ปลายฤดูหนาว
ยามบ่ายที่แสงแดดจัดจ้า ท้องฟ้าสีครามเข้มแต่อุณหภูมิ บนเส้นทางคดเคี้ยว ขนาบด้วยป่าเบญจพรรณ ซึ่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อสีบรอนซ์เก่า ๆ กำลังแล่นอยู่ เย็นยะเยือก
หลังจากข้ามลำห้วยเล็ก ๆ มาราว 15 เมตร เส้นทางเป็นเนินชัน ชายผู้บังคับรถหยุด ปลดเกียร์หลักเป็นเกียร์ว่าง และผลักเกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ไปในเกียร์โลว์ รถเคลื่อนขึ้นเนินชันช้า ๆ ไม่มีอาการลื่นไถล สุดปลายเนิน เขาหยุดรถ ปลดเกียร์มาไว้ในตำแหน่งขับเคลื่อน 2 ล้อ
“ต้องถนอมหน่อยครับ ใช้เขามานานแล้ว” ชายผู้ขับรถพูด
ผมหันมองหน้า ประภาส มั่นคง ชายผู้กำลังขับรถ ใบหน้ากร้านแดด ลม ดูคล้ายนักร้องเพื่อชีวิตรุ่นใหญ่คนหนึ่ง
“หลับตาขับก็ได้มั้ง” ผมพูด เรารู้จักกันมานานเกิน 20 ปี และเขาก็เดินทางอยู่บนเส้นทางนี้มากว่า 20 ปีเช่นกัน
“อีกปีกว่า ๆ ก็เกษียณแล้วล่ะครับ” ประภาสพูดเบา ๆ
เขาเป็นพนักงานพิทักษ์ป่า ซึ่งนามเรียกขานขึ้นต้นด้วยเลขแปด

ภาพ : เกศรินทร์ เจริญรักษ์
“พวกรหัสแปดนี่เหลือไม่กี่คนหรอกครับ จะปลดระวางพร้อม ๆ กันนี่แหละ ที่เหลือก็เป็นพนักงานราชการ”
“วางแผนไว้ว่าจะทำอะไรหรือยังครับ” ผมชวนคุย
“อยู่บ้านปลูกต้นไม้ไปแหละครับ ไม่น่าจะลำบาก โชคดีที่มีบำนาญใช้ทุกเดือน”
ประภาสและเพื่อน ๆ คือรุ่นสุดท้ายของคนทำงานในป่าที่มีตำแหน่ง ‘พิทักษ์ป่า’ มีสถานภาพใกล้เคียงกับการเป็นข้าราชการ
“อยู่บ้านปลูกต้นไม้ จะเหงา คิดถึงป่าไหม อยู่ในป่ามานานขนาดนี้”
ประภาสหันมองหน้า ยิ้ม ๆ ไม่ตอบคำถาม
หลายวันก่อน ผมมาถึงหน่วยพิทักษ์ป่า ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และอยู่ห่างจากสำนักงานเขต 12 กิโลเมตร เส้นทางลำลองมีขึ้น-ลงหุบ แต่ใช้ได้ตลอดปีแม้ในช่วงฤดูฝน ใช้เวลาเดินทางจากสำนักงานเขตไม่นาน และคล่องตัวกับการใช้มอเตอร์ไซค์
ในฤดูฝน บนเส้นทางมีต้นไม้ล้มบ้าง และบางครั้งเสียเวลากับการจัดการรื้อกอไผ่ที่ช้างดึงล้มมาขวางทั้งกอ
สำนักงานหน่วยพิทักษ์ป่าเป็นบ้านไม้ รูปทรงสิ่งก่อสร้างในยุคแรก ๆ ของบ้านในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
บ้านที่ใช้เป็นสำนักงานสูงจากพื้น ราว 1 เมตร บันได 3 ขั้น ด้านหน้าเป็นระเบียงยาว ฝาไม้กระดานสีเขียวอ่อน ๆ ทาทับสีเขียวซีด ๆ ที่นี่ใช้เป็นห้องวิทยุสื่อสาร รวมทั้งเป็นที่พักหัวหน้าหน่วย

เดินขึ้นบันได จะเห็นภาพวัวแดงตัวผู้ 2 ตัวสีจาง ๆ เป็นภาพโปสเตอร์ที่พิมพ์มาเนิ่นนาน เหนือภาพวัวแดงมีตัวหนังสือหนา ๆ เขียนว่า ‘ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง’
ด้านซ้ายมือมีประตูเข้าห้องที่วางเครื่องรับส่งวิทยุ ติดผนังมีแผนที่ขนาดใหญ่ แสดงอาณาเขตและพื้นที่ รวมทั้งตำแหน่งที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ป่าต่าง ๆ
ผนังฝั่งตรงข้ามท้ายห้องมีโปสเตอร์ขนาดใหญ่อีกแผ่นเป็นรูปผู้ชายสวมแว่นตา เสื้อกันหนาวทรงทหารสีเขียว มือซ้ายถือกล้องยาสูบ ไหล่ด้านขวาสะพายย่ามสีมอ ๆ กำลังก้มให้ชายร่างเล็กใช้นิ้วจิ้มสีบนหน้าผาก ใต้ภาพมีตัวหนังสือตัวใหญ่ เขียนว่า ‘25 ปี สืบ’
ความหมาย 25 ปีในโปสเตอร์ คือระยะเวลาที่ สืบ นาคะเสถียร จากไป
จากไปอย่างตั้งใจให้สงครามที่เขาเผชิญชนะ

พลบค่ำ ผมขึ้นรถที่ประภาสนำมารอรับ
“กระทิงออกมาตลอดบ่ายจนค่ำเลยครับ ตอนเดินออกมานี่ก็ยังอยู่ในโป่ง”
“เมื่อก่อนตอนผมทำงานใหม่ ๆ สัตว์ไม่ได้เยอะหรือเห็นง่ายอย่างนี้นะครับ” ประภาสพูด
ถึงแม้ว่าป่านี้จะได้รับการประกาศให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เป็นพื้นที่คุ้มครอง แต่การล่าสัตว์ บุกรุกพื้นที่ ตัดไม้ ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
สืบ นาคะเสถียร ในฐานะหัวหน้าเขตในช่วงเวลานั้น ตัดสินใจเลือกใช้ชีวิตของเขาเป็นเครื่องมือบอกให้คนได้รับรู้ถึงปัญหา
และมันได้ผล

หลังการจากไปของเขา มีสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็น ‘สรรพกำลัง’ มากมายทุ่มเทเข้ามาในป่านี้ มีการทำงานป้องกันอย่างเป็นระบบจริงจัง เป็นแหล่งอาศัยสัตว์ป่าอันเหมาะสม ประชากรสัตว์ป่าเพิ่มจำนวน
นกยูงเดินริมถนน พบได้ทุกที่ มีจุดที่พบวัวแดงเป็นฝูงใหญ่ง่าย ๆ
สืบ นาคะเสถียร ทำความตั้งใจของเขาให้เป็นจริง
และที่สำคัญ เขาได้มอบความเป็นผู้ ‘พิทักษ์ป่า’ ไว้ในใจคน

เช้านี้หน่วยพิทักษ์ป่าเงียบสงบ เสียงชะนี 2 ครอบครัวที่ร้องโต้ตอบกันเงียบไปแล้ว เก้ง 2 ตัวเดินหางกระดิกเข้ามา พญากระรอกดำกระโจนข้ามกิ่งไม้ เอาหัวห้อย ใช้หางยาว ๆ เกาะกิ่งไม้ไว้
ตรงข้ามกับสำนักงาน มีแผงผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์และห้องควบคุม ด้านซ้ายมือคือบ้านพักที่เรียกว่าบ้าน 4 ครอบครัว ถัดมาหน่อยเป็นเพิงเล็ก ๆ ใช้เป็นที่ประกอบอาหาร ข้างกองไฟมีเปลสีเขียวผูกอยู่ ผู้ชายร่างผอมหลับสนิท เขาอยู่เฝ้าหน่วย หลังเพื่อน ๆ เดินกลับจากลาดตระเวนก็กลับบ้าน อีก 2 วันจะกลับมา
ว่าตามจริง นี่คือสภาพหน่วยพิทักษ์ป่าและคนทำงานในป่าที่หลายคนพบเจอ ช่วงเวลาที่พวกเขาพักจากงาน เวลาที่ผ่อนคลาย หลายคนมีกลิ่นแอลกอฮอล์คลุ้ง
แต่นี่คือคนทำงานที่ได้รับการฝึกฝนอบรมในระบบลาดตระเวนเชิงคุณภาพคนละหลายครั้งจนชำนาญ
ขณะทำงาน พวกเขาจะมีอีกสภาพหนึ่ง และเป็นภาพที่คนมักจะไม่ได้เห็น
ภาพวัวแดงในโปสเตอร์ที่พิมพ์มาเนิ่นนาน พร้อมคำอธิบายว่า ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง ยังติดอยู่บนผนัง
แต่ถึงวันนี้ ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นป่าที่พบเจอวัวแดงที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติได้ง่ายที่สุด
บางที นี่นับได้ว่าเป็นหลักฐานยืนยันผลงานของคนทำงานในป่าอย่างเป็นรูปธรรม
มีความจริงอีกอย่างที่ไม่ได้เห็น คือ คนทำงานในป่าเหล่านี้ ทำงานของพวกเขาได้ผลมากเกินกว่า ‘ความใส่ใจ’ และปัจจัยที่ได้รับ…
แสงไฟสาดส่องไปตามเส้นทางคดโค้ง ขนาบด้วยต้นไม้แน่นทึบ ประภาสชะลอรถ เม่น 2 ตัวเดินนำหน้าไปสักพักก่อน ค่อยเลี้ยวเข้าด่านด้านซ้าย
“อยู่บ้านปลูกต้นไม้จะคิดถึงป่าไหมครับ” ผมถามซ้ำ
ประภาสหันมอง ใบหน้าคล้ายนักร้องเพื่อชีวิตยิ้มกว้าง
“ไม่คิดถึงหรอกครับ” เขาตอบ
“ป่ามันอยู่กับผม ไม่ได้ห่างไปไหน ไม่ว่าอย่างไร ผมก็ ‘เป็น’ พิทักษ์ป่าครับ”
คนทำงานในป่ามากว่าครึ่งชีวิตตอบคำถาม
เป็นคำตอบอันทำให้ผมเข้าใจความหมายของการทำงานด้วยหัวใจ



