การคำนึงถึงการใช้งานระยะยาวเป็นหนึ่งในแนวคิดที่ส่งเสริมความยั่งยืน หรือ Sustainability

โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องของการออกแบบสถาปัตยกรรมและเมือง ซึ่งต้องใช้ต้นทุนในการสร้างมากมาย ทั้งแรงสมอง แรงกาย ทรัพยากรโลก พลังงาน และมากกว่านั้นก็คือ เมื่อสร้างขึ้นมาแล้ว ผู้คนจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในนั้นไปอีกนาน จะนานมากหรือน้อยก็ยังถือว่านานอยู่ดี นอกจากจะต้องออกแบบให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในปัจจุบันแล้ว ยังต้องคิดไปถึงผู้ใช้งานในอนาคตด้วย

ทั้งผู้ใช้งานตัวน้อย ๆ ที่จะเติบโตขึ้นมาและผู้ใช้งานที่ตอนนี้ยังไม่ได้แม้แต่ลืมตาดูโลก

เมียงเมืองคราวนี้ว่าด้วยการออกแบบสถาปัตยกรรมและเมืองโดยคำนึงถึง ‘Generation Alpha’ หรือมนุษย์รุ่นใหม่ที่เกิดระหว่างปี 2010 – 2025

แน่นอนว่าด้วยยุคสมัย เทคโนโลยี สถานการณ์โลกที่ต่างกัน ความต้องการของมนุษย์เจนฯ นี้ไม่มีทางเหมือนกับเรา ๆ (ส่วนใหญ่) ที่กำลังอ่านบทความนี้ไปเสียทั้งหมด มาทำความรู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้น และจินตนาการถึง Built Environment ที่ดีสำหรับพวกเขาไปพร้อมกันดีกว่า

เมืองในอนาคตเพื่อ Gen Alpha ที่เกิดมาพร้อม iPhone โตกับโรคระบาด และให้คุณค่ากับความเท่าเทียม

Gen Alpha เป็นใคร

ด้วยช่วงเวลาที่เกิด คือระหว่างปี 2010 – 2025 Gen Alpha มักถูกเหมาว่าเป็นลูก ๆ ของชาว Millennials (Gen Y) 

เนื่องจากเป็นเจเนอเรชันแรกที่เกิดในศตวรรษที่ 21 ทั้งหมด จึงตั้งชื่อจากตัวอักษรลำดับแรกของ Greek Alphabet แทนการใช้ Latin Alphabet ต่อไป แสดงถึงการเริ่มต้นสิ่งใหม่และไม่หวนคืนสู่สิ่งเดิม

Gen Alpha เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีครบครัน หลายคนเรียกเด็กเจนฯ นี้ว่าเป็น Digital Native บ้างก็เรียกว่า Tech-savvy Generation พวกเขาใช้ชีวิตด้วย Personalized Technology เชื่อมความสัมพันธ์กับคนอื่นด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์ มี Avatar เป็นสิ่งแทนตัวตน และแก้เกือบทุกปัญหาที่ประดังประเดเข้ามาด้วยเทคโนโลยี

เมืองในอนาคตเพื่อ Gen Alpha ที่เกิดมาพร้อม iPhone โตกับโรคระบาด และให้คุณค่ากับความเท่าเทียม

ของใช้และระบบอะนาล็อกต่าง ๆ ที่คนรุ่นก่อนหน้ายังทันใช้ เด็กรุ่นนี้ก็อาจไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำไป

ถึงขนาดมีช่วงเวลาราว ๆ 2 ปีที่คนส่วนใหญ่ของเจนฯ นี้ต้องอยู่บ้าน กักตัวให้ห่างจากโรคระบาด และใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วยสำคัญในการเรียนรู้โลก ประสบการณ์ในช่วงเริ่มต้นของชีวิตจึงต่างไปจากคนทุกรุ่นที่ผ่านมาอย่างชัดเจน

ซึ่งด้วยเทคโนโลยีทั้งหมด เมื่อเทียบกับเจนฯ ก่อน ๆ Gen Alpha จะกลายเป็นกลุ่มคนที่เรียนรู้ไวขึ้น เชื่อมโยงกับความหลากหลายในโลกมากขึ้น และมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น หากนับรวมทั่วโลก ภายในปี 2025 จะมีคนรุ่นนี้ราว 2,000 ล้านคน และจะเติบโตเป็นกลุ่มคนใหญ่ที่สุดในอนาคตข้างหน้า

เมืองในอนาคตเพื่อ Gen Alpha ที่เกิดมาพร้อม iPhone โตกับโรคระบาด และให้คุณค่ากับความเท่าเทียม

3 สมมติฐาน สถาปัตยกรรมและเมืองที่เหมาะกับชาว Alpha

01 สถาปัตยกรรมและเมืองที่ผนวกเทคโนโลยีเข้าไปเป็นส่วนสำคัญ

อย่างที่เราเกริ่นมายาวเหยียด เทคโนโลยีสมัยใหม่เป็นสิ่งสำคัญที่ประกอบสร้างความเป็น Gen Alpha

บ้านที่เหมาะกับพวกเขาจึงต้องสั่งการทุกอย่างได้ด้วยเทคโนโลยีที่เชื่อมถึงกัน ตั้งแต่ระดับพื้นฐานอย่างการเปิด-ปิดประตู เปิด-ปิดไฟ เลือกเพลงที่ฟัง รดน้ำต้นไม้ในสวน ทำความสะอาด ระบบห้องน้ำ ไปจนถึงการใช้หุ่นยนต์หรือ AI ดูแลชีวิตในบ้านให้สะดวกสบายที่อาจกลายเป็นปกติเข้าสักวัน ซึ่งบ้านในอนาคตอันใกล้อาจต้องรองรับผู้ใช้งานที่ไม่ใช่มนุษย์ด้วย

ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ไม่เพียงอำนวยความสะดวกให้ชีวิตประจำวัน แต่ยังเป็นตัวสำคัญในการเชื่อมความสัมพันธ์ เช่น วัฒนธรรมการเล่นเกมร่วมกันระหว่างลูก Gen Alpha และพ่อแม่ชาว Millennials 

ทั้งนี้ จากการศึกษาของสถาบันวิจัย McCrindle คาดการณ์ว่า Gen Alpha จะใช้เวลาไปกับการศึกษานานขึ้น และเลื่อนเวลาแต่งงานหรือมีลูกออกไปช้ากว่าเดิม อัตราการใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเดิมเป็นครอบครัวใหญ่จึงอาจเพิ่มขึ้นด้วย

เมืองในอนาคตเพื่อ Gen Alpha ที่เกิดมาพร้อม iPhone โตกับโรคระบาด และให้คุณค่ากับความเท่าเทียม

เมื่อ Gen Alpha เข้าใช้งานพื้นที่ที่เป็นสื่อกลางในการสื่อสารข้อมูลอย่างพิพิธภัณฑ์หรืองานนิทรรศการ พวกเขาที่เติบโตมากับการมีเทคโนโลยีเป็นสื่อกลางในการเรียนรู้ก็อาจคาดหวังประสบการณ์ทางดิจิทัลที่มากขึ้น

หากพูดถึงการออกแบบในสเกลที่ใหญ่ขึ้นอย่างเมือง Gen Alpha คาดหวังให้เทคโนโลยีส่งเสริมการใช้ชีวิตในเมืองได้ด้วยเช่นกัน ทั้งเรื่องระบบขนส่งสาธารณะ การจราจร การค้นหาที่จอดรถ ระบบจัดการขยะ การดูแลสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการดูแลความปลอดภัย 

คงจะดีมากหากประเทศเราดำเนินไปถึงจุดที่นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้มากขึ้น โดยแต่ละหน่วยงานที่ดูแลส่วนต่าง ๆ ร่วมกันจัดการระบบให้ใช้งานได้ดีและผู้คนเข้าถึงได้โดยทั่วไป

เมืองในอนาคตเพื่อ Gen Alpha ที่เกิดมาพร้อม iPhone โตกับโรคระบาด และให้คุณค่ากับความเท่าเทียม

02 สถาปัตยกรรมและเมืองที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต

ผู้เชี่ยวชาญจาก Pew Research Center กล่าวว่า Gen Alpha เกิดมาพร้อมกับโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย 

พวกเขาใช้ชีวิตในช่วงสำคัญที่สุดของพัฒนาการไปกับโรคระบาดที่กระทบกระเทือนไปทั่วโลก ต้องกักตัวอยู่บ้านอย่างหวาดกลัว ได้เห็นภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และต้องใช้ชีวิตอยู่กับสื่อออนไลน์ที่มีทั้งประโยชน์และโทษ พวกเขาจึงต้องเผชิญกับวิกฤตสุขภาพจิตมากที่สุด และให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจิต (รวมไปถึง Spiritual Well-being) มากที่สุดเจนฯ หนึ่งเช่นกัน

สถาปัตยกรรมและเมืองที่ดีต่อชาว Alpha ต้องคำนึงถึงหลักจิตวิทยาในการออกแบบเป็นสำคัญ เพื่อให้สเปซที่ออกมาส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี หากเป็นออฟฟิศก็ต้องเข้ากับวิถีการทำงานที่มี Work-life Balance มากขึ้น รองรับการทำงานทางไกลและตารางงานที่ยืดหยุ่น

หากมองในจุดนี้ ความแออัดของกรุงเทพฯ ที่ยังมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจมีผลต่อสุขภาพจิตโดยรวมของชาว Alpha ในอนาคต นี่จึงอาจเป็นอีกเหตุผลสนับสนุนว่าการกระจายความเจริญออกจากเมืองหลวงเป็นสิ่งสำคัญ

เมืองในอนาคตเพื่อ Gen Alpha ที่เกิดมาพร้อม iPhone โตกับโรคระบาด และให้คุณค่ากับความเท่าเทียม

03 สถาปัตยกรรมและเมืองที่คำนึงถึงคนทุกคนและความเป็นไปของโลก

ผลพวงจากเทคโนโลยีที่ก้าวไกลมากขึ้น คือโลกที่เชื่อมถึงกันได้แนบชิดกว่าเดิม

Gen Alpha จะรู้จักผู้คนในโลกมากขึ้น เดินทางท่องเที่ยว ย้ายที่ทำงานไปทั่วโลกกันเป็นปกติ พวกเขาจึงเข้าใจความหลากหลายกันโดยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเรื่องวัฒนธรรมของแต่ละกลุ่มคน เพศ ความเชื่อ ศาสนา หรือความเป็นชายขอบ 

พวกเขาจะเป็นเจเนอเรชันที่มีความตระหนักรู้ทางสังคมมากที่สุดไปพร้อม ๆ กับตระหนักถึงความเป็นไปของโลกที่ทุกคนอาศัยอยู่ โดยเฉพาะเรื่องสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

Gen Alpha จะให้ความสำคัญกับข้อมูลเบื้องลึกของประชากร หากจะออกแบบสถาปัตยกรรมหรือเมือง นักออกแบบต้องมั่นใจว่าจะฟังเสียงของทุกคนไม่ว่าจะตัวเล็กตัวน้อยแค่ไหน และต้องมั่นใจว่าผู้คนที่มีส่วนได้ส่วนเสียจะมีส่วนร่วมในกระบวนการออกแบบ

แน่นอนว่าอาคารที่ไม่คำนึงถึงความเป็นอยู่ของพนักงานบริการ พื้นที่สาธารณะที่สร้างโดยไม่ได้ทำประชาพิจารณ์มากพอ การออกแบบทางเท้าที่ไม่เอื้อต่อการใช้ชีวิตของกลุ่มเปราะบาง การวางผังเมืองที่ทำให้โรงงานอุตสาหกรรมอยู่ผิดที่ผิดทาง ส่งผลเสียต่อสุขภาพของคน คุณภาพชีวิต หรือสิ่งแวดล้อม อาจไม่ได้รับการยอมรับจากคนรุ่นนี้

โดยเฉพาะเมื่อในภายภาคหน้า เด็ก ๆ ชาว Alpha จะมีหูตาที่กว้างไกลและมองเห็นสิ่งที่พึงเป็นได้ทะลุปรุโปร่งมากขึ้น

เมืองในอนาคตเพื่อ Gen Alpha ที่เกิดมาพร้อม iPhone โตกับโรคระบาด และให้คุณค่ากับความเท่าเทียม

ปัจจุบัน Gen Alpha รุ่นที่อายุมากสุดก็ยังอยู่ในวัยเด็ก และอีกราว 10 ปีจึงจะเติบโตเข้าสู่การทำงาน

อย่างไรก็ตาม หลาย ๆ เมืองในโลกโดยเฉพาะในยุโรปก็ไม่รอให้พวกเขาต้องเป็นผู้ใหญ่เสียก่อนจึงจะแสดงความคิดเห็นหรือร่วมออกแบบเมืองได้

ถ้าประเทศไทยให้บทบาทของเด็กได้มากขึ้น เมืองในอนาคตของเราก็คงเอื้อต่อ Gen Alpha มากกว่าเคย

ข้อมูลอ้างอิง
  • mccrindle.com.au/article/generation-next-meet-gen-z-and-the-alphas
  • generationalpha.com/articles/how-they-compare-to-other-generations
  • www.childinthecity.org/2021/07/06
  • www.archdaily.com/991487
  • mipblog.com/2023/04/meet-generation-alpha
  • retailsee.com/values-identity-generation-alpha
  • www.wundermanthompson.com/insight
  • www.plugandplaytechcenter.com/resources

Writer

พู่กัน เรืองเวส

พู่กัน เรืองเวส

อดีตนักเรียนสถาปัตย์ สนใจใคร่รู้เรื่องผู้คนและรูปแบบการใช้ชีวิตอันหลากหลาย ชอบลองทำสิ่งแปลกใหม่ พอ ๆ กับที่ชอบนอนนิ่ง ๆ อยู่บ้าน