“น่าจะเลยแล้วค่ะพี่ ต้องถอยรถไปนิดหนึ่ง” ฉันบอกพี่แท็กซี่ระหว่างรถแล่นอยู่ในซอยเย็นอากาศ 1 

จุดหมายของเราคือร้าน Selected Shop ในซอยเล็ก ๆ ที่แยกจากถนนหลักเข้าไปอีกที เมื่อพี่แท็กซี่ถอยรถกลับมาเลี้ยวเข้าถูกจุด เราก็มาถึงร้านที่ซ่อนตัวอยู่ในทาวน์เฮาส์หลังหนึ่ง ฉันก้าวผ่านป้ายชื่อ lucky13th ที่มีลวดลายกุ๊กกิ๊กเพนต์อยู่รายรอบ เปิดประตูเข้าไปพบข้าวของแสนกุ๊กกิ๊กที่บางส่วนยังไม่ได้จัดเข้าที่ 

นี่คือร้านของ ตุ๊กตา-พนิดา เอี่ยมศิรินพกุล ที่มีชีวิตอยู่ล้อมรอบเรื่องราวน่ารักกุ๊กกิ๊กมาตลอดชีวิต 

ในมิติคนทำหนังสือ เธอเป็นบรรณาธิการบริหารนิตยสารวัยรุ่นอย่าง Knock Knock! ที่เป็นแหล่งแจ้งเกิดของดาราสาวหลากหลายคน บรรณาธิการสำนักพิมพ์ polkadot ที่ทำหนังสือน่ารักถูกใจสาวนักอ่าน นักเขียนหนังสือนำเที่ยวด้วยสายตากุ๊กกิ๊กที่เรียกว่าซีรีส์ Guggig Guide (กุ๊กกิ๊ก ไกด์) และผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์แม่และเด็กอย่างสำนักพิมพ์ Yayee (ยาหยี) และเพจเที่ยวรอบลูก

ในมิติคนทำร้าน เธอทำร้าน lucky13th ที่เริ่มด้วยคอลเลกชันเสื้อผ้าออกแบบเองสู่การคัดสรรของกุ๊กกิ๊กรอบโลกมาถึงมือคนไทย

ในมิติคุณแม่ เธอเป็นคุณแม่ของ เด็กหญิงชื่นใจ และ เด็กชายขุนเขา ที่เรามักได้เห็นชีวิตครอบครัวที่น่ารักและมีสไตล์ตั้งแต่การแต่งตัว การเรียน จนถึงการเดินทางท่องเที่ยว 

ในวาระที่ร้าน lucky13th ซึ่งอยู่บนออนไลน์มานานนับสิบกว่าปี กลายร่างเป็น Selected Shop แบบออฟไลน์เต็มตัว เราถือโอกาสนั่งลงพูดคุยกับเธอถึงชีวิตที่แสนจะน่าอิจฉาและการตัดสินใจลงหลักปักฐาน

ตุ๊กตาวางแก้วน้ำลายดอกไม้ลงตรงหน้าเราเป็นการต้อนรับ แล้วนั่งลงคลี่ชีวิตหลากมิติซึ่งสะท้อนอยู่ในเนื้อของร้าน Selected Shop สุดกุ๊กกิ๊กแห่งนี้

ร้าน Selected Shop โดยลูกสาวเจ้าของร้าน Selected Shop

“เราคิดว่าของน่ารักกุ๊กกิ๊กคือของที่มีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งสายตามองเห็นของกุ๊กกิ๊กของเรามาจากแม่เป็นหลัก สมัยสาว ๆ แม่เราขายของแบบนี้เหมือนกัน ขายผ้าเช็ดหน้า ขายของที่นำเข้าจากต่างประเทศ แล้วแม่ก็เป็นคนเก็บของเก่งและเก็บของดีมาก พอแม่แต่งงาน เลิกทำร้าน เราซึ่งเป็นลูกคนเล็กก็มีของเล่นเป็นของในบ้าน ได้เห็นผ้าเช็ดหน้าที่เย็บริมแบบโค้งเป็นก้นหอย ถุงเท้าที่มีระบายลูกไม้ เหยือกน้ำและจานสวย ๆ แล้วเราก็จะได้เห็นวิธีเลือกของของแม่เวลาแม่ไปตัดเสื้อผ้า ที่บ้านเราจะมีผ้ากองอยู่เป็นตั้งเลย

“แม่เราไม่เคยพูด ไม่เคยสอนอะไร แต่ทุกอย่างอยู่ในชีวิตประจำวัน พออยู่ชั้นประถมต้น เราก็เริ่มสะสมของกุ๊กกิ๊ก ชิ้นแรก ๆ ที่เริ่มเก็บคือกระดาษเขียนจดหมายซึ่งถึงตอนนี้ก็ยังอยู่ แล้วพอโตขึ้น น่าจะช่วงที่เป็นบรรณาธิการนิตยสาร Knock Knock! เราเริ่มทำแบรนด์ lucky13th เป็นงานอดิเรก เริ่มจากการขายเสื้อผ้าที่ตัดเย็บเอง ก่อนจะเลิกไปเพราะพ่ายแพ้การต้องไปคุยงานกับช่างตัดเสื้อ หลังจากนั้นเราเริ่มออกเดินทาง เป็นนักเขียนไกด์บุ๊ก ไปเจอจานวินเทจ ก็เริ่มชอบ สะสม แล้วเลยลองเลือกมาขาย ปรากฏว่าขายดีมาก เลยคิดว่าลองมาทางนี้แล้วกัน แล้วก็ใช้ชื่อแบรนด์เดิมนี่แหละ

“เราทำร้าน lucky13th กับหุ้นส่วนอีกคน คุยกันมาเรื่อย ๆ เรื่องการเปิดหน้าร้านเป็นโชว์รูมให้คนได้มาจับของจริง จนหุ้นส่วนโอเคก็เลยตัดสินใจเปิดร้าน

ร้านออฟไลน์ที่สะท้อนตัวตนวัย 40

“ถ้าเราทำร้านนี้เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วจะไม่เรียบง่ายขนาดนี้ มันอาจไม่ได้ตั้งอยู่ตรงนี้ วางตัวแบบนี้ เราให้คำนิยามร้านนี้ว่า ‘ร้านบ้าน ๆ ที่ขายของบ้าน ๆ’ เพราะรู้สึกว่าร้านนี้ให้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน อยู่ในพื้นที่ซึ่งเข้ามาแล้วไม่ต้องเกร็ง ทุกอย่างไม่ได้สวยเป๊ะ จนไม่กล้าหยิบจับอะไร และต่อไปก็อาจจะมีคาเฟ่ มีที่ให้คนมานั่งเล่น มีชา กาแฟ ขนมแบบที่เราชอบกิน ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป

“ถ้าเป็นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เราคงอยากให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ เหมือนตอนถ่ายแฟชั่นเซต เราต้องการช่างภาพคนนี้ สไตลิสต์คนนี้ นางแบบ ฯลฯ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่เราบริหาร รวมถึงคิดว่าตัวเองคือตุ๊กตา polkadot เราจะถือสิ่งนี้ไว้ เป็นแบรนดิ้งว่าเป็นผู้หญิงประมาณไหน แต่วันนี้ทุกอย่างง่ายขึ้น ไม่ต้องสมบูรณ์แบบขนาดนั้น คลี่คลายกว่านั้น 

“เราคิดว่าที่เป็นอย่างนี้เพราะนิสัยจริง ๆ เราเป็นคนยืดหยุ่น ประสบการณ์ในชีวิตทั้งดีและไม่ดีหล่อหลอมให้เรายอมรับสิ่งต่าง ๆ ได้ อายุที่เยอะขึ้นก็มีส่วนมาก อีกเหตุผลคือชีวิตเราตอนนี้อยู่ตรงกลางของทุกอย่าง แบบที่เขาเรียกว่าเป็น Sandwich Generation ใช่ไหม เราอยู่ระหว่างการเป็นลูกของพ่อแม่ และเป็นแม่ของลูก เราเลยรู้สึกว่าสิ่งเรียบง่ายคือสิ่งดีที่สุด ตอนเด็กในวันเกิดเราอยากได้การทำเซอร์ไพรส์ ตอนออกหนังสือเราคาดหวัง ตอนนี้เราไม่ชอบความตื่นเต้นแล้ว มันสั่นไหวหัวใจมากเกินไป

“อาจเป็นเพราะรู้แล้วด้วยว่าตัวเองเป็นใคร ชอบอะไร ในชีวิตมีใครบ้าง มันชัดเจน ไม่ต้องไปบอกใครให้ยอมรับฉันสิ เมื่อทำผลงานออกมาแล้ว เราก็รู้สึกว่าตัวเองหมดหน้าที่แล้ว คนจะชอบหรือไม่ชอบ หรือคิดยังไงกับมัน เป็นเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้แล้ว”

ร้านของบรรณาธิการ

“บรรณาธิการคือการได้ช่วยทำให้ความฝันของคนคนหนึ่ง ของนักเขียนสำเร็จออกมา โดยเราจะมีภาพชัดอยู่ในหัวของสิ่งที่เราจะทำ เสร็จแล้วหน้าที่ของเราคือทำให้มันเป็นตามภาพนั้น อย่างตอนทำร้านนี้ เราเข้ามายืน แล้วเห็นว่าตรงนี้น่าจะมีตู้ประมาณนี้ ทำเป็นร้านแล้วจะมีบรรยากาศประมาณนี้ คือมีภาพเสร็จแล้วในหัวเลย 

“แต่ถ้าเรื่องอะไรก็ตามที่เราไม่เห็นภาพเลย มันจะงง ๆ แล้วก็จะทำไม่ค่อยได้ อย่างเราอยากทำช่องยูทูบของตัวเองมาหลายปีแล้ว แต่ไม่เห็นภาพตัวเองเป็นคนหน้ากล้องเลย สุดท้ายเลยคิดว่ารอซัพพอร์ตตอนลูกทำน่าจะดีกว่า”

ร้านขายสิ่งของที่ ‘ไม่จำเป็น’ กับชีวิต

“ของในร้านนี้อาจดูเหมือนเป็นของนอกเหนือความจำเป็น พูดง่ายๆ ก็เป็นของไร้สาระนั่นแหละ เพราะฉะนั้น เราไม่ได้คาดหวังว่าคนเข้าร้านมาแล้วต้องซื้อเลย รู้สึกว่าเข้าใจได้ ส่วนเราเอง ของกุ๊กกิ๊กจำเป็นในแง่เยียวยาจิตใจ เราเก็บของพวกนี้เยอะมากมาตั้งแต่เด็ก พวกสมุดนี่คือเก็บแล้วไม่เอามาเขียนด้วย แต่พอโตมากแล้ว เราก็รู้สึกว่ามันเป็นความรักที่ทั้งมีความสุขและมีความทุกข์ หลัง ๆ เลยซื้อน้อยลง แล้วก็สอนลูกว่าชอบอะไรก็ถ่ายรูปไว้แทน (หัวเราะ)

“แต่กับของบางอย่าง ถ้าจะใช้เราก็เปลี่ยนมาซื้อ 2 อัน มีอันหนึ่งเก็บไว้ยังไม่ใช้อยู่ดี แย่กว่าเดิม (หัวเราะ)” 

ร้านซึ่งเป็นสถานที่ทำงานเพื่อรักษาสมดุลชีวิต

“ร้านนี้เป็นเหมือนบ้าน แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเหมือนออฟฟิศด้วย เราชอบทำงานมาก และการทำงานเป็นการรักษาสมดุลชีวิต เราเป็นแม่ที่ไม่ทำงานแล้วเลี้ยงลูกอย่างเดียวไม่ได้ ให้เลี้ยงลูกเป็นงานก็ไม่ได้ เพราะเวลาทำงานเราจริงจัง ถ้าเราทำแต่อาชีพแม่ ลูกคงไม่มีความสุข

“เราให้ความสำคัญกับลูกเป็นลำดับต้นอยู่แล้ว แต่เราก็สอนลูกด้วยว่าเขาต้องเคารพชีวิตเราเหมือนกัน เพราะเราเป็นมนุษย์ที่อยู่ในสังคมเดียวกัน คือสังคมครอบครัว เขาต้องรู้ว่าทุกคนมีเวลาส่วนตัว ต้องเข้าใจว่าที่บางครั้งเราไม่ได้ไปงานโรงเรียนเพราะเราติดงานอื่นๆ ด้วย

“เราเคยคิดไว้ว่าจะเป็นแม่แบบไหน แต่พอมีลูก เราวางทุกตำรา เลี้ยงแบบเป็นตัวเรามาก ๆ อย่างสังคมสอนให้เลี้ยงลูกด้วยพลังบวก แต่บางครั้งเราก็พลังบวกไม่ทันแล้ว พร้อมบวกอย่างเดียว (หัวเราะ) แต่หลังจากนั้นเราก็รู้สึกผิดและขอโทษเขา ที่แม่ทำตัวไม่น่ารัก บอกเขาว่าเราไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนั้นเลย แล้วก็ให้อภัยตัวเอง ให้อภัยลูก ให้อภัยเหตุการณ์นั้น แล้วก็เริ่มต้นใหม่

“ขณะเดียวกัน การมีลูกก็เปลี่ยนแปลงเราหลายเรื่อง ให้บทเรียน ให้ความรู้สึกใหม่ๆ ให้เราได้เรียนรู้ เช่น เราเก็บจานสวย ๆ มาเป็นสิบปี ลูกทำแตก ตอนใบแรกเรารู้สึกว่า โอ๊ย เสียดาย เสียใจ แต่พอถึงใบที่ 2 3 4 5 ก็ช่างมัน โวยวายไปแก้วก็ไม่กลับมาละ บอกลูกให้เก็บกวาด เดี๋ยวโดนแก้วบาด การมีลูกปลดล็อกอะไรหลายอย่างที่เคยเกี่ยวเราเอาไว้ เรารู้สึกว่าโอเค เราชอบนะ ดีเหมือนกันที่ไม่ไปยึดติด แต่อย่าทำแตกบ่อย”

ร้านที่เป็นบทเรียนให้ลูกสาว

“หนึ่งในเหตุผลที่เปิดร้านนี้ คือเราอยากให้ลูกเห็นกระบวนการของการทำงาน เราเป็นฟรีแลนซ์ ทำงานเป็นโปรเจกต์ บางทีไปอีเวนต์ แต่งตัว ยืนยิ้ม ถ่ายรูปเสร็จกลับบ้าน ทุกอย่างมันจับต้องไม่ได้เลย แล้วจะเอาอะไรไปสอนลูกว่าเราทำงานไปเพื่ออะไร เวลามาขอซื้อของ เขาก็จะไม่รู้เลยว่าของที่จะซื้อนี่เราต้องขายของหลายชิ้นถึงจะซื้อได้

“การทำร้านนี้เลยเป็นเหมือนการสอนให้เขาได้รู้ว่าการทำงานมีกระบวนการยังไงบ้าง ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะดูเหมือนได้มาง่าย ๆ สบาย ๆ จังเลย”

ร้านและชีวิตที่สร้างมากับมือ 

“ร้านของเราชื่อว่า lucky13th มาจากการที่เราเกิดวันที่ 13 เลยคิดว่านี่เป็นตัวเลขที่ดี แต่เราไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนโชคดี ที่จริงแล้วชีวิตเราที่มาถึงตรงนี้ได้ เราว่าตัวเองได้รับโอกาส ซึ่งเรารู้สึกขอบคุณโอกาสต่าง ๆ ขอบคุณตัวเองที่ในตอนนั้นตัดสินใจอย่างนั้น และมองว่าเพราะเราเคยทำสิ่งหนึ่ง เลยทำให้เราได้รับอีกสิ่งตามมา อย่างการที่เราได้โอกาสเป็นบรรณาธิการบริหารนิตยสาร Knock Knock! เราอายุ 23 – 24 เอง เราก็รู้สึกขอบคุณพี่ ๆ ผู้บริหารที่ให้โอกาส แล้วก็ลงมือทำ

“เราเป็นคนอยากได้อะไรต้องทำ ไม่ได้มีโชคชะตานำมาให้ ร้านนี้เอง พอเราลุกขึ้นมาทำมันถึงเป็นอย่างที่เห็น เรามีทุกอย่างในตอนนี้เพราะเราลงมือทำ”

3 ของกุ๊กกิ๊กจากร้าน lucky13th
ที่บ่งบอกความเป็น ตุ๊กตา พนิดา

1. ตุ๊กตาแม่ลูกดก

เราชอบสะสมตุ๊กตาแม่ลูกดก ชอบที่เปิดมาแล้วเจอตุ๊กตาตัวเล็กอีกไปเรื่อย ๆ แล้วก็ไม่ได้ชอบตุ๊กตาแบบออริจินัลของรัสเซีย แต่ชอบแบบที่มีศิลปินนำมาปรับเปลี่ยนแล้ว อย่างตุ๊กตาตัวนี้เป็นของ Nathalie Lété ศิลปินฝรั่งเศสที่เราชอบ

2. โคมไฟรูปเห็ด

เห็ดเป็นสิ่งหนึ่งที่เราชอบมากมาตั้งแต่เด็ก อะไรที่มีเห็ดเป็นส่วนหนึ่งจะน่ารัก ของในร้านนี้จึงมีเห็ดเยอะมาก ที่บ้านเราจะมีของสะสมแบ่งเป็นช่อง ๆ โดยหนึ่งในนั้นคือของที่เกี่ยวกับเห็ด

3. จานเพนต์ลาย

จานนี้เป็นของ oohlala1537 ศิลปินเกาหลี เราว่ามันกุ๊กกิ๊กมาก แต่ก็มีความตลกอยู่ ซึ่งคำว่าตลกของเราคือน่ารัก อย่างเด็กผู้หญิงก็จะหน้านิ่งมาก ตัวเราเองก็มีความ Contrast อยู่ อย่างภาพลักษณ์เราดูหวาน ดูเป็นผู้หญิง แต่ที่จริงนิสัยใจคอเราเหมือนผู้ชาย

Writer

ธารริน อดุลยานนท์

ธารริน อดุลยานนท์

สาวอักษรฯ ผู้หลงรักการเขียนเสมอมา และฝันอยากสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ด้วยสิ่งที่มี ณ จุดที่ยืนอยู่ รวมผลงานการมองโลกผ่านตัวอักษรไว้ที่เพจ RINN

Photographer

มณีนุช บุญเรือง

มณีนุช บุญเรือง

ช่างภาพสาวประจำ The Cloud เป็นคนเชียงใหม่ ชอบแดดยามเช้า การเดินทาง และอเมริกาโน่ร้อนไม่น้ำตาล