ฉันเชื่อว่าใครที่อยากไปสวิตเซอร์แลนด์ต้องมี ‘ยอดเขายุงเฟรา’ เป็นหนึ่งในที่หมาย เพราะยอดเขาแห่งนี้มีวิวสุดตระการตาทั้งในหน้าหนาวและร้อน (หลายคนอาจจำที่นี่ได้จากละครสุดฮิตอย่าง สุภาพบุรษจุฑาเทพ ตอนคุณชายปวรรุจ) แต่การไปเยือนยุงเฟราของฉันครั้งนี้พิเศษต่างจากทริปปกติ เพราะเป็นการเดินทางกับการรถไฟยุงเฟรา ภายใต้การดูแลของบริษัท ยุงเฟราบานแนน เมนเนจเมน จำกัด ผู้ดูแลเส้นทางรถไฟสู่สถานีบนยอดเขานี้ซึ่งเป็นสถานีรถไฟสูงที่สุดในยุโรป
สิ่งที่เห็น บทสนทนากับเจ้าหน้าที่ของบริษัทเก่าแก่กว่า 100 ปี ทำให้ฉันรู้เหตุผลที่ทำให้การท่องเที่ยวสู่ยอดเขาแห่งนี้ไม่เคยน่าเบื่อ
นั่นคือ ‘ความคิดสร้างสรรค์’ ที่แทรกอยู่ในเส้นทางนี้
ก่อนอื่น ต้องขอย้อนเล่าประวัติศาสตร์ของรถไฟสายนี้เสียหน่อย เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ทั่วสวิตเซอร์แลนด์กำลังเห่อสร้างทางรถไฟเพราะมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามา หนึ่งในนั้นคือชายชื่อ Adolf Guyer-Zeller ที่เกิดความคิดอยากสร้างทางรถไฟสู่ยอดเขายุงเฟรา ซึ่งเดิมถ้าใครอยากขึ้นไปเที่ยวต้องปีนป่ายเดินไต่ไปตามทางชันๆ เท่านั้น ใน ค.ศ.1896 เขาได้รับอนุมัติสัมปทานจากรัฐบาล ให้สร้างทางรถไฟจากบริเวณที่เรียกว่า Kleine Scheidegg เพื่อขึ้นสู่ยอดเขา การก่อสร้างเส้นทางเต็มไปด้วยความยากลำบาก เริ่มต้นตั้งแต่เจาะภูเขา วางไม้หมอนลงทีละท่อน จนถึงวางรางรถไฟ
นั่นแปลว่าทางรถไฟสายนี้อายุกว่าร้อยปี เริ่มต้นและคงอยู่ด้วยการบริหารของภาคเอกชนมาตลอด ซึ่งแน่นอน ไม่ได้แค่ดูแลเพียงตัวรางรถไฟเท่านั้น
จากไม้หมอนท่อนแรก ทางรถไฟยุงเฟราทอดยาวสู่ยอดเขา โดยเราเริ่มต้นการเดินทางที่ Interlaken เมืองเล็กน่ารักที่ตั้งอยู่ระหว่าง 2 ทะเลสาบ (มีจุดดึงดูดใจอย่าง Kichhofer ร้านปลอดภาษีที่ขาช้อปน่าจะคุ้นกันดี และร้านช็อกโกแลตอย่าง Schuh ที่ฉันได้เข้าไปดูการทำช็อกโกแลตด้วย) มุ่งหน้าสู่เส้นทางรถไฟซึ่งมีปลายทางคือสถานี Jungfraujoch บนยอดยุงเฟรา
ใครที่เคยไปหรือแม้แต่เห็นรูปถ่าย คงรู้ว่ายอดเขาที่สูงถึง 3,454 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลนี้งดงามมาก มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปีและมีวิวธารน้ำแข็งอเล็ทซ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกให้ได้ชม
แต่มากกว่าวิวเขาหิมะและธารน้ำแข็งแบบพาโนรามา แค่ลงจากรถไฟ ฉันก็เริ่มเห็นร่องรอยความสนุกจากฝีมือการรถไฟยุงเฟรา
และนี่คือวิธีบริหารมรดกทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรปที่พวกเขาใช้
ที่ด้านนอก เรารื่มรมย์กับทิวทัศน์อลังการได้ที่ระเบียงอาคารสังเกตการณ์ทรงโดมซึ่งเรียกว่า Sphinx และลานหิมะกลางแจ้งซึ่งมีเสาธงชาติสวิสปักอยู่ เป็นซิกเนเจอร์ที่ใครๆ ต้องมาถ่ายรูปด้วย
และเพราะช่วงที่ฉันไปนั้นใกล้คริสต์มาสเต็มที่ นอกจากธงสีแดง การรถไฟยุงเฟราเลยขนต้นคริสต์มาสที่มีของประดับระยิบระยับขึ้นมาตั้งไว้ข้างๆ สีเขียวสดของต้นสนตัดกับสีขาวโพลนของหิมะและท้องฟ้าสดใส แน่นอน นี่กลายเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวรุมถ่ายรูปไม่หยุด
พอกลับเข้าด้านในสถานี จะเจอกับไฮไลต์มากมายที่จัดไว้ เรียกว่าต่อให้ข้างนอกหนาวเหน็บก็ใช้เวลาที่นี่ได้ไม่เบื่อ ตั้งแต่ร้านอาหารวิวร้อยล้าน ห้องที่ฉายภาพทิวทัศน์ยุงเฟราแบบ 360 องศา ตู้ไปรษณีย์สูงที่สุดในโลกซึ่งช่วยให้เราส่งความคิดถึงจากยอดเขาหิมะไปหาคนข้างล่างได้ ส่วน Alpine Sensation ซึ่งบอกเล่าความเป็นมาและความยากลำบากของการสร้างทางรถไฟ (มีป้ายเขียนชื่อคนที่บาดเจ็บและเสียชีวิตจากงานนี้ด้วย) ร้านช็อกโกแลต Lindt ที่มาตั้งทำช็อกโกแลตสดใหม่บน Top of Europe และส่วน Ice Palace หรือถ้ำน้ำแข็งที่มีรูปสลักน้ำแข็งน่ารักให้ชม
ทีเด็ดที่สุดของทริปอยู่ตรงนี้ ในวันที่ฉันไปมีพิธีเปิดรูปสลักน้ำแข็งใหม่ล่าสุด ที่ John Doubleday ช่างชาวอังกฤษฝีมือดีนั่งรถไฟขึ้นเขามาแกะแบบเงียบๆ อยู่หลายเดือน
มันคือรูปสลักของ Charlie Chaplin นักแสดงตลกชื่อก้องโลก
ทำไมถึงต้องเป็นแชปลิน? นั่นเพราะนักแสดงตลกคนดังมีที่พำนักสุดท้ายอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ และวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบปีที่ 39 ที่แชปลินจากไป การรถไฟยุงเฟราจึงจับมือกับองค์กรที่ดูแลลิขสิทธิ์ของแชปลิน สร้างไฮไลต์ใหม่ให้ยอดเขา เห็นแล้วบอกได้เลยว่านี่จะเป็นจุดถ่ายรูปฮอตฮิตอีกจุดในไม่ช้า (วันที่ฉันไปมีเด็กนักเรียนแต่งตัวเลียนแบบแชปลินมาร่วมเฉลิมฉลองการเปิดรูปสลักแชปลินให้คึกคักด้วย)
เราต้องหมั่นหาไฮไลต์ใหม่ๆ มาให้นักท่องเที่ยว-พี่จากการรถไฟยุงเฟราบอก
แล้วฉันก็ได้รู้ว่า ‘ไฮไลต์’ ที่ว่าไม่ได้สิ้นสุดแค่ลูกเล่นในสถานีหรือวิวบนเขา
ทุกปี บนยุงเฟรายอคจะมีการจัดกิจกรรมพิเศษอย่างการจัดแข่งกีฬาแบบที่คาดไม่ถึงว่าจะมาเล่นกันกลางภูเขาหิมะได้เช่น เทนนิสและบาสเกตบอล (ใช่แล้ว มีการเอาสนามมาตั้งกลางหิมะจริงๆ )
การจัดการเส้นทางท่องเที่ยวขยายขอบเขต กลายเป็นการสร้างอีเวนต์จากสิ่งที่มี
มากกว่านั้น ในวันถัดๆ มาของทริป ฉันก็พบว่าไอเดียสนุกไม่ได้จำกัดอยู่แค่เส้นทางนี้ แต่ยังแทรกอยู่ในระบบกิจการขนส่งภูเขาเส้นทางอื่นซึ่งบริษัท ยุงเฟราบานแนน เมนเนจเมน จำกัดดูแล หนึ่งในนั้นคือเส้นทางกระเช้ากอนโดล่าสาย Grindelwald-First ซึ่งฉันมีโอกาสแวะไปสัมผัส ในฤดูร้อน คุณอาจขี่จักรยานสกูตเตอร์และรถคาร์ตภูเขาไถลลงจากยอดเขาที่พราวด้วยดอกไม้และยอดหญ้าเขียว ขึ้นเจ้าสิ่งที่เรียกว่า First Flyer ที่จะพาคุณบินชมวิวลงมาตามสายเคเบิล หรือเดินบนทางเดินเลียบหน้าผาก็สนุก
ส่วนหน้าหนาวที่ขาวโพลนด้วยหิมะน่ะเหรอ ใส่ชุดสกีสีสดแล้วเล่นสกีและเลื่อนบนเส้นทางยาวสุดในยุโรปสิ จะรออะไร!
แม้ฉันกลับลงมาจากเขานานแล้ว ความงามของทิวทัศน์ที่เห็นยังตราตรึง พร้อมคำถามเมื่อนึกย้อนไปถึงแหล่งท่องเที่ยวและการจัดการของที่นี่
ถ้าได้ดูแลภูเขาสักลูก คุณจะบริหารจัดการอย่างไร?
ทั้งหมดด้านบนนั้นคือคำตอบของบริษัทผู้ดูแลทางรถไฟที่ทอดรางสู่ยอดเขายุงเฟรา
www.jungfrau.ch
ถ้าคุณมีประสบการณ์เดินทางแปลกใหม่จากการไปใช้ชีวิตในทั่วทุกมุมโลก เชิญส่งเรื่องราวของคุณพร้อมภาพถ่ายประกอบบทความ รูปถ่ายผู้เขียน ประวัติส่วนตัวผู้เขียน ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ และชื่อ Facebook มาที่อีเมล [email protected] ระบุหัวข้อว่า ‘ส่งต้นฉบับสำหรับคอลัมน์ Travelogue’
ถ้าผลงานของคุณได้ตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ เราจะมีสมุดบันทึกปกหนังเล่มสวยส่งให้เป็นที่ระลึกด้วยนะ