3 ตุลาคม 2024
2 K

ย้อนไปเมื่อ พ.ศ. 2558 มีพอร์ตโฟลิโอในตำนานที่ใช้ยื่นเข้าคณะศิลปะถือกำเนิดขึ้น 

นายวีรยุทธ บุตราช แนะนำแฟ้มผลงานของตัวเองตอนนั้นว่า แค่หน้าปก ก็แรดแล้ว เพราะมันปรากฏรูปของ วี เด็กหนุ่มผมสั้นเกรียน สวมรองเท้าส้นเข็มสีแดงจี๊ด นั่งยอง ๆ กลางถนนปูนหยาบ ทะลุออกจากกรอบสามเหลี่ยม ราวกับเป็นนัยว่าไม่มีอะไรกีดกั้นตัวตนที่แท้จริงได้

วันนี้, 9 ปีต่อมา เขาหรือเธอในชื่อ ธัญญวีร์ ปล่อยผมยาวสลวย จิกกระโปรงสีเหลืองสดตัวสั้นจิ๋ว ยังคงยืนอยู่บนส้นสูงและไม่สนสายตาใคร

วีจบการศึกษาจากวิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม สาขาภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เป็นที่รู้จักในนาม Wallevee นักตัดต่อมือทองผู้ลำดับภาพมิวสิกวิดีโอ T-POP แทบทุกศิลปิน ทั้ง Billkin, PP Krit, 4EVE, BUS because of you i shine, PROXIE, PiXXiE, ศิลปินค่าย YUPP! ผลงานเพลงของแก๊งหิ้วหวีไปหิ้วหวีมา ไปจนถึงศิลปินแดนโสมอย่าง NCT ด้วยสไตล์งานโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งต่อให้วีไม่รู้ว่าจะนิยามงานของเธอว่าอะไร แต่มันก็กลายเป็นภาพจำของสไตล์ Y2K ไปแล้ว 

แม้อาชีพนักตัดต่อจะเป็นหนึ่งในทีมงานเบื้องหลังความสำเร็จของศิลปินมากมาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่างานของ Wallevee มีส่วนขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเพลงไทยไม่น้อย นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เราอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักเธอ

ไม่ใช่แค่แนวคิดการทำงาน แต่ลงลึกไปถึงตัวตนข้างใน

ชื่อของ Wallevee ร่องรอยชีวิตตั้งแต่หัวจรดเท้า เป็นได้ทั้งเครื่องการันตีฝีมือในคนบางกลุ่ม และสร้างความเคลือบแคลงใจให้กับบางกลุ่มคน

เราพาวีลัดเลาะไปตามถนนสุขุมวิท ถนนซึ่งศิลปินที่เคยผ่านมือเธอคงเดินผ่านเป็นประจำ นั่งดื่มกาแฟพอเป็นพิธี หยอกล้อกับร้านผลไม้ปั่นข้างทาง ก่อนกระโดดขึ้นไปร้องคาราโอเกะบนรูฟท็อปหรูหรา ให้วีได้โพสต์ท่าถ่ายรูปอย่างตัวแม่ที่ฝันอยากเป็น

“กะเทยมันตายไว อยากทำอะไรให้รีบทำ” คือคติประจำใจที่วีในวัย 29 จะเขียนไว้ในพอร์ตโฟลิโอ

แฟ้มสะสมประสบการณ์

แฟ้มสะสมผลงานของ Wallevee คงเป็นแฟ้มที่สะสมผลงานสมชื่อ เพราะมันอัดแน่นไปด้วยผลงานและรางวัลของเด็กกิจกรรมที่ทำแทบทุกอย่างในโรงเรียน 

ประธานนักเรียนโรงเรียนพระปฐมวิทยาลัยระบุไว้ในนั้นว่า เธอฝันอยากเป็นผู้กำกับและครีเอทีฟรายการทีวี มากไปกว่านั้น เธอบอกกับเราว่าตากล้องคืออีกหนึ่งความฝันของเธอ

“สมัยนั้นมีตากล้องผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ พี่โบโซ่ (ณิชา จุไรรัตนาภรณ์) ทำผมสีน้ำเงิน เราคิดว่าเป็นตากล้องผู้หญิงยังเท่ขนาดนี้ ถ้ากะเทยเป็นตากล้องบ้างก็คงต้องเท่แน่เลย”

ทว่า เมื่อออกกองจริงในรั้วมหาวิทยาลัยก็ตกตะกอนได้ว่าไม่ใช่ทางที่ถนัด เธอเบนเข็มมาฝึกฝนการตัดต่อ แม้จะมีเพื่อนไม่ถึง 5 คนในคณะที่เลือกเดินทางสายนี้ก็ตาม

วีเลือกเรียนภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล การตัดต่อจึงเป็นทักษะที่ต้องอาศัยการครูพักลักจำด้วยตัวเองพอสมควร แต่วีไม่ได้ชอบการลำดับภาพไดอะล็อกเหมือนในภาพยนตร์ เธอนิยมเสพแฟชั่นฟิล์มต่างประเทศ ทั้งจากแมกาซีน โฆษณาเครื่องสำอาง รวมไปถึงมิวสิกวิดีโอจากทั่วทุกมุมโลก เธอจึงมีแนวทางการตัดต่อของตัวเองตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงขั้นได้รับมอบหมายให้สอนเพื่อนในชั้นเรียน

“แต่นักตัดต่อสอนกันไม่ได้หรอกนะ” เธอหยุดจินตนาการของเราไว้เพียงแค่นั้น “มันสอนได้แค่พื้นฐาน มีวิธีการเล่าเรื่องแบบไหนบ้าง เพราะการลำดับภาพเป็นเรื่องเฉพาะตัว (Subjective)”

ยิ่งโดยเฉพาะกับแฟชั่นฟิล์มที่วีบอกว่ามีความอะไรก็ได้ ไม่ค่อยมีกรอบ หวือหวา และใส่ความเป็นตัวเองได้เยอะกว่า เราไม่แปลกใจว่าทำไมเธอถึงหลงใหลในศาสตร์นี้แม้จะมีเพื่อนร่วมทางเพียงไม่กี่คน

ความโดดเด่นของเธอทำให้เธอโดดเด้งมาประกอบอาชีพเร็วกว่าใคร วีได้รับการทาบทามให้มาตัดต่อวิดีโอรีแคปอีเวนต์ Tiger Jams เป็นงานแรก โดยเป็นเวทีที่เปิดให้ศิลปินหน้าใหม่อย่าง Three Man Down, Safeplanet หรือ Zweed n’ Roll มาแสดงฝีมือ มองย้อนกลับไปจะเรียกว่าเส้นทางนักตัดต่อของวีเติบโตขนานกับศิลปินเหล่านี้ก็ว่าได้

ถ้าเอาดีในวงการเพลงเต็มตัวก็คงชีวิตสดใส แต่งานประจำแรกที่วีเลือกทำคือการเป็นนักตัดต่อให้ยูทูบเบอร์อย่าง Mayy R

Pre-production
ชิมลาง

เด็กหลายคนอาจคิดว่าแฟ้มสะสมผลงานสำคัญแค่ในช่วงชีวิตก่อนเข้ามหาวิทยาลัย แต่เมื่อเติบใหญ่จะรู้ว่าแฟ้มสะสมผลงานสำคัญกับเราไปชั่วชีวิตการทำงาน

วีรู้ตัวแต่เด็กว่าเธออยากเป็นอะไรก็จริง แต่การเลือกทำงานกับยูทูบเบอร์อันดับต้น ๆ ของวงการ ณ ตอนนั้นถือเป็นการรวบรวมผลงานเพื่อต่อยอดในอาชีพ 

“วิดีโอของ Mayy R จะตัดเหมือน Vlog ซึ่งพาร์ตอินโทรจะเป็นพาร์ตที่ทำให้เราได้โชว์ความเป็นตัวเองมากที่สุด แม้ไม่ถึง 30 วินาที แต่วีจะใช้สิ่งนี้เป็นพอร์ตโฟลิโอ 

“เราจะมีสมุดโน้ตเลยว่าวีจะทำอะไรในคลิปนี้ ต้องมีธีม มีวิธีคิด แล้วพี่เมมีทีมตัดต่อหลายคน แต่วีจะไม่ทำทุกอย่าง วีจะเลือกว่าคอนเทนต์ไหนจะทำ คอนเทนต์ไหนให้คนอื่นทำ”

แล้วคอนเทนต์แบบไหนที่วีจะทำ – เรายิงคำถามต่อ 

“คอนเทนต์ที่สนุก ต่อยอดได้ ทำให้เขาคุ้มกับการใช้เรา” เธอในวัย 23 ชัดเจนในจุดยืน “เรารู้ตัวเองว่าฉันทำให้ยูทูบเบอร์ไปตลอดไม่ได้ ฉันอยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง ฉันอยากเป็นฟรีแลนซ์เต็มตัว ไม่ใช่การตัดคลิปให้ยูทูบเบอร์ไม่ดี แต่เราไม่พอ เราอยากไปไกลกว่านี้”

วีเล่าว่าก่อนบรรดายูทูบเบอร์จะมีโปรดักชันจริงจังอย่างตอนนี้ นักตัดต่อจำเป็นต้องจบงานด้วยตัวคนเดียว ไม่ได้แบ่งหน้าที่ตามตำแหน่ง เธอเองก็เริ่มสนุกกับการทำงานเป็นทีมมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป 2 ปี ยิ่งแล้วใหญ่หลังลาออกจากงานประจำมารับงานในวงการอื่น ๆ ที่ต้องมีทั้งคนตัดต่อ ทำสี ทำเสียง ทำเอฟเฟกต์ ฯลฯ

มิวสิกวิดีโอชิ้นแรกของเธอคือเพลง WALK AWAY ของ ฟลุค-พลกฤต ศรีสมุทร หัวเรือใหญ่แห่งค่าย YUPP! หรือ LUNATICFLUKER ในวงการแรปเปอร์ โดยเป็นวิดีโอแนวตั้งจาก เฟ่ยเฟ่ย-พิสิณี ขาวสมัย ผู้กำกับรุ่นใหม่อีกคนที่น่าจับตามอง

จากเอฟเฟกต์มิวสิกวิดีโอสไตล์ Glitch, VHS, โฮมวิดีโอเก่า ๆ ที่ฮิตในช่วงนั้น ก็แปรเปลี่ยนเป็นมิวสิกวิดีโอสไตล์ Y2K ตามกาลเวลา ชิ้นที่เป็นตัวแทนได้ชัดเจนที่สุดเห็นจะเป็นเพลง The Weekend (MILLI Remix) ของ MILLI วีบอกว่าไม่ใช่เธอคนเดียวที่มีส่วนในการสร้างภาพจำของมิวสิกวิดีโอ T-POP ยุคใหม่ แต่เป็นเพราะทีมงานเบื้องหลังทุกคน

แม้เธอไม่รู้จะนิยามงานของตัวเองว่าอะไร แต่รับรองว่าเห็นงานเธอเมื่อไหร่จะรู้ได้ทันทีว่านี่คือฝีมือเธอ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการพิสูจน์ความสามารถ

Pro-production
ตีโจทย์แตก

ขั้นตอนแรกของการทำงานตัดต่อคือการทราบว่าต้องทำงานทั้งหมดกี่ชิ้น เพราะส่วนมากงานโฆษณาต้องใช้วิดีโอหลายตัว หลายเวอร์ชัน แตกต่างจากงานมิวสิกวิดีโอที่วีต้องขอฟังเพลงก่อนว่าน่าทำไหม

คำถามต่อมาคือ น่าทำ แปลว่า สนุก ถูกใจ หรือเห็นภาพ

“เห็นภาพ” วีตอบทันที “เมื่อก่อนเราเป็นนักตัดต่อที่รับงานได้หมด ไม่มีพลังมากพอในการต่อรอง ตอนนี้เราทำงานโฆษณาเพื่อหาเงิน และทำงานมิวสิกวิดีโอเพื่อแพสชัน”

หลังเห็นภาพเป็นฉาก ๆ จะมีผู้กำกับ 2 ประเภท คือหนึ่ง ผู้กำกับที่จะเข้ามาปรึกษานักตัดต่อ เพราะพฤติกรรมของคนดูยุคนี้ชอบการเปลี่ยนฉากแบบ ‘เริด ๆ’ การพูดคุยกับนักตัดต่อแต่เนิ่น ๆ จะทำให้ผู้กำกับรู้ว่าต้องถ่ายแบบไหนเพื่่อให้ได้ซีน ‘เริด ๆ’ เหล่านั้นมา จากที่นักตัดต่อเปรียบเสมือนคนปลายน้ำก็กลายเป็นอยู่ในกระบวนการตั้งแต่แรก 

กับประเภทต่อมาคือผู้กำกับที่เห็นภาพความต้องการของตัวเองชัด มั่นใจ มีไอเดีย นับเป็นความท้าทายของนักตัดต่อที่ต้องทำงานให้ตรงตามโจทย์ที่ผู้กำกับมากยิ่งขึ้น 

หลังจากนั้นก็ลงมือตัดต่อ ก่อนส่งให้ศิลปินหรือค่ายตรวจทาน 

โดยหัวใจหลักของการตัดต่อมิวสิกวิดีโอคือทำให้ภาพลักษณ์ศิลปินดูดีที่สุด เต้นดีที่สุด สวยที่สุด เช่นเดียวกันกับโฆษณา คือสวยที่สุดและต้องขายของที่สุด ที่สำคัญ แม้เธอจะมีสไตล์โดดเด่นไม่ซ้ำใครก็เป็นตัวของตัวเองได้ไม่ทั้งหมด

“วีจะคิดจากงานเป็นที่ตั้ง ก่อนเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เราต้องคิดงานให้สอดคล้องกับโจทย์ แล้วค่อยใส่ความเป็นตัวเอง ใส่สิ่งที่อยากทำ การเจอผู้กำกับที่ใจกว้างจะทำให้เราบาลานซ์ความเป็นตัวเองกับโจทย์ที่ต้องทำได้ดี”

มิวสิกวิดีโอ 5 ตัวที่วีประทับใจ

ผลงานล่าสุดที่ตัดต่อ

Badmixy – คิดถึงโว้ย | Official MV

“เพลงนี้เป็นการร่วมงานกับ พี่ก๋วยเตี๋ยว พี่มิกซ์ สำหรับเราเป็นงานที่ง่ายแต่ยากมาก เพราะใช้วิธีเล่าธรรมดา แต่จะทำยังไงให้คนดูแล้วรู้สึก เครียดมาก ถึงขั้นลองกันหลากหลายวิธีมากกับพี่เตี๋ยว เมื่อคืนก็ยังลองอยู่เลย 

“เรื่องราวของมิวสิกวิดีโอคือ น้าค่อม เป็นเรื่องส่วนตัวแต่ทุกคนรู้จัก ด้วยตัวเนื้อหาชัดเจนตรงที่คิดถึงโว้ย แต่เป็นความคิดถึงที่มีความสุข เราต้องเล่าให้ง่าย เลือกคัตให้คม เห็นแล้วต้องรู้สึก มีถึงขึ้นถ่าย ตัด แล้วไม่รู้สึก พี่มิกซ์ขอสั่งถ่ายเพิ่มก็มี เพราะเขาอยากทำให้มันดี”

ผลงานที่ชอบที่สุดแห่งปี

4EVE – VROOM VROOM Prod. by URBOYTJ | Official MV

สำหรับปีที่ผ่านมา วียกให้เพลง VROOM VROOM ของ 4EVE กับ ฟ้ารักพ่อ (DILF) ของ BADMIXY เป็น 2 ตัวที่ชอบที่สุด เพราะเป็นการทำงานที่มีความสุข คอนเซปต์ชัด โดยวีเล่าเรื่องสนุกให้ฟังว่านอกจาก 2 เพลงจะปล่อยออกมาใกล้ ๆ กัน ทั้ง 2 เพลงยังถ่ายวันเดียวกัน สตูดิโอเดียวกัน โดยกอง VROOM VROOM ถ่ายเสร็จ ฟ้ารักพ่อ ก็ถ่ายต่อเลย ซึ่งเป็นกองถ่ายที่นักตัดต่ออย่างวีเดินทางไปร่วมชมด้วย ต่อให้ไม่จำเป็นก็ตาม

Badmixy – ‘ฟ้ารักพ่อ (DILF) (feat. ยุ้ย ญาติเยอะ)’ MV

“เราชอบไปดูหน้ากอง มันอาจจะมีช่องโหว่บางอย่างที่ผู้กำกับตกหล่น หรือบางทีผู้ช่วยก็คิดไม่ทันหรอกว่าเขาตัดซีนอะไรไปแล้วยังเล่าเรื่องได้อยู่ การมีนักตัดต่อจะทำให้เราบอกเขาได้ทันทีเพื่อให้ถ่ายได้ตามเวลาในเบรกดาวน์”

ผลงานที่เป็นตัวเองมากที่สุด

WHO ARE YOU I SHE IS WALLEVEE

“โปรเจกต์ส่วนตัว เราใส่ทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เสื้อผ้า วิธีตัด เพลง การนำเสนอ เป็นตัวตนของเรามาก เพราะอย่างที่บอก เราเป็นตัวเองไม่ได้ 100% ในงานอื่น”

ผลงานที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต

Wacoal x Post-thesis Go girls collection

“งานโฆษณา Wacoal กับ Post-thesis ที่เป็นชุดนักเรียนเวอร์ ๆ งานนั้นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรามีโอกาสในวงการโฆษณามากขึ้น เป็นงานแรกที่เราทำงานกับ บอส (วสกร คุ้มเกล้าวิริยะ ผู้กำกับ) แล้วเรายังสนิทกับเขาจนถึงทุกวันนี้ คนรู้จักเรามากขึ้น เพราะงานเป็นที่พูดถึงเยอะ และได้รางวัลในวงการโฆษณาด้วย”

ผลงานที่กำกับเอง

“ตอนเป็นนักตัดต่อจะเหนื่อยแค่ตอนแก้ไขปัญหากับตอนเห็นของที่มี ไม่รับรู้ปัญหาก่อนถ่ายเลย แต่ตอนเป็นผู้กำกับเราเหนื่อยที่ต้องเจอปัญหาจนจบกระบวนการ”

ก่อนเริ่มสนทนากันไม่นาน วีบอกกับเราว่าเธอเริ่มกระโดดเข้ามาในวงการผู้กำกับจริงจังเป็นครั้งแรกในชีวิต โดยเป็นการร่วมงานกับศิลปินหน้าใหม่อย่าง เบนซ์-ข้าวขวัญ กฤษณโสภา เป็นหนึ่งในคนที่เชื่อในตัววีถึงขนาดเป็นฝ่ายขอให้วีมาทำมิวสิกวิดีโอให้ แม้หลังคุยกับค่ายเป็นการส่วนตัว เธอจะพบว่าเบนซ์ค่อนข้างกังวลที่จะลองทำอะไรใหม่ ๆ ไปกับวี แต่เธอก็ยังทำให้ด้วยความเต็มใจ เป็นการร่วมงานที่ทุกคนอยากทำให้ออกมาดี และวีพร้อมจะบอกว่าตัวเองเป็นผู้กำกับ 100% หลังงานนี้เผยแพร่ ซึ่งทุกคนจะได้ดูกันเร็ว ๆ นี้

วีเองก็เคยเข้าไปในกระบวนการตัดซีรีส์ ก่อนคนขี้เบื่ออย่างเธอจะค้นพบว่าไม่ชอบการทำงานยาว ๆ เพราะหมดความสนุกง่าย เธอจึงเลือกรับงานทีละหลายตัวเพื่อให้สลับทำงานได้ มากสุดต่อครั้งคือ 4 – 5 ต่ออาทิตย์ ไปจนถึง 10 ตัวใน 1 เดือนถ้าไทม์ไลน์ไม่ชนกัน

ซึ่งสไตล์งานที่จัดจ้านก็นับเป็นความท้าทายให้นักตัดต่อมือทองทำงานไม่ซ้ำ แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้นหรอก เพราะเทคนิคเดียวกันกับศิลปินคนละคนก็นับเป็นเรื่องใหม่เสมอ 

สำหรับวี การตัดต่อมิวสิกวิดีโอมีผลอย่างมากต่อภาพลักษณ์ศิลปินไทย เพราะเป็นการกำหนดภาพและสไตล์ที่คนดูจะได้เห็น ทั้งยังมีอิทธิพลถึงขั้นกำหนดทิศทางในแวดวงแฟชั่นได้ด้วย

“แต่จะมีผลไม่มีผลอยู่ที่ความเปิดกว้างของค่ายเพลง เราไปคนเดียวไม่ได้” วีเสนอข้อคิดเห็น “เราเป็นแค่คนปรุง คนเตรียมวัตถุดิบหลักคือค่าย 

“แต่ก็เข้าใจค่ายว่าไม่ใช่มิวสิกวิดีโอทุกตัวที่ใช้เงินเยอะได้ เขาต้องแบกรับความเสี่ยงมากมาย วีไม่รู้ว่าการสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นความคาดหวังที่หวังได้จริงไหม แต่คนไทยทำอะไรได้เยอะมาก ถ้าเงินถึง แล้วมาตรฐานมิวสิกวิดีโอเราจะไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มาก”

PIMRYPIE Ft. HYO [Girls’ Generation] – PARTY [OFFICIAL MV]

นอกจากนี้ ความสามารถอันเป็นประจักษ์ของเธอทำให้วีก้าวเข้าสู่วงการ K-POP โดยเริ่มต้นจากเพลง PARTY ของ PIMRYPIE ft. HYOYEON เพลง GWANDO ของ TAEYONG เมมเบอร์จาก NCT เรื่อยมาจนถึงงานโฆษณาตัวล่าสุดอย่างโฆษณา Go Hair ที่มี JAEHYUN เมมเบอร์อีกคนจาก NCT เป็นพรีเซนเตอร์ด้วย

“ที่ผ่านมาเราทำงานให้แต่ค่าย SM Entertainment หมดเลย อะไรที่เราคิดว่าจุกจิกแล้ว เขายิ่งกว่าเรามาก สไตล์ของมิวสิกวิดีโอเป็นสิ่งที่ผู้กำกับกำหนดมา กระบวนการไม่ได้ยากมากแต่รายละเอียดเยอะ ทำให้เห็นว่านี่คือสแตนดาร์ดของเขา”

จะเห็นว่าช่วง 2 – 3 ปีหลังนี้ เป็นปีทองของวงการโปรดักชันไทยก็ว่าได้ มีผู้กำกับหน้าใหม่เกิดขึ้นพร้อมกับงานโดดเด่นมากมาย มีภาพยนตร์รวมถึงศิลปินระดับโลกเลือกใช้ทีมงานไทยหลายต่อหลายชิ้น รวมถึงงานตัดต่อของวีที่ยกระดับมาตรฐานเพลงไทยได้ทันตาเห็น แม้หลายคนจะอายุน้อย แต่พวกเขาก็เป็นกำลังสำคัญที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอยู่ตอนนี้

สำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่ฝันอยากดำเนินรอยตามบ้าง วีขอให้ปฏิบัติ 3 ข้อนี้อย่างแน่วแน่ คือเป็นตัวของตัวเอง มีวินัย และมีความรับผิดชอบ

“โลกเปิดกว้างมากขึ้นมาก ทุกคนอยากจะโดดเด่นในรูปแบบตัวเอง คนนั้นก็ป๊อป คนนี้ก็ป๊อป เลยป๊อปกันไปหมด ถ้าคุณโดดเด่นมากพอจะมีคนเห็นคุณ พูดแล้วมันเศร้าและเจ็บปวดกับเด็กยุคนี้ที่พูดเรื่องคอนเนกชัน แต่มันสำคัญจริง ๆ” วียอมรับ “เราไม่ได้ชอบเจอคนขนาดนั้นหรอก แต่เราต้องแกล้งเป็น ออกมาเจอคนบ้าง เพราะเรารู้ว่าการมาเจอคนจะได้อะไร มันเป็นสิ่งที่ต้องแลก”

เห็นแบบนี้ เธอเองเคยเป็นนักตัดต่อที่ไม่กล้าเปิดอินสตาแกรมเป็นสาธารณะด้วยซ้ำ 

“กลัวสะเหล่อ” เธอหัวเราะก่อนว่าต่อ “กลัวคนว้าย ลงงาน ไม่เท่ แต่เท่ไม่มีจะแดกนะคะ โควตนี้เลยค่ะ สุดท้ายเราเปิดอินสตาแกรมแม่งเลย เริ่มลงงาน เริ่มมีการรีโพสต์จนคนเห็นมากขึ้น ยุคนี้มีช่องทางทำให้คนเห็นศักยภาพเราเยอะ มันยากจริง แต่ไม่ยากมากหรอก” 

Post-production
Y2K Way to Cry

หนึ่งในคำถามสำคัญที่ไม่ถามไม่ได้หลังพูดคุยกับเธอมาเนิ่นนาน คือภาพลักษณ์จัดจ้านของเธอส่งผลต่องานทำงานบ้างรึเปล่า

“ส่งผลเยอะมาก” เธอตอบเสียงแข็ง แต่แววตาตรงกันข้าม “เรามีปัญหามาเยอะ แต่เราพิสูจน์ได้เพราะลูกค้าโอเค ผู้กำกับโอเค”

แต่เมื่อถามว่ามองมันเป็นข้อเสียรึเปล่า เธอกลับตอบว่าไม่ แถมมันยังพาให้เธอเริ่มทำโปรเจกต์ส่วนตัวของตัวเองภายใต้กลุ่ม SIAMSQUAD ที่รวบรวมคนทำหนังสัญชาติไทยไว้เป็นกลุ่มก้อน เป็นพื้นที่แสดงผลงานให้ลูกค้าเลือกจับจ่าย 

“ในการทำงานจะมีสิ่งที่เรียกว่า Show Reel หรือวิดีโอรวบรวมผลงาน แต่เราทำวิดีโอแฟชั่นฟิล์มของตัวเองเพราะอยากให้คนจำว่านี่คือตัวตนของเรา วีจะนำเสนอตัวเอง เพราะฉันรู้ว่าคนเลียนแบบตัวตนและภาพลักษณ์ของฉันไม่ได้ 

“อยากใช้ฉันเหรอ ฉันเป็นแบบนี้นะ จะใช้ไหม”

วีไม่เรียกตัวเองว่าเป็นนักตัดต่อ เธออยากให้ทุกคนรู้จักเธอในนามศิลปิน เพราะความหมายของมันครอบคลุมสิ่งที่เธออยากเป็น

“เราอยากมีชุดสวย ๆ ใส่ อยากเป็นคนดัง อยากมีคนดูแล นักร้องก็ได้ ผู้กำกับก็ได้ แดนเซอร์ก็ได้ ถ้าเจอคนที่ซื้อความเป็นเรา เรายินดีทำด้วยหมดไม่ว่าแบบไหนก็ตาม แฟชั่่นฟิล์มนี้จะเป็นสิ่งที่บอกว่าเราทำได้มากกว่าที่หลายคนคิด”

เบื้องหลังความมั่นใจของเธอเต็มไปด้วยบาดแผลที่ถูกปิดซ่อน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมจะเข้าใจตัวตนอันแข็งกร้าวและจุดยืนที่ชัดเจนนี้ วีเสียน้ำตาไปมากมายเพื่อต่อกรกับคนที่บอกว่า เราชอบงานแบบเธอมากเลย แต่ไม่ได้ใช้อะไรที่เป็นเธอแม้แต่น้อย

ยิ่งเป็นตัวเองในงานได้มากเท่าไร ก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้นเมื่อถูกปฏิเสธ

“ปัญหาไม่ใช่ ว้าย เขามาขอแก้แล้วฉันไม่ให้แก้ ปัญหามันคือคลื่นความถี่ของเราไม่ตรงกัน วิธีการสื่อสารไม่ตรงกัน งั้นก็ไม่ต้องทำด้วยกันเถอะ แต่เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้คุณหนีเราไม่พ้น ไม่ว่าคุณจะไม่ถูกจริตด้วยภาพลักษณ์เราดูแรงหรือไม่ก็ตาม

“มีคนเคยบอกว่า จะจำชื่อเราไว้แล้วจะไม่สนับสนุนผลงานอีก เราตอบกลับเขาไปว่า จำไว้ให้ดี งานเราจะอยู่เต็มทั่วกรุงเทพฯ จนหนีไม่ได้ ถ้าเธอชอบ T-POP ชื่อเราจะตามหลอกหลอนหลังจบมิวสิกวิดีโอ ถ้าเธอชอบ K-POP เราก็จะไปอยู่ในนั้น แล้วไม่ต้องห่วง เราทำได้แล้วด้วย อะไรแบบนี้แหละที่ทำให้เรารู้สึกอยากทำให้ดีกว่านี้ตลอด”

วีรู้ตัวว่าคำพูดของเธอมีพลัง มีทั้งคนรับได้ มีทั้งคนต่อต้าน แต่นั่นก็ไม่ได้สร้างความโศกเศร้าให้เธอได้มากไปกว่าการไม่รู้จักพอของตัวเอง บวกกับความคาดหวังจากสังคมที่อยากเห็นงานที่ได้มาตรฐานยิ่ง ๆ ขึ้นไปจากเธอเสมอมา 

วีตอบเราเสียงอ่อยว่าลดมาตรฐานให้กดดันตัวเองน้อยลงแล้ว และไม่เก็บเอาคำพูดของคนอื่นมาคิดเท่าเมื่อก่อน 

แม้จะปาดผม Sleek เราสัมผัสได้ว่าเธอกำลังสะบัดบ๊อบ 

ในลึกสุดใจ วียังกระหายถึงฝันอันใหญ่ที่ยังตอบเราไม่ได้ว่าคืออะไร แต่พอร์ตโฟลิโอชั่วชีวิตของเธอจะยังเปิดกว้าง พร้อมใส่ผลงานอีกนับพันชิ้น

“เราอยู่ใน Material World โลกทุนนิยม ต้องทำตัวให้มีจุดยืน ต่อให้เราเป็นชายจริงหญิงแท้เราก็จะเป็นแบบนี้แหละ

“เราอยากทำอะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลา เพราะเรากลัวตาย ชีวิตมันสุดโต่ง กะเทยมันตายไว อยากทำอะไรให้รีบทำเถอะ”

Writer

ชลลดา โภคะอุดมทรัพย์

ชลลดา โภคะอุดมทรัพย์

นักอยากเขียน บ้านอยู่ชานเมือง ไม่ชอบชื่อเล่นที่แม่ตั้งให้ มีคติประจำใจว่าอย่าเชื่ออะไรจนกว่าหมอบีจะทัก รักการดูหนังและเล่นกับแมว

Photographer

มณีนุช บุญเรือง

มณีนุช บุญเรือง

ช่างภาพสาวประจำ The Cloud เป็นคนเชียงใหม่ ชอบแดดยามเช้า การเดินทาง และอเมริกาโน่ร้อนไม่น้ำตาล