ประเทศนิวซีแลนด์เป็นข่าวใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพิสูจน์ได้ว่าบริเวณนี้ไม่ใช่แค่เกาะ แต่เป็นส่วนหนึ่งของ ‘ทวีปซีแลนเดีย’ (Zealandia) ขนาด 4.9 ล้านตารางกิโลเมตรที่จมอยู่ใต้มหาสมุทร จนกำลังจะกลายเป็นทวีปที่ 8 ของโลก

ซีแลนเดียเป็นผืนแผ่นดินขนาดใหญ่ พื้นที่เกือบทั้งหมดจมอยู่ใต้มหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งจมลงหลังแยกออกจากมหาทวีปกอนด์วานา มหาทวีปที่รวมแผ่นดินผืนต่าง ๆ ในซีกโลกใต้เข้าไว้ด้วยกันเมื่อ 83 – 79 ล้านปีก่อน พื้นที่ส่วนใหญ่หรือมากถึง 94% ของทวีปนี้จมอยู่ใต้ทะเล คงโผล่ขึ้นมาให้เห็นเฉพาะเทือกเขาและยอดเขาสูงที่สุดให้เรามองเห็นเป็นเกาะใหญ่ 2 เกาะ นั่นคือนิวซีแลนด์ นิวแคลิโดเนีย และเกาะเล็ก ๆ อีกหลายเกาะ

ไม่นานมานี้ผมเคยเดินทางมาเกาะใต้ ขับรถทางไกลผ่านเมานต์คุก (Mt.Cook) ยอดเขาสูงที่สุดของนิวซีแลนด์และซีแลนเดีย มุ่งหน้าลงใต้สู่แหลม Otago เพื่อไปยังบริเวณที่เรียกว่า Taiaroa Head บริเวณเดียวที่จะมีโอกาสได้เห็น ‘นกอัลบาทรอส’ (Albatrosses) ในซีกโลกใต้ เป็นแผ่นดินที่นกจะบินกลับมาทำรังและวางไข่

อัลบาทรอส แผลงมาจากคำว่า ‘อัลคาทราซ’ ในภาษาโปรตุเกส มีความหมายว่า นกกระทุงขนาดใหญ่ เพราะกะลาสีเรือชาวโปรตุเกสในสมัยโบราณเรียกชื่อผิด

มานิวซีแลนด์ก็ตั้งใจจะมาดูนกมหัศจรรย์ตัวนี้สักครั้งในชีวิต 

นกมหัศจรรย์ที่ใช้เวลาตลอดชีวิตร้อยละ 85 โบยบิน ร่อนกลางอากาศเหนือท้องทะเลตลอดเวลา แม้กระทั่งเวลานอน ราวกับเครื่องบินที่บินตลอดโดยไม่ต้องเติมน้ำมัน และจะกลับเข้าฝั่งเพื่อผสมพันธุ์และวางไข่เท่านั้น

นกอัลบาทรอสจัดเป็นนกทะเลขนาดใหญ่ ทั่วโลกมีประมาณ 24 ชนิด เป็นนกบินได้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อกางปีกออกอาจกว้างถึง 3.5 เมตร แม้แต่ขนาดเล็กที่สุดก็ยังกว้างได้ถึง 2 เมตร 

ผมแวะไปที่ The Royal Albatross Centre ด้วยความตื่นเต้น เพื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับนกชนิดนี้ในธรรมชาติ ใกล้ ๆ มีประภาคารเก่าและเห็นนกอัลบาทรอสกางปีกบินไปมาระยะไกล 

พอส่องกล้องจึงสังเกตว่าปีกของมันยาวเรียวและร่อนกลางอากาศนานมาก โดยไม่กระพือปีกเลย

นกอัลบาทรอสจะบินอยู่ตลอดเวลา โดยบินได้ไกลถึงวันละ 1,000 กิโลเมตร เรียกได้ว่าพอนกโตออกจากรังที่อยู่บนพื้นดินได้แล้ว ก็โบยบินกลางอากาศตลอดเวลา จับปลาทะเลกินเป็นอาหาร บางทีก็ลงไปลอยตัวเล่นในทะเลเหมือนเป็ด แต่ไม่กลับมาฝั่งอีกเลย ยกเว้นสัญชาตญาณเรียกให้กลับขึ้นฝั่งมาสืบเผ่าพันธุ์ ซึ่งไม่ว่าจะบินไปไกลแค่ไหนก็จะกลับมาทำรังยังถิ่นเกิด

อาจเป็นเพราะเวลานกอัลบาทรอสใช้ชีวิตอยู่กลางอากาศ มันคล่องแคล่วและใช้ชีวิตได้เสรี ขณะที่เวลาเดินบนดินจะไม่ค่อยปลอดภัย จากการเดินด้วยความงุ่นง่าน ไม่เหมือนตอนบินกลางอากาศ เพราะมีฝ่าตีนที่แผ่แบนเป็นพังผืดเหมือนตีนเป็ด

พอได้เวลานัดหมาย เรานั่งเรือออกไปกลางทะเลด้วยความหนาวเหน็บ เพื่อดูนกตัวนี้ใกล้ ๆ หากโชคดี อากาศโปร่งใส ท้องฟ้าเป็นใจ

เรือแล่นโต้คลื่นลมออกได้ไม่นาน นกอัลบาทรอสโฉบมาใกล้มากขึ้น บางตัวร่อนลงลอยตัวในทะเล สังเกตว่าจมูกของเขาแปลกตา มีรูปร่างเป็นท่อ จึงจัดอยู่ในอันดับนกจมูกหลอด (Procellariiformes) มีความหมายว่า จมูกที่เป็นท่อ เพราะนกอัลบาทรอสมีท่อยาวจากจะงอยปากขนาดใหญ่ ช่วยให้ตรวจจับอาหารและค้นหาพื้นที่สำหรับสร้างรัง

เป็นบุญตาจริง ๆ ที่โชคดีได้เห็นนกอัลบาทรอสตัวหนึ่งห่างออกไปไม่กี่สิบเมตร ตัวใหญ่กว่าที่คิดจริง ๆ แม้จะเป็นชนิดที่เรียกว่า The Buller’s Mollymawk ซึ่งเป็นนกขนาดเล็ก มีจะงอยปากสีเหลือง และอีกชนิดคือ Southern Royal Albatross มีจะงอยปากสีชมพู ขณะที่หลายคนที่ตั้งใจมาดูก็ผิดหวัง เพราะนกไม่ได้โบยบินมาใกล้ชายฝั่งทุกวัน

ยิ่งเข้าใกล้ นกตัวใหญ่กว่าที่คิดจริง ๆ สมคำร่ำลือถึงขนาดของมัน เป็นนกทะเลขนาดใหญ่ จัดอยู่ในวงศ์ Diomedeidae กระจายพันธุ์อยู่เป็นฝูงตามชายฝั่งทะเลและเกาะแก่งต่าง ๆ ในเขตร้อนและเขตอบอุ่นทั่วโลก และเป็นนกอายุยืนยาว บางตัวอาจมีอายุถึง 60 ปี

นอกจากนั้น นกอัลบาทรอสยังได้ชื่อว่า แม้เข้าสู่วัยชรา แต่ยังเตะปี๊บดังเสมอ เป็นนกที่ขยายพันธุ์ทั้งที่อายุมากที่สุดในโลกอีกด้วย เนื่องจากในปี 2016 บนเกาะมิดเวย์กลางมหาสมุทรแปซิฟิก นักวิจัยพบนกอัลบาทรอสเลย์สันเพศเมียตัวหนึ่ง ชื่อ ‘วิสดอม’ อายุ 66 ปี ขยายพันธุ์วางไข่ได้ เนื่องจากวิสดอมมีปลอกคอที่สวมไว้เพื่อแสดงอัตลักษณ์ตั้งแต่ปี 1956

โดยปกติเมื่อนกอัลบาทรอสจับคู่แล้วจะใช้เวลาจีบกันนานถึง 2 ปีกว่าจะเริ่มผสมพันธุ์ ทำรังและฟักไข่ครั้งละฟองเดียว โดยวางไว้บนรังที่ทำจากโคลนที่ก่อขึ้นมาจากพื้นดิน ทั้งคู่ช่วยกันเลี้ยงลูกและใช้ชีวิตร่วมกันยาวนานอาจถึง 20 ปี

แต่โดยธรรมชาติ พอโตขึ้น ลูกนกต้องหัดช่วยตัวเอง ฝึกทักษะให้รอดชีวิตเอง พ่อแม่ไม่ช่วยหัดบินหรือหาอาหาร จึงไม่แปลกใจที่นักวิทยาศาสตร์พบว่ามีลูกนกรอดชีวิตเพียงครึ่งเดียว

ขณะลอยเรืออยู่กลางทะเล เราเฝ้าสังเกตการร่อนกลางอากาศ จนแทบไม่น่าเชื่อว่าพวกมันลอยตัวอยู่กลางอากาศได้นานถึง 6 วันโดยไม่ต้องกระพือปีกเลย เคล็ดลับประการหนึ่ง คือนกอัลบาทรอสมักบินใกล้ผิวทะเล เพื่อใช้กระแสลมจากคลื่นช่วยพยุงการบินเหมือนการร่อนมากกว่า หรือเรียกว่า ลมใต้ปีก ไม่ต้องออกแรงกระพือปีก 

ส่วนการร่อนอีกแบบคือการร่อนระดับสูง เป็นการร่อนที่เลี้ยวรับลมเพื่อไต่ระดับความสูง จากนั้นจึงทิ้งตัวดิ่งลงเบื้องล่างเพื่อเร่งความเร็ว ซึ่งการร่อนทั้ง 2 แบบนี้ทำความเร็วได้ถึง 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

นกอัลบาทรอสบางตัวใช้เวลาบินรอบโลกไม่ถึง 2 เดือน ยิ่งมีอายุมาก อาจบินได้มากกว่าเครื่องบินเสียอีก นกที่มีอายุ 50 ปีมีระยะทางในการบินแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ล้านกิโลเมตร ถ้าเป็นเครื่องยนต์ก็ถือว่าระดับไฮเอนด์จริง ๆ

แม้นกอัลบาทรอสจะมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 60 ปี แต่ขยายพันธุ์ช้ามาก วางไข่ออกลูกได้ครั้งละฟอง จนเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ภายในศตวรรษหน้า ภัยคุกคามสำคัญของมันคือการทำประมงเบ็ด ในแต่ละปีมีนกอัลบาทรอสกว่า 1 แสนตัวตายเพราะติดสายเบ็ดที่วางไว้เป็นล้าน ๆ คันเพื่อจับปลาทูน่า และปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกอย่างรุนแรง

ปัญหาภัยคุกคามล่าสุดของนกอัลบาทรอส คือการกินขยะพลาสติกเข้าไปจนตาย ไม่ว่าจะเป็นหลอดพลาสติก ขวดพลาสติก ฯลฯ ที่ล่องลอยกลางทะเล นักวิทยาศาสตร์พบว่านกอัลบาทรอสมีจมูกค่อนข้างใหญ่ จึงใช้จมูกดมกลิ่นหากินพอ ๆ กับสายตา และพลาสติกอาจดูดซับกลิ่นที่นกชอบกิน นกคิดว่าเป็นอาหาร จึงกินขยะพลาสติกเข้าไปจนอุดตันในร่างกาย และเป็นสาเหตุว่าทำไมนกชนิดนี้ถึงมีอัตราการตายด้วยขยะพลาสติกมากกว่านกชนิดอื่น

วันนั้น ด้วยความโชคดี เราเห็นนกอัลบาทรอสหลายสิบตัว เรากลับมาขึ้นฝั่ง เดินไปสำรวจบริเวณพื้นดินซึ่งเป็นที่ทำรังและวางไข่ แต่น่าเสียดาย ช่วงเวลานั้นไม่ใช่ฤดูผสมพันธุ์ จึงไม่เห็นความเคลื่อนไหวใด ๆ บนพื้นดิน

พฤติกรรมหลายอย่างของนกบินได้ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกยังเป็นความลับสำหรับนักธรรมชาติวิทยาที่ต้องใช้เวลาค้นคว้า เช่นเดียวกับทวีปซีแลนเดียที่นักวิทยาศาสตร์กำลังไขปริศนาความลึกลับใต้ทะเลต่อไป

ธรรมชาติมีเรื่องราวให้เราค้นหาไม่หมดสิ้นจริง ๆ 

หมายเหตุ : สนใจปัญหาขยะพลาสติกกับนกอัลบาทรอส เข้าไปดูได้ใน www.albatrossthefilm.com

Writer

Avatar

วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์

นามปากกา วันชัย ตัน นักเขียนสารคดี นักวิจารณ์สังคม การเมือง และสิ่งแวดล้อม ผู้ร่วมก่อตั้งและบรรณาธิการบริหารนิตยสารสารคดี อดีตรองผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพแห่งประเทศไทย (THAIPBS) อดีตผู้อำนวยการฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์ PPTVHD36 มีผลงานเขียนตีพิมพ์เป็นหนังสือ 28 เล่ม เป็นนักเดินทางตัวยง จากความเชื่อที่ว่า การใช้ชีวิตให้มีความสุขควรประกอบด้วยสามสิ่ง คือ ทำงานที่ใจรัก ช่วยเหลือคนรอบข้าง และเดินทางท่องเที่ยว