“Oh, let’s get rich and buy our parents homes in the South of France.
Let’s get rich and give everybody nice sweaters and teach them how to dance…”

เพลง You and I ของ Ingrid Michaelson ดังประกอบในหัวเมื่อฉันได้มาเหยียบ Marseille (มาร์เซย์) แม้พ่อแม่แลบรรพบุรุษจากซัวเถาไม่ได้มีบ้านทางตอนใต้ของฝรั่งเศสอย่างในเนื้อเพลง แต่ถ้ามีเงินทองกองเป็นภูเขา ฉันก็จะมาซื้อบ้านตากอากาศในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาค Provence  (โพรวองซ์) อย่างไม่ลังเล

เหมือนชาวต่างชาติหลายคนที่ชอบย้ายมาใช้ชีวิตอยู่เชียงใหม่ เมืองที่ใหญ่อันดับ 2 ของไทย เพราะมีทั้งประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และความเป็นเมืองในจังหวัดเดียว ‘มาร์เซย์’ เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของฝรั่งเศสก็มีฟังก์ชันคล้ายๆ กัน คือเป็นหัวเมืองในต่างจังหวัดที่มีเสน่ห์แบบที่เมืองหลวงไม่มี

ที่มาร์เซย์ ทุกคนดูใช้ชีวิตเหมือนพักร้อนกันอยู่ตลอดเวลา นั่งทอดหุ่ยอาบแดด ใช้ชีวิตช้าๆ ไม่เดินก้าวฉับๆ เหมือนที่ปารีสหรือกรุงเทพฯ สักคน ความเกียจคร้านที่นี่เป็นเรื่องน่าอภัยและเข้าใจได้อย่างที่สุด ก็ดูวิวทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนี่สิ

เห็นแล้วอยากสวมหมวกปีกกว้าง นั่งๆ นอนๆ เอกเขนกจิบแชมเปญหรือเหล้าท้องถิ่นอย่าง pastis รับลมทะเลให้สาแก่ใจ ยิ่งในฤดูใบไม้ร่วง แดดอุ่นๆ ก่อนพระอาทิตย์ตกดินฉาบทั้งเมืองให้เป็นสีเหลืองส้ม บรรยากาศที่นี่ยังกับเมืองต้องมนตร์ ใครเห็นแล้วต้องถูกสะกดให้หลงรักตลอดไป

การเดินทางมาหย่อนใจที่มาร์เซย์ทำได้หลายทาง จะนั่งเครื่องบินมาลงปารีสแล้วต่อรถไฟความเร็วสูง TGV อีก 3 ชั่วโมงเศษมาที่เมืองใต้ก็ได้ แต่ฉันเลือกอีกวิธีที่สบายและรวดเร็วคือการนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ มาลงที่สนามบิน Nice Côte d’Azur แล้วต่อรถยนต์หรือรถไฟจากเมืองนีซไปมาร์เซย์ ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงเท่านั้นเอง

เพื่อให้การพักผ่อนเริ่มต้นและจบลงอย่างนิ่มนวลสวยงาม ขอแนะนำให้นั่ง business class ของ Qatar Airways จะได้นั่งจิบแชมเปญและเบอร์รี่สมูตตี้แสนดีงามระหว่างการข้ามทวีป ชีวิตดีเป็นสีชมพูมากจริงๆ

จากคำแนะนำของการท่องเที่ยวแห่งมาร์เซย์และการสำรวจทั่วเมืองเมื่อเท้าแตะดิน ฉันขอประกาศสิ่งดีงามที่ควรทำเมื่อมาเยือนที่นี่ ดังนี้

เดินเล่นที่ย่าน Le Vieux Port

ภาพจำของมาร์เซย์คือท่าเรือที่เต็มไปด้วยเรือสารพัด มองออกไปเห็นเมืองกว้างใหญ่ ที่นี่คือ Le Vieux Port หรือ The Old Port ที่เก่าสมชื่อ เพราะชาวกรีกเมื่อ 600 ปีก่อนคริสตศักราชเข้ามายึดครองพื้นที่ริมทะเลชัยภูมิดีเลิศและสร้างเมือง ในยุคต่อๆ มาเมืองท่านี้ก็กลายเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญของฝรั่งเศส ประวัติศาสตร์สองพันกว่าปีทำให้ที่ตรงนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวและตึกสวยๆ

ฉันเดินเลียบท่าเรือเก่าแก่ ดู Hôtel de Ville (ศาลากลางเมือง) แล้วมุ่งหน้าไปที่ Fort Saint-Jean ป้อมปราการเก่าแก่ที่มีสะพานเชื่อมกับตึก J4 อาคารหลักของ MuCEM (Museum of European and Mediterranean Civilizations) พิพิธภัณฑ์สุดเก๋ที่สร้างขึ้นในปี 2013 เมื่อมาร์เซย์ได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงของวัฒนธรรมแห่งยุโรป สถาปัตยกรรมเก่าและใหม่ยืนเคียงข้างกันอย่างสง่างามและอ่อนน้อม ไม่ว่าจะเข้าชมมิวเซียมหรือไม่ เราสามารถเดินข้ามสะพานสีดำไปทั้งสองฝั่งเพื่อชมวิวทั้งเมืองได้ฟรี

 จากนั้นฉันก็เดินเลียบ La Canebière ถนนสายเก่าแก่บนเนินเพื่อมองท่าเรือให้เต็มตา แวะ Le Panier ย่านบ้านเก่าที่เต็มไปด้วยกราฟฟิตี้สนุกๆ บนกำแพง

เดินต่อไปอีกหน่อย จะเจอ Hôtel Dieu อดีตโรงพยาบาลประจำเมืองที่มีอายุมากกว่า 800 ปีอยู่บนเนินเล็กๆ ฉันพักที่นี่เลย เพราะปัจจุบันกลายเป็นโรงแรม InterContinental Marseille ไปแล้ว ที่นี่ยังเก็บโครงสร้างงดงามของตึกเก่าไว้ได้ดีมาก แต่ภายในห้องพักตกแต่งสบายใหม่เอี่ยม และบางห้องมีระเบียงมองออกไปเห็นเมืองเก่าทั้งเมือง

นั่งเรือชมเกาะและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

มาถึงท่าเรือทั้งทีก็ต้องลงน้ำ ลองนั่งเรือให้ลมตีหน้าในวันอากาศดีเพื่อดูน้ำใสแจ๋ว ผู้คนพายเรือหรือเล่นกีฬาทางน้ำ กระชังเลี้ยงปลา และแวะชมเกาะเล็กเกาะน้อยและสิ่งก่อสร้างต่างๆ กลางทะเล อย่าง นั่งดูผลงานศิลปะของ Gandolfo Gabriele David ที่เป็นกลุ่มธงสีส้มแบบเสื้อชูชีพ สัญลักษณ์ของการต้อนรับผู้ลี้ภัยสะบัดตามสายลมบน Fort Saint-Jean และไปเยือน Château d’If (If Castle) ป้อมปราการที่เป็นคุกกลางน้ำ สถานที่ขัง José Custodio Faria ที่กลายเป็นตัวละครดังในนิยาย the Count of Monte-Cristo

ถ้าอากาศแจ่มใส การนั่งเรือจะเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก แต่ระวังอย่าลงเล่นน้ำตามโขดหินดีกว่า เพราะแมงกะพรุนสีม่วงสุดคันลอยตุ๊บป่องอยู่เพียบเลย 

Workshop ทำสบู่น้ำมันมะกอกของแท้

ร้านขายของที่ระลึกทุกร้านต้องขาย Savon de Marseille หรือสบู่ก้อนแบบโบราณที่ใช้น้ำมันมะกอกและน้ำทะเลเมดิเตอเรเนียนเป็นส่วนผสม สมัยนี้ไม่ต้องใส่น้ำเค็มแล้ว แต่น้ำมันมะกอกยังคงอยู่คู่สูตรอมตะ ร้าน La Grande Savonnerie ที่เปิดเวิร์กช็อปให้คนทั่วไปเล่าให้ฟังว่าสบู่มาร์เซย์ของแท้มีแค่สีเขียวสำหรับอาบน้ำที่ใช้น้ำมันมะกอก และสีขาวสำหรับซักผ้าที่ใช้น้ำมันปาล์มเท่านั้น สบู่สีสันฉูดฉาดอื่นๆ ไม่นับว่าเป็นของออริจินัล

ถ้าอยากเรียนผสมสบู่ ตัดเป็นก้อน แล้วตอกลายบนสบู่แบบต้นตำรับ ก็แวะไปทำของฝากน่าดมน่าใช้กลับบ้านกันสักครั้ง

ไหว้พระแม่มารีเพื่อสิริมงคล

ถึงออกนอกอาณาเขตสิ่งศักสิทธิ์ไทยก็ยังอุ่นใจได้ว่าโชคดี เพราะเมืองนี้เขาก็มีเจ้าแม่เหมือนกัน พระแม่มารีประจำวิหาร Notre-Dame de la Garde สถิตย์อยู่บนยอดอาคาร คอยก้มลงมองและคุ้มครองชาวเมือง ชาวเรือ และทุกคนที่มาเยี่ยมเยือนให้ปลอดภัย ขึ้นไปไหว้ La Bonne Mère (ลา บอนน์ แมร์)ดื่มด่ำสถาปัตยกรรมแบบนีโอไบเซนไทน์ แล้วจะรู้สึกจิตใจสงบเมื่อมองเมืองท่าเก่าแก่นี้จากมุมสูง

ชม Cité Radieuse de Marseille ตึกแสนสวยของ Le Corbusier

ต่อให้ไม่ได้สนใจเรื่องสถาปัตยกรรม เมืองแนวตั้งของ Le Corbusier (Charles-Édouard Jeanneret-Gris) ก็ยังน่าสนใจอยู่ดี ในยุคหลังสงครามใหม่ๆ ที่น้ำไฟยังไม่มีแบบทุกวันนี้ สถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่ออกแบบอาคาร 18 ชั้นขนาดใหญ่ที่ไม่ได้เป็นแค่อพาร์ทเมนต์ที่แก้ปัญหาพื้นที่ชุมชนจำกัด แต่ในตึกยังมีโรงเรียน โรงแรม โรงพยาบาล ร้านค้า และสวน ไว้ในที่เดียว 

ปัจจุบันเมืองย่อมๆ นี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและไม่ได้มีคนอยู่แน่นขนัดอีกต่อไปแล้ว แต่ยังมีโรงเรียนอนุบาล แกลเลอรี่ และร้านค้าดีๆ อยู่ข้างใน เขาดีไซน์อาคารโดยมีแสงอาทิตย์ อากาศบริสุทธิ์ ธรรมชาติ และความเงียบ เป็นส่วนประกอบหลัก แต้มด้วยลวดลายการตกแต่งสีสันบนคอนกรีตแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของสถาปนิกชาวสวิส-ฝรั่งเศสคนนี้มากๆ

มาร์แซย์ยังมีมุมน่าสนใจอีกมากมายที่น่ากลับไปสัมผัส เมื่อคิดถึงแดดอุ่นๆ สีทองของเมืองแห่งแสงตะวัน ฉันก็อยากจะ get rich and build our house on a mountain แบบที่เนื้อเพลงว่าไว้ที่นี่จริงๆ

วิธีเดินทางไป Marseille แบบสบายแทบไร้รอยต่อ : นั่งเครื่องบิน business class ของ Qatar Airways จากกรุงเทพฯ มาลงที่สนามบิน Nice Côte d’Azur Airport แล้วต่อรถจากเมืองนีซไปมาร์แซย์ (ตรวจสอบเส้นทางการบินและราคาได้ที่นี่)

ถ้าคุณมีประสบการณ์เดินทางแปลกใหม่จากการไปใช้ชีวิตในทั่วทุกมุมโลก เชิญส่งเรื่องราวของคุณพร้อมภาพถ่ายประกอบบทความ รูปถ่ายผู้เขียน ประวัติส่วนตัวผู้เขียน ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ และชื่อ Facebook มาที่อีเมล [email protected] ระบุหัวข้อว่า ‘ส่งต้นฉบับสำหรับคอลัมน์ Travelogue’ 

ถ้าผลงานของคุณได้ตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ เราจะมีสมุดบันทึกเล่มสวยส่งให้เป็นที่ระลึกด้วยนะ

 

 

 

Writer & Photographer

ภัทรียา พัวพงศกร

ภัทรียา พัวพงศกร

บรรณาธิการ นักเขียน ที่สนใจตึกเก่า เสื้อผ้า งานคราฟต์ กลิ่น และละครเวที พอๆ กับการเดินทาง