1

แสงสีทองจากดวงอาทิตย์ส่องทะลุเมฆก้อนหนาลงกระทบผืนหมอกที่ปกคลุมอยู่ทั่วหุบเขา สายลมพัดตีละอองน้ำในอากาศจนฟุ้งกระจายไปทั่ว สายหมอกเริ่มสลายตัวจากความอบอุ่นของไอแดด ไม่นานยอดเขาแหลมเบื้องหลังก็ปรากฏในเห็นพร้อมกับซากเมืองโบราณอายุกว่าสหัสวรรษที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตร ผมเฝ้ามองแสงแดดฉาบแสงลงบนโครงสร้างสถาปัตย์กรรมเก่าแก่

ในที่สุดผมก็ได้เห็นภาพที่ผมเฝ้ารอคอย เมืองที่สาบสูญแห่งอาณาจักรอินคา Machu Picchu

ผมและภรรยาตัดสินใจลาออกจากงานประจำเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ด้วยความฝันที่จะเดินทางรอบโลก มีหลายสถานที่ที่ถูกปักหมุดไว้และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือ Machu Picchu

เนื่องจากสถานที่ตั้งของเมืองเก่าแห่งอาณาจักรอินคานี้ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอนดีสของประเทศเปรูในทวีปอเมริกาใต้ อยู่ห่างออกไปครึ่งซีกโลก เพื่อให้คุ้มค่ากับเวลาในการเดินทาง ผมและภรรยาจึงวางแผนการเดินทางที่ยาวนานที่สุดในชีวิตคือ 4 เดือนในทวีปอเมริกาใต้

เทือกเขาแอนดีส เทือกเขาแอนดีส

2 เดือนแรกของการเดินทางในอเมริกาใต้ ผ่านไปกับการเดินทางในป่าฝนของประเทศบราซิลและอาร์เจนตินาเพื่อไป Iguazú น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในโลก การเดินเท้าเพื่อชมความสวยงามของธรรมชาติท่ามกลางภูเขาหิมะและธารน้ำแข็งในดินแดนสุดขอบโลกที่ Patagonia การนั่งรถข้าม Atacama ทะเลทรายที่แห้งแล้งที่สุดในโลกในประเทศชิลี และการปีนภูเขาหิมะความสูง 6,000 เมตรของเทือกเขาแอนดีสในประเทศโบลิเวีย

ในที่สุดการเดินทางก็พาเรามาถึง Cusco เมืองหลวงเก่าของอาณาจักรอินคาที่มีอายุเกือบ 1,000 ปี และยังถือเป็นเมืองหลักที่ใช้ในการเดินทางสู่ Machu Picchu อีกด้วย

การเดินทางไป Machu Picchu ทำได้หลายวิธี วิธีที่ง่ายและสะดวกสบายที่สุดคือการนั่งรถบัสและรถไฟไปถึงหน้าประตูทางเข้าแบบไม่ต้องออกแรงและเสียเหงื่อ หรือจะเดินเท้าข้ามภูเขาในเทือกเขาแอนดีสแบบไม่อาศัยยานพาหนะและตัวช่วยใดๆ ก็ได้

แน่นอนว่าเราเลือกวิธีหลัง เพราะจะมีอะไรที่สามารถสร้างประสบการณ์ในการเดินทางไปเมืองที่สาบสูญได้ดีกว่าวิธีการเดียวกับที่ชาวอินคาทำ?

เปรู

Salkantay (ซาล-คาน-ทาย) คือเส้นทางเดินเท้าระยะทางเกือบ 100 กิโลเมตร ใช้เวลา 5 วัน ข้ามช่องเขาความสูง 4,800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ผ่านยอดเขาหิมะ ทะลุป่าดงดิบ และยังเป็นที่ยาวที่สุดในการไป Machu Picchu

สำหรับบางคนอาจจะคิดหนักที่จะเลือกเส้นทางนี้ แต่สำหรับเรามันคือตัวเลือกเดียวที่สมเหตุสมผลที่จะทำให้เราได้ผจญภัย

 

2

รถตู้คันเล็กเคลื่อนตัวออกจาก Cusco ตั้งแต่เช้ามืดลัดเลาะไปตามสันเขาข้างเหวลึกมุ่งหน้าสู่เทือกเขาแอนดีส ยอดภูเขาหิมะค่อยๆ เผยตัวให้เห็นหลังจาก 3 ชั่วโมงของการเดินทาง รถหยุดลงที่ความสูง 3,300 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ต่อจากนี้ไปคือการเดินเท้าระยะทาง 12 กิโลเมตร

ทางเดินลัดเลาะตามภูเขาบางช่วงกว้าง บางช่วงก็แคบ ต้นไม้ค่อยๆ ลดขนาดลงตามความสูงที่เพิ่มขึ้น จนในที่สุดก็เหลือแค่หญ้าและพุ่มไม้เตี้ยๆ และทิวทัศน์ของเทือกเขาขนาดมหึมาที่โอบล้อมเราไว้ทั่วทุกด้าน

เปรู

เปรู

เราใช้เวลาเดินประมาณ 3 ชั่วโมงกับการเพิ่มระดับความสูง 400 เมตร ก็มาถึงที่พักซึ่งเป็นเพียงเต็นท์เปล่าเอาไว้สำหรับกันลมได้เท่านั้น เราวางกระเป๋าเป้ เก็บสัมภาระ กินอาหารกลางวันเติมพลังจนอิ่ม แล้วเริ่มออกเดินอีกครั้งเพื่อไปยังจุดชมวิวทะเลสาบสีฟ้าที่ละลายจากธารน้ำแข็ง

การเดินไป-กลับ 2 ชั่วโมงเพื่อไปจุดชมวิวนั้น นอกเหนือจากการไปดื่มด่ำกับธรรมชาติแล้วยังเป็นการปรับสภาพร่างกายให้คุ้นเคยกับความสูงเพื่อป้องกันอาการ AMS (Acute Mountain Sickness) หรือการแพ้ความสูงเฉียบพลันที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้เมื่ออยู่ในที่สูงเกิน 3,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลอีกด้วย

 

3

ท้องฟ้ามืดสนิท อากาศเย็นยะเยือก ผมลืมตาขึ้นมาจากอาการกึ่งหลับกึ่งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความหนาวหรืออากาศที่บางเบาที่ทำให้ผมนอนไม่หลับ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ผมก็ไม่สามารถนอนต่อได้ เพราะวันนี้เราต้องเดิน 22 กิโลเมตร ข้ามช่องเขาความสูง 4,600 เมตร ไปยังป่าดงดิบที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของภูเขา ผมรู้ดีว่าวันนี้จะเป็นวันที่เหนื่อยที่สุดของการเดิน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในการเดินขึ้นเขาที่มีความสูงมากกว่า 4,000 ของผม มีอีกหลายที่ซึ่งต้องใช้พลังกายและพลังใจกว่านี้มาก แต่ไม่ว่าจะเดินขึ้นเขาความสูงเท่าไหร่ก็มีอยู่อย่างหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือ ถ้าอยากไปถึงที่หมายก็ต้องก้าวไปข้างหน้า

เปรู

ผมก้าวเท้าไปอย่างช้าๆ ตามจังหวะของตัวเอง ผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นดังอยู่ในอกเพื่อพยายามนำออกซิเจนที่น้อยนิดในอากาศไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ไม่มีความคิดใดหลงเหลืออยู่ในหัว นี่แหละมั้งสาเหตุที่ทำให้ผมหลงรักการเดินเขา เพราะมันเป็นเวลาเดียวที่ทำให้ผมได้อยู่กับตัวเอง

4 ชั่วโมงต่อมาเราก็มาถึงจุดสูงสุดของการเดิน Salkantay ยอดเขาความสูง 6,271 เมตร ซึ่งเป็นชื่อเส้นทางเดินนี้ ห่างออกไปมียอดเขาหิมะอีกหลายยอดโอบล้อมอยู่ ผมมองป่าดงดิบที่อยู่ลึกเข้าไปให้หุบเขาลึกเบื้องล่าง ซึ่งจากนี้ไปคือการเดินลง

 

4

หลังจากผ่านวันที่เหนื่อยที่สุดไปแล้ว การเดินวันที่เหลือก็กลายเป็นเรื่องง่าย อุปสรรคเดียวที่เราเจอก็คือความร้อนอบอ้าวไม่แพ้กับป่าดงดิบของไทย น่าประหลาดใจที่ภายในระยะการเดินไม่กี่วัน สภาพแวดล้อมเปลี่ยนจากภูเขาหิมะอุณภูมิติดลบมาเป็นป่าเขตฝนที่ร้อนเหนอะหนะได้อย่างคาดไม่ถึง

เราใช้เวลาอีก 2 วันในการเดินบนถนนลูกรังและรางรถไฟจนในที่สุดเราก็ไปถึงเมือง Aguas Calientes ซึ่งเป็นประตูสู่ Machu Picchu

ที่นี่เรามีทางเลือกสองทางในการไป Machu Picchu นั่นก็คือการนั่งรถประจำทางจนไปถึงหน้าประตูทางเข้า หรือการเดินขึ้นเขาชันสูงที่สูงเกือบ 2 เท่าของตึกใบหยก 2 ด้วยกำลังขาของตัวเอง

เนื่องจากเราใช้พลังงานอย่างหนักจากการเดินเท้าตลอด 4 วันที่ผ่านมา ทำให้เราตัดสินใจได้อย่างไม่ยากว่าการเดินทางในส่วนที่เหลือนั้นเราต้องเดินขึ้นไปเอง

อาจจะเป็นการตัดสินใจที่แปลกประหลาดไปสักหน่อย แต่ผมรู้สึกว่าความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาจะสูญเปล่า ถ้าเรายอมแพ้และตัดสินใจนั่งรถประจำทางขึ้นไป

 

5

นาฬิกาปลุกบอกเวลา 3 นาฬิกา 30 นาที เราตื่นเพื่อเตรียมตัวออกเดินไป Machu Picchu วันที่ความฝันของเราจะกลายเป็นความจริง

ผมบอกไม่ถูกว่าตัวเองตื่นเต้นแค่ไหน แต่การไปยืนรอประตูทางเดินขึ้น Machu Picchu ตั้งแต่ตี 4 คงจะพอบรรยายความรู้สึกของผมในวันนั้นได้

เมื่อประตูเปิดตอนตี 5 ผมก็เริ่มเดิน เดิน เดิน และเดิน การเดินขึ้นเขาในความมืดไม่ใช่เรื่องที่ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะเหนื่อยแล้วยังไม่เห็นทิวทัศน์ใดๆ ให้บันเทิงสายตา แต่ผมก็รู้ดีว่าสิ่งที่สวยงามนั้นรออยู่บนยอดเขา และถ้าอยากเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นเหนืออาณาจักรอินคาก็มีตัวเลือกอื่น

เรามาถึงหน้าประตูทางเข้า Machu Picchu ก่อนเวลาเปิด 10 นาที อันที่จริงเราอยู่ในกลุ่ม 10 คนแรกที่มาถึงหน้าประตู แถมมาถึงก่อนรถประจำทางคันแรกและนักท่องเที่ยวอีกนับพันที่กำลังทยอยเดินทางมาเมืองโบราณแห่งนี้

การได้เป็นคนแรกๆ ที่ได้เดินเข้า Machu Picchu ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนแรกที่ค้นพบอาณาจักรที่สาบสูญ ไม่มีร่องรอยของมนุษย์คนใดให้เห็น มีก็แต่เพียงซากปรักหักพังอายุหลายร้อยปี

แสงสีทองจากดวงอาทิตย์ส่องทะลุเมฆก้อนหนาลงกระทบผืนหมอกที่ปกคลุมอยู่ทั่วหุบเขา สายหมอกเริ่มสลายตัวจากความอบอุ่นของไอแดด ไม่นานยอดเขาแหลมเบื้องหลังก็ปรากฏในเห็นพร้อมกับซากเมืองโบราณอายุกว่าครึ่งสหัสวรรษที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตร

Machu Picchu

Machu Picchu

ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในความฝัน ผมไม่อาจหาคำพูดใดที่มาบรรยายความรู้สึกของผมได้

ในที่สุดผมก็ได้เห็นภาพที่ผมเฝ้ารอคอยมาแสนนาน เมืองที่สาบสูญแห่งอาณาจักรอินคา Machu Picchu อยู่ตรงหน้าผมแล้ว

Machu Picchu

 

6

เราใช้เวลาครึ่งวันในการเดินสำรวจรอบ Machu Picchu

ถึงแม้จะเป็นไม่เวลาไม่นานเมื่อเทียบกับการเดินทางตลอดหลายวันที่ผ่านมา แต่มันก็คุ้มค่าทุกความเหนื่อยที่ต้องต้องเจอ เพราะการมาถึงดินแดนมหัศจรรย์ด้วยสองเท้าของเราเองนั้นเป็นประสบการณ์ที่เราจะไม่มีวันลืม

Machu Picchu

ในที่สุดก็ได้เวลาบอกลา เราหันหลังให้กับสถานที่ในฝัน เดินลงเขาชันเพื่อกลับไปฉลองความสำเร็จและรอคอยการเดินทางตามความฝันครั้งใหม่

จนกว่าเราจะออกเดินทางอีกครั้ง

Machu Picchu

ถ้าใครอยากไปมาชูปิกชู เมืองสาบสูญแห่งอินคา กับแคมเปญ Machu Picchu Ultimate Peru สมัครผ่านภารกิจ U Citizen และ Up2U ตามนี้ได้เลย

กติกาการเข้าร่วมภารกิจ U Citizen

  1. ล็อกอิน machucitizen.machucan.com ด้วยแอคเคานต์ Facebook ของคุณ
  2. ถ่ายรูปในสไตล์ที่เป็นคุณสุดสร้างสรรค์บนเทมเพลตที่เรามีให้ ในแบบที่เราต้องเลือกคุณไปมาชูปิกชูกับเรา
  3. ใส่แคปชันโดนๆ สไตล์ U แล้วอัพโหลดภาพตัวเองลงบน Facebook, Instagram หรือ Twitter
  4. ติดแฮชแท็ก #machUcan #machUcitizen พร้อมเปิดโพสต์เป็นสาธารณะ เพื่อลุ้นเป็นส่วนหนึ่งในรอบต่อไป!

กติกาการเข้าร่วมภารกิจ Up2U

  1. ถ่ายภาพนิ่ง คลิป ความยาวไม่เกิน 45 วินาที อะไรก็ได้ที่คิดว่าดี คิดว่าเด็ด ชนิดที่ว่าเล่นซะกรรมการมีเหวอ
  2. อัพโหลดลง Instagram และ Facebook และ Twitter พร้อมติดแฮชแท็ก #machUcan #Up2U พร้อมเปิดโพสต์เป็นสาธารณะ

ติดตามรายละเอียดและเงื่อนไขการร่วมกิจกรรม พร้อมการประกาศผลที่ www.machUcan.com

ถ้าคุณมีประสบการณ์เดินทางแปลกใหม่จากการไปใช้ชีวิตในทั่วทุกมุมโลก เชิญส่งเรื่องราวของคุณพร้อมภาพถ่ายประกอบบทความ รูปถ่ายผู้เขียน ประวัติส่วนตัวผู้เขียน ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ และชื่อ Facebook มาที่อีเมล [email protected] ระบุหัวข้อว่า ‘ส่งต้นฉบับสำหรับคอลัมน์ Travelogue’

ถ้าผลงานของคุณได้ตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ เราจะมีสมุดบันทึกปกหนังเทียมเล่มสวยส่งให้เป็นที่ระลึกด้วยนะ

Writer & Photographer

Avatar

ภควัต ทองเจริญ

ช่างภาพ นักเขียน และนักเดินทางที่หลงรักการผจญภัย หลงใหลการปีนเขา เจ้าของเพจ PakaPrich Adventure