ระยะทางจากกรุงเทพฯ ถึงอำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง สองข้างทางบนถนนสายเล็ก ๆ เต็มไปด้วยพื้นที่เกษตรกรรม สลับกับป่ายางสีเขียวชอุ่ม เพียงครู่จากวัดหนองปรือ รถก็มาจอดที่ ‘Nathan Farm’ (เนตัล ฟาร์ม) แห่งนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างพลันสดใสดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา เช่นเดียวกับ นัท-ณัฐกร ลี้รัตนพานิชย์ เจ้าของฟาร์มอารมณ์ดีแห่งนี้ที่ออกมาต้อนรับเราอย่างเป็นมิตร

นัทชวนพวกเราไปยังห้องรับรองซึ่งอยู่ใต้อาคารที่พัก ภายในนั้นตกแต่งด้วยโทนสีขาวเรียบง่าย มีพื้นที่ครัวเล็ก ๆ ให้แขกที่มาพักได้ลองเข้าครัวประลองฝีมือทำอาหาร นัทเดินเข้าไปหลังเคาน์เตอร์บาร์ หยิบแก้วจากชั้นวาง แล้วค่อย ๆ จัดแจงเทน้ำอัญชันมะนาวให้เราดื่ม เวลคัมดริงก์แก้วนี้สดชื่นจริง ๆ เลย

Nathan Farm คือฟาร์มและฟาร์มสเตย์วิถีเกษตรอินทรีย์ที่ชวนแขกมาพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบ แถมได้ลองใช้ชีวิตแบบพึ่งพาตัวเองด้วย และไฮไลต์ของที่นี่คือสวนเขาวงกตต้นไทรที่สร้างขึ้นอย่างสวยงาม (ไอเดียและฝีมือนัท) หากเดินลึกเข้าไปจะเจอกับเล้าแม่ไก่สาวอารมณ์ดีที่วิ่งเล่นกันสนุกสนาน ส่งเสียงกระต๊าก ๆ รอให้เราเข้าไปเก็บไข่ไก่สด ๆ มากโภชนาการมาปรุงอาหาร 

เครื่องดื่มสีฟ้าพร่องไปกว่าครึ่ง ได้เวลาที่เราต้องชวนนัทคุยถึงความเป็นมาของที่นี่

ก่อนผันตัวมาเป็นเกษตรกร นัทเคยทำงานธนาคารด้าน Business Development จนถึง Customer Experience Management ซึ่งจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาแววตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงแปลงผัก โคกหนองนา หรือฟาร์มไก่ เริ่มต้นตอนที่นัทมาช่วยภรรยาดูแลและพัฒนาที่ดินบางส่วนในฉะเชิงเทรา

“มีโมเมนต์หนึ่งที่เราจำได้ดี คือเราเข้าไร่ไปเก็บข้าวโพดกับคนงาน ซึ่งก่อนหน้านั้นเราช่วยเขาตั้งแต่ลงดินยันเก็บเกี่ยว จังหวะที่หันไปมอง โห! ข้าวโพดเต็มรถเลย มันเหลืองสวยมาก ๆ แล้วเราก็ปีนขึ้นไปนั่งบนกองข้าวโพด ท่ามกลางฝนตกพรำ ๆ เรามีความสุขจังเลย ในฐานะคนปลูกที่ได้เห็นผลผลิต”

แววตานัทสุกสกาวเมื่อเล่าถึงความประทับใจ ก่อนเปรยถึงจุดเริ่มต้นของ Nathan Farm

เดิมพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่นา นัทพัฒนาพื้นที่ด้วยโคก หนอง นา โมเดล และขุดบ่อน้ำเพื่อใช้ในพื้นที่พร้อมตั้งใจทำเกษตรอินทรีย์ หลังจากพื้นที่พร้อม เขาเริ่มทำโกดังเก็บปุ๋ยและขายปุ๋ย ซึ่งเกิดมาพร้อมสวนเขาวงกต จากนั้นขยับขยายมาเรื่อย ๆ มีนา โรงสีข้าว ฟาร์มแม่ไก่ แปลงปลูกผัก บ่อเลี้ยงปลา ฯลฯ 

ไอเดียต่อยอดฟาร์มเป็นฟาร์มสเตย์มาจาก ป๊อป น้องชายของนัท เป็นโฮสต์หรือเจ้าของที่พักหลายแห่งในแพลตฟอร์ม Airbnb จึงเห็นโอกาสและความเป็นไปได้ที่ Nathan Farm แห่งนี้

เขาช่วยนัทออกแบบประสบการณ์ ห้องนอน และบรรยากาศ ให้แขกสะดวกสบายที่สุด

“พื้นที่ชั้นล่างเราออกแบบเอง ลักษณะล้อไปกับโกดังเก็บปุ๋ยที่ก่อด้วยอิฐ อาคารหลังนี้เลยโชว์ผิวอิฐเช่นกัน แต่ทาสีขาวเพื่อให้เห็นแล้วรู้สึกสบายตาและเชิญชวนให้เข้ามาพัก” นัทเล่าเหตุผล

เราขอพาผู้อ่านไปสำรวจที่พักแต่ละมุมด้วยกัน เริ่มจากด้านนอกที่มีกระจกทรงกลมน่ารักเหมือนบ้านในการ์ตูน จนคนนอกหลงเข้ามาเพราะคิดว่าเป็นคาเฟ่อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเจ้าบ้านบอกว่าไม่ใช่ (ฮา)

เมื่อผลักประตูเข้าไป เจอกับพื้นที่อเนกประสงค์ พร้อมโต๊ะ-เก้าอี้หลายชุดที่ดัดแปลงเป็นห้องกินข้าวหรือมุมนั่งทำงานสุดชิลล์ก็ได้ นัทบอกว่ายามไม่มีแขกมาพัก พื้นที่นี้จะกลายเป็นห้องรับรองเกษตรกรที่มาประชุมในวาระต่าง ๆ ใกล้กันนั้นมีแพนทรีสะอาดเอี่ยม และเครื่องครัว-จานชามครบครัน 

นัทอนุญาตให้แขกเดินเก็บผัก เก็บไข่ไก่มาปรุงอาหารได้ สมกับเป็นฟาร์มสเตย์จริง ๆ 

เอาล่ะ เดินทัวร์กันต่อ บริเวณชั้นล่างมีประตูเชื่อมไปยังชั้น 2 หลังบานประตูเป็นห้องน้ำและห้องอาบน้ำแยกชาย-หญิง เราแนะนำว่าถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ให้ลองไปอาบน้ำบริเวณสวนซึ่งติดกับอาคารที่พัก เป็นพื้นที่อาบน้ำกลางแจ้งท่ามกลางธรรมชาติสีเขียว เด็ก ๆ น่าจะถูกใจ

ชั้น 2 มีลานกว้างเปิดโล่งสำหรับหย่อนใจ หากมองลงมาจะเห็นสวนไทรเกาหลีที่จัดวางเป็นเส้นทางเขาวงกต พร้อมด้วยแม่ไก่สาวอารมณ์ดีกว่า 200 ตัวที่วิ่งเริงร่า บ้างหยอกล้อกันอยู่ในสวน 

เราถามนัทด้วยความสงสัยและสีหน้าฉงนว่า ทำไมต้องทำสวนไทรเขาวงกต 

“เป็นความชอบส่วนตัว แต่ภรรยาไม่เห็นด้วย” เขาหัวเราะ “เราซื้อไทรมาเป็นพัน ๆ ต้น แล้ววางตามแบบเขาวงกตที่อยากได้ เราว่าทำแล้วก็มีประโยชน์นะ พอมีฟาร์มไก่ด้านหลังยิ่งเห็นประโยชน์มากขึ้น เพราะสวนไทรต้องการการดูแล พอเลี้ยงไก่ ไก่กินอาหารแล้วก็ถ่าย กลายเป็นปุ๋ยและทำให้ดินอุ้มน้ำดีขึ้นด้วย เดี๋ยวนี้ผ่านหน้าแล้งด้วยการไม่รดน้ำ ไทรก็ยังรอด” ชายผู้ผ่านด่านภรรยายิ้มน้อย ๆ

คุณพ่อของนัทกระซิบเขิน ๆ ให้ฟังว่า เคยมีฝรั่งมาเดินเล่นแล้วหลงในเขาวงกตจนต้องโทรตามคุณพ่อให้มาช่วยออกไป คุณพ่อแนะทริกให้ว่า ถ้าไม่อยากหลง ให้เดินตามแผ่นปูนคอนกรีต

ที่นี่มีห้องพักเพียง 1 ห้อง พักได้ 3 คน ตกแต่งแบบเรียบง่าย อบอุ่น เน้นอยู่สบายและมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น ภายในห้องพักมีกระจกสี่เหลี่ยมบานใหญ่ไว้พักสายตา เมื่อมองออกไปเผยให้เห็นเส้นขอบฟ้าตัดกับต้นไม้สีเขียวขจี มีโต๊ะเล็ก ๆ ริมหน้าต่าง เหมาะกับการจิบกาแฟนั่งมองธรรมชาติ

แขกที่มาพักที่ Nathan Farm มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ บ้างอยู่นานเป็นเดือน เพราะเป็นกลุ่ม Digital Nomad ซึ่งทำงานที่ไหนก็ได้บนโลกนี้ ขอแค่ Wi-Fi แรง ๆ ก็เพียงพอ หรือนักท่องเที่ยวต่างชาติบางคนก็ต้องการหาจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ ในประเทศไทย ขนาดว่าลงเครื่องจากสนามบินสุวรรณภูมิก็ตรงดิ่งมาฉะเชิงเทราทันที นัทว่าหลังจากพักที่นี่จนหนำใจ นักท่องเที่ยวท่านนั้นปักหมุดไปพัทยาต่อ ซึ่งกลุ่มครอบครัวก็นิยมมาพักผ่อนที่นี่เช่นกัน เด็ก ๆ ชอบมาก เพราะได้เล่นสนุกและเรียนรู้ธรรมชาติ ขณะเดียวกันพ่อแม่ก็ได้พักผ่อน อ้อ ที่นี่ยังมีโซนบ้านพักที่รองรับกลุ่มเพื่อนหรือกลุ่มครอบครัวใหญ่ด้วยนะ 

สำหรับเรา เสน่ห์ของที่นี่คือประสบการณ์ เพราะมีกิจกรรมหลากหลายทั้งเก็บไข่ ปลูกผัก พายเรือ และชมโรงสีข้าวขนาดเล็กที่ทำให้เรารู้จักและเรียนรู้วิถีชีวิตเกษตรกร ไปพร้อม ๆ กับการกิน-อยู่แบบพึ่งพาตนเอง ซึ่งนี่คือจุดมุ่งหมายหลักของนัทที่อยากให้แขกได้รับ ที่สำคัญ มีพื้นที่สำหรับเด็กให้คลุกดิน คลุกฝุ่น เล่นกับเต่า คุยกับกระต่าย ซึ่งบรรยากาศและประสบการณ์เหล่านี้หาได้ยากยิ่งนักในเมืองใหญ่ 

แต่นัทไม่ได้บังคับให้แขกทุกคนต้องสวมบทบาทเจ้าของฟาร์มนะ เขาเข้าใจดีว่าแขกโหยหาการพักผ่อน และบางทีแดดประเทศไทยก็ร้อนเกินกว่าจะออกไปเก็บผัก พายเรือ หรือเก็บไข่ไก่สด ๆ น่ะ 

“เราว่าคนเมืองเขาแสวงหาความเงียบสงบแบบคนเมือง เขาไม่ได้อยากอยู่บ้านไม้ เขาอยากอยู่ห้องแอร์ อยากเห็นอะไรสะอาดตา เรารู้ว่ามีความต้องการแบบนี้อยู่ ซึ่งที่นี่แหละคือที่ที่เขาตามหา

“เราอยากให้แขกที่มาพักที่นี่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิถีเกษตรอินทรีย์ เขาอาจนำไปปรับใช้ต่อได้ และตระหนักถึงการกินมากขึ้น เพราะบางทีเรากินผลผลิตนอกฤดูกาล อาจทำให้ได้รับสารเคมีปนเปื้อนโดยไม่รู้ตัว มันสอนให้เราต้องอดใจรอนะ รอกินผลผลิตตามฤดูกาลจะดีกว่า” เกษตรกรหนุ่มส่งยิ้ม

นัทเดินหายเข้าไปหลังเคาน์เตอร์บาร์ เขาทำตามสัญญา หลังจากสนทนากันจบ เขาจะให้เราชิมสับปะรดออร์แกนิกจากสวน เปลื้องเปลือกนอกสับปะรดลูกโตจนเห็นเนื้อสีเหลืองทอง นัทบรรจงหั่นอย่างชำนาญ ก่อนยกจานมาเสิร์ฟ สับปะรดชิ้นนี้หวานหอม เนื้อแน่นชุ่มฉ่ำ เพราะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากนัทและ Nathan Farm จะเรียกว่าสับปะรดอารมณ์ดีก็คงไม่ผิดนัก เพราะหลังจากเราอ้ำจนหมดจาน ก็ส่งยิ้มหวานให้เจ้าบ้าน เป็นนัยว่าโปรดปรานมาก และขอชื่นชมความตั้งใจของเกษตรกรวิถีอินทรีย์

3 Things

you should do

at Nathan Farm

01

ลองใช้ชีวิตพึ่งพาตนเอง ปลูกผัก เก็บไข่ สีข้าว ที่ Nathan Farm

02

ลองไปเรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์ ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

03

ลองเดินเล่น สังเกตวิถีชีวิตผู้คนท้องถิ่น ที่หนองน้ำในบ้านหนองปรือ

Nathan Farm

ภาพ : Nathan Farm

Writer

ชลลดา ไชยโรจน์วัฒนา

ชลลดา ไชยโรจน์วัฒนา

สาวช่างฝัน รักหมูกระทะกับนิยายรอมคอม และชอบเที่ยวทะเลเป็นชีวิตจิตใจ

Photographer

Avatar

เธียรสิน สุวรรณรังสิกุล

ปัจจุบันกำลังหัดนอนก่อนเที่ยงคืน