ตอนเด็ก ๆ ผมชอบอ่านหนังสือ และฝันอยากเป็นบรรณารักษ์ประจำห้องสมุดมาก ห้องสมุดที่มีหนังสือให้ดู ให้อ่านเยอะ ๆ มีอาชีพที่ได้อยู่กับหนังสือไปตลอดชีวิต ตอนจะเข้ามหาวิทยาลัยก็สนใจสาขาบรรณารักษ์ แต่คะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยในตอนนั้นไม่เพียงพอ ความคิดที่จะเป็นบรรณารักษ์จึงค่อย ๆ จางไป หากการชอบอ่านหนังสือ อยากอยู่กับหนังสือยังคงอยู่ เวลาว่าง ๆ ผมชอบไปตามร้านหนังสือต่าง ๆ

จนวันหนึ่งได้เจอกับ ‘ร้านเล่า’ ร้านหนังสือเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงกาดเชิงดอย ข้างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ในขณะนั้น ปัจจุบันย้ายมาที่ถนนนิมมานเหมินท์) ผมไปที่ร้านเล่าทุกอาทิตย์ ด้วยเสน่ห์ของร้านเล็ก ๆ ที่อบอุ่น และมีหนังสือแบบที่เราชอบที่มักจะหาซื้อยากจากร้านหนังสือใหญ่ ๆ ทั่วไป จนวันหนึ่งผมอยากหางานพิเศษทำ จึงลองไปสมัครงานที่ร้านเล่า และเฝ้ารอด้วยความตื่นเต้นเพราะอยากทำมาก ผมเริ่มทำงานพาร์ตไทม์ที่ร้านเล่าเมื่อ พ.ศ. 2546 จนเป็นพนักงานประจำเรื่อยมาจน พ.ศ. 2564 เป็นเวลา 18 ปี

ตลอดเวลาที่ทำงานอยู่ที่ร้านเล่า ความฝันอยากเปิดร้านหนังสือเล็ก ๆ ค่อย ๆ ก่อตัว แต่ก็ยังเป็นเพียงแค่ความฝันลาง ๆ ว่า สักวันหนึ่งถ้ามีจุดหักเหอะไรเกิดขึ้น และได้ทำอาชีพอื่นที่ทำที่บ้านได้ ก็อยากจะมีร้านหนังสือเล็ก ๆ ที่บ้านของตัวเอง ทำงานไปด้วยเปิดร้านหนังสือไปด้วย กระทั่งการมาของโควิด-19 ที่ทำลายหลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่าง รวมทั้งธุรกิจร้านหนังสือเล็ก ๆ ที่ยอดขายลดลงมาก 

Waltz Bake x Harvest Moon Bookshop คู่รักที่เปลี่ยนบ้านเป็นร้านหนังสือและเบเกอรี่

ประกอบกับผมกำลังอยู่ในระหว่างการสร้างบ้านที่ผมกับภรรยา (อัง-ชฏิลรัตน์ ดอนปัน) ช่วยกันออกแบบเอง ซึ่งต้องการความใส่ใจมากพอสมควร จึงได้พูดคุยกับพี่ ๆ ที่ร้านเพื่อออกมาดูแลการสร้างบ้านเต็มตัว และพูดคุยกับภรรยา ซึ่งออกจากงานเพราะโควิด-19 เช่นกัน ที่เริ่มทำเบเกอรี่ทดลองขายมาสักพักถึงแผนการดำเนินชีวิตหลังจากบ้านเสร็จ

ลงตัวกันที่จะลองเปิดร้านเบเกอรี่โฮมเมดและร้านหนังสือเล็ก ๆ ที่บ้าน ส่วนร้านหนังสือ อยากให้เป็นร้านหนังสือทางเลือก ในแบบที่ตัวเราเองอยากเข้า วางหนังสือหลากหลายที่เราคัดเลือกมาแล้วในระดับหนึ่ง ไม่อยากขายหนังสือแบบเดียวกันเป็นพรืดเหมือนร้านใหญ่ ๆ

Waltz Bake x Harvest Moon Bookshop คู่รักที่เปลี่ยนบ้านเป็นร้านหนังสือและเบเกอรี่

ตอนเริ่มต้น ส่วนเบเกอรี่มีปัญหาไม่มากนัก เพราะภรรยาผมเริ่มลองทำมาสักพักแล้ว เพียงจัดการส่วนต่าง ๆ ให้เข้าที่เข้าทาง แต่ในส่วนร้านหนังสือมีปัญหาหลายอย่าง

เริ่มจากปัญหาทุนที่จำกัดในการซื้อสิ่งของอุปกรณ์ต่าง ๆ ชั้นหนังสือ โต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ เราแก้ปัญหาด้วยการพยายามทำเองในส่วนที่ทำได้ โต๊ะเก้าอี้บางส่วนหาซื้อของเก่ามาขัดทาสีเอง ชั้นหนังสือที่มีขายราคาแพงเกินไปสำหรับเรา จึงหาซื้อไม้หาช่างเพื่อทำชั้นหนังสือ ส่วนที่จำเป็นต้องซื้อก็หาในราคาสมเหตุผล

ปัญหาค่าประกันหนังสือของสายส่งหลายรายราคาค่อนข้างสูงสำหรับร้านเล็ก ๆ บางสายส่งไปถึงหลักแสนบาท จึงใช้ประสบการณ์จากการทำงานที่ร้านเล่า เลือกสายส่งที่ค่อนข้างเอื้อเฟื้อกับร้านหนังสืออิสระ คัดเลือกหนังสือที่เราชอบและเห็นว่าน่าสนใจ ซึ่งส่วนมากจะเป็นวรรณกรรมไทย วรรณกรรมแปล สังคมศาสตร์ ประวัติศาสตร์ การเมือง เป็นหนังสือที่ตามร้านใหญ่อาจจะไม่มี หรือหาตามร้านใหญ่ค่อนข้างยาก เพื่อทดแทนจำนวนหนังสือที่ยังมีน้อย

หรือปัญหาที่เคยได้เห็นตั้งแต่ทำงานที่ร้านเล่า คือหนังสือบางสำนักพิมพ์เข้าถึงยาก เนื่องจากอยู่กับสายส่งใหญ่ที่มีระบบครบวงจร มีสำนักพิมพ์ สายส่ง และหน้าร้านของตนเอง เข้าถึงยากทั้งค่าประกันที่สูงและการพยายามเพิ่มยอดขาย หนังสือที่กำลังเป็นที่สนใจมักจะสั่งไม่ได้ เพราะสายส่งเลือกส่งหนังสือไปที่หน้าร้านตนเองก่อน เมื่อเริ่มคลายความนิยมหรือมีพอเหลือจากหน้าร้านของสายส่งจึงเริ่มพอสั่งได้ บางสายส่งถ้าจะซื้อขาดมาขาย ก็ต้องซื้อในจำนวนที่เยอะเกินกำลัง – 50,000 บาทกับราคาลดเท่ากับฝากขายปกติ 

Waltz Bake x Harvest Moon Bookshop คู่รักที่เปลี่ยนบ้านเป็นร้านหนังสือและเบเกอรี่

เรื่องของสายส่งที่มีระบบครบวงจร ยังส่งผลต่อสำนักพิมพ์อิสระในบางแง่ เช่นบางครั้งมีการเพิ่มเปอร์เซ็นฝากขาย หรือการเลือกวางหนังสือ ส่งผลกระทบต่อนักเขียนเป็นทอด ๆ ไป สายส่งเหล่านี้เลือกได้ว่าจะส่งหรือไม่ส่งร้านไหน และจะดันหนังสือเล่มไหนหรือสำนักพิมพ์อะไรให้ขายดี

สิ่งเหล่านี้ผมเข้าใจว่าเป็นเรื่องเชิงธุรกิจ เป็นความจำเป็นในการดำเนินธุรกิจ แต่ในอีกทางมันมักจะเป็นอุปสรรคที่ร้านหนังสืออิสระหลายร้านมักต้องเจอ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การทำธุรกิจของร้านหนังสืออิสระบางร้านเป็นไปอย่างค่อนข้างลำบาก และทำให้การขยายตัวของร้านหนังสืออิสระมีน้อย สวนทางกับจำนวนนักอ่านที่เพิ่มมากขึ้น จากที่เคยทำงานร้านหนังสือมานานพอสมควร พอได้เห็นความเปลี่ยนแปลงว่าตอนนี้นักเรียน นักศึกษา คนวัยทำงาน อ่านหนังสือกันเยอะขึ้นมาก เมื่อเทียบเปอร์เซ็นต์กับเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว จำนวนนักอ่านเพิ่มมากขึ้น แต่นักเขียน สำนักพิมพ์ ที่ไม่ใช่ของสายส่ง สายส่งที่ไม่มีสำนักพิมพ์และหน้าร้านของตนเอง กลับไม่ได้มีผลตอบแทน ไม่ได้มีการดำเนินธุรกิจที่ดีขึ้นมากนัก เทียบกับบริษัทที่ครบวงจร

เราวางแผนแก้ปัญหาเรื่องการเข้าถึงหนังสือบางเล่มได้ยาก เงินสำหรับใช้จ่ายในครอบครัวจะใช้เงินจากการขายเบเกอรี่ ส่วนเงินที่ได้จากการขายหนังสือนั้น จะติดต่อกับสำนักพิมพ์ที่ขายขาดหนังสือเล่มที่เราต้องการ นำกำไรจากการขายหนังสือมาซื้อหนังสือเหล่านี้ ค่อย ๆ ซื้อทีละเล็กทีละน้อยเท่าที่ไหว ค่อย ๆ สะสมหนังสือที่เราสนใจ เพื่อวันหนึ่งข้างหน้าจะได้มีหนังสือให้เลือกอ่านเยอะขึ้น และหลากหลายมากยิ่งขึ้นกว่านี้

Waltz Bake x Harvest Moon Bookshop คู่รักที่เปลี่ยนบ้านเป็นร้านหนังสือและเบเกอรี่

แน่นอนว่าลำพังการเริ่มทำร้านหนังสืออิสระเล็ก ๆ ด้วยทุนจำกัด คงให้ผลตอบแทนไม่ได้มากพอสำหรับเราในตอนนี้ แต่พวกเราคิดว่าถ้าเรานำ 2 อย่าง ‘หนังสือ + เบเกอรี่’ มาไว้ด้วยกัน น่าจะพอมีทางเป็นไปได้ พอมีทางที่เราจะอยู่ได้ในเชิงธุรกิจ และได้ทำร้านหนังสือในแนวทางที่เราต้องการ พอมีทางที่ร้านหนังสือทางเลือกแบบเราจะค่อย ๆ ดีขึ้นในวันข้างหน้า คนที่ชอบหนังสือ มาดูหนังสือก็อาจจะอยากลองชิมเบเกอรี่ คนที่มากินเบเกอรี่แล้วเห็นชั้นหนังสือ ก็อาจจะสนใจลองเดินดูและซื้อหนังสือได้

ก่อนเปิดร้าน หลายคนเป็นห่วงเรื่องระยะทาง ที่ไม่เพียงอยู่ไกลจากตัวเมือง หากยังต้องเข้าซอกเล็กซอยน้อยกว่าจะถึง แต่เราคิดว่าในปัจจุบันตัวเมืองเชียงใหม่ขยายตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ มีหมู่บ้านจัดสรรเกิดขึ้นมากมายตามอำเภอต่าง ๆ ที่ติดอำเภอเมือง หลายคนถึงแม้จะทำงานอยู่ในเมือง แต่ก็มีบ้านและใช้ชีวิตนอกเวลางานอยู่นอกเมือง เราไม่กังวลมากนัก แต่ก็ไม่คาดหวังมากเกินไปเช่นกัน รู้สึกเพียงว่าเหนื่อยมาก ๆ เพราะเราทำทุกอย่างเอง อยากให้ถึงวันเปิดเร็ว ๆ เพื่อที่หลังจากนั้น จะได้รู้ว่าอะไรดีไม่ดีแล้วค่อย ๆ ปรับแก้กันต่อไป เบเกอรี่พอมีลูกค้าเก่าอยู่บ้างแล้ว น่าจะค่อยเป็นค่อยไปได้ สิ่งที่กังวลเป็นเรื่องของชุมชนมากกว่า ว่าเราจะทำให้ชุมชนมีปัญหาอะไรบ้างหรือเปล่า

Waltz Bake x Harvest Moon Bookshop คู่รักที่เปลี่ยนบ้านเป็นร้านหนังสือและเบเกอรี่

ก่อนเปิดร้าน เราเพียงประกาศในช่องทางโซเชียลมีเดียและบอกกล่าวพี่น้องเพื่อนฝูง วันนั้นจึงมีเฉพาะคนรู้จักและลูกค้าเก่าเบเกอรี่มาให้กำลังใจ ค่อนข้างชุลมุนแต่อบอุ่น ทุกคนต่างเต็มใจรอ ช่วยอุดหนุนหนังสือ ไม่หงุดหงิดกับที่จอดรถที่มีเพียงน้อยนิด ทุกคนให้กำลังใจ เอาใจช่วยเรา รวมทั้งร้านหนังสืออิสระด้วยกันเอง ร้าน Book Re:public มาอุดหนุนขนมเครื่องดื่ม และซื้อหนังสือที่ผมเดาว่าที่ร้านเองก็น่าจะมีขาย พี่ ๆ ร้านเล่า และเวิ้งมาลัย มาให้กำลังใจ รวมถึงช่วยเก็บแก้วเก็บจาน ช่วยโบกช่วยดูที่จอดรถ น้องบางคนถึงกับมาช่วยล้างจาน

หลังจากนั้นหลายคนก็ช่วยไปเผยแพร่ ช่วยโฆษณาต่อ ๆ ไป จึงเริ่มมีลูกค้ามาเรื่อย ๆ ช่วยให้เราเริ่มตั้งไข่และเดินก้าวแรกได้เร็วขึ้น เริ่มมีผู้คนหลากหน้าหลายตาเข้ามา คนที่เคยซื้อขนมอยู่ในเมือง แต่เพิ่งรู้ข่าวก็อุตส่าห์ขับรถไกลมาหาพวกเรา หรือบางคนมาเพื่ออุดหนุนร้านหนังสืออิสระโดยเฉพาะ แต่ที่มักจะเรียกรอยยิ้มและกำลังใจให้เราเสมอ คือพ่อแม่ที่โดนลูกเกณฑ์มาด้วยความไม่เต็มใจ บ่นอุบอิบถึงความไกลและเส้นทางที่ลำบากเมื่อตอนมาถึง แต่ตอนกลับมักจะมาพูดคุยกับเราด้วยสีหน้าสบายใจยิ้มแย้มแจ่มใส คุณแม่ท่านหนึ่งพูดเล่นอย่างน่ารักว่า อยากซื้อที่ดินสร้างบ้านติดกัน

Waltz Bake x Harvest Moon Bookshop คู่รักที่เปลี่ยนบ้านเป็นร้านหนังสือและเบเกอรี่

เรื่องผลกระทบต่อคนในชุมชนเราก็ค่อย ๆ คลายความกังวล หมู่บ้านสันผักหวานน้อย อำเภอหางดง เป็นชุมชนที่ดี ผู้คนน่ารักและเอื้อเฟื้อ หลายคนคอยบอกทางคนที่หลงทาง บางคนคอยแนะนำเรื่องต่าง ๆ ช่วยแชร์รีวิว มาสอบถามสารทุกข์สุกดิบ อุดหนุนให้กำลังใจ ครั้งหนึ่งลูกค้าบอกว่าหลงทางเลยจอดสอบถามคนในหมู่บ้าน ไม่คิดว่าจะถึงกับขี่มอเตอร์ไซค์นำทางมาส่งถึงที่ร้าน – มาทราบตอนหลังว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านเองที่นำทางมาส่ง

ถึงจะเหนื่อยกันมากในช่วงแรก ๆ แต่เรื่องเหล่านี้คอยพยุง คอยช่วยเป็นพลังใจเราได้อย่างมากมายมหาศาล

แม้ยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่นับจากเปิดร้าน วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565 มาจนถึงตอนนี้ ถึงจะมีปัญหาอยู่บ้าง ผมก็ยังสบายใจ ได้ช่วยภรรยาทำขนมตอนเย็น ได้อยู่กับหนังสือ ลงมือแล้วและพยายามทำไปเรื่อย ๆ หาทางให้ร้านอยู่ให้ได้ ได้หาได้คัดเลือกหนังสือ ยังรู้สึกดีเมื่อมีคนซื้อหนังสือ หรือคนบอกว่าหนังสือน่าสนใจ เป็นทางเลือกเล็ก ๆ ให้กับคนที่สนใจในหนังสือ ยังได้อยู่กับหนังสือเหมือนเมื่อที่เคยเป็นมา 18 ปี

Waltz Bake x Harvest Moon Bookshop คู่รักที่เปลี่ยนบ้านเป็นร้านหนังสือและเบเกอรี่

แนะนำหนังสือ

โดย Harvest Moon Bookshop

1

เงาสีขาว

นักเขียน : แดนอรัญ แสงทอง

สำนักพิมพ์ : สามัญชน

ราคา : 780 บาท

นวนิยายแห่งความบ้าคลั่ง ปอกเปลือยตัวตนของปัจเจกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและมืดหม่น ออกมาในรูปแบบกระแสสำนึก ภาคกลางของนวนิยายไตรภาคที่เราไม่มีทางได้อ่านภาคต้นและภาคปลายแล้ว เป็นหนังสือที่ตั้งใจไว้นานแล้วว่า ถ้ามีร้านหนังสือต้องมีเล่มนี้ขาย

Waltz Bake x Harvest Moon Bookshop ความฝันของคู่รักที่ทำบ้านเป็นร้านหนังสือและร้านเบเกอรี่สุดละมุนที่เชียงใหม่

2

มันทำร้ายเราได้แค่นี้แหละ

นักเขียน : ภรณ์ทิพย์ มั่นคง

สำนักพิมพ์ : อ่าน

ราคา : 550 บาท

หนังสือที่ควรอ่านเพื่อเรียนรู้ เพื่อสร้างความภูมิคุ้มกันให้กับจิตใจ ในการที่จะสู้กับความอยุติธรรมต่าง ๆ ในสังคมและชีวิต แค่ส่วนแทรกที่นำมาจากการเขียนบันทึกตอนอยู่ในคุก บนหน้ากระดาษพระคัมภีร์ที่แอบฉีกมาก็ควรค่าแก่การอ่านเป็นอย่างยิ่งแล้ว

Waltz Bake x Harvest Moon Bookshop ความฝันของคู่รักที่ทำบ้านเป็นร้านหนังสือและร้านเบเกอรี่สุดละมุนที่เชียงใหม่

3

เราต่างมีแสงสว่างในตัวเอง

นักเขียน : วรพจน์ พันธุ์พงศ์

สำนักพิมพ์ : สมมติ

ราคา : 300 บาท

รวมบทสัมภาษณ์ โดยมือสัมภาษณ์มากประสบการณ์ เรียกได้ว่าเป็นชั้นต้นคนหนึ่งของเมืองไทย เลือกคนสัมภาษณ์ได้น่าสนใจ ไม่ฟูมฟายเกินไป หลายคำถามนำไปสู่การเปิดมุมมองที่หลากหลาย

Waltz Bake x Harvest Moon Bookshop ความฝันของคู่รักที่ทำบ้านเป็นร้านหนังสือและร้านเบเกอรี่สุดละมุนที่เชียงใหม่

แนะนำโดย Waltz Bakes

4

วันที่เหมาะกับขนมปัง ซุป และแมว

นักเขียน : มูเระ โยโกะ

นักแปล : สิริพร คดชาพร

สำนักพิมพ์ : Sandwich

ราคา : 230 บาท

เรื่องราวของอากิโกะ อดีตบรรณาธิการสาวที่ผันตัวมาเปิดร้านอาหาร ขายแค่แซนด์วิชกับซุปเคียงคู่กัน โดยบอกเล่าเรื่องราวในแต่ละวันที่เกิดขึ้นรอบตัวอากิโกะอย่างราบเรียบ แต่แฝงด้วยนัยยะสำคัญของการใช้ชีวิตบางอย่างเอาไว้ เป็นหนังสือที่อ่านแล้วให้ความรู้สึกอุ่นใจและผ่อนคลายในขณะเดียวกัน

Waltz Bake x Harvest Moon Bookshop ความฝันของคู่รักที่ทำบ้านเป็นร้านหนังสือและร้านเบเกอรี่สุดละมุนที่เชียงใหม่

5

เยิรเงาสลัว

นักเขียน : จุนอิชิโร ทานิซากิ 

นักแปล : สุวรรณา วงศ์ไวศยวรรณ

สำนักพิมพ์ : openbooks

ราคา : 265 บาท 

เป็นหนังสือที่ชวนเราละเลียดมองในความงามของความเงาสลัวที่กระทบลอดส่องผ่านตามซอกซอนสถาปัตยกรรมบ้านเรือน เครื่องครัวของใช้ หรือแม้กระทั่งวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นที่มีสุนทรียะของความสลัวเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นหนังสือที่ทำให้เราหยุดนิ่งและซึมซับความเป็นญี่ปุ่นได้อย่างเข้าใจ

Waltz Bake x Harvest Moon Bookshop ความฝันของคู่รักที่ทำบ้านเป็นร้านหนังสือและร้านเบเกอรี่สุดละมุนที่เชียงใหม่

Waltz Bakes x Harvest Moon Bookshop

ที่ตั้ง : 114/2 บ้านสันผักหวานน้อย หมู่ 7 ต.สันผักหวาน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ (แผนที่)

โทรศัพท์ : 08 4488 4824, 09 5698 2410

วัน-เวลาทำการ : เวลา 09.00 – 17.00 น. ปิดวันพุธ

Facebook : Harvest Moon Bookshop และ Waltz Bakes

Instagram : harvestmoon_bookshop และ Waltz_bakes

Writer & Photographer

Avatar

ปิยศักดิ์ ประไพพร

ใช้ชีวิตวัยเด็กที่จังหวัดลำพูน ย้ายมาอยู่เชียงใหม่ตอนอายุ 13 ปี เข้าเรียนภาควิชาสังคมวิทยา - มานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่ไม่จบการศึกษา ทำงานที่ร้านเล่า 18 ปี ปัจจุบันร่วมกับภรรยาเปิดร้านขนมและร้านหนังสืออยู่ที่บ้าน ในหมู่บ้านสันผักหวานน้อย อำเภอหางดง เชียงใหม่