สืบเนื่องจากบทความตอนที่แล้ว

เมื่อกล่าวถึงสัตว์โลกในชีวิตจริงที่มีอาวุธร้ายคล้ายตัวละครในหนัง (ตอนที่แล้วพูดถึงอัลปาก้า ซึ่งหน้าตานั่ลลั๊กกกก แต่พ่นน้ำกรดได้ยังกะเอเลี่ยน) ตอนนี้ก็เลยนึกถึงสัตว์ที่ป้องกันตัวได้เจ๋งมากอีกชนิดหนึ่ง นั่นก็คือกบวูล์ฟเวอรีน

น้อนกบกับการปะทะศัตรูด้วยอาวุธประหลาดล้ำ ตั้งแต่เล็บกบจนถึงท่าโยคะ

ปกติกบจะเนื้อตัวอ่อนหยุ่นปราศจากเขี้ยวเล็บใด ๆ แต่กบแอฟริกาชนิดนี้ เมื่อตกอยู่ภายใต้อันตรายจะเข้าสู่โหมดเกรี้ยวกราดอย่างน่าสะพรึงมาก ขั้นแรกมันจะเกร็งกล้ามเนื้อจนกระดูกที่นิ้วหัก เป๊าะ จากนั้นมันก็จะบังคับปลายแหลมของกระดูกที่หักนั้น แทงทะลุนิ้วตัวเองออกมา! แล้วใช้เป็นกรงเล็บข่วนศัตรู ควับ ควับ คว้าง!

น้อนกบกับการปะทะศัตรูด้วยอาวุธประหลาดล้ำ ตั้งแต่เล็บกบจนถึงท่าโยคะ
น้อนกบกับการปะทะศัตรูด้วยอาวุธประหลาดล้ำ ตั้งแต่เล็บกบจนถึงท่าโยคะ

ลองนึกภาพแมวอารมณ์ไม่ดีที่กางเล็บจกตาเฮียนิก ฟิวรี่ กรณีนั้นเล็บก็คือเล็บ แถมหดเก็บได้อย่างไม่ดราม่า แต่กรณีกบนี่ผมว่าโหดกว่า เพราะมันคือกระดูกที่แทงทะลุเนื้อออกมาเลย มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะเฟ้ย ถ้าเป็นคนต้องเข้าโรงพยาบาลแล้ว แต่นี่เจ้ากบหดกรงเล็บกระดูกกลับเข้าที่ แล้วใช้ความสามารถสมานแผลอย่างรวดเร็ว เหมือนกับตัวละครวูล์ฟเวอรีนในหนังไม่มีผิด เพราะฉะนั้นจึงสมกับที่ได้สมยานี้แล้ว

โอเค กบอาจจะไม่ได้สมานเร็วเท่าในหนังซึ่งแค่ 3 วินาทีก็หาย ของจริงต้องใช้เวลานานแค่ไหน นักวิจัยยังศึกษากันอยู่ แต่ที่แน่ ๆ พวกสัตว์กลุ่มสะเทินน้ำสะเทินบก หรือ Amphibian นั้นขึ้นชื่อเรื่องการงอกแขนขาใหม่อยู่แล้ว และเป็นหนึ่งในความหวังที่วงการแพทย์ฝากไว้ ว่าถ้าเข้าใจกระบวนการของพวกมันเมื่อไหร่ จะสามารถลอกเลียนมาใช้กับมนุษย์ได้บ้าง

ยังไงก็ตาม สำหรับกบพันธุ์นี้ ผมให้คะแนนพิเศษในแง่ความเหมือนวูล์ฟเวอรีนอีกอย่าง คือการที่ข้างลำตัวมันมีขนอุยดกฟูมาก (ชื่อดั้งเดิมของมันคือ Hairy Frog) ในสายตาผม นี่มันทรงจอนที่ชี้ออกข้างของ คุณฮิว แจ็กแมน ในบทวูล์ฟเวอรีนชัด ๆ เพราะฉะนั้นเอาคะแนนคอสเพลย์ส่วนนี้ไปชดเชยได้ ส่วนคำอธิบายเชิงชีววิทยาว่าขนพวกนี้เอาไว้ทำอะไร เดี๋ยวจะมาเฉลยอีกที โปรดติดตามอ่านต่อไปก่อน

น้อนกบกับการปะทะศัตรูด้วยอาวุธประหลาดล้ำ ตั้งแต่เล็บกบจนถึงท่าโยคะ

นอกจากกบที่ป้องกันตัวด้วยกระดูกแล้ว ยังมีญาติสายซาลาแมนเดอร์ของมันอีกตัว ที่เผลอ ๆ อาจจะโหดยิ่งกว่าอีก เจ้า Ribbed Newt หรือแปลไทยอาจจะเรียกกะท่างซี่โครงหนาม เมื่อเจอภัยมันจะกางซี่โครงออกจนปลายแหลมของซี่โครงแต่ละซี่ทิ่มทะลุเนื้อออกมา กลายเป็นหนามเรียงเป็นแถวข้างตัวเหมือนแปลงร่างเป็นกระบองเพชร เท่านั้นไม่พอ ผิวหนังมันยังมีต่อมพิษคอยขับเมือกขาว ๆ ออกมาชะโลมหนามเหล่านั้นด้วย ผู้ล่าที่เผลอโดนเกี่ยวโดนตำเข้าไปจะเจ็บปวดคันคะเยอ และอาจถึงตายได้

น้อนกบกับการปะทะศัตรูด้วยอาวุธประหลาดล้ำ ตั้งแต่เล็บกบจนถึงท่าโยคะ
น้อนกบกับการปะทะศัตรูด้วยอาวุธประหลาดล้ำ ตั้งแต่เล็บกบจนถึงท่าโยคะ

ในแง่ตัวละครในหนังที่ใช้ความสามารถนี้ ผมยังนึกไม่ออก แต่ถ้าเป็นในการ์ตูนญี่ปุ่น จะมีอยู่ตัวหนึ่งชื่อ คิมิมาโร่ เป็นตัวร้ายในเรื่อง นารูโตะ นินจาจอมคาถา ซึ่งใช้วิชางอกกระดูกออกมาจากตัวแล้วดึงมาใช้เป็นอาวุธได้ไม่จำกัด ถ้าดูดีไซน์ตัวละครจะเห็นว่ามีปลายซี่โครงแหลม ๆ ทิ่มทะลุหน้าอกออกมาเป็นหนามเหมือนกัน ซึ่งคิดว่าน่าจะใกล้เคียงสุดแล้วกับความสามารถป้องกันตัวของซาลาแมนเดอร์ชนิดนี้

น้อนกบกับการปะทะศัตรูด้วยอาวุธประหลาดล้ำ ตั้งแต่เล็บกบจนถึงท่าโยคะ

ตัวอย่างที่เหลือที่จะเล่าต่อไป อาจไม่ตรงกับตัวละครในจินตนาการตัวใดตัวหนึ่งเสียทีเดียว แต่อยากขยายความให้คนทั่วไปได้ร่วมตระหนักว่า สัตว์กลุ่มกบ คางคก ซาลาแมนเดอร์ นี่มันป้องกันตัวได้เจ๋งและหลากหลายจริง ๆ นะ

อาจจะด้วยความบอบบางและอ่อนแอโดยทุนเดิมของพวกมันอย่างที่บอกไปแล้ว ผิวหนังยังไงก็ต้องอ่อนหยุ่นไว้ก่อน ต้องรักษาความชุ่มชื้นไว้ก่อน เพราะวงจรชีวิตยังคงผูกพันกับน้ำ ตอนเด็กที่เป็นลูกอ๊อดก็แทบจะเป็นปลาไปครึ่งชีวิตแล้ว ถ้าจับกบเคโระสักตัวมาเทียบกับสัตว์เลื้อยคลาน เช่น เหี้ยสักตัวเดินมา (อย่าเพิ่งไปถึงจระเข้) เต่าสักตัวคลานมา งูสักตัวเลื้อยมา ไหนจะทั้งเกล็ด เขี้ยว เล็บ กระดอง ความน่าเกรงขามกับแต้ม Defense มันเทียบกันไม่ติด

เนื่องจากผิวบาง ๆ ของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำนั้นโมดิฟายเป็นอะไรมากไม่ได้เท่ากับสัตว์เลื้อยคลานที่กร้านโลกจัด ความครีเอทีฟในการป้องกันตัวของพวกมันจึงต้องไปโผล่ทางอื่น ซึ่งหลาย ๆ อย่างเป็นวิวัฒนาการที่น่าทึ่งมาก อาวุธกระดูกที่เล่าไปนั้นก็คือพีกแบบหาในสัตว์กลุ่มอื่นไม่ได้อีกแล้ว แต่รองลงมาที่ทุกคนอาจจะคุ้นกว่าหน่อยก็คือการมีพิษสารพัด ไม่ว่าจะกบพิษ คางคกพิษ เหล่านี้ก็เป็นที่รู้จักกันดี แต่ที่คนอาจจะยังไม่ค่อยรู้จัก คือกระบวนท่าโยคะไล่ศัตรูของสำนักสะเทินบกสะเทินน้ำ

น้อนกบกับการปะทะศัตรูด้วยอาวุธประหลาดล้ำ ตั้งแต่เล็บกบจนถึงท่าโยคะ

รวมกระบวนท่าโยคะป้องกันตัวของกบ จากงานวิจัย Behavioral Defense of Anurans

กบ คางคก และซาลาแมนเดอร์หลากหลายชนิด มีท่าโยคะไล่ศัตรูอันเป็นท่าประจำตระกูลของมัน บ้างเมื่อเจอภัยจะเหยียดขาหลังตรง แล้วพับเป็นตัว V หักกลับมาข้างหน้า (รูป F) บ้างนอนหงายแล้วแลบลิ้น (รูป B) บ้างโก่งตูด บ้างเอียงตัว บ้างพับขาไขว้กันแบบประหลาดมาก 

แต่หนึ่งในท่าที่ฮิตสุดชื่อว่า Unken Reflex ศัตรูมาปุ๊บ มันจะเอาพุงนอนแปะกับพื้น แล้วแอ่นหัวเชิดขึ้น จากนั้นค่อย ๆ ยกทั้งขาหน้าและขาหลังแอ่นลอยขึ้นจากพื้นพร้อม ๆ กัน เป็นท่าที่ดูยากมากสำหรับมนุษย์ หากให้เปรียบคงเปรียบได้กับท่าบินของซูเปอร์แมนที่ดูแอ่นมากจนเหมือนผสมรำไทยเข้าไปด้วย ถ้าเป็นซาลาแมนเดอร์ทำก็ยิ่งอ่อนช้อยเข้าไปใหญ่ เพราะมีการยกหางม้วนเป็นเกลียวได้อีกต่างหาก น่าพิศวงมากว่าทำแบบนี้แล้วช่วยไล่ศัตรูได้อย่างไร เท่าที่อ่านมา นักวิทย์ซึ่งศึกษาหัวข้อนี้สันนิษฐานว่า ‘ท่าแอ่นอุงเค่น’ อาจจะเป็นการเผยให้เห็นสีสันฉูดฉาดช่วงท้องกับใต้คาง ซึ่งผู้ล่าที่มีประสบการณ์จะจดจำได้ว่านี่มันสัญลักษณ์ของสัตว์มีพิษนี่หว่า งั้นไม่กินแล้ว เช่นนี้ก็เป็นไปได้

น้อนกบกับการปะทะศัตรูด้วยอาวุธประหลาดล้ำ ตั้งแต่เล็บกบจนถึงท่าโยคะ

อีกหนึ่งท่าป้องกันตัวที่น่ารักจัด คือกบบางชนิดจะอยู่เฉย ๆ แล้วยกมือขึ้นปิดตา ประมาณว่าไม่อยากเห็นความสยดสยองระหว่างตัวเองถูกกินรึเปล่า หรือใช้ความน่ารักทำให้ศัตรูสงสารจนกินไม่ลงหรือเปล่า ก็ไม่น่าใช่ จริงๆ คือระหว่างที่ปิดตาอยู่นั้นมันได้ขับพิษออกมาเตรียมชะโลมผิวหนังไว้แล้ว และเตรียมพร้อมถูกกลืนเต็มที่ โดยมีความเป็นไปได้สูงว่าหลังจากถูกกลืนลงไปไม่นานพิษก็จะออกฤทธิ์และทำให้ผู้ล่าอ้วกหรือแหวะมันออกมาเอง ซึ่งมือที่ปิดไว้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำย่อยทำความเสียหายแก่ลูกกะตาในช่วงระหว่างที่รออยู่ในกระเพาะนั่นเอง

การป้องกันตัวสุดประหลาดของกบนานาชนิด ไปจนถึงคางคกกับการใช้หนวดหนาม
การป้องกันตัวสุดประหลาดของกบนานาชนิด ไปจนถึงคางคกกับการใช้หนวดหนาม
การป้องกันตัวสุดประหลาดของกบนานาชนิด ไปจนถึงคางคกกับการใช้หนวดหนาม

แน่นอน อีกกระบวนท่าที่น่าสนใจมากของสำนักนินจากบ ก็คือวิชาพองตัว ในบ้านเรากบที่พองตัวได้มักจะเรียกอึ่งอ่าง สูดลมเข้าไป พองออก ๆ ทำให้ตัวดูใหญ่น่าเกรงขามสำหรับผู้ล่าอะไรก็ตามที่จะคิดจะมาอมมัน (ไม่ได้ผลกับหมาไซบีเรียน) 

แต่ทุกท่านรู้หรือไม่ หน้าที่ของการพองตัวที่นักวิทยาศาสตร์เคยบันทึกไว้ อาจจะมีอย่างอื่นได้อีก เช่น เคยเจอกรณีที่เต่าจะมากินอึ่งอ่างในน้ำ แต่พองับได้แล้วอึ่งอ่างพองลมจนปรากฏว่าเต่าดึงมันลงไปกินใต้น้ำไม่ได้ เหมือนเราพยายามจะกดลูกบอลให้จมในสระ มันทำไม่ได้ง่าย ๆ เลย เพราะฉะนั้นหากศัตรูอยู่ในน้ำ การพองตัวก็อาจช่วยแง่นี้ได้ อีกกรณีคือเป็นกระบวนท่าที่เอาไว้ใช้คู่กับการมุดรู พอมุดเข้าไปในหลืบหรือรูอะไรบางอย่างแล้วพองตัวขึ้น ร่างกายมันจะติดแน่นอยู่ในนั้น คราวนี้ผู้ล่าพยายามจะดึงออกก็ลำบากละ ในที่สุดก็อาจจะถอดใจไปเอง

การป้องกันตัวพิลึกพิลั่นของสัตว์กลุ่มญาติกบยังมีรูปแบบอื่น ๆ อีกเยอะ ตั้งแต่แกล้งตาย ขี้แตก ส่งเสียงกรีดร้อง กัด (กบบางชนิดมีเขี้ยว) โชว์ตาปลอมที่ตูด พรางตัวแบบกลมกลืนไปกับใบไม้ พรางตัวแบบใสจนเหมือนล่องหนได้ แปลงเป็นหินแล้วกลิ้งลงเนิน ฯลฯ แต่ที่จะแนะนำเป็นตัวอย่างสุดท้ายสำหรับตอนนี้ขอเป็น ‘คางคกหนวดหนาม’ ก็แล้วกัน

ตัดฉากไปที่เสฉวน ภูเขายามเช้า ริมลำธาร ป่าไพร หมอกเยอะ ๆ น้ำเย็น ๆ บรรยากาศแบบถ้าจะมีจอมยุทธฝึกวิชาอยู่สักคนก็คงไม่แปลก ที่นี่ ‘คางคกหนวดเอ๋อเหมย์’ หรือ ‘คางคกหนามเต้าซือ’ กำลังกระดึ๊บ ๆ ลงจากเขาเพื่อมาชุมนุมกันที่ลำธาร ถ้าจอมยุทธช่างสังเกต จอมยุทธจะได้ดูมหกรรมการผสมพันธุ์คางคกซึ่งหนึ่งปีมีครั้งเดียว

ในไม่กี่สัปดาห์นี้ การแข่งขันหาคู่ ผสมพันธุ์ และวางไข่ จะดุเดือดเข้มข้นมาก เพราะคางคกตัวผู้ทั้งภูเขาต่างก็จะลงมาพร้อม ๆ กัน และจะชิงกันหาร่องหาหลืบใต้น้ำ เพื่อจับจองทำเป็นรังรอรับตัวเมียที่จะตามมาวางไข่ คราวนี้ศัตรูของคางคกไม่ใช่ผู้ล่าแล้ว แต่เป็นตัวผู้ด้วยกันที่จะมาแย่งทำเลทำรังนี่แหละ

ตัวผู้ที่ทยอยมาถึงแหล่งน้ำในฤดูนี้จะมาพร้อมความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของร่างกาย จู่ ๆ กล้ามแขนมันก็จะล่ำขึ้นจนกลายเป็นอาร์โนลด์ เอาไว้เตรียมกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับคู่อริ อีกอย่างที่เกิดขึ้นแล้วพิสดารจนกลายเป็นที่มาของชื่อมัน ก็คือการที่อยู่ดี ๆ มีหนวดงอกขึ้นมาเหนือริมฝีปาก

การป้องกันตัวสุดประหลาดของกบนานาชนิด ไปจนถึงคางคกกับการใช้หนวดหนาม
การป้องกันตัวสุดประหลาดของกบนานาชนิด ไปจนถึงคางคกกับการใช้หนวดหนาม

วัยรุ่นชายที่ฮอร์โมนพุ่งพล่านแล้วหนวดงอก ผมว่าไม่แปลก แต่คางคกหื่นหนวดงอกนี่ผมว่าแปลก แถมหนวดของมันไม่ใช่หนวดเป็นเส้น ๆ แบบเฟรดดี้ เมอคิวรี่ แต่เป็นหนวดที่มีลักษณะเหมือนเขาหรือนอเล็ก ๆ เรียงกันเป็นแถวมากกว่า วัสดุก็ทำด้วยเคราตินแข็ง ๆ แบบเดียวกับเล็บแมว แต่ที่เรียกหนวดก็เพราะมันดันชี้ขึ้นมาเหนือปากพอดี อย่างไรก็ตาม หนวดนี่ก็ทำให้เกิดเป็นลุคของคางคกที่ดูพังก์ร็อกมาก

การป้องกันตัวสุดประหลาดของกบนานาชนิด ไปจนถึงคางคกกับการใช้หนวดหนาม

ในแง่ของหน้าที่ หนวดหนามคืออาวุธดี ๆ นี่เอง สมมติว่าคางคกตัวผู้ตัวหนึ่งจับจองพื้นที่ใต้หินสักก้อนสำหรับเตรียมทำเป็นรังได้แล้ว จากนั้นดันมีตัวผู้อีกตัวเข้ามาแย่ง มันก็จะต่อสู้กัน โดยลักษณะการสู้เหมือนซูโม่ที่ไม่ใส่ผ้าเตี่ยวสองคนพยายามโอบรัดและจับคู่ต่อสู้โยน แต่ขณะเดียวกันก็พยายามจะเอาหนวดหนามนั่นงัดทิ่มพุงอีกฝ่ายด้วย คล้าย ๆ กับคุณพ่อที่หมั่นเขี้ยวลูกแล้วแกล้งเอาหนวดถูสะดือ แต่รุนแรงกว่า กว่าจะจบฤดูกาล ตัวผู้เกิน 90 เปอร์เซ็นต์ มีร่องรอยแผลบาดเจ็บจากการโดนหนวดทิ่มแทง ในแง่นี้ คางคกหนวดถือว่าร้ายกว่าฮิตเลอร์ เพราะว่าฮิตเลอร์ใช้หนวดเป็นอาวุธไม่ได้

นอกจากแขนล่ำและหนวดงอกเป็นหนามแล้ว คางคกตัวผู้ในฤดูผสมพันธุ์อยู่ดี ๆ ก็จะมีผิวหนังที่ย้วย ย้อย หย่อน ยานขึ้นอย่างผิดสังเกตอีกด้วย สองอย่างแรกนี่ยังพอจินตนาการออกว่าเอาไปทำหนังซูเปอร์ฮีโร่ได้ แต่คงไม่มียอดมนุษย์คนไหนอยากได้ความสามารถหนังย้วยย้อย มันช่างดูไม่เท่เอาเสียเลย 

แต่คิดไปคิดมาก็ไม่แน่นะ เพราะหนังย้วยย้อยช่วยเพิ่มพื้นที่แลกเปลี่ยนอากาศ ช่วยเพิ่มความอึดใต้น้ำของคางคกตัวผู้ (อย่าลืมว่าคางคกก็ต้องขึ้นมาหายใจด้วยปอดนะ แต่หายใจผ่านผิวหนังช่วยเสริมได้) ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะไหนจะต้องคอยอยู่ปกป้องรัง เวลาต่อสู้กันก็สู้ใต้น้ำ ใครหมดลมหายใจก่อนก็มีสิทธิ์แพ้ และพอหลังจากได้ผสมพันธุ์เสร็จแล้ว ตัวเมียก็จะวางไข่แปะเป็นแพไว้บนเพดานรัง แล้วปล่อยให้ตัวผู้อยู่ดูแลต่ออีกตั้งนานกว่าจะฟักเป็นลูกอ๊อด เพราะฉะนั้นอย่าดูถูกหนังย้วยย้อยที่ช่วยเพิ่มพื้นที่รับออกซิเจนใต้น้ำเป็นอันขาด

การป้องกันตัวสุดประหลาดของกบนานาชนิด ไปจนถึงคางคกกับการใช้หนวดหนาม
การป้องกันตัวสุดประหลาดของกบนานาชนิด ไปจนถึงคางคกกับการใช้หนวดหนาม

เฉลยเรื่องขนอุยของกบวูล์ฟเวอรีนที่เกริ่นไว้ตอนแรก นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่ามันมีฟังก์ชันเดียวกับหนังย้วยย้อยนี่แหละ เพราะมีเส้นเลือดฝอยไปเลี้ยงขนเหล่านั้นมากมาย ทำให้น่าจะใช้หายใจใต้น้ำได้ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นซี่เหงือกแบบเดียวกับเหงือกปลา ที่วิวัฒนาการใหม่ขึ้นมาจากผิวหนังอีกที

เช่นนี้แล้ว จากความรู้เรื่องกบและคางคก อะควาแมนภาคใหม่ควรจะทำให้สมจริงขึ้นโดยการให้เจสันมีหนังย้วยย้อย และวูลฟ์เวอรีนภาคใหม่ก็น่าจะเพิ่มความสามารถดำน้ำอึดและหายใจผ่านจอนให้กับใครก็ตามที่จะเข้ามาแสดงด้วย

ที่เล่ามาทั้งหมด ล้วนเป็นตัวอย่างวิวัฒนาการที่น่าทึ่งมาก พวกกบ คางคก ซาลาแมนเดอร์ทั้งหลายต้องเอาตัวรอดและต่อสู้หาคู่ผสมพันธุ์ได้สำเร็จมากี่สิบกี่ร้อยล้านปีกันหนอ จึงจะได้ความสามารถเหล่านี้มาครอบครอง แต่ที่น่าสลดมาก ๆ ก็คือกลไกการป้องกันตัวอันแสนสุดอัศจรรย์บรรเจิดทั้งหมดนั้น ไม่มีทางเอาชนะผู้ล่าสองขาหน้าใหม่ที่เพิ่งโผล่มาเมื่อไม่กี่แสนปีก่อนได้เลย

ชาวคาเมรูนที่อาศัยร่วมถิ่นกับกบวูล์ฟเวอรีนรู้ฤทธิ์ของมันดี และจะไม่เข้าไปจับกบมือเปล่าให้เสียเลือด แต่จะใช้ไม้แหลมเสียบมันจากระยะปลอดภัยแล้วค่อยเอาไปย่างกิน กรณีนี้การมีกรงเล็บกระดูกช่วยอะไรไม่ได้

แต่จริง ๆ แล้วการโดนคนจับกินก็ยังไม่เท่าไหร่ คางคกหนวดหนามเอ๋อเหมย์และอีกหลายชนิดใกล้จะสูญพันธุ์ไม่ใช่เพราะโดนจับ แต่เพราะถิ่นที่อยู่มันถูกทำลาย กลายเป็นความเจริญหมด ป่าหดลำธารหาย มลพิษที่ลงน้ำแล้วซึมเข้าผิวหนังบอบบางก็เป็นต้นเหตุสำคัญในการตายจากไปอย่างเงียบ ๆ ของเผ่าพันธุ์สะเทินน้ำสะเทินบกทั่วโลก พวกมันจะต้องวิวัฒนาการอีกเท่าไหร่ ยังไงถึงจะเอาชนะภัยเหล่านี้ได้

สมัยหนุ่มผมเคยดูสารคดี Cosmos ของคุณ Carl Sagan ซึ่งมีฉากพาไปดูเรือจับปูของญี่ปุ่น พอจับได้ ‘ปูซามูไร’ คือลายบนกระดองมันบังเอิญคล้ายหน้ากากซามูไรใส่เกราะ ชาวประมงก็จะไม่ฆ่า แต่ปล่อยคืนทะเล เพราะเชื่อว่าเป็นปูศักดิ์สิทธิ์ที่มีดวงวิญญาณบรรพบุรุษ ใครกินไปอาจจะประสบเคราะห์ได้ ซึ่งผลก็คือชาวประมงได้คัดเลือกแบบนี้ไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ และก่อให้เกิดวิวัฒนาการปูรุ่นถัด ๆ ไปที่มีกระดองเหมือนหน้าซามูไรมากขึ้นเรื่อย ๆ สักวันไม่แน่มันอาจจะกลายเป็นเผ่าพันธุ์ปูที่ไม่มีใครกล้าจับเลยก็ได้ ความศักดิ์สิทธิ์เหมือนจะเป็นกลไกการป้องกันตัวแบบหนึ่ง

ในแง่นี้สัตว์ที่อยู่เมืองไทยก็อาจจะมีหวัง เพราะระหว่างเสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับอึ่งอ่าง ลิงก์แรกที่ผมเจอก็คือ ชาวบ้านพบอึ่งอ่างเผือกในคืนวันพระ ฮือฮา แห่กันไปขอหวย

การป้องกันตัวสุดประหลาดของกบนานาชนิด ไปจนถึงคางคกกับการใช้หนวดหนาม
การป้องกันตัวสุดประหลาดของกบนานาชนิด ไปจนถึงคางคกกับการใช้หนวดหนาม

ข้อมูลอ้างอิง 

เรื่องกบวูล์ฟเวอรีน (Trichobatrachus robustus) www.newscientist.com

เรื่องซาลาแมนเดอร์อาวุธซี่โครง (Pleurodeles waltl) www.nature.com

เรื่องท่าโยคะกบและการพองตัว จากงานวิจัย Behavioral Defense of Anurans : An Overview https://doi.org/10.1080/03949370.2010.534321

เรื่องคางคกหนวดหนาม (Leptobrachium boringii) www.wired.com/2014/02/absurd-creature-week-toad-grows-spiky-mustache-stabs-rivals-ladies และ www.beautyofscience.com/emei-moustache-toad

Writer

Avatar

แทนไท ประเสริฐกุล

นักสื่อสารวิทยาศาสตร์สาขาชีววิทยา ผู้เคยผ่านทั้งช่วงอ้วนและช่วงผอมของชีวิต ชอบเรียนรู้เรื่องราวสนุกๆ ที่แฝงอยู่ในธรรมชาติแล้วนำมาถ่ายทอดต่อ ไม่ว่าจะผ่านงานเขียน งานแปล และงานคุยในรายการพอดแคสต์ที่ชื่อว่า WiTcast