‘ชีวิตที่ดี’ คือคำที่ฉันนึกถึงขณะเดินเนิบช้าอยู่บนผืนหญ้าเขียวของสวนชื่อ Whispering Land
ยามเย็นแบบนี้ ไม่มีผู้คนกรูกันออกจากตึก ไม่มีการจราจรต้องฝ่าฟัน มีแต่ลมเย็น แสงแดดสีทอง หมู่ไม้ บึงน้ำกว้าง และเสียงนกร้อง
นี่คือบรรยากาศแสนรื่นรมย์ในสวนใหม่บนพื้นที่ขนาด 9 ไร่ของร้าน Little Tree จังหวัดนครปฐม

ระหว่างค่อยๆ ละเลียดชมสวนด้วยกัน วิทย์-ศิริวิทย์ ริ้วบำรุง นักจัดสวนฝีมือเยี่ยมและผู้ร่วมก่อตั้ง Little Tree เล่าว่า พื้นที่นี้เคยเป็นแปลงปลูกดอกไม้สำหรับจัดแจกันและทำอาหารในร้าน และเป็นสวนที่ปิ๋ม-ศิริลักษณ์ ริ้วบำรุง พี่สาวใช้จัดค่าย ‘จังหวะชีวิต’ ซึ่งชวนเด็กๆ มาเรียนรู้นอกห้องเรียนผ่านกิจกรรมกลางธรรมชาติ จนเมื่อครอบครัวเริ่มซื้อที่ผืนข้างเคียงจนที่ดินใหญ่ขึ้น ปรับระดับดินจนต้นไม้พ้นน้ำท่วม เริ่มผลิดอกออกผล พวกเขาก็เห็นความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนให้ผืนดินนี้เป็นมากกว่าแค่แปลงดอกไม้


Whispering Land จึงเกิดขึ้น เป็นสวนที่หลอมรวมความฝันและความรักธรรมชาติของครอบครัว Little Tree เอาไว้ เริ่มจากด้านหน้าสวนที่มีเรือนกระจกสีขาวแสนสวยตั้งอยู่ นี่คืออนุบาลต้นไม้ที่เปิดให้คนซื้อพืชพรรณที่ชอบติดมือกลับบ้านได้ หลังจากที่ผ่านมา มีลูกค้าหลายคนมา Little Tree แล้วอยากซื้อต้นไม้ แต่นึกว่าเหล่าต้นไม้เขียวสวยในร้านมีไว้ตกแต่งสถานที่เท่านั้น
เมื่อเดินลึกเข้าไปในสวน จะพบพื้นที่ปลูกดอกไม้ สมุนไพร และพันธุ์ไม้กินได้อย่างส้มจี๊ดหรือมะปี๊ด แล้วอีกไม่กี่เดือน ก็จะมีการสร้างร้านอาหารเล็กๆ ที่หยิบวัตถุดิบในสวนมาปรุงอาหาร
หากสงสัยว่าร้านใหม่ของ Little Tree ต่างจากส่วนคาเฟ่ในสวนสุดฮอตของพวกเขาอย่างไร ปิ๋มบอกว่า ตั้งใจให้เมนูอาหารของที่นี่เป็นอาหารสุขภาพตามฤดูกาล ขณะที่วิทย์เสริมว่า ภาพที่วาดไว้คือร้านชั้นเดียวหน้าตาเรียบง่าย ใช้วัสดุอบอุ่นอย่างไม้เก่ามาผสมกับสังกะสี และอาจเปิดโล่งไม่มีเครื่องปรับอากาศ เพราะพี่สาวของเขาชอบการอยู่กลางธรรมชาติ


นอกจากนี้ วิทย์และปิ๋มยังตั้งใจจะเปิดร้านเฉพาะบางวันและเปิดแบบให้จองโต๊ะล่วงหน้า เพราะอยากให้ร้านแห่งใหม่นี้รองรับลูกค้าที่ชอบบรรยากาศนั่งสบาย ไม่คึกคักเท่าส่วนคาเฟ่ รวมถึงหวังให้ร้านเป็นพื้นที่สำหรับครอบครัว ขณะที่พ่อแม่สัมผัสธรรมชาติผ่านอาหารดีแบบ farm to table เด็กๆ ก็วิ่งเล่นกลางหมู่ไม้ หรือไปดูไก่และเป็ดที่เลี้ยงไว้ตรงริมสวนก็ยังได้ และแน่นอน ปิ๋มก็จะยังคงใช้พื้นที่นี้จัดค่ายสำหรับเด็กๆ ต่อไป
ที่จริงแล้ว พื้นที่ขนาด 9 ไร่นี้อาจสร้างสิ่งใหญ่โต หรือขยับขยายทำอะไรได้มากกว่าที่วิทย์เล่าอีกมาก แต่นักจัดสวนแห่ง Little Tree บอกฉันว่า อยากให้ทุกสิ่งเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป เหมือนที่ Little Tree ซึ่งร่มรื่นด้วยต้นไม้ ก็เริ่มจากการลงมือปลูกต้นกล้าเล็กจิ๋วทีละต้น ทีละต้นบนผืนดิน



“มีคนพูดว่าน้ำขึ้นให้รีบตัก แต่เรามองว่า ตักเยอะก็ล้น คอยเติมอยู่เรื่อยๆ ดีกว่ามั้ย” เขาอธิบายถึงสิ่งที่เชื่อมั่นเสมอ
Whispering Land เคยต้อนรับผู้คนในฐานะสวนเล็กๆ ที่เรียบง่ายแต่รื่นรมย์ โดยเริ่มก้าวแรกด้วยการเป็นที่จัด Little Tree Market หรือตลาดของทำมือในสวนแสนน่ารักที่เริ่มจากการออกร้านของลูกหลานในครอบครัวชาว Little Tree ก่อนขยับมาเป็นตลาดนัดประจำปีอันโด่งดังที่จัดมาถึงปีที่ 10
ปิ๋มบอกว่า ตลาดยังคงวางขายงานฝีมือที่ทำด้วยใจเหมือนเคย แต่ความพิเศษตอนนั้นคือเปิดเช้าขึ้น นอกจากเพราะมีการทำบุญตักบาตร อีกเหตุผลคือวิทย์อยากให้ทุกคนได้ชมความงามของ ‘ดอกหงอนนาค’ ดอกไม้สีม่วงแสนสวยใน Whispering Land ที่จะแย้มกลีบสะพรั่งยามเช้า



และนี่คือสวนแห่งใหม่ที่เกิดขึ้นจากครอบครัวคนรักต้นไม้ เป็นพื้นที่ที่กวักมือชวนคุณมามีช่วงเวลาดีๆ มาฟังเสียงกระซิบจากผืนดิน
“เราตั้งชื่อสวนนี้ว่า Whispering Land เพราะชอบคำว่า Whispering รู้สึกว่ามันเข้ากับสิ่งที่กำลังทำ ถ้ามองว่าผืนดินมีชีวิต เราก็จะดูแลเขา และเราคิดว่าผืนดินส่งเสียงกระซิบผ่านดอกไม้ ต้นไม้ ผ่านทุกอย่างในสวนนี้ บอกว่าถ้าเราดูแลเขา เขาก็จะดูแล ให้ดอกไม้สวยกับเรา” ปิ๋มบอกฉันในสวนที่เหล่าต้นไม้กำลังงอกงาม
