ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนรุ่งอรุณ
หลังจาก The Cloud ได้สัมภาษณ์ รศ.ประภาภัทร นิยม สถาปนิกผู้ก่อตั้งโรงเรียนรุ่งอรุณ โรงเรียนทางเลือกที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ผู้ออกแบบพื้นที่กว่า ๕๐ ไร่ให้เป็นห้องเรียนธรรมชาติ เราค้นพบว่าแนวคิดเบื้องหลังโรงเรียนอายุ ๒๐ ปีนี้ยิ่งใหญ่มาก
วิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจโรงเรียนทางเลือกแห่งนี้มากที่สุดคือการได้มาสัมผัสด้วยตนเอง
The Cloud จึงจับมือกับเครื่องดื่ม 100PLUS เพื่อชักชวนผู้อ่านนานา ไม่ว่าจะเป็นครู สถาปนิก ผู้ปกครอง นักศึกษา นักเรียน และเด็กๆ ย่ำเท้าเข้ารุ่งอรุณตอนเช้าเพื่อทำความรู้จักธรรมชาติแสนสงบ สถาปัตยกรรมอาคารไม้แสนสวย และแนวทางการศึกษาตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมัธยม เราฝ่าสายฝนเข้าไปสำรวจโอเอซิสเขียวชอุ่มแห่งพระราม 2 รวมถึงทดลองเรียนวิชาสนุกๆ อย่างเวิร์กช็อปงานปั้นในสตูดิโอเซรามิก และฝึกพายเรือในบึงน้ำใจกลางโรงเรียน
เชิญพบสถานที่ ๑๕ แห่งที่น่าประทับใจในรุ่งอรุณ ที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ถ่ายภาพและเขียนเรื่องราวด้วยตัวเองมาให้ เพื่อถ่ายทอดมุมมองของผู้เรียนและใช้ชีวิตที่นี่จริงๆ ให้ผู้มาเยือนเข้าใจโรงเรียนแห่งนี้มากขึ้นอีกทาง
๑
โรงช้าง
โรงช้างเป็นโถงโล่งใต้เรือนรับอรุณ มีเสาต้นใหญ่มากที่ดูคล้ายเสาของเพนียดคล้องช้าง เลยเรียกกันว่าโรงช้าง ถือเป็นประตูหนึ่งเพื่อเข้า-ออกโรงเรียนอนุบาล นอกจากนี้ยังมีอาหารและขนมขาย โต๊ะและเก้าอี้บริเวณนั้นจึงเป็นที่ที่ผู้ปกครองมารอรับลูกๆ กลับบ้านได้ หรือจะมานั่งคุย ซื้อขนมรับประทานก่อนกลับบ้าน ก็ไม่ว่ากัน
โรงช้างใช้เป็นสถานที่ในการจัดกิจกรรมในหลายๆ โอกาส เช่น การแสดงผลงานของนักเรียน และการจัดอีเวนต์ต่างๆ
๒
สะพานไม้รอบบึง
สะพานไม้ทางเดินรอบบึงน้ำ มีความกลมกลืนกับธรรมชาติ ใช้เป็นทางเดินชมธรรมชาติของบึงที่สงบสวยงาม และยังเป็นทางเดินเชื่อมไปยังสถานที่ต่างๆ ในโรงเรียนของเหล่าครูและนักเรียน
หากเดินตามสะพานไปเรื่อยๆ จะไปถึงสวนป่าซึ่งเป็นที่อยู่ของห่าน สัตว์ที่ทุกคนในโรงเรียนรัก สะพานไม้นี้สร้างมายาวนานตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียน
๓
บึงน้ำ
บึงน้ำขนาดใหญ่เป็นศูนย์รวมความงามของโรงเรียน และยังเป็นแหล่งนิเวศที่น่าเรียนรู้ เพราะเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์หลายชนิด ตั้งแต่สัตว์เลื้อยคลานอย่างตัวเงินตัวทอง สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอย่างกบ รวมทั้ง ‘ตะพาบ’ ที่กลายเป็นสัตว์ลึกลับของโรงเรียน อายุมากแล้ว น้องเล็กๆ เรียกว่า ‘คุณตา’ เราจะพบเจอแค่ในบางวันเท่านั้น
นอกจากนี้ในบึงยังพบสัตว์น้ำอื่น ได้แก่ ปลา รวมถึงปลาเลี้ยงอย่างปลาคาร์ฟที่ผู้นำมาปล่อยศึกษามาอย่างดีแล้วว่าชอบอยู่อาศัยในแหล่งอาศัยลักษณะนี้มากกว่าในบ่อตื้นๆ ที่เห็นทั่วไป
บึงยังเป็นแหล่งสันทนาการของห่าน สัตว์ประจำโรงเรียนรุ่งอรุณ ที่ชอบมาว่ายน้ำเล่นอยู่บ่อยๆ รวมทั้งเป็นแหล่งทำกิจกรรมต่างๆ ของน้องประถม อย่างกิจกรรมทักษะชีวิต เช่น ฝึกพายเรือ หรือกิจกรรมสร้างแพในโครงงานฟิสิกส์ของพี่มัธยม
๔
โรงเรียนอนุบาล
โรงเรียนอนุบาลมีหลักสูตรที่น่าสนใจคือการจัดห้องเรียนแบบชั้นคละ หมายถึงในแต่ละห้องเรียนจะมีนักเรียนคละกันตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล ๑ ถึง อนุบาล ๓ มีการออกแบบการเรียนการสอนให้นักเรียนต่างวัยได้มาเรียนรู้รวมกัน ทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เรื่องของความสัมพันธ์ตามความเป็นจริง โรงเรียนอนุบาลยังมีองค์พระพุทธรูปน้อยประดิษฐานอยู่ น้องอนุบาลมักจะสวดมนต์ ทำกิจกรรมทางศาสนาตรงหน้าองค์พระนั้น รวมทั้งยังมีลานทรายและเครื่องเล่นไม้ซึ่งเป็นวัสดุธรรมชาติ ช่วยให้เด็กๆ ซึมซับธรรมชาติจากการเล่นได้มากขึ้น
๕
ตึกภาษา
ตึกภาษาที่ ๓ มีชื่อเป็นทางการว่า ตึกอรุณรังสี และมีชื่อเล่นหรูๆว่าตึก Lakeside ในอดีตคือตึกเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ที่นี่เป็นตึกเรียนที่น่าเรียนมากที่สุดในสายตาของนักเรียนเพราะมีส่วนของชานเรือนที่อยู่ติดบึงและเมื่อมองจากระเบียงชั้น ๒ จะเห็นวิวที่สวยงามและกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน ตึกนี้จัดเป็นตึกในฝันของนักเรียนมัธยม
๖
Learning Center
แนวคิด Learning Center หรือศูนย์การเรียนรู้เปิดโอกาสให้ชั้นเรียนและโถงชั้นเรียนกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สร้างสรรค์ของนักเรียน พื้นที่ในชั้นเรียนจะถูกจัดสรรเพื่อรองรับการเรียนการสอนในรูปแบบของการทำโครงงานในระดับชั้นอนุบาลและประถม และรูปแบบของ Studio หรือห้องทำงานของนักเรียนมัธยม เช่น สำนักข่าว สำหรับโถงของชั้นเรียนอาจถูกจัดเป็นทั้งที่จัดแสดงความรู้ หรือการนำเสนองานของนักเรียน
๗
โรงแยกขยะ
โรงแยกขยะเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของโรงเรียนรุ่งอรุณ เนื่องจากโรงแยกขยะเป็นสถานที่คัดแยกขยะเกือบทั้งหมดในโรงเรียนตามแนวคิด Zero Waste ในแต่ละวันนักเรียนจะมีเวรนำขยะในโถงชั้นเรียนของตนมาคัดแยกเป็นประเภทที่โรงแยกขยะ ซึ่งข้างในโรงแยกจะจัดที่รองรับขยะสำหรับการแบ่งแยกประเภทของขยะอย่างละเอียดและชัดเจน ซึ่งมีทั้งขยะพลาสติก โฟม กระดาษ วัสดุผสม ขยะอันตราย เป็นต้น ขยะทั้งหมดนี้อาจนำไปขาย หากเป็นขยะสดจะถูกส่งให้คนสวนไปทำปุ๋ย หรือส่งให้คนนำไปเลี้ยงปลา โรงเรียนมีขยะเหลือทิ้งให้ กทม. ที่น้อยมาก ผู้ปกครองหรือครอบครัวที่รักโลกก็มาใช้บริการโรงแยกนี้ได้
๘
สถานีแยกขยะ
สถานีแยกขยะเป็นสถานีย่อยของโรงแยกขยะ (ศูนย์ทรัพยากรรีไซเคิล) ไม่ได้เป็นแค่ถังขยะทั่วไป แต่มีพื้นที่สำหรับทำความสะอาดขยะก่อนทิ้ง มีกรรไกร น้ำยาล้างจาน และไม้หนีบสำหรับตากขยะเตรียมไว้ให้ นักเรียนในโรงเรียนจะคุ้นหูมาตั้งแต่เด็กๆ กับคำว่า ‘ล้าง ตาก ผึ่ง’ ซึ่งเป็นกระบวนการทำความสะอาดขยะและคัดแยกเป็นประเภท ก่อนการทิ้งลงถังขยะที่จัดเตรียมไว้ให้ ขยะจากสถานีแยกขยะนี้จะถูกส่งไปโรงแยกขยะอีกที
๙
นาข้าว
นาข้าวเป็นสถานที่สำคัญในโรงเรียน เพราะสะท้อนการเรียนการสอนของโรงเรียนได้ดี เนื่องจากข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทย การมีภูมิศาสตร์ที่ปลูกข้าวได้และความรู้ในการปลูกข้าวนั้นจึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญของประเทศไทย
‘ข้าว’ จึงเป็นหัวข้อการเรียนของนักเรียนชั้นประถม ๕ รุ่งอรุณทุกปี และเป็นการเรียนที่อาศัยการลงมือปฏิบัติจริง นักเรียนจะได้เรียนรู้การปลูกข้าว ดูแลข้าว เกี่ยวข้าว และภูมิปัญญาที่เกี่ยวข้องโดยมีนาข้าวเป็นห้องเรียน นักเรียนได้เรียนรู้ว่ากว่าจะได้ข้าวแต่ละเมล็ดมานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จึงช่วยปลูกฝังจิตสำนึกให้เห็นถึงคุณค่าในข้าวแต่ละเม็ด ช่วยให้เด็กทานข้าวเหลือน้อยลงอีกด้วย
๑๐
เรือนศิลปะ
เป็นสถานที่ที่แน่นอนว่าเอาไว้เรียนศิลปะ นักเรียนเลือกได้ว่าจะเรียนงานไม้ งานทอผ้า งานปั้นดิน งานจิตรกรรมไทย รวมไปถึงงานออกแบบและทัศนศิลป์ เรือนศิลปะเป็นเรือนไม้ ๒ ชั้น มีความเก่าแก่ เพราะเป็นกลุ่มเรือนกลุ่มแรกๆ ของโรงเรียน การสอนศิลปะที่นี่เน้นการมองเห็นตนเองขณะทำงานหรือที่บางทีเรียกว่า ‘จริยศิลป์’ การเลือกเรียนวิชาศิลปะของโรงเรียนเป็นไปตามความสนใจของนักเรียน และความเป็นสถานที่ที่สุนทรียะ จึงทำให้เรือนศิลปะคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ทั้งนักเรียนและผู้ปกครอง
๑๑
เถาวัลย์อรพิม
อรพิมเป็นไม้เถาเลื้อยขนาดใหญ่ มีรายงานว่าพบเฉพาะที่ประเทศไทย หน้าสำนักงานกลางของโรงเรียนมีต้นอรพิมอายุหลายสิบปี มีเถาขนาดใหญ่เลื้อยสานกันจนแข็งแรง เป็นชิงช้าธรรมชาติ และเป็นที่ปีนป่ายของนักเรียนอนุบาล นอกจากนี้ยังเป็นที่สร้างฐานทัพของนักเรียนประถมที่มากด้วยจินตนาการ เนื่องจากเถาอรพิมอยู่ใกล้กับลานจอดรถจึงกลายเป็นจุดนัดพบของเด็กๆ กับพ่อแม่ในตอนเย็น เถาอรพิมนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในความทรงจำของนักเรียนรุ่งอรุณเกือบทุกคน
๑๒
เรือนปั้น
สร้างมาประมาณ ๑ ปีแล้ว มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า ‘เรือนเวฬุคาม’ เรือนปั้นสร้างใหม่โดยสร้างแยกออกมาจากเรือนศิลปะเดิม เพราะความคับแคบของพื้นที่ในที่เดิมและความแออัดด้วยจำนวนนักเรียนที่เลือกเรียนงานปั้นดินเพิ่มขึ้น แม้จะมาทีหลัง แต่เรือนปั้นก็งดงามจนอวดได้ เรือนปั้นนี้สร้างด้วยไม้ไผ่ โครงสร้างของเรือนเปิดโล่งสู่บึงน้ำของโรงเรียน จึงมีความสวยงาม เย็นสบาย ซึ่งมีช่วยสร้างบรรยากาศของการเรียนรู้ที่ถึงสุนทรียะได้ดี นอกจากนี้ตรงนี้ยังเป็นอีกจุดหนึ่งสำหรับการชมทัศนียภาพและบรรยากาศในยามพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามอีกด้วย
๑๓
ลานทราย
ลานทรายหลังโรงเรียนเป็นสถานที่ในความทรงจำของนักเรียนที่สำคัญอีกที่หนึ่ง ลานทรายใช้เป็นที่สอนกีฬาไทย แต่ว่าในทุกกลางวันตอนพักเที่ยง เด็กมัธยมต้นมักชอบมาเดินเล่นหรือพูดคุยกันที่นี่ สิ่งที่ทำให้ลานทรายดึงดูดนักเรียนคงหนีไม่พ้นร่มเงาของต้นไทรใหญ่ที่มีอายุมานานและมีความสูงใหญ่ นอกจากนี้ใกล้กับลานทรายยังมีศาลาริมบึงที่พักนั่งสบายๆ เพราะมีลมพัดตลอดเวลา ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยดึงดูดนักเรียนมายังลานทราย
๑๔
สวนป่า
เป็นสถานที่สำหรับนักเรียนผู้มีจินตนาการและรักการผจญภัย สวนป่าเป็นที่รวมของต้นไม้ใหญ่น้อยนานาพันธุ์ และยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่างๆ แม้แต่ห่านสัตว์เลี้ยงของโรงเรียนก็มักหลบมาอยู่ที่นี่ นอกจากนี้การสอนวิชาวิทยาศาสตร์เรื่องระบบนิเวศในบางระดับชั้นก็เลือกมาเรียนกันที่นี่
๑๕
Robinson
เป็นชื่อของเวิร์กช็อปที่สามารถซ่อมและสร้างได้เกือบทุกสิ่งทุกอย่างที่ครูและนักเรียนต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้หรือเฟอร์นิเจอร์ตั้งแต่โต๊ะ เก้าอี้ กระดาน ชั้นวางหนังสือ เป็นต้น สถานที่แห่งนี้มีสภาพเหมือนโกดังรวบรวมวัสดุต่างๆ อย่างสังกะสี ไม้ ฯลฯ รวบทั้งมีอุปกรณ์ครบครันสำหรับการสร้างหรือประกอบสิ่งต่างๆ ในช่วงหนึ่งโรงเรียนได้รับวัสดุอุปกรณ์ดังกล่าวมาจากห้างสรรพสินค้า Robinson สาขาหนึ่งที่ต้องการรีโนเวตตนเอง และมีสิ่งที่ไม่ต้องการมากมาย จึงอยากให้โรงเรียนได้รับมาเพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป ที่นี่จึงถูกเรียกว่าโรบินสัน