Will you marry me?
ผมเชื่อว่านี่เป็นประโยคที่ทุกคนต้องเคยได้ยินในหนังรักโรแมนติกสักเรื่อง แต่ในชีวิตจริง หากถูกขอแต่งงาน หลายคนคงคาดหวังหรือมองตัวเองในวันนั้นต่างกันออกไป
บางคู่อยากจัดงานยิ่งใหญ่ เพื่อป่าวประกาศให้โลกรู้ว่า ‘ฉันกำลังจะได้สร้างครอบครัวร่วมกับคนที่ฉันรัก’ หรือบางคนอาจต้องการเพียงงานเล็ก ๆ อบอวลด้วยความรัก ความอบอุ่น รายล้อมด้วยคนใกล้ชิด
การจัดงานแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นงานที่ต้องมีการวางแผนที่ดี ปัจจุบันจึงมีบริษัทรับวางแผนจัดงานแต่งงาน (Wedding Planner) ให้บริการแบบครบวงจรเกิดขึ้นมากมาย

เนื่องในเดือนแห่งความรัก ผมอยากชวนมาพูดคุยกับ ปีใหม่-วรรณิดา กสิวงศ์ ผู้ก่อตั้ง Wonders & Weddings ธุรกิจวางแผนจัดงานแต่งงานอย่างมีความหมาย ไม่อิงพิธีกรรมทางศาสนา ให้คู่รักสะท้อนความเป็นตัวตน (แบบที่ต้องการ) ในวันสำคัญของชีวิตคู่ ตลอดจนบอกเล่าเรื่องราวความรักและสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำในงานเฉลิมฉลองแบบที่พวกเขาจะเป็นได้เป็นตัวเองที่สุด
ที่สำคัญ Wonders & Weddings สนับสนุนทุกความหลากหลาย จัดงานให้กับคู่รักชายหญิงและ LGBTQIA+ มาหลายคู่ ตลอดเวลา 4 ปีของการดำเนินธุรกิจ


และนี่คือเรื่องราวรักและเส้นทางกิจการสุด Niche ของ Wonders & Weddings
ก่อนแต่ง
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ปีใหม่สนใจทำธุรกิจรับวางแผนจัดงานแต่งงาน เกิดจากการที่เธอเป็นคนชอบวางแผนและจัดการให้สิ่งต่าง ๆ เป็นระบบ ไม่ว่าการทำงาน กิจกรรม หรือการท่องเที่ยว
เธอมีความคิดว่า หากวันหนึ่งต้องเป็นเจ้าสาว เธอจะลงมือวางแผนทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง แต่ปัญหาใหญ่คือ เธอไม่เคยไปงานไหนแล้วรู้สึกประทับใจจนอยากแต่งเองเลย
นั่นจุดประกายให้เธอฉุกคิดว่า จะจัดงานแต่งอย่างไรให้ออกมาเป็นตัวเองมากที่สุด

“เรากับแฟนชอบอ่านหนังสือ เลยจัดงานที่ Neilson Hays Library เราสองคนเจอกันใน Swing Dancing Class เลยเอาการเต้นสวิงมาเป็นลูกเล่นในงาน จากนั้นก็ผสมผสานสิ่งที่เรากับแฟนชอบ รวมถึงคำแนะนำจากเพื่อน ๆ ปรากฏว่าทุกอย่างออกมาดี แฟนเราและแขกในงานมีความสุข พวกเขาบอกว่างานนี้เป็นตัวตนของเรากับแฟนมาก ๆ จนเขาอยากแต่งบ้าง” ปีใหม่เล่าด้วยเสียงสดใส
งานของเธอออกมาอบอุ่นดังใจปรารถนา แถมแขกในงานได้สัมผัสท่วงท่าและความรู้สึกของการเต้นสวิงไปพร้อม ๆ กับทำนองเพลงแจ๊ส เสมือนครั้งแรกที่เธอสปาร์กจอยกับชายผู้กลายมาเป็นคู่ชีิวิต

ย้อนกลับไปถึงเส้นทางธุรกิจเวดดิ้งแพลนเนอร์ที่สร้างความสุขและประสบการณ์อันน่าจดจำให้กับหลายคู่แต่งงาน ปีใหม่เรียนจบจากคณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษารัสเซีย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระหว่างเรียนเธอเคยทำงานเป็นสตาฟอีเวนต์ รับงานแปล ล่ามภาษาไทย-อังกฤษ หลังเรียนจบเธอทำงานสายครีเอทีฟ และเริ่มต้นงานแรกที่บริษัทปิโตรเคมีแห่งหนึ่ง
ฟังดูห่างไกลจากสิ่งที่เธอเรียนมาก็ว่าได้ แต่ถือเป็นโอกาสดี เพราะเธอมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมขององค์กร และได้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการทำงานในส่วนนั้นมา ต่อมาเธอเป็นพนักงานชั่วคราวในสถานทูตอังกฤษ ก่อนผันตัวไปเป็นลูกเรือสายการบินเอมิเรตส์ และย้ายไปอยู่ดูไบนานกว่า 4 ปี กระทั่งตัดสินใจลาออกมาแต่งงาน และเริ่มทำธุรกิจนี้ตั้งแต่ปี 2019

ทว่าการที่เธอมาทำธุรกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้พอมีความรู้และความเข้าใจในระดับหนึ่ง แต่ปีใหม่ก็ไม่รอช้า ลงเรียนในคอร์สต่าง ๆ กับ The Wedding Academy เช่น Wedding Planner, Stylist, Wedding Professional และอื่น ๆ ใช้เวลากว่า 6 เดือน เพื่อรวบรวมความรู้และทักษะในการดูแลลูกค้า รวมถึงการทำธุรกิจเวดดิ้งแพลนเนอร์ มาปะติดปะต่อกับประสบการณ์จากสาขาอาชีพที่เคยทำ
แต่ง-งาน
“เราชอบคำว่า Full of Wonders หมายถึง ความรู้สึกประทับใจ ความมหัศจรรย์ใจ ซึ่งเราอยากให้ลูกค้ารู้สึกแบบนั้น โดยเฉพาะในวันสำคัญของเขา และความตั้งใจหลักของเราคือ เราอยากจัดงานให้เป็นวันเฉลิมฉลองตัวตนของคู่รัก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เขาเชื่อ สิ่งที่เขาต้องการให้เกิดขึ้นระหว่างกันและกัน ทั้งคู่แต่งงาน ครอบครัว และเพื่อนของเขาด้วย” ปีใหม่นิยามธุรกิจเล็ก ๆ ของเธอ
ชวนจินตนาการว่า ถ้ามีใครสักคนเข้าใจ พร้อมเฉลิมฉลอง และช่วยเหลือให้เราได้ในสิ่งที่ปรารถนา โดยเฉพาะในวันสำคัญของการเริ่มต้นชีวิตคู่ คงเป็นเรื่องวิเศษไม่น้อย


แนวคิดหลัก คือ อยากให้งานนี้เป็นของคนทุกคน อยากส่งต่อความสุข ความประทับใจ รวมถึงอยากสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับคู่รักทุกคู่ โดยไม่จำกัดความเชื่อ ศาสนา วัฒนธรรม และประเพณีบางอย่างที่คู่แต่งงานไม่ต้องการ ถ้าพวกเขาลดขั้นตอนหรือพิธีการ ก็พูดคุยกับปีใหม่ได้อย่างตรงไปตรงมา เธอเปิดใจและยินดีรับฟัง พร้อมปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมมากที่สุด โดยที่ยังให้ความสำคัญกับความหมายของงานนี้อยู่
ปีใหม่เลือกตีตลาดธุรกิจแบบเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เพราะเธอให้เหตุผลว่า
“การทำธุรกิจแบบเฉพาะกลุ่มมีข้อดีตรงที่ทำให้เราทำงานในสายงานของเราได้เต็มที่ ลูกค้าเลือกเราเพราะเราเชี่ยวชาญงานนี้จริง ๆ ทำให้เขามีประสบการณ์ที่ราบรื่น มีความเชื่อใจ และสบายใจในการทำงานร่วมกับคนที่รู้ว่าเขาต้องการอะไร และช่วยสนับสนุนเขาในทุก ๆ การตัดสินใจ”
กลุ่มเป้าหมายมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ ลูกค้าที่อยู่ในประเทศไทย รวมคนไทยและคนต่างชาติ (Local Clients) และลูกค้าต่างประเทศซึ่งอยากมาจัดงานที่ประเทศไทย (Destination Clients)

ทั้ง 2 กลุ่มมีจุดร่วมเหมือนกัน 3 ประการ ประการแรก คือ ลูกค้าไม่ต้องการจัดงานแต่งที่เต็มไปด้วยพิธีรีตอง ชื่นชอบความเรียบง่าย ประการที่สอง ลูกค้าต้องการงานขนาดเล็ก มีเฉพาะคนสนิท และประการสุดท้าย ลูกค้าอยากได้งานที่แสดงถึงตัวตนและเรื่องราวของพวกเขา
การทำงานร่วมกับลูกค้าเรียกว่าเริ่มตั้งแต่ศูนย์จนงานเสร็จสมบูรณ์ กล่าวคือ Wonders & Weddings เปรียบเสมือนประตูบานแรกที่เปิดโอกาสให้คู่แต่งงานมาติดต่อรับบริการ ซึ่งมีกระบวนการตั้งแต่นัดพูดคุยออนไลน์ เพื่อรับทราบความต้องการและสิ่งที่ลูกค้าอยากเห็นมากที่สุดในวันสำคัญ
เราถามว่ามีความจำเป็นอะไรที่คู่รักถึงต้องการบริการวางแผนจัดงานแต่งงาน
“เป็นคำถามที่สำคัญมาก ๆ ค่ะ หากพูดตามตรง Wedding Planer ไม่ใช่บริการที่จำเป็นนัก หลายคนวางแผนเองได้ แต่คนที่ต้องการเวดดิ้ง แพลนเนอร์ จริง ๆ เขาอาจมีข้อจำกัดบางอย่าง ทำให้เขาอยากได้ใครสักคนมาช่วยดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อย ในการทำงานของเราจึงต้องพูดคุยกันก่อนเพื่อให้เห็นภาพเดียวกันในวันแต่งงานของลูกค้า และสังเกตวิธีการทำงานของเขากับเราว่าเป็นอย่างไร เพราะเราต้องอยู่ด้วยกันนานมาก ดังนั้น ความเข้าใจกันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำงานนี้”

ขอบเขตการทำงานของ Wonders & Weddings คือบริการวางแผนตั้งแต่ต้นจนจบ ต้องทำงานร่วมกับทีมงานที่รับผิดชอบส่วนต่าง ๆ แน่นอนว่าที่นี่ทำการศึกษา รวบรวม และเก็บข้อมูลรูปแบบการทำงานของทีมงานบริการอื่น ๆ อยู่เสมอ เพื่อเป็นประโยชน์และทำงานให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีในแวดวงธุรกิจเดียวกันด้วย
“การรักษาคอนเนกชันเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเราทำงานเป็นกลุ่ม เราไม่ใช่หัวหน้าห้อง เราเป็นเพียงหนึ่งในสมาชิกของทีม และทุกคนทำงานในส่วนของตัวเองร่วมกัน เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด”
มากไปกว่านั้น ที่นี่ยังดูแลลูกค้าแม้งานจะเสร็จสิ้นแล้ว เช่น การประสานงานกับช่างภาพเพื่อรับไฟล์รูปภาพและวิดีโอ รวมถึงพูดคุยสรุปงานและรับฟังข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงบริการ

หลังแต่ง
เพราะการแต่งงานนั้นมีคุณค่าและความหมายมากพอให้ทุกคนได้เฉลิมฉลอง
“เราเชื่อว่าการแต่งงาน คือการที่คนตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ได้หมายถึงแค่ความรักอย่างเดียว แต่เป็นความไว้เนื้อเชื่อใจในระดับมหาศาล เป็นความผูกพัน และเป็นการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิต สำหรับเรา การเห็นงานนี้เกิดขึ้นมันเป็นสิ่งที่ทรงพลัง” ปีใหม่กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย

ในวันที่ธุรกิจรับวางแผนจัดงานแต่งงานเกิดขึ้นมากมาย สิ่งที่ Wonders & Weddings ทำอยู่ คือ การให้คุณค่าของความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน รวมถึงครอบครัว เพื่อน และคนรอบข้าง เพราะพวกเขาเชื่อว่างานแต่งงานสร้างความสุขและแรงบันดาลใจได้ และการจัดงานที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม (Multicultural) ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้คู่รักได้เฉลิมฉลองตัวตนโดยไม่ยึดโยงกับธรรมเนียม และมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับคุณค่าที่แต่ละคนยึดถือ – นี่คือจุดแข็ง
ปีใหม่ยังเชื่อว่าการแต่งงานคือจุดเริ่มต้นของสถาบันครอบครัว หากคู่รักได้เฉลิมฉลองด้วยงานที่เป็นตัวตนของเขาจริง ๆ อาจนำมาซึ่งสังคมที่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์และเกิดสิ่งใหม่ ๆ เหนือจินตนาการ สิ่งเหล่านั้นอาจเป็นความรัก ความอบอุ่น ความเข้าอกเข้าใจ หรืออาจไปไกลถึงความเปิดกว้าง
“เราคิดว่าการแต่งงานเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการนิยามคำว่า ‘ครอบครัว’ เพราะครอบครัวไม่ได้มีแค่พ่อ แม่ ลูก เราอาจได้ยินคำว่า พี่น้อง ซึ่งเป็นนิยามของครอบครัวเหมือนกัน หรือครอบครัวไม่ได้มีแค่พ่อที่คู่กับแม่ แต่เป็นพ่อกับพ่อ แม่กับแม่ เราอยากสนับสนุนการแต่งงานแบบไร้ขีดจำกัดให้เกิดขึ้นในสังคม”

ทว่ากว่าที่เราจะดำเนินไปถึงจุดนั้น การสนับสนุนในแง่ของกฎหมายผ่านการแต่งงานถือเป็นเรื่องสำคัญ และ Wonders & Weddings ก็เชื่อว่ากฎหมายที่รองรับคนทุกคน คือสิทธิ์พื้นฐานในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ โดยเฉพาะสมรสเท่าเทียมที่ครอบคลุมไปถึงสิทธิ์การสร้างครอบครัวและชีวิตหลังแต่งงานของคู่สมรส
ประการต่อมา คือ รัฐสวัสดิการที่ช่วยดูแลคนในสังคมตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ ไปจนวาระสุดท้ายของชีวิต ทั้งสองอย่างนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการแต่งงาน ชีวิตคู่ และการสร้างครอบครัว
ในอนาคต ธุรกิจเวดดิ้งแพลนเนอร์อาจมีแนวทางในการเติบโตที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความนิยม และความต้องการของลูกค้า แต่ปัจจุบันมีแนวโน้มที่คนจะจัดงานเล็ก ๆ มีแค่คนสนิท เป็นงานที่ได้แสดงความเป็นตัวเองออกมามากขึ้น และต่อไปนี้คือหัวใจในการทำเวดดิ้งแพลนเนอร์ของ Wonders & Weddings
“อันดับแรก ต้องเข้าใจลูกค้า ในแต่ละงานไม่มีงานไหนที่เหมือนกัน ทุกอย่างทำขึ้นมาใหม่ เพราะทุกคนมีเรื่องราว ความชอบ และแนวคิดไม่เหมือนกัน ดังนั้น ต้องทำทุกอย่างด้วยความเข้าใจและตอบโจทย์มากที่สุด สอง ต้องเป็นระบบ ถ้าทำงานไม่เป็นระบบย่อมลำบาก สาม คือ ทำงานเป็นทีม”


เมื่อเราถามปีใหม่ว่า จะรู้ได้อย่างไรว่านี่คืออาชีพที่รัก
“เราว่าคงเป็นความรู้สึกที่หัวใจพองโต และอยากตื่นเช้าขึ้นมาเพื่อมีความสุขกับการทำงาน หรือแม้แต่การที่เราพูดเรื่องงานของเราได้เป็นชั่วโมงเหมือนตอนนี้ ก็ถือเป็นสัญญาณหนึ่งแล้ว”
แน่นอนว่าสีหน้าและท่าทางอันเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขของปีใหม่ ก็คือคำตอบเธอได้เจอกับอาชีพที่รักแล้วจริง ๆ

Lessons Learned
ภาพ : Wonders & Weddings