ระหว่างคิดธีมทำ Take Me Out รอบนี้ เราตกลงกับเพื่อนอยู่นานกว่า 3 ชั่วโมงว่าจะทำอะไรดี 

สมองเริ่มเมื่อยล้า ตาเริ่มพร่ามัว ปากเริ่มหาวจนนับครั้งไม่ถ้วน

“ถ้านอนพักสักนิดอาจจะคิดออกนะ” แล้วเพื่อนตัวดีก็พูดขึ้น ชวนให้คิดถึงว่าเมื่อคืนนอนเป็นยังไงบ้าง

ผลปรากฏคือค่อนข้างแย่ เราหักโหมใช้ชีวิตจนเกิดความเครียด ทำให้เผชิญกับปัญหาการนอนไม่หลับ ตื่นมาด้วยความอ่อนเพลีย สมองไม่ปลอดโปร่ง ส่งผลให้ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน พอหันไปรอบข้าง ทั้งวัยเรียนจนถึงวัยทำงานก็ประสบพบเจอกับอาการประมาณนี้ไม่ต่างกัน 

Take Me Out คราวนี้จึงขอเปิดลายแทง 8 สถานที่ที่ตอบโจทย์การพักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจของคนทุกช่วงวัย เพราะไม่ว่าคนรุ่นไหนก็มีคุณภาพการนอนที่ดีขึ้นได้

หากพร้อมแล้ว เคลียร์ตารางงานให้ว่าง แต่อย่าอ่านจนง่วงแล้วเผลอหลับไปเชียวล่ะ

#01

นวดบำบัดการนอนหลับ

ที่ White Wood Green Spa & Wellness

ยินดีต้อนรับเข้าสู่บ้านของ White Wood Green

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป จมูกปะทะกับกลิ่นดอกไม้หอมอบอวลอยู่ในอากาศ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเพื่อนที่ต่างจังหวัด พนักงานต้อนรับเดินเข้ามาทักทายพร้อมกับล้างเท้าและเปลี่ยนรองเท้าให้ พร้อมนำน้ำใบเตยต้มใหม่แช่เย็นใส่แก้วมาเสิร์ฟเป็นเครื่องดื่มต้อนรับ 

นั่งเพียงครู่ หญิงสาวท่าทางใจดีอย่าง นัท-ณัฐธิดา นรัตน์กุล พาร์ตเนอร์สำคัญของ แอน-ชลิตา ตฤณขจี เจ้าของ White Wood Green ออกมาต้อนรับเราด้วยรอยยิ้ม ก่อนเริ่มเล่าถึงโปรแกรมที่มีชื่อว่า ‘Sleep Therapy Massage’ การนวดบำบัดเพื่อการนอนหลับ มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงคุณภาพการนอนให้ดียิ่งขึ้น

“ตั้งแต่เข้ามาก็มีเครื่องดื่มอย่างน้ำใบเตย และพนักงานจะแนะนำกลิ่นน้ำมัน คุณเลือกได้ตามความชอบ ถัดมานักบำบัดจะมารับและพาไปที่ห้องสปา ถึงแล้วก็เริ่มล้างเท้าด้วยเกลือและแช่น้ำอุ่น”

น้ำมันนวดกลิ่นลาเวนเดอร์ของที่นี่เป็นลาเวนเดอร์ที่เบลนด์มาจาก 3 สายพันธุ์ คืออังกฤษ ฮังการี และไทย ช่วยบรรเทาความเครียดสะสม ความเจ็บปวด และผ่อนคลายร่างกาย เพื่อให้นอนหลับเต็มอิ่ม ตลอดจนแก้ปัญหาเจ็ตแล็กได้อีกด้วย

เมื่อถึงขั้นตอนการนวด นักบำบัดจะคลุมผ้าทั้งตัวจนถึงศีรษะ เพื่อให้รู้สึกสบายตัวและปลอดภัย จากนั้นจะเปิดผ้าเพื่อรีดเส้นตามจุดต่าง ๆ ด้วยน้ำหนักเบาถึงกลาง ทำให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น ก่อนเข้าสู่กระบวนการเคลิ้มด้วยเสียง กลิ่น เสริมด้วยเทคนิคการกล่อมนอนโดยการโยกตัวเบา ๆ อันเป็นไฮไลต์ของที่นี่ และปิดจบด้วยการนวดศีรษะ เสมือนเคลียร์เส้นประสาทที่หัวและคอหลังจากนอนคว่ำ-หงายมาเป็นชั่วโมง

สิ่งที่เราชอบมากคือ หลังออกมาจากห้องสปา ที่นี่เตรียมชาไว้ให้ดื่ม โดยเลือกได้ว่าชอบชา White หอมกลิ่นโบตั๋นและจำปา, ชา Wood ทำจากไม้จันทน์หอม อบเชย และซีดาร์วูด และชา Green หอมกลิ่นไม้ไผ่จากไร่ Araksa Tea ซึ่งเป็นชาเฉพาะของ White Wood Green เท่านั้น

อีกอย่างที่ชอบจนอยากซื้อกลับบ้าน คือหมอนรองคออุ่น ๆ มีส่วนผสมอยู่ 3 อย่าง ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ตะไคร้ และสมุนไพรไทย ความอุ่นช่วยการไหลเวียนของเลือด กลิ่นหอมช่วยบรรเทาความเครียด และช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย

ก่อนจบบทสนทนาเธอบอกกับเราว่า “ถ้าคืนนี้นอนดี พรุ่งนี้ตื่นมาก็เป็นเช้าที่ดีด้วยเช่นกัน”

White Wood Green Spa & Wellness
  • เอกมัยซอย 12 บ้านเลขที่ 53 ซอยสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร (แผนที่)
  • เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 21.00 น.
  • 061 802 2244
  • White Wood Green Spa & Wellness
#02

แช่ออนเซ็นและทำสปาให้หลับลึก

ที่ PAÑPURI WELLNESS

เมื่อก้าวขาลง BTS สถานีชิดลม เดินผ่านทางเชื่อม R Walk เข้ามาที่เกษรวิลเลจ ชั้น 12 นับเป็นครั้งแรกในชีวิตของเด็กสาวที่ได้แช่ออนเซ็นต่อด้วยนวดสปาและจิบชาข้าวออแกร์นิก

ก่อนลงบ่อออนเซ็น พนักงานต้อนรับแนะนำ Onsen Route ว่าแบ่งเป็น De-Stress ช่วยลดความเครียด, Energy Boost เพิ่มพลังงาน, Clean Detox ดีท็อกซ์สารพิษออกจากร่างกาย และ Deep Sleep ช่วยทำให้นอนหลับสนิทยิ่งขึ้น เราที่มีปัญหาการนอนเป็นทุนเดิม ไม่รีรอที่จะเลือกรูท Deep Sleep โดยไว

การแช่ออนเซ็นแบบ Deep Sleep ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดความตึงของกล้ามเนื้อ มอบความผ่อนคลายทั้งกาย-ใจ ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับให้ลึกมากยิ่งขึ้น เริ่มจากแช่บ่อหมายเลข 3 คือ Soda Bath บ่อที่ปล่อยโมเลกุลคาร์บอนไดออกไซด์ขนาดเล็กลงไปในน้ำ ต่อด้วยหมายเลข 2 คือ Kusatsu Onsen บ่อน้ำแร่จากเมืองออนเซ็นอย่างคุซัทสึ ประเทศญี่ปุ่น ต่อด้วยหมายเลข 4 คือ Vitality Pool บ่อที่เสริมสร้างพลังงานด้วยแรงดันน้ำ แวะพัก 1 นาที จากนั้นไปต่อที่หมายเลข 6 คือห้องอบไอน้ำ ราดน้ำเย็นอีก 1 นาทีด้วยกรรมวิธี Kakemizu แบบญี่ปุ่น แล้วเดินกลับมาที่บ่อหมายเลข 1 คือ Seasonal Onsen ด้วยน้ำแร่ที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ปิดจบด้วยการแช่บ่อ Soda Bath เป็นอันเสร็จ

หลังลองแช่ออนเซ็นตามคำแนะนำ เรารู้สึกโล่ง ผ่อนคลาย สบายผิว แต่ยังไม่ทันได้ง่วงดีนักบำบัดก็นำกลิ่นน้ำมันนวดมาให้เลือก ส่วนตัวเราเลือก Sacred Santal กลิ่นหอมแนว Woody แทรกด้วยกลิ่นนุ่มนวลจากไม้จันทน์หอม

โปรแกรมนวดวันนี้คือ ‘Deep Sleep Aroma Therapy’ เน้นเทคนิคที่ผสมผสานศาสตร์แบบตะวันตกและของไทยเข้าด้วยกัน ผ่านการกดจุด รีดเส้น และใช้เทคนิค Long slow Strokes โดยเน้นการนวดคลายกล้ามเนื้อช่วงบนของร่างกาย เพื่อกระตุ้นและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด เสริมด้วยการนวดศีรษะแบบ Indian Head Massage ที่ช่วยปลดเปลื้องทุกความเครียด คลายกล้ามเนื้อตึง ๆ ช่วงขมับ คอ ใบหน้า ลำคอ บ่า จากความเครียดของระบบประสาทและการใช้ชีวิตที่หักโหม หนึ่งในต้นเหตุของการนอนหลับไม่สนิท

พอถึงเวลา 23.00 น. เราวางหัวลงหมอนไม่ถึง 5 นาทีก็หลับปุ๋ยซะแล้ว

PAÑPURI WELLNESS
  • ชั้น 12 Gaysorn Urban Resort 127 ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร (แผนที่)
  • เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 22.00 น.
  • 02 253 8899
  • PAÑPURI
#03

ฟังคลื่นเสียงบำบัดและทำสมาธิ

ที่ Akasha Wellness Bangkok

หากพูดถึงเรื่องการนอนที่มีคุณภาพ เราอยากให้ทุกคนรู้จักกับคลาส Sound Healing และ Shakti Bath เครื่องดนตรีบำบัด ช่วยให้เราผ่อนคลายตั้งแต่กล้ามเนื้อ ไปจนถึงเส้นประสาทภายในตัว ปรับความรู้สึกให้เย็นลง ลดความฟุ้งซ้าน ความคิดมากในสมอง และช่วยแก้ไขปัญหาโรคนอนไม่หลับ

วันนี้เราอยู่กันที่ Akasha Wellness Bangkok โดยมี ปาเมลา บรรจงรติ และ มาริสา พละพงศ์พานิช รอต้อนรับเราด้วยความยินดี พร้อมเสิร์ฟชา Yogi สมุนไพรร้อนเรียกพลังงานเป็นการต้อนรับ

พวกเขาเตรียมหมอน เสื่อ ผ้าห่ม และผ้าปิดตา มีตัวช่วยให้สบายตัวด้วยกลิ่นลาเวนเดอร์ จากนั้นก็ชวนทำพานายามะ หรือการทำสมาธิเพื่อปรับลมหายใจให้เย็นลง ต่อด้วยการยืดเส้นสาย เตรียมเข้าสู่ Sound Healing ที่จะให้ทุกคนนอนไปหนุนหมอน นอนเสื่อ คลุมผ้าห่ม ปิดตา และหลับไป เพื่อซึมซับคลื่นเสียงจากอุปกรณ์บำบัด ได้แก่ กลอง คริสตัลโบลว์ ขันทิเบต และฉิ่งทิเบต นอกจากช่วยเยียวกายและใจให้สงบขึ้น ยังปรับเปลี่ยนธาตุน้ำ ไฟ ดิน ในร่างกายเพื่อให้นอนหลับและพักผ่อนได้ดีขึ้นด้วย

หากกวาดสายตาไปรอบพื้นที่ จะพบว่าที่นี่มีน้ำพุเย็นฉ่ำอยู่ตรงกลาง มีห้องซาวน่าจากเกลือหิมาลายัน มีห้องพิลาทิสอยู่ทางทิศตะวันตก รวมถึงคริสตัลโบลว์หลากประเภทที่เราไม่เคยเห็น บอกเลยว่า สัมผัสได้ถึงความสบายใจ ผ่อนคลาย และเงียบสงบทุกย่างก้าว ต่างจากความเป็นจริงหลังกำแพงที่วุ่นวายอย่างสิ้นเชิง

Akasha Wellness Bangkok
  • 550, 1 ถนนเจริญนคร แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร (แผนที่)
  • เปิดให้บริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 7.00 – 20.00 น.และวันเสาร์ 7.00 – 17.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)
  • 09 3448 3481
  • Akasha Wellness Bangkok
#04

รักษาการนอนไม่หลับ-กรน

ที่ Bangkok Sleep Center

หากคุณกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับยาก นอนไม่หลับ และกรนเสียงดัง เราขอแนะนำให้เดินทางไปยัง Bangkok Sleep Center นย์รักษานอนกรนและนอนไม่หลับโดยแพทย์เฉพาะทาง ใจกลางซอยอินทามระ 21 ย่านอารีย์-สะพานควาย

พอก้าวขาลงจากวินมอเตอร์ไซค์ เบื้องหน้าเราคือบ้านสีขาว 2 ชั้น มีสวนหย่อม ต่างจากภาพ Sleep Lab ในหัวของเราลิบลับ ทันใดนั้น ยุ้ย-นิโลบล กุศลภุชฌงค์ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง เปิดประตูต้อนรับเราด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับ ผศ.นพ.ธีรเดช คุปตานนท์ ผู้ก่อตั้งและแพทย์เฉพาะทางด้านการนอนหลับ

พวกเขาเล่าให้เราฟังว่าที่นี่คือศูนย์รักษาภาวะผิดปกติที่เกี่ยวเนื่องกับการนอนหลับโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง มี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษานอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ 2 ท่าน และนักจิตวิทยาด้านการนอน 1 ท่าน ด้วยการตรวจแบบ Full Sleep Test อย่างละเอียด ครบวงจร มาตรฐานเดียวกับโรงพยาบาลตั้งแต่ขั้นตอนแรกยันขั้นตอนสุดท้าย โดยการตรวจการนอนหลับเลือกได้ 2 แบบตามความสะดวก ได้แก่

Full sleep test คือการตรวจการนอนหลับเพื่อเก็บผลการนอนที่คลินิกเวลา 1 คืน สามารถพาผู้ติดตามมานอนเป็นเพื่อนได้ เพียงเข้ามาถึงคลินิกเวลา 18.00 – 21.00 น. เก็บผลการนอน 1 คืน แลละถอดอุปกรณ์การตรวจในช่วงเช้า

และ Home Sleep Test คือการตรวจการนอนหลับที่บ้านตัวเอง โดยมารับเครื่องตรวจ Home Sleep Test ที่คลินิก เเละมีเจ้าหน้าที่สาธิตวิธีการใช้งานให้ โดยคนไข้นำไปติดอุปกรณ์ก่อนนอนเอง 3 จุด เเล้วส่งคืนคลินิกช่วงเช้าวันถัดไป

นอกจากนี้ ยังมีการรักษาด้วยวิธีปรึกษาจิตแพทย์และนักจิตวิทยา เพื่อหาสาเหตุและแก้ไขโรคการนอนไม่หลับ แถมยังมีตัวช่วยที่จะส่งเสริมให้การนอนของคุณมีคุณภาพมากขึ้น เช่น หมอนหนุน หรือวิธีสุคนธบำบัดด้วยสเปรย์ฉีดหมอน จัดจำหน่ายที่คลินิกและช่องทางออนไลน์ด้วยนะ (คลิกที่นี่)

Bangkok Sleep Center
#05

เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ตั้งแต่หัวจรดเท้า

ที่ Anantara Riverside Resort Bangkok X BDMS Wellness Retreat

“เมื่อคืนนอนดีไหมครับ” 

เป็นคำถามชวนทบทวนตัวเองจาก นพ.ปิยะพงษ์ สุวรรณสัญญา แพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ป้องกันและนักเพศวิทยาที่ Anantara Riverside Resort Bangkok X BDMS Wellness Retreat คลินิกในโรงแรมหรูที่ให้บริการการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลตั้งแต่หัวจรดเท้า รวมถึงปัญหาการนอนไม่หลับ

“เราตั้งใจหาสถานที่ที่ให้คนไข้นอนได้ดี ถ้าเขาได้นอนในสภาพแวดล้อมที่ดี เมื่อกลับไปก็จะมีพฤติกรรมที่ดีในการนอน และการนอนที่โรงแรมจะรู้สึกเป็นส่วนตัวในการทำ Sleep Test อีกด้วย” คุณหมอเล่าถึงเหตุผลของการมีคลินิกอยู่ในโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้เราฟัง

แต่ก่อนที่จะไปถึงขั้นการเริ่มทำ Sleep Test ขอบอกก่อนว่า คลินิกนี้มีวิธีการตรวจเชิงลึกและแพ็กเกจคุ้มค่าจนต้องร้องว้าว!

เพราะที่นี่เริ่มจากการสำรวจพฤติกรรมของแต่ละบุคคล เช่น นอนช่วงเวลาไหน อาหารที่กินเป็นยังไง ออกกำลังกายบ่อยไหม เมื่อรู้แล้วว่าปัญหามีอะไรบ้าง ก็จะทำการเจาะเลือดดูค่าวิตามินที่เราขาดไป เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ รวมถึงมีแบบสอบถามที่บ่งบอกถึงคุณภาพการนอน

ส่วน ‘SLEEP ENRICHMENT RETREAT’ เป็นแพ็กเกจที่ครอบคลุมการนอนในทุกด้าน ตั้งแต่การรับคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทางเพื่อปรับพฤติกรรมด้านการนอน ออกแบบเมนูอาหารให้เหมาะสมกับแต่ละคน การให้วิตามินที่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงการทำ Sleep Test ที่จะบ่งบอกถึงคุณภาพการนอนหลับและการหยุดหายใจระหว่างการนอนหลับ ในห้องพักที่เป็นส่วนตัว ทั้งยังร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของทางโรมแรมได้ทั้งหมด

Anantara Riverside Resort Bangkok X BDMS Wellness Retreat
#06

นอนเตียงวงกลมเพื่อสุขภาพ

ที่ Le Méridien Bangkok

ใครที่ไม่รู้ว่าวันนี้จะไปนอนไหนดี อยากเปลี่ยนบรรยากาศแปลกใหม่ ขอแนะนำห้องพัก Circle Wellness Club ของ Le Méridien Bangkok โรงแรมสไตล์ยูโรเปียน ตั้งอยู่ที่ถนนสุรวงศ์ เรียบหรูและคลาสสิก

ภายในห้องสะอาดสะอ้าน สบายตา แสงสีส้มจากโคมไฟส่องสว่างทำให้รู้สึกอบอุ่น อุ๊ก-นิภาพรรณ สถาผล ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเล่าถึงความพิเศษของห้องเตียงทรงกลมที่ตั้งอยู่กลางห้องและอยู่กับโรงแรมมา 15 ปีว่า เตียงนี้มีความแน่น นอนพลิกตัวได้อย่างอิสระ เพราะไม่มีมุมแหลม นอนลงไปแล้วรู้สึกกว้างกว่าเตียงปกติแม้จะขนาดเท่ากัน และปลอดภัยจากการเดินชนขอบเตียงแน่นอน ส่วนใครอยากนอนกลางวันก็แค่ดึงม่าน 2 ชั้นลง ห้องนี้จะมืดสนิทราวกับกลางคืน

อีกอย่างที่เราชอบคือห้องนี้เลือกหมอนได้ถึง 7 แบบ ได้แก่

หมอนคอนทัวร์ ออกแบบสำหรับรองรับคอโดยเฉพาะ ช่วยเรื่องการไหลเวียนของเส้นเลือดฝอย และการวางตำแหน่งกระดูกสันหลังให้ดีขึ้น

หมอนยางฉีก ผลิตจากน้ำยางธรรมชาติ 100% มีเมมโมรีโฟมแบบฝอยช่วยเพิ่มความสบายและการระบายอากาศ

หมอนโฟมลาเท็กซ์เนื้อแน่นจากธรรมชาติ นุ่มรองรับศีรษะและคอ ช่วยลดแรงกดทับเพื่อการนอนหลับสนิทตลอดคืน

หมอนปลอดสารก่อภูมิแพ้ที่เต็มไปด้วยลูกบอลไฟเบอร์ ปราศจากฝุ่น

หมอนยูโรทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ พร้อมใยไฟเบอร์ที่ไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ระบายอากาศได้ดีเยี่ยม ทำให้รู้สึกเย็นสบาย

หมอนข้างทรงยาว บรรจุด้วยไมโครไฟเบอร์และลูกบอลไฟเบอร์ เหมาะมากสำหรับผู้ที่ชอบนอนตะแคง

และหมอนเมมโมรีโฟมที่อั๊คแนะนำที่สุด เพราะรองรับสรีระต้นคอและลดแรงกดทับขณะนอนได้ดีเยี่ยม 

คนรักสุขภาพหรืออยากเปิดประสบการณ์การการนอนใหม่ ๆ ต้องห้ามพลาด 

Le Méridien Bangkok
  • 40/5 ถนนสุรวงศ์ แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร (แผนที่)
  • เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
  • 0 2232 8888
  • Le Méridien Bangkok
#07

ซื้อหมอนออกแบบโดยนักบำบัด

ที่ Mr.big

คุณกำลังมองหาหมอนดี ๆ หรือกำลังเจ็บปวดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอยู่รึเปล่า เราขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ เซ้ง-ชวกิจ เก้าเอี้ยน นักบำบัดและเจ้าของ Mr.big แบรนด์เครื่องนอนที่ออกแบบจากข้อมูลสัดส่วนสรีระมนุษย์ เหมาะสมกับปัญหาการนอน และส่งเสริมการนอนหลับสบายตลอดทั้งคืน 

หากอยากได้ ก่อนอื่นคุณต้องทำแบบสอบถาม BestFIT ที่เว็บไซต์ Mr.big ซึ่งพัฒนามาตั้งแต่ช่วงโควิด จะมีให้ตอบน้ำหนัก ส่วนสูง และท่านอน เพื่อจับคู่เครื่องนอนให้เหมาะกับสรีระของคุณที่สุด เพราะการนอนดี หลับสนิท ต้องคำนึงถึงท่านอนและสรีระ 

 หมอนของ Mr.big เย็บแบบจับจีบเพื่อลดจุดอ่อนของหมอนทั่วไป มีรูปทรงหลากหลาย แปลกตา ช่วยให้เราจัดท่านอนให้หลับสนิทยิ่งขึ้น อีกอย่างคือระยะห่างของร่างกายกับหมอนที่เขาให้ความสำคัญมาก

“หมอนคล้ายกับรองเท้าครับ คนตัวใหญ่ก็ต้องใส่คู่ใหญ่ หมอนก็ต้องใหญ่และหนากว่าคนที่รูปร่างเล็ก” 

ยกตัวอย่าง Face Pillow ผิวสัมผัสของหมอนใบนี้มีรูพรุนจำนวนมาก ยืดหยุ่น ทำจากยางพารา Talalay นำเข้าจากประเทศเนเธอร์แลนด์ เหมาะสำหรับการนอนคว่ำหรือตะแคงทับหน้าและใบหู

Bodyscale Pillow ทำจากเส้นใยละเอียดชื่อว่าเส้นใย Elasta เนื้อแน่นและนุ่มนวล คืนตัวอย่างยืดหยุ่น เมื่อนอนลงไปก็ปรับให้เข้ากับสรีระอย่างดี ไม่ลื่นไหล 

Orthocurve Pillow ปรับระดับสูงต่ำได้​มากที่สุดถึง 3 ระดับ​ เหมาะกับนอนหงายและตะแคง​ เพราะรูปทรงกระชับเข้ากับคอและบ่ามากที่สุด ช่วยให้ไม่นอนทับไหล่ตัวเอง​ 

เซ้งเน้นย้ำว่า แม้จะมีหมอนที่ดี แต่เตียงก็สำคัญไม่แพ้กัน ทาง Mr. big จึงมีเตียง Figured™ One Mattress ที่เหมาะกับคนตัวเล็กและผอม ลดแรงกดจากไหล่ สะโพก และก้นกบ ซึ่งมีถึง 5 ระดับ ไล่ตามน้ำหนักตัว

สุดท้าย Mr.big มีการบริการเสริมที่น่าสนใจมาก คือเรียกนักบำบัดส่วนตัวไปที่ทำงานหรือที่บ้านได้ด้วยนะ

Mr.big
  • เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 ชั้น 5 9/9 ถนนรัชดาภิเษก ห้วยขวาง กรุงเทพฯ (แผนที่)
  • เปิดทุกวัน 10.00 – 21.30 น.
  • 09 5498 0942
  • mr.big
#08

แอบงีบระหว่างทำงาน

ที่ NapLab Chula

“NapLab Chula เป็นสถานที่ที่นอนไม่ได้นอน” เปิ้ล-สรพัชร เสมอกาย ตำแหน่งผู้จัดการแห่ง NapLab Chula กล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ

หากเคยประสบปัญหาอยู่ ๆ ตาก็ล้า หัวก็ปวด ระหว่างทำงาน เราขอบอกว่าคุณมาถูกที่แล้ว 

ที่นี่เป็นคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ในอาคาร 8 ชั้นใกล้กับจุฬาฯ โดย NapLab Chula อยู่ชั้น 3 – 4 เป็น Co-nopping ที่รวมเหล่าคนอ่านหนังสือและทำงานที่นอนได้ มีโครงเหล็กสีเหลืองกั้นเป็นห้อง สบายตา ไม่ว่าจะเดินไปมุมไหนก็มีที่นั่ง แม้จะหันหน้าออกนอกกระจกใสก็ยังเจอต้นไม้ใหญ่อยู่ด้านนอก ได้บรรยากาศชิลล์ ๆ 

สิ่งที่น่าสนใจคือการเปิด 24 ชั่วโมง เลือกใช้บริการตั้งแต่ 4 ชั่วโมง 12 ชั่วโมง และ 24 ชั่วโมง เมื่อเลือกแล้วก็นำบัตรประชาชนหรือบัตรนักศึกษามาแลกเป็นบัตรที่นอกจากใช้สแกนเพื่อเข้าบริการได้แล้ว ยังนำไปแลกเป็นหมอนไว้หนุนนอนฟิน ๆ ได้ด้วย 

เมื่อซื้อแพ็กเกจ 12 ชั่วโมง จะได้น้ำฟรี 1 แก้ว และ 24 ชั่วโมงจะได้น้ำฟรี 2 แก้ว มีเสียงเครื่องชงกาแฟช่วยให้ไม่เงียบเหงา ส่วนใครที่หิวก็ซื้ออาหารจากข้างนอกมากินได้ ทางร้านไม่ได้ห้าม ถัดมาเป็นโซนหยุดพักจากงาน มีโต๊ะปิงปองและตู้เล่นเกมให้ได้เล่นระบายความเครียด 

ส่วนใหญ่คนที่มานั่งทำงานก็จะอยู่ชั้น 4 จุดไฮไลต์น่าสนุกคือสไลเดอร์สีเหลือง ชื่อว่า ‘ทางหนีงาน’ ชวนให้เราได้ลองไถลลงไปด้านล่าง ถือว่าเป็นสีสัน ฉีกกฎการทำงานแบบเดิม ๆ 

อีกทั้งยังให้บริการห้องประชุมสำหรับคนทำงาน ตั้งแต่ห้องขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ที่จัดอีเวนต์ได้ ส่วนสายทำงานโต้รุ่งก็มีห้องน้ำให้อาบ สดชื่นตื่นตลอดคืนแน่นอน 

อ้อ หากใครกังวลว่านอนหลับแล้วของจะหาย ไม่ต้องห่วง ที่นี่มีกล้องวงจรปิดถึง 30 ตัวจับตาดูไม่ห่าง แต่ทุกคนที่มาใช้บริการมีสัญญาใจร่วมกัน คือ Nap Lab ไม่ได้ห้ามเงียบเหมือนห้องสมุด แต่ก็ไม่ควรเสียงดังเกินไปนะ

พอได้เห็นผู้คนที่นี่แล้ว เราว่าการงีบระหว่างการทำงานไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ดีเสียอีกที่จะได้พักทั้งกายใจ เวลาเพียง 15 – 30 นาทีนี่แหละที่ช่วยให้คุณมีประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตทั้งวันได้ 

เพราะฉะนั้น อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะ!

NapLab Chula

Writers

ชนิสรา ไชยจะแสนสุข

ชนิสรา ไชยจะแสนสุข

นักสำรวจความคิดมนุษย์ฉบับฝึกหัด ถนัดฟังทุกเรื่องที่มนุษย์เล่า เป้าหมายสูงสุดของชีวิตคือ เข้าใจมนุษย์ที่เรียกว่า ตนเอง

ชลิตา สามหาดไทย

ชลิตา สามหาดไทย

นักเล่าเรื่องจากเมืองหมอลำ มักกินส้มตำตอนเที่ยง เลี้ยงแมวชื่อหมิงเรน

ปารินี รุ่งโรจน์ชัย

ปารินี รุ่งโรจน์ชัย

เป็ดตัวน้อยที่อยากเติบโตเป็นเป็ดที่เเข็งเเรง ชอบสีขาวกับสีฟ้าอ่อน มีความฝันไปดูเเสงเหนือสักครั้งในชีวิต

Photographer

Avatar

ผลาณุสนธิ์ ผดุงทศ

ช่างภาพที่โตมาจากเมืองทอง รักแมว ชอบฤดูฝน และฝันอยากไปดูบอลที่แมนเชสเตอร์