ไปฟิลิปปินส์!
หลายคนทวนเสียงสูง ประหนึ่งจุดหมายปลายทางนี้สร้างความฉงนเสียเต็มประดา
คำถามอื่นตามมาทันที
ฟิลิปปินส์… ไปไหนมาบ้าง ชอบที่ไหน โปรดที่ไหนมากที่สุด
ถามแบบนี้เข้าทางเลยนะ ชอบนักเวลาใครถามไถ่เรื่องเดินทาง จะได้เล่าถึงสิ่งที่ประสบทั้งรูป รส กลิ่น เสียง พร้อมพลันที่จะแบ่งปัน
ชื่อสถานที่ต่าง ๆ ที่ได้ไปไหลพรั่งพรูออกมา หลายชื่อฟังแล้วชวนสนใจ ดึงดูดให้คนฟังพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงผ่าน อาทิ ภูเขาไฟพินาตูโบที่เป็นข่าวใหญ่โตตอนระเบิดอย่างรุนแรง หรือจะเมืองตากอากาศตาเกร์เตย์ ป้อมซานติอาโกในกรุงมะนิลา จนมาถึงคำตอบสุดท้ายว่าชอบที่ไหนที่สุด
‘นาขั้นบันไดอิฟูเกา’
คราวนี้ไม่มีใครส่งเสียงสูง มีแต่ส่งเสียงต่ำประมาณ นาขั้นบันไดเนี่ยนะ ต้องไปดูไกลถึงฟิลิปปินส์เชียว
นั่นแหละ เข้าทางเลย นาขั้นบันไดนี่แหละเป็น A Must แล้ว สำหรับการเดินทางมายังฟิลิปปินส์คราวนี้
นาขั้นบันไดที่มีชื่อเสียงและโด่งดังที่สุดของฟิลิปปินส์อยู่ที่จังหวัดอิฟูเกา (Ifugao) บนเกาะลูซอน เกาะใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงมะนิลาเมืองหลวงไปราว 400 กิโลเมตร การเดินทางที่สะดวกที่สุดประสานักท่องเที่ยวต่างแดนคือรถทัวร์ประจำทาง และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานถึง 8 ชั่วโมง เราจึงเลือกเดินทางในเวลากลางคืน เป็นการประหยัดค่าที่พักไปในตัว แถมยังถึงที่หมายตั้งแต่เช้าตรู่
ขณะอยู่บนรถ บางช่วงที่ตื่นขึ้นมา เพ่งมองวิวออกไปด้านนอกท่ามกลางความมืดที่มีแสงไฟริมถนนสาดเป็นระยะ พอจับเค้าได้ว่ารถกำลังค่อย ๆ แล่นไต่ขึ้นที่สูง
แน่สิ!
ฉันนึกทวนความจำ ตอนดูแผนที่เพื่อวางแผนการเดินทาง พื้นที่ส่วนใหญ่ของอิฟูเกาตั้งอยู่บริเวณแนวเขาคอร์ดิลเยรา เซ็นทรัล ซึ่งเป็นเทือกเขาใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ เมื่อเดินทางมายังอิฟูเกาก็ย่อมต้องเคลื่อนขึ้นสู่ที่สูงเป็นธรรมดา
เราเดินทางมาถึงสถานีรถประจำทางที่ บานาเว (Banaue) จังหวัดอิฟูเกาตอนตี 4 ไม่ต้องกังวลว่าจะเคว้งคว้าง เครือข่ายการท่องเที่ยวแบบชาวบ้านรู้ดีว่าจะต้องให้บริการนักท่องเที่ยวกันอย่างไร ที่พักที่เราจองไว้ได้ถามไถ่วิธีการเดินทาง เที่ยวรถ เวลามาถึงของพวกเราอย่างละเอียด และส่งไกด์หนุ่ม เดวิด มารอรับพวกเราตรงเวลาเป๊ะ
รถจักรยานยนต์ปรับสภาพแบบรถสกายแลปพาพวกเราไปยังที่พักที่ตั้งอยู่ริมทางถนนและลาดไหล่เขา ชื่อ ‘สวรรค์ชั้น 7’ อาจฟังดูเชย แต่พอเห็นบรรยากาศและสถานที่จริงกลับรู้สึกว่าเก๋ และเหมาะกับสถานที่เสียอย่างนั้น
เช้าจัดซะขนาดนี้ ยังเข้าห้องพักไม่ได้ เลยนั่งพักล้างหน้า ล้างตา ดื่มกาแฟกันตรงบริเวณหน้าเคาน์เตอร์เช็กอินด้านล่างนี่แหละ เดวิดที่มารับพวกเรารู้งานดี ปล่อยให้พวกเราได้นั่งพักกันสักครู่ ก่อนชักชวนมานั่งคุยและกางแผนที่ให้ดู พลางอธิบายให้ฟังเสร็จสรรพว่าตลอดระยะเวลา 2 วัน 1 คืนที่พักอยู่ที่นี่ ในฐานะไกด์ของที่พัก เขาหารถและจัดพาพวกเราไปชมนาขั้นบันไดที่ หงตวน (Hungduan) และที่ บาตัด (Batad) ซึ่งเป็นนาขั้นบันไดที่สวยที่สุดของอิฟูเกาได้ นำเสนอเสียขนาดนี้ มีรายละเอียดของสถานที่พร้อมราคาที่ชัดเจน เราย่อมตอบตกลงเป็นธรรมดา
และยังไม่ต้องเข้าที่พัก การเที่ยวชมนาขั้นบันไดเริ่มต้นได้ทันที นักท่องเที่ยวพร้อม ไกด์พร้อม พาหนะพร้อม คนขับรถพร้อม ไปกันเถอะ
ก่อนออกเดินทาง ขอโผล่หน้าไปที่ระเบียงก่อนสักนิด จากตรงนั้นแลเห็นผืนนาขั้นบันไดเล็ก ๆ ที่แอบอิงไปกับเชิงเขา นี่เป็นวิถีทางการเกษตรและความเป็นอยู่ของคนอิฟูเกาจริง ๆ เป็นการอุ่นเครื่องก่อนจะได้ไปเจอของจริง
นาขั้นบันไดที่แรกที่เดวิดนำพวกเราไปคือที่หงตวน
การบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวดีเชียวล่ะ นักท่องเที่ยวต้องเข้าไปลงทะเบียนให้เรียบร้อย ก่อนที่เดวิดจะส่งไม้ต่อให้คนนำทางท้องถิ่นซึ่งเป็นคุณลุงสูงอายุที่เกษียณแล้ว แต่ยังคล่องแคล่วและแข็งแรงนำพวกเราไปต่อ
ลักษณะภูมิทัศน์ของอิฟูเกาเผยโฉมให้เห็นชัด เมื่อคุณลุงพาพวกเราขึ้นไปยังจุดชมวิวแห่งแรกบนเนินสูง จากบนนั้นแลเห็นแนวเขาต่อเนื่องสลับซับซ้อนสูง ๆ ต่ำ ๆ ภูมิทัศน์แบบนี้ไม่ได้เอื้อต่อการทำนาข้าวซึ่งต้องการพื้นที่ราบและน้ำเข้าถึง ทว่าชาวอิฟูเกาที่เรียกขานตนเองว่า ‘ผู้คนแห่งผืนดิน’ ได้ปรับผืนแผ่นดินของพวกเขาที่เต็มไปด้วยเนินเขา กลายเป็นพื้นที่ขั้นบันไดที่ความกว้างแต่ละขั้นขึ้นอยู่กับความลาดชันของพื้นที่ ก่อนนำดินและหินมาวางกั้นเป็นสันขอบ ยกระดับขั้นบันไดแต่ละขั้นตามความสูงของพื้นที่อย่างกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับแนวเขา
นาขั้นบันไดที่หงตวนนั้นแผ่ออกไปทางแนวราบ สูงชันไม่มากนัก มีธารน้ำไหลเลาะไปตามสันร่อง ตัวบ้านเรือนสร้างแบบกระจายตัว เมื่อคุณลุงนำพวกเราเข้าไปยังพื้นที่นา ความสนุกสนานอยู่ตรงที่คุณลุงสำแดงตนเป็นนักพฤกษศาสตร์ ชี้ชวนให้ดูต้นไม้ริมทางที่มองเผิน ๆ ชวนสรุปง่าย ๆ ว่าวัชพืชนี่แหละ หากต้นไม้แต่ละต้น เมื่อผ่านการแนะนำกลายเป็นไม้มหัศจรรย์ บำรุงโน่น นี่ นั่น ได้อย่างอัศจรรย์ ประสาพืชทุกชนิดที่ล้วนต้องมีคุณสมบัติพิเศษอะไรสักอย่างจนได้ หลายต่อหลายชนิดที่คุณลุงชี้ชวน มีให้พบเห็นเหมือนที่บ้านเรา การนำไปใช้ประโยชน์ก็คล้ายคลึง เป็นภูมิปัญญาที่เรียนรู้จากการดำเนินชีวิตอย่างใกล้ชิด เว้นแต่ต้นหมากผู้หมากเมียสีแดงสดที่ขึ้นตามขอบคันนาที่คุณลุงบอกว่าเจ้าของตั้งใจปลูกไว้เพื่อช่วยล่อสายฟ้าเวลาฝนตก
ขณะเดินเลาะไปตามขอบคันนาต้องตั้งสติให้ดี เพราะสันขอบที่เป็นตัวแบ่งชั้นความสูงของพื้นที่ มองเผิน ๆ เหมือนไม่ต่างกันมากนัก แต่เมื่อมาเจอของจริงสูงชันไม่น้อย หากก้าวพลั้งพลาดก็หล่นตุ้บไปได้ทุกเมื่อ
ก้าวเท้าที่ย่ำเหมือนไม่สิ้นสุด ทำให้รู้ว่าผืนนาที่มองจากด้านบนซึ่งเหมือนไม่กว้างเท่าไหร่นั้น แท้จริง ‘กว้าง’ เอาเรื่องทีเดียว
ความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าที่โอบล้อมยืนยันได้จากลำธารสีใสเจือเขียวเทอร์ควอยส์จาง ๆ ที่ไหลหยอกล้อไปกับผืนนา ชาวอิฟูเกาดึงน้ำจากลำธารเหล่านี้ให้ไหลเอ่อล้นไปตามขอบคันนา คลองใต้ดิน และท่อลำเลียงไม้ไผ่ หล่อเลี้ยงผืนนาขั้นบันไดของพวกเขาตั้งแต่ชั้นบนสุดจนถึงที่ลาดต่ำลงไป งานมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมนี้เกิดจากมือเปล่าและพลั่วไม้ สืบทอดต่อเนื่องมากว่า 2,000 ปี นั่นทำให้นาขั้นบันไดแห่งอิฟูเกาได้รับการยกย่องและขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกประเภทภูมิทัศน์วัฒนธรรม
การเดินเที่ยวชมนาขั้นบันไดที่หงตวนไปสิ้นสุดที่บ่อน้ำพุร้อนที่อยู่ใกล้ ๆ กับลำธารขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนของคนที่นี่ การท่องเที่ยวของที่นี่จึงเป็นการผสานรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ตั้งใจมาเที่ยวชมนาขั้นบันไดและนักท่องเที่ยวพื้นถิ่นที่คุ้นเคยกับภูมิทัศน์ หากมุ่งหวังมาแช่น้ำพุร้อน
วันต่อมาเดวิดพาเราไปนาขั้นบันไดที่บาตัดและทำหน้าที่นำทางอย่างเต็มตัว
นาขั้นบันไดบาตัดตั้งอยู่ในหุบเขาที่โอบล้อมด้วยเขาสูงชัน ทำให้พื้นที่นาของที่นี่ลาดลงเป็นแอ่งต่างจากที่หงตวนที่พื้นที่แผ่ออกไปทางแนวราบ ทั้งบ้านเรือนที่นี่ยังปลูกชิดรวมกันเป็นกลุ่มก้อน และส่วนใหญ่ยังเป็นบ้านแบบดั้งเดิม หลังคามุงด้วยหญ้าคาทรงสามเหลี่ยมพีระมิด นั่นทำให้นาขั้นไดที่บาตัดดูมีความซับซ้อน การเรียงชั้นของพื้นที่และตัวหมู่บ้านละม้ายคล้ายการจัดวางเครื่องดนตรีในวงออร์เคสตราขนาดใหญ่
ขณะที่ยืนมองกันอยู่นั้น หมอกบาง ๆ เคลื่อนมาบดบัง ทำให้เราได้หยุดพักการเก็บภาพ และเมื่อหมอกคลายตัว ภาพนาขั้นบันไดในหุบเขาได้ปรากฏให้เห็นอีกครั้ง ใครสักคนในกลุ่มพึมพำอย่างอดใจไว้ไม่ได้
“สวยจัง”
จริง ฉันเห็นพ้อง นาขั้นบันไดที่หงตวนเป็นเหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งเตาะแตะ เมื่อเทียบกับนาขั้นบันไดที่นี่ที่สวยสะพรั่ง สง่างามอย่างเต็มตัว ไม่ทันได้แสดงอาการอะไรเพื่อเป็นการเห็นด้วย คนนำทางของเราชิงมีปฏิกิริยาตอบสนองเป็นคนแรก ทั้งที่เป็นคนที่นี่ น่าจะคุ้นชินกับภาพเบื้องหน้าอยู่แล้วแท้ ๆ เขาพยักหน้าเห็นด้วยอย่างจริงจัง
“สวย” เดวิดกล่าว
และไม่แค่นั้น เขายังระบายความรู้สึกต่อเนื่องออกมา
“ตอนเด็ก ๆ ผมไม่เคยนึกชอบที่นี่”
นั่นทำให้ฉันหูผึ่ง หันไปฟังอย่างตั้งใจ เพราะอยากรู้ว่าทำไม
“ผมไม่ชอบ เพราะต้องไปช่วยทำนาทุกวัน” ที่แท้เดวิดเป็นคนบาตัดนี่เอง มิน่าคราวนี้เขาถึงนำทางเอง ไม่ส่งพวกเราให้ใครนำทางต่อ
“แต่พอผันตัวเปลี่ยนมาเป็นไกด์ มีแต่คนชมว่าที่นี่สวย ย้ำกับผมว่าผมโชคดีที่ได้เติบโตและอยู่ในที่สวย ๆ แบบนี้” รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนใบหน้า พูดทีเล่นทีจริง แต่ฉันรู้ว่าเขาหมายความอย่างนั้นจริง ๆ
“เลยเหมือนโดนสะกดจิต ทุกวันนี้ผมเลยรู้สึกว่าโชคดีที่ได้อยู่ที่สวย ๆ แบบนี้จริง ๆ”
จากมุมสูง เดวิดค่อย ๆ นำพวกเราเดินลัดเลาะสู่ผืนนาที่อยู่ด้านล่าง ความลาดชันของพื้นที่ย้ำให้เห็นความเพียรพยายามของชาวบาตัดในการดึงและเก็บกักน้ำเพื่อนำไปหล่อเลี้ยงผืนนา ตามขอบคันนาปลูกต้นหมากผู้หมากเมียสีแดงสดแบบเดียวกับที่หงตวน หากข้อมูลที่ได้รับการบอกเล่าจากเดวิดนั้นแตกต่าง จากสายล่อฟ้าที่หงตวน หมากผู้หมากเมียที่บาตัดกลายเป็นเครื่องหมายแสดงขอบเขตความเป็นเจ้าของพื้นที่และเป็นพืชศักดิ์สิทธิ์สำหรับประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ
ข้อมูลที่ต่างกันทำเอาอดสงสัยไม่ได้ ต้องเอ่ยปากทัก แต่เดวิดก็ช่างเข้าใจตอบ เขาไม่แย้งว่าข้อมูลใครถูก ข้อมูลใครผิด ความเชื่อและวิถี เมื่อต่างพื้นที่ ต่างถิ่น อาจละม้ายคล้ายหรือแตกต่างกันย่อมเป็นไปได้
เสน่ห์ของบาตัดยังอยู่ที่ตัวหมู่บ้าน หมู่บ้านที่นี่ยังมีชีวิต ได้เห็นวิถีความเป็นอยู่แท้ ๆ และได้เห็นบ้านแบบดั้งเดิมของชาวอิฟูเกาที่ยังมีคนอาศัยอยู่จริงในระยะประชิด ตัวบ้านยกพื้นสูง หลังคามุงหญ้าคาเป็นทรงสามเหลี่ยมพีระมิด
ขณะที่เรายืนดูบ้านของชาวอิฟูเกาอย่างสนใจ เดวิดยืนอยู่ใกล้ ๆ พูดยิ้ม ๆ ว่า
“อยู่ไม่สบายหรอก”
พอเราหันไปมองก็ให้ข้อมูลต่อ
“ตอนเด็ก ๆ ผมอาศัยอยู่ในบ้านแบบนี้แหละ อยู่ไม่สบายหรอก อยู่บ้านปลูกแบบสมัยใหม่สบายกว่าเยอะ”
หมดกัน อารมณ์โรแมนติไซซ์ต่อบ้านกะทัดรัดเบื้องหน้า จบปิ๊งโดยสมบูรณ์แบบ
เดวิดปล่อยให้พวกเราสำรวจตัวหมู่บ้านและความเป็นอยู่สักพักจนพอใจ ก่อนพาเดินลัดเลาะผ่านนาขั้นบันไดอีกด้านกลับขึ้นไปด้านบน
เมื่อกลับไปถึงด้านบน เรามองย้อนกลับมายังผืนนาขั้นบันไดจากมุมสูงอีกครั้ง
เดวิดกล่าวกับพวกเราด้วยอารมณ์ของไกด์ที่ผูกพันกับพื้นที่
“นาที่นี่เราไม่ใช้สารเคมี และเราไม่ขยายพื้นที่ปลูกมากกว่านี้ เท่านี้พอแล้ว เพราะเราต้องรักษาผืนป่าไว้ด้วย”
คำกล่าวของเดวิดได้รับการย้ำจากภาพที่เห็นเบื้องหน้าที่ทุกอย่างสอดประสานกันอย่างพอเหมาะ พอดี ทั้งผืนนา หมู่บ้าน สายน้ำที่หล่อเลี้ยง และป่าเขา หากมีอะไรมากเกินไป น้อยเกินไป ความสมดุลคงขาดหายและไม่งดงามอีกต่อไป
และนี่แหละคือคำตอบว่า ทำไมนาขั้นบันไดที่อิฟูเกาจึงเป็นสถานที่ A Must สำหรับฉันในการเดินทางเที่ยวในฟิลิปปินส์ครั้งนี้
Write on The Cloud
Travelogue
ถ้าคุณมีประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ ๆ จากการไปใช้ชีวิตในทั่วทุกมุมโลก เชิญแบ่งปันเรื่องราวความรู้ของคุณพร้อมภาพถ่ายประกอบบทความ รูปถ่ายผู้เขียน ประวัติส่วนตัวผู้เขียน ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ และชื่อ Facebook มาที่อีเมล [email protected] ระบุหัวข้อว่า ‘ส่งต้นฉบับสำหรับคอลัมน์ Travelogue’ ถ้าผลงานของคุณได้ตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ เราจะส่งสมุดลิมิเต็ดอิดิชัน จาก ZEQUENZ แบรนด์สมุดสัญชาติไทย ทำมือ 100 % เปิดได้ 360 องศา ให้เป็นที่ระลึกด้วยนะ