14 มิถุนายน 2024
4 K

‘I AM FINE ! DIVE INTO THE LIVES OF 10 ICONIC ARTISTS’ เป็นนิทรรศการศิลปกรรมที่แตกต่างตรงที่ผลงานศิลปะเป็นแค่สิ่งชูรส แต่เรื่องหลักคือการเปิดตัวหนังสือ 10 เล่มที่เล่าเส้นทางชีวิตกว่าจะมาเป็นศิลปินแถวหน้าของเมืองไทย โดยพวกเขาลงมือเขียนหนังสือเหล่านี้ด้วยตัวเอง

TNC คือผู้อยู่เบื้องหลังการจัดนิทรรศการนี้ พวกเขาเป็นกลุ่มเพื่อนที่มี ‘ความหลงใหลในงานศิลปะ’ เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงทุกคนไว้ด้วยกัน และอยากส่งต่อคุณค่าของงานศิลปะให้เหล่าคนนอกวงการได้สัมผัส จึงเป็นที่มาของ I AM FINE ! DIVE INTO THE LIVES OF 10 ICONIC ARTISTS นิทรรศการศิลปกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อให้คนลองเข้าไปในโลกของศิลปะผ่านชีวิต 10 ศิลปินแถวหน้าของวงการศิลปะไทย ได้แก่ ประทีป คชบัว, วัชระ กล้าค้าขาย, แดง บัวแสน, ธีธัช ธนโชคทวีพร, ชัยณรงค์ กองกลิ่น, จงจิตร มูลมาตย์, เกียรติอนันต์ เอี่ยมจันทร์, อัญชลี อารยะพงศ์พาณิชย์, ออฟ สมิธ และ วิษณุพงษ์ หนูนันท์ 

อย่างที่บอกไปว่าไฮไลต์ในงานนี้ คือ ‘หนังสือ’ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่เหล่าศิลปินขอวางอุปกรณ์สร้างงานศิลปะชั่วคราว แล้วมาเขียนหนังสือเล่าเรื่องชีวิตตัวเอง (หรือจะมองว่าเปลี่ยนมาทำงานศิลปะรูปแบบอื่นก็ได้) หนังสือเปรียบเสมือนการบันทึกแต่ละช่วงชีวิตที่เดินอยู่บนเส้นทางการเป็นศิลปินเอาไว้ เพื่อให้คนอ่านได้รู้จักพวกเขามากยิ่งขึ้น และยังเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่อยากทำงานศิลปะได้ด้วย

นอกจากศิลปินทั้ง 10 คน ยังมีศิลปินคนอื่น ๆ ที่มาร่วมสร้างสีสันในนิทรรศการด้วย ทั้ง อินสนธิ์ วงศ์สาม, วีระพันธ์ ผลธรรมา, สนามชัย พวงระย้า, จักรี คงแก้ว, สุชาติ ม่านทอง, มาลี นารี, อำนาจ ฉลอง, คงศักดิ์ เจียมสากล และ พงษ์ภูธาร ทำดี

คอลัมน์ Take Me Out ไม่พลาดเก็บเรื่องราวของศิลปินที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟัง เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องก่อนตามไปชมนิทรรศการได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 23 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ที่ River City Bangkok 

ที่มาที่ไปและแรงบันดาลใจที่เหล่าศิลปินใช้รังสรรค์งานศิลปะในรูปแบบหนังสือและภาพครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามได้พร้อมกัน

#01

สัจธรรมชีวิต

ประทีป คชบัว

ประทีป คชบัว เป็นที่รู้จักและเชี่ยวชาญด้านการทำงานศิลปะเหนือจริง (Surrealism) งานของเขามักพูดถึงสัจธรรมของสิ่งมีชีวิตที่แฝงด้วยกลิ่นอายความแฟนตาซี 

“รูปเราเป็นเหมือนฉากละคร คนเดินเข้าไปดูและใช้จิต (Mind) สัมผัสงานของเราได้”

‘Heaven for what?’ หรือแปลเป็นไทยว่า หาสวรรค์วิมานอะไร คือหนึ่งในผลงานที่ประทีปนำมาแสดง ภาพวาดของสิ่งมีชีวิตบนโลกที่ต่างดิ้นรนปีนขึ้นไปหาสรวงสวรรค์ 

เหตุผลที่ประทีปเลือกหยิบงานชิ้นนี้มาแสดง เพราะจะทำให้คนดูรับรู้ถึงแนวคิดและวิธีการทำงานศิลปะของเขา ทุกผลงานมักซ่อนเรื่องเล่าที่ประทีปอยากพูด ซึ่งเขาหวังให้เรื่องเหล่านั้นมีประโยชน์กับสังคมและคนทำงานศิลปะรุ่นต่อไป

ส่วนผลงานหนังสือ ใจความหลักอยู่ที่การถ่ายทอดประสบการทำงานหลายสิบปี แต่คำแนะนำในเล่มก็เป็นสิ่งที่ประทีปหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคน ไม่ใช่แค่คนในวงการศิลปะ เหมือนเช่นภาพของเขา

“ในฐานะศิลปินที่เป็นผู้อาวุโส สิ่งที่เราอยากฝากให้คนรุ่นใหม่ ๆ คือเวลาจะสร้างงานขึ้นมาสักชิ้น นอกจากเพื่อให้คนทำพอใจแล้ว สิ่งเหล่านี้ควรมีคุณค่ากับคนรุ่นหลังด้วย”

#02

ความงดงามของผู้หญิง

วัชระ กล้าค้าขาย

“ผมเคยตั้งคำถามว่าอะไรที่สวยงามที่สุด คำตอบก็คือผู้หญิง ผมจึงอยากถ่ายทอดและบันทึกความงามของพวกเธอไว้ และอยากทำให้คนเห็นความสวยงามของพวกเธอ”

ด้วยเหตุผลนี้ ผลงานของ วัชระ กล้าค้าขาย จึงมักถ่ายทอดความงามในผู้หญิงในรูปแบบต่าง ๆ อย่างสรีระ ผิวพรรณ ใบหน้า ฯลฯ ผ่านความนุ่มนวลของลายเส้นที่เขามองว่าช่วยเก็บความงดงามของผู้หญิงไว้ได้ แม้คนที่ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง เมื่อมาดูภาพจะยังคงเข้าถึงความงามของพวกเธอ

“ผมชอบวาดมือ เพราะรู้สึกว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงออกถึงความสวยงาม ทุกภาพของผมจะต้องมีมือเป็นส่วนประกอบ แต่เป็นสิ่งที่คนไม่ค่อยวาดกัน เพราะวาดยาก ถ้าใช้ภาษาศิลปินเขาจะเรียกว่าหนี หนีมือ แต่ผมชอบนะ ไม่หนี”

สำหรับวัชระ สิ่งที่ยากในตอนนี้คือการเขียนหนังสือ เขาก็เหมือนศิลปินหลายคนที่ไม่ถนัดวิธีสื่อสารนี้เอาเสียเลย แต่เมื่อได้เขียนแล้วก็ตั้งใจให้เรื่องเล่าของเขาเป็นประโยชน์กับคนอ่าน

“สิ่งที่เราอยากฝากไว้คือความอดทนและยึดมั่นในตัวเอง ถึงจะอยู่กับงานศิลปะได้ ต้องรู้ตัวก่อนว่าชอบอะไร จะได้มีหลักยึดเป็นของตัวเอง ไม่โดนสิ่งภายนอกมากระทบทำให้เป๋ไปเป๋มา”

#03

พุทธศิลป์สไตล์ยุโรป

แดง บัวแสน

‘พุทธศิลป์ในรูปแบบภาพวาดยุคคลาสสิก’ คือคำอธิบายงานที่ แดง บัวแสน เจ้าของผลงานเล่าให้เราฟัง หลักในการสร้างสรรค์งานของแดง คือการนำ 2 สิ่งที่สนใจอย่างศาสนาพุทธที่ได้รับการปลูกฝังจากผู้เป็นพ่อ และศิลปะที่เป็นความชอบมาผสมเข้าด้วยกัน สไตล์งานศิลปะจะขึ้นอยู่กับว่า ณ ช่วงเวลานั้นแดงสนใจแนวไหน ตอนนี้เขากำลังสนใจศิลปะยุคคลาสสิก ทำให้ผลงานจึงเป็นหลักธรรมะที่เล่าออกมาในรูปแบบภาพวาดฝรั่ง

แดงอธิบายเพิ่มว่า การวาดภาพแนวนี้จะทำให้คนดูเข้าใจหลักธรรมะได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องตีความเยอะ อันเป็นเรื่องที่คนมักจะกังวลเมื่อต้องมาดูงานศิลปะ 

“แต่ละภาพพูดเรื่องหลักธรรมะ อย่างภาพที่ชื่อว่าวัฏจักร เราตั้งใจพูดถึงวัฏจักรที่เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ อย่างสัตว์เล็กกินสัตว์ใหญ่ หรือภาพสุดท้ายที่เป็นภาพมัจจุราช เพื่อสื่อว่าทุกสิ่งล้วนอยู่ใต้ความตาย ไม่มีทางหนีพ้น”

ส่วนผลงานหนังสือ เจ้าตัวออกปากก่อนเลยว่าชีวิตของเขาเรียบ ๆ ถ้าคนอ่านคาดหวังจะได้เห็นความน่าตื่นเต้นอาจไม่เจอ แต่สิ่งที่จะเจอแน่ ๆ และคนเขียนตั้งใจอยากฝากไว้ คือคำแนะนำในการทำงานเป็นศิลปิน

“เชื่อในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจ คือเชื่อในความฝัน แล้วลองหาดูว่ามีวิธีเดินไปที่จุดนั้นอะไรบ้าง อาจจะได้เห็นของเราวิธีหนึ่ง แล้วก็สิ่งที่คนทำงานศิลปะต้องมีด้วย คือความอดทนพยายาม”

#04

ทุกอย่างเคลื่อนไปข้างหน้าโดยมีศิลปะเป็นตัวบันทึก

ธีธัช ธนโชคทวีพร

ธีธัช ธนโชคทวีพร ไม่ได้นิยามว่างานของเขาเป็นสไตล์ไหน เพราะทุกวันนี้โลกของศิลปะเกิดจากการผสมผสานสิ่งต่าง ๆ จนยากจะแบ่งแยกหรือพยายามจัดหมวดหมู่ แนวคิดนี้จึงเป็นสิ่งที่ธีธัชหยิบมาใช้ในงานของตัวเอง 

“แนวคิดหลักที่อยู่ในงานเกือบทุกชิ้นของเรา คือทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องเคลื่อนไป มี 2 อย่างที่ขับเคลื่อนชีวิตมนุษย์ คือความหวังและความเชื่อ ถ้าเชื่ออะไรก็ไปตามนั้น หรือหวังอะไรก็ไปตามนั้น แต่ไม่ว่าจะหวังหรือเชื่ออะไรก็ตาม ต้องอยู่บนความจริง ต้องมีสติอยู่กับความจริง”

ถ้าภาพเป็นประตูบานแรกที่ทำให้บางคนได้รู้จักกับธีธัช งานหนังสือจะเป็นบทสรุปชีวิตที่เจ้าตัวย้ำว่า เฉพาะ ณ วันนี้ 

“เนื้อหาหนังสือของศิลปินแต่ละคนมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไปตามสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต แต่ถ้าเอาเนื้อหามาวางทับกัน จะเห็นจุดที่เหมือน คือความอดทน เพราะเรายืนอยู่บนคำว่าศิลปินยากมาก ๆ โดยเฉพาะบ้านเรา ฉะนั้น ต้องมีความอดทน”

แต่หนังสือของธีธัชก็มีจุดที่ยิ่งทำให้แตกต่างจากเล่มของคนอื่น ๆ คือ “หน้าปกมีรูปมือผมอยู่ (หัวเราะ) ไปลองดูได้”

#05

เด็กอ้วนที่พูดเรื่องสังคม

ชัยณรงค์ กองกลิ่น

ประเด็นสังคมเป็นวัตถุดิบยอดนิยมที่ศิลปินหยิบมาใช้สร้างสรรค์งานของตัวเอง งานของ ชัยณรงค์ กองกลิ่น ก็เช่นกัน เพื่อถ่ายทอดธรรมชาติของมนุษย์ที่ชัยณรงค์สนใจ ในมุมที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเบื้องหลังของตัวมันเอง เราตัดสินเพียงสิ่งที่เห็นด้วยตาเท่านั้นไม่ได้ 

“เรามองว่ามนุษย์เกิดจากธรรมชาติ แต่มนุษย์ก็ชอบทำร้ายธรรมชาติ เพราะบางทีมนุษย์ลืมตัวว่าตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ”

ความกังวลว่าสารที่ตั้งใจจะสื่อในแต่ละภาพ คนดูอาจรู้สึกถึงความรุนแรง คาแรกเตอร์เด็กอ้วนเป็นสิ่งที่ชัยณรงค์หยิบมาใส่ในงาน เพื่อใช้ความน่ารักมาลดน้ำเสียงเครียด ๆ ในงานลงบ้าง 

“เมื่อก่อนเราเป็นคนทำงานสะท้อนสังคม เช่น เด็กเล่นเกม เด็กที่อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมแอดอัด จนกลายเป็นเด็กในกรอบ แต่รู้สึกว่าโทนอารมณ์มันลบจนส่งผลกับตัวเราที่เป็นคนทำงาน เลยอยากเปลี่ยนงานให้ดูน่ารักขึ้น งานชิ้นหลัง ๆ จึงเป็นลักษณะน่ารักแอบจิกกัด แฝงอะไรบางอย่างไว้ด้วย เป็นงาน Conceptual”

ทั้งงานภาพและหนังสือ ชัยณรงค์บอกว่าไม่ว่าคนจะได้อะไรกลับไปบ้าง แต่สิ่งที่เขาคิดว่าคนจะได้เห็นคือความพยายามของเขากับการเดินไปให้ถึงสิ่งที่ฝันไว้ 

#06

ชายมัดจุกที่ศึกษาชีวิตมนุษย์อยู่ใต้น้ำ

จงจิตร มูลมาตย์

ชายมัดผมจุก สวมแว่นตา และไว้เครา คือคาแรกเตอร์ที่ปรากฏอยู่ในงานของ จงจิตร มูลมาตย์เสมอ จงจิตรสนใจเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ จึงไม่พลาดที่จะหยิบประเด็นนี้มาใส่ในงานศิลปะ ซึ่งตอนนี้ ‘กิเลส’ เป็นเรื่องที่เขากำลังสนใจ ภาพที่นำมาแสดงครั้งนี้จึงบอกเล่ากิเลสมนุษย์ในรูปแบบต่าง ๆ อย่างความอยากได้ในวัตถุทั้งมือถือรุ่นใหม่และเงินทอง

จุดเด่นอีกอย่างในงานของจงจิตร คือน้ำ งานช่วงแรก ๆ จงจิตรมักจะวาดให้คนอยู่ใต้น้ำ เพื่อสื่อถึงการที่เขากำลังทำความเข้าใจตัวเอง บางครั้งก็เอาความทุกข์มาทำให้ตัวเองทรมาน เหมือนคนที่อยู่ใต้น้ำ หรือมีกิเลสเข้ามา ทำให้หลงจนกลายเป็นพายเรือวนในอ่าง ชีวิตวนเวียนอยู่กับสิ่งนี้

“ที่เราใส่ตัวเองในงานเพราะไม่อยากไปว่าใคร จริง ๆ มนุษย์ก็ไม่ต่างกันหรอกในเรื่องความรู้สึก มีรักโลภโกรธหลง แค่รูปแบบต่างกัน ถ้าเรารู้จักตัวเอง เราว่าตัวเองก็เหมือนกับกำลังว่าคนอื่นเช่นกัน เมื่อมีคนมาดูภาพของเรา เขาถึงเข้าใจในสิ่งที่เราพูด เพราะชีวิตเขาอาจจะเคยเจอเรื่องแบบเดียวกัน”

#07

กิเลสของมนุษย์

เกียรติอนันต์ เอี่ยมจันทร์

เกียรติอนันต์ เอี่ยมจันทร์ หรือที่คนในวงการ NFT รู้จักกันดีในชื่อ Line Censor งานของเขาเป็นสไตล์ Contemporary Art หรือศิลปะร่วมสมัย พูดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม ภาพที่เขานำมาโชว์ครั้งนี้จึงอัดแน่นไปด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เปรียบเสมือนเป็นหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นความนิยมในอาร์ตทอย โทรศัพท์ รถยนต์รุ่นต่าง ๆ และการจากไปของบุคคลสำคัญ เป็นต้น

“เราว่ามนุษย์คล้าย ๆ กัน มีความอยากได้ มีกิเลส คนนี้อยากมีความสุขกับครอบครัว คนนั้นอยากมีงานดี ๆ ทำ เราเข้าใจธรรมชาตินี้และอยากนำมาถ่ายทอดว่ามีสิ่งนี้เกิดขึ้นโดยเล่าผ่านงานศิลปะ”

เมื่อดูภาพที่อัดแน่นด้วยเรื่องราวและใส่ใจในการลงละเอียด เป็นสิ่งที่คนดูจะมองเห็นได้จากภาพ เกียรติอนันต์ตั้งใจว่าคนดูจะได้เห็นวิธีการทำงานของเขา และเห็นถึงวิธีที่เขานำสิ่งที่สนใจมาทำเป็นงานศิลปะ

#08

หญิงสาวตาโตที่ตั้งใจปรากฏตัวในภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ดู

อัญชลี อารยะพงศ์พาณิชย์

หญิงสาวตากลมโตที่ปรากฏอยู่ในทุกภาพที่ อัญชลี อารยะพงศ์พาณิชย์ วาด เป็นตัวแทนของตัวเธอซึ่งอยากอยู่ในภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ชอบ นิสัยชอบดูภาพยนตร์เป็นสิ่งที่อัญชลีได้จากพ่อ ทำให้เธอเอาใช้มาทำงานศิลปะของตัวเอง

ผสมกับปมที่เธอเคยมี เกิดจากการที่มีคนบอกว่าเธอวาดภาพคนไม่เหมือนจริง ดูเหมือนการ์ตูน ตอนนี้อัญชลีก้าวข้ามคำตำหนิและหยิบทั้ง 2 สิ่งนั้นมาเป็นเอกลักษณ์ในงานตัวเอง 

หากมองภาพของอัญชลีแล้วรู้สึกว่าภาพไม่ชัดก็ไม่ต้องแปลกใจ คุณไม่ได้กำลังมีปัญหาทางสายตา แต่นี่เป็นความตั้งใจของศิลปิน เพราะเธอเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ซึ่งส่งผลต่อการวาดภาพที่ทำให้ตัวเธอต้องวาดละเอียดเป็นพิกเซล (Pixel) หรือหน่วยวัดที่เล็กที่สุดในภาพดิจิทัล

แต่ด้วยใจที่อยากทำงานศิลปะ เธอจึงหาทางที่จะทำงานไปด้วยให้ได้ การเบลอช่วยให้เธอไม่เห็นความชัดเจน โรคย้ำคิดย้ำทำมีปุ่มกดปิดไว้ เธอจึงวาดภาพได้อย่างสบายใจ

“เราอยากให้กำลังใจคนที่มีปัญหาแบบเรา ชอบคิดมาก เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เก็บสิ่งที่คนพูดมาคิด มันทรมานเหมือนต้องต่อสู้กับตัวเองทุกวัน แต่สุดท้ายแล้วเราก็คือเรา เรามีคนเดียวในโลก เก็บคำพูดของคนอื่นมาปรับปรุงงานก็ได้ แต่อย่าคิดไปเอง”

#09

ตั้งคำถามกับความเป็นไปของโลกผ่านบูลด็อก

ออฟ สมิธ

น้อยครั้งที่เราจะมีโอกาสชมผลงานของ ออฟ สมิธ เพราะงานของเขามักได้ไปจัดแสดงที่ต่างประเทศ นิทรรศการ I AM FINE ! DIVE INTO THE LIVES OF 10 ICONIC ARTISTS จึงเป็นโอกาสดีสายอาร์ตไม่ควรพลาด 

งานศิลปะที่เขานำมาจัดแสดงนี้เป็นชิ้นที่ได้แรงบันดาลใจจาก ‘เสียง’ ออฟบอกว่าสำหรับเขา เสียงมีความหมายมากกว่าแค่สิ่งที่ได้ยิน แต่มีบางอย่างซ่อนอยู่ อย่างเช่นความรุนแรง

ออฟเล่าผ่านภาพวาดสไตล์ Pop Surrealism โดยมีจุดเด่นอยู่ที่สุนัขพันธุ์บูลด็อกในอิริยาบถต่าง ๆ ซึ่งออฟมองว่าเป็นตัวแทนของเขา ด้วยใบหน้าที่แสดงความสงสัยตลอดเวลา ตรงกับออฟที่ยังหาคำตอบในหลาย ๆ เรื่องอยู่เสมอ โดยหวังว่าจะมีงานศิลปะเป็นพื้นที่วาดคำตอบ

เรื่องที่พูดผ่านภาพอาจไม่ตรงใจคนดู หรือทำให้เกิดความขัดแย้ง ทำให้สิ่งที่ออฟอยากให้ศิลปินรุ่นใหม่ฝากหนังสือ คือมีความจริงใจในการทำงานและการซื่อสัตย์กับความคิดตัวเอง ทำในสิ่งที่อยากทำ ถึงจะยืนระยะยาวในการเป็นศิลปินได้ยืนยาว

#10

ทุกอย่างเนรมิตได้ผ่านศิลปะ

วิษณุพงษ์ หนูนันท์

วิษณุพงษ์ หนูนันท์ ศิลปินที่จรดพู่กันรังสรรค์ภาพเด็กสาวสวมใส่เวล (Veil) ขึ้นมา บอกว่าเป็นการจินตนาการถึงอนาคตของลูกสาว แม้ว่าช่วงเวลานั้นยังมาไม่ถึง และเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ถึงวันนั้นหรือไม่ แต่งานศิลปะจะเป็นตัวช่วยให้เขาได้เห็นสิ่งเหล่านั้น ผ่านพู่กันและผืนผ้าใบ

“พอเราได้เลี้ยงลูก ถึงรู้ว่าการเลี้ยงลูกก็ต้องใช้จินตนาการเหมือนตอนทำงานศิลปะ อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ อย่างจินตนาการว่าตัวเราจะอยู่ถึงวันที่ได้เห็นเขาแต่งงานไหม ซึ่งในโลกของศิลปะ เรามองเห็นภาพในวันนั้นได้เลย ผ่านการสร้างงานจิตรกรรมขึ้นมา”

งานของวิษณุพงษ์เป็นภาพวาดและประติมากรรม ทำให้เขามักโดนตั้งคำถามว่า เขาเป็นศิลปินที่ทำงานประเภทไหน เขาเคยพยายามหาคำตอบจนกลายเป็นความกดดันตัวเอง

ณ วันนี้คำถามเหล่านั้นไม่มีผลกับวิษณุพงษ์แล้ว เพราะศิลปะทุกประเภทต่างมีคุณค่า ไม่จำเป็นต้องแบ่งแยก และนำมันมารวมกันได้ งานอีกชิ้นที่วิษณุพงษ์เลือกมาแสดงจึงเป็นการเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างงานจิตรกรรมกับประติมากรรมที่เขารู้สึก ต่างช่วยสนับสนุนกันและกัน ศิลปินบางคนอาจวาดภาพก่อนแล้วค่อยมาสร้างเป็นประติมากรรม บางคนทำตรงข้าม หรือใครจะเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เพราะสุดท้ายแล้วมันคือการเลือกทำสิ่งที่ตัวเองพึงพอใจ นี่คือคำแนะนำที่เขาอยากฝากให้ศิลปินรุ่นใหม่ ผ่านทั้งผลงานภาพและหนังสือ

ตามไปชมนิทรรศการ I AM FINE ! DIVE INTO THE LIVES OF 10 ICONIC ARTISTS ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 23 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ที่ River City Bangkok ห้อง RCB 1 – 3 ชั้น 2 (เข้าชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย) พร้อมกับจับจองหนังสือและสินค้าที่ออกแบบโดยศิลปินได้ภายในงาน

และเพื่อให้โลกแห่งศิลปะแผ่ขยายออกไปได้ไกลยิ่งขึ้น มหาวิทยาลัยที่มีการเรียนการสอนสาขาด้านศิลปะและสนใจหนังสือของ 10 ศิลปิน ติดต่อมาทาง Facebook : TNC เพื่อรับหนังสือ 10 เล่มโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ เพียงระบุชื่อสถาบันและที่อยู่ในการจัดส่งหนังสือ 

ส่วนถ้าใครอยู่ในวัยเรียนเป็นนักเรียน-นักศึกษาและสนใจซื้อหนังสือ เพียงแสดงบัตรประจำตัวนักเรียนหรือนักศึกษา จะได้รับส่วนลด 40% เหลือ 300 บาทจากราคา 500 บาท

Writer

เพ็ญสินี ธิติธรรมรักษา

เพ็ญสินี ธิติธรรมรักษา

ชีวิตขับเคลื่อนด้วยแสงแดดและหวานร้อย

Photographer

Avatar

เธียรสิน สุวรรณรังสิกุล

ปัจจุบันกำลังหัดนอนก่อนเที่ยงคืน