขาส่งไปเรียนอังกฤษ ส่งไปเรียนสหรัฐฯ หรือไป Take Course ช่วง Summer สักเดือนสองเดือน แต่ผมไม่ได้มีโอกาส ตอนนั้นการเงินของที่บ้านส่งผมไปเรียนที่เมืองนอกไม่ได้ เสียดายเหมือนกันที่ในช่วงมัธยมเราไม่ได้มีโอกาสไปเจอสังคมแบบนั้น

ซึ่งตอนนี้ผมเริ่มที่จะส่งตัวเองไปเรียนได้แล้ว ผมก็อยากทำความฝันให้เป็นจริง อย่างน้อยก็ให้เราได้ติ๊กถูกว่าเราทำสิ่งนี้แล้วในชีวิต

ทุกวันนี้ที่บ้านยังมีหนี้สินอยู่ไหม

ยังมีอยู่ครับ แต่ก็ชิลล์ ๆ 

อะไรทำให้อยู่กับหนี้สินได้อย่างสบายมาก

ผมมองว่าการมีหนี้สินปกตินะครับ เพราะเราทำในสิ่งที่เราไม่เคยมีมาก่อน 

พ่อแม่ผมไม่ได้เป็นลูกเศรษฐีที่คุณตาคุณยายให้เงินมาเปิดโรงแรม ผมว่าวันไหนที่ครอบครัวล้ม สุดท้ายแล้วการประเมินราคาทรัพย์สินที่มีก็มากกว่าหนี้สินที่มี มันก็ไม่ได้แย่นะ 

รู้สึกเหมือนเป็นเดอะแบกของบ้านไหม

จะพูดอย่างงั้นก็ได้ แต่เราทำงานร่วมกันทั้งครอบครัวมากกว่า ผมจะโกรธมากถ้าพ่อแม่ผมไม่ทำอะไรเลย แต่ตอนนี้เขาก็ทำงานหนักมากเหมือนกัน เพราะถ้าเกิดว่าผมทำงานคนเดียวเพื่อเลี้ยงครอบครัว ผมจะขายทุกอย่างให้หมดเลย (หัวเราะ) 

อย่างน้อยเขาก็เหนื่อย ไม่ใช่แค่เรา ผมยังเห็นเขาประหยัดมัธยัสถ์เพื่อเอาเงินมาโปะหนี้ เพื่อทำให้ชีวิตเราในอนาคตดีขึ้นมากกว่านี้ ก็เลยชิลล์ ๆ ได้

พ่อแม่ว่ายังไงบ้างที่คุณมีธุรกิจเป็นของตัวเอง

เขาดีใจครับ ไม่ว่าผมจะทำอะไรเขาก็สนับสนุนอยู่แล้ว ยกเว้นให้ผมไปต่อยมวย เขาไม่ให้ต่อย (หัวเราะ)

แม่ผมตื่นแต่เช้ามาดูเรื่องความสะอาด มาดูแม่บ้าน ช่วยชิมเมนูต่าง ๆ ที่ผู้ใหญ่ชอบกิน แล้วก็ชอบมานั่งอยู่ที่ร้าน เดินเก็บของ เห็นลูกค้าเข้ามาเยอะเขาก็ดีใจ พ่อผมก็จะมาทำสวน รดน้ำต้นไม้ เอาวัชพืชออกให้ มีความสุขในแบบของเขาไป แต่บางทีผมก็จะอยากกันเขาออก เพราะว่าผมอยากทำเองกับน้อง 2 คน (หัวเราะ)

แล้วตัวแบงค์เอง คิดฝันไหมว่าจะมีวันนี้

ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วก็คงไม่ได้คิดครับ แต่ถ้าเกิด 2 – 3 ปีก่อนหน้านี้ก็คิดอยู่แล้วว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างที่นอกเหนือจากวงการบันเทิงบ้าง 

แล้วเราก็ได้มาเจอกับสิ่งที่เราถนัด สิ่งที่เรามีแพสชันกับมัน ซึ่งก็คือกาแฟ ตอนนี้ก็อาจเป็นภาพที่ใหญ่กว่าที่เราเคยคิดไว้ครับ

เคยได้ยิน พี่เอ ศุภชัย บอกว่าคนเราต้องมีกระเป๋าหลายใบ ต้องมีเงินจากหลายทาง ถ้าเกิดรอแค่ทางเดียวแล้วทำต่อไม่ได้ เราก็จะขาดรายได้จากตรงนั้นเลย 

ผมว่าร้านนี้จะหล่อเลี้ยงเราในอนาคต ถ้าเกิดวันไหนที่ร้านคืนทุนแล้ว ก็จะเป็น Passive Income แค่เราพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ให้ลูกค้ายังคงมา หรืออาจจะเปิดสาขาเพิ่ม

แต่สิ่งที่ผมยังยืนหยัดอยู่ก็คือ ผมรักในงานแสดง และผมชอบทำการแสดง

จากเด็กตัวผอมสู่เจ้าของร้านกาแฟ ‘แบงค์ ธิติ’ กับรสชาติใหม่ของชีวิตที่ใส่ใจทุกขั้นตอนและตัดสินจากจิบแรกไม่ได้

อยากให้คนจดจำว่าเป็นนักแสดงแบบไหน 

อยากให้คนจดจำว่าเราเป็นนักแสดงที่มีฝืมือ รับทุกบทบาทได้ และเป็นนักแสดงที่ไม่ได้เล่นเป็นแค่ตัวเองอย่างเดียว

กาแฟที่มีความพิถีพิถันทุกขั้นตอนสอนอะไรแบงค์บ้าง

กาแฟสอนให้เราใส่ใจกับทุกขั้นตอนกว่าจะเป็น 1 แก้ว ลูกค้าบางส่วนเขาไม่ได้มองว่ามันผ่านขั้นตอนอะไรมา เขาจะตัดสินแค่ Sip แรกของเขา เรามีหน้าที่แค่ใส่ใจในทุก ๆ รายละเอียด ตั้งแต่รับเมล็ดกาแฟมาจากโรงคั่วไหน คั่วมาในโปรไฟล์เท่าไหร่ เบอร์บดเป็นยังไง กาแฟ Aging ดีแล้วไหม หรือว่ามันคายแก๊สรึยัง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในทุกแก้ว

เหมือนกันกับการแสดง เพราะสุดท้ายแล้วคนดูเขาก็ตัดสินว่าคนนี้แสดงดีหรือไม่ดี โดยไม่รู้ว่า โห แบงค์ตั้งใจไปลดน้ำหนักมานะ แบงค์ไปเรียนการแสดงมาเยอะมากนะ แบงค์ร้องห่มร้องไห้กว่าจะแสดงออกมาได้ เขาไม่รู้ เขาตัดสินจากสิ่งที่เห็น สิ่งที่รู้สึก สิ่งที่เขาให้ความสำคัญ 

เรามีหน้าที่แค่รับผิดชอบหน้าที่หรือตัวเราให้ดีที่สุด ถ้าเกิดเราใส่ใจกับมันจริง ๆ ก็จะไม่เสียใจ เพราะเราได้ทำมันเต็มที่แล้ว

ถ้าเปรียบชีวิตของ แบงค์ ธิติ เป็นกาแฟแก้วหนึ่ง คิดว่าจะมีรสชาติแบบไหน

(หัวเราะ) รสชาติกาแฟของผมค่อนข้างซับซ้อน มีหลากหลายมาก 

มีความขมปลาย ๆ มีช่วงเวลาที่ Fruity จ๋า ๆ มีช่วงเวลาหอมหวานแบบ Floral อยู่ที่ว่ามันจะออกมาเมื่อไหร่ เหมือนกาแฟที่อุณหภูมิดรอปลงแล้วรสชาติเปลี่ยนไป ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของชีวิต แต่มีทุกอย่างอยู่ในแก้วเดียวครับ

จากเด็กตัวผอมสู่เจ้าของร้านกาแฟ ‘แบงค์ ธิติ’ กับรสชาติใหม่ของชีวิตที่ใส่ใจทุกขั้นตอนและตัดสินจากจิบแรกไม่ได้

Writer

ชลลดา โภคะอุดมทรัพย์

ชลลดา โภคะอุดมทรัพย์

นักอยากเขียน บ้านอยู่ชานเมือง ไม่ชอบชื่อเล่นที่แม่ตั้งให้ มีคติประจำใจว่าอย่าเชื่ออะไรจนกว่าหมอบีจะทัก รักการดูหนังและเล่นกับแมว

Photographer

มณีนุช บุญเรือง

มณีนุช บุญเรือง

ช่างภาพสาวประจำ The Cloud เป็นคนเชียงใหม่ ชอบแดดยามเช้า การเดินทาง และอเมริกาโน่ร้อนไม่น้ำตาล