25 พฤศจิกายน 2017
12 K

เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้เข้าไปเป็นพนักงานของอุทยานแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา โดยเราสมัครผ่านโครงการ Work and Travel ที่ให้นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยไปลองใช้ชีวิต ไปทำงาน และท่องเที่ยว ในอเมริกาเป็นระยะเวลา 3 – 4 เดือน เราเลือกไปอุทยานที่ได้ชื่อว่าสวยจนต้องไปให้ได้ก่อนตาย นั่นก็คือ Glacier National Park หรืออุทยานแห่งชาติเกลเชอร์

อุทยานแห่งชาติเกลเชอร์ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1910 ตั้งอยู่ในรัฐมอนทานาซึ่งติดกับ Waterton National Park ประเทศแคนาดา มีพื้นที่ราว 2.5 เท่าของกรุงเทพมหานคร เนื่องจากตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอเมริกา จึงมีอากาศที่ค่อนข้างหนาวเย็นแม้กระทั่งในช่วงฤดูร้อน โดยอุทยานนี้จะเปิดเป็นซีซั่นเพียง 5 เดือนต่อปี (พฤษภาคม-ตุลาคม) เพราะเมื่อเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวจะมีหิมะตกหนัก ทำให้ไม่สามารถสัญจรภายในอุทยานได้

road trip ภูเขา

สิ่งที่เป็นไฮไลต์และทำให้เราอยากมาทำงานที่นี่คือ ถนน Going-to-the-Sun ซึ่งเป็นหนึ่งในถนนที่สวยที่สุดในโลก โดยถนนสายนี้เป็นถนนสายหลักที่เราใช้สัญจรภายในอุทยาน ที่พิเศษไปกว่านั้น หลายคนอาจจะยังจำฉากที่ Forrest Gump วิ่งไปเรื่อยๆ ได้ จะมีช่วงหนึ่งที่วิ่งบนถนนสายนี้ด้วยล่ะ ตลอดระยะทาง 80 กิโลเมตรที่ถนนตัดผ่านไหล่เขานั้น เราสามารถเห็นวิวภูเขาทั้งอุทยานได้ไกลสุดลูกหูลูกตา

งานที่เราได้เป็นงานในครัวของร้านอาหาร Russell’s ในโรงแรม Lake McDonald Lodge ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกของอุทยาน สร้างขึ้นใน ค.ศ.1913 หน้าที่หลักของเราคือล้างจาน ทำสลัด และไปช่วยเตรียมอาหารในบางครั้ง เราได้ลองชิมอาหารซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ นั่นก็คือ Elk Burger หรือเบอร์เกอร์เนื้อกวางเอลก์ แม้ว่ากลิ่นของเนื้อจะค่อนข้างสาบ แต่เมื่อกินคู่กับซอสฮักเกิลเบอร์รี่ ซึ่งเป็นเบอร์รี่ท้องถิ่นของรัฐไอดาโฮ กลับทำให้มีรสชาติกลมกล่อมและหวานหอมขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีเนื้อไบซัน ที่ถูกนำมาทำอาหารหลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพาสตรามี่ (เนื้อหมักกับเครื่องเทศ) ไส้กรอก หรือแม้แต่สเต๊ก เนื้อสัตว์ป่าพวกนี้จะมีกลิ่นเฉพาะ ทำให้บางทีเวลากินอยู่ก็จะมีภาพไบซันตัวใหญ่ ขนยาวๆ หรือกวางที่เราเจอบ่อยๆ ในป่าข้างโรงแรมแวบเข้ามาในหัวบ้าง

กิจกรรมหลักของเหล่าพนักงานที่นี่คือ การไปเดินป่าและปีนเขา หรือที่พวกเราเรียกกันว่า ไฮกิ้ง (hiking) เรามักจะไปไฮก์ในวันหยุดหรือในช่วงเช้าของวันที่ทำงานกะบ่าย เนื่องจากฝั่งตรงข้ามของโรงแรมเป็นป่า เราจึงสามารถเดินข้ามถนนเพื่อไปไฮก์ได้เลย หรือจะนั่งรถชัทเทิลบัสที่ใช้รับส่งนักท่องเที่ยวไปตามจุดต่างๆ ของอุทยานก็ได้ สิ่งสำคัญที่ต้องพกไปไฮก์ด้วยทุกครั้งนอกจากเสบียง นั่นก็คือ Bear spray ในกระป๋องจะมีพริกป่นสีส้มแดง เอาไว้ใช้ป้องกันตัวจากสัตว์ป่า โดยเฉพาะหมีที่อาจเข้ามาทำร้ายเราได้ระหว่างทาง เราตื่นตะลึงไปกับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา น้ำตก หรือทะเลสาบ ตลอดทางเดินนั้นจะเต็มไปด้วยดอกไม้ป่าสีแปลกตา ต้นสน และ ดอก Bear Grass ดอกไม้ตระกูลลิลลี่สีขาวเป็นพุ่มเล็กๆ ที่มักพบทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของอเมริกา ทั้งยังเจอสัตว์ป่าน่าสนใจมากมาย ทั้งหมีกรีซลี่ หมีดำ กวางมูส มาร์มอท แพะภูเขา แกะบิ๊กฮอร์น ฯลฯ

ภูเขา สัตว์ป่า marmot สัตว์ สัตว์ป่า

พระอาทิตย์ที่นี่ตกประมาณ 4 ทุ่ม นอกจากจะได้ทำกิจกรรมสนุกๆ ทั้งพายเรือคายัค เล่นแพดเดิลบอร์ด หรือปั่นจักรยานแล้ว ยังทำให้พวกเรามีเวลาไปนั่งเล่นพักผ่อนเพื่อดูพระอาทิตย์ตกริมทะเลสาบแมคโดนัลด์ข้างโรงแรมอีกด้วย (พวกเราเรียกกันว่า employee beach เพราะแถวนั้นมีนักท่องเที่ยวน้อย) กิจกรรมที่พิเศษในตอนกลางคืนคือการดูดาวตกและแสงเหนือ พวกเราจะมีแอพพลิเคชันที่ช่วยคำนวณโอกาสในการเกิดดาวตกและแสงเหนือติดไว้ในโทรศัพท์เกือบทุกคน ซึ่งวันไหนที่ค่า kp มากกว่า 5 ทุกคนก็ดูกระตือรือร้นในทำงานให้เสร็จ เพื่อจะได้มีเวลาเตรียมผ้าห่มและกล้องถ่ายรูป แล้วไปจับจองที่นั่งตรง employee beach เพื่อรอเก็บภาพเหล่านั้น

beach แสงเหนือ

ตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ในอุทยานแห่งชาติเกลเชอร์ สิ่งที่เรานึกถึงเสมอคือคำพูดของเจ้าหน้าที่ในวันปฐมนิเทศที่บอกกับพวกเราว่า “ที่นี่อยู่มายาวนานร้อยกว่าปี ถูกสร้างจากรุ่นสู่รุ่น อยากให้ทุกคนคิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่นี่ ขอให้ซัมเมอร์นี้เป็นช่วงเวลาที่ดีนะ” เราได้เจอเพื่อนจากหลายประเทศ ซึ่งการมาใช้ชีวิตอยู่กับคนต่างชาติอย่างใกล้ชิดในระยะเวลาไม่กี่เดือนนี้ ทำให้เราเรียนรู้ที่จะเปิดใจ เข้าใจ และมองอะไรในมุมที่กว้างขึ้น พวกเราแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อเป็นบทเรียนชีวิตให้แก่กันและกัน เรายังได้รู้จักการเอาชนะใจตัวเองจากการไปไฮก์ การก้าวข้ามความกลัวต่างๆ และการเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดี ซึ่งถ้ามีโอกาสอีกเราคงกลับไปบอกเจ้าหน้าที่คนนั้นว่า “ขอบคุณที่ทำให้เรารู้ว่าช่วงเวลาที่ดีของซัมเมอร์นี้เป็นยังไง”

 

เราไปไฮก์มา 11 ที่ นี่คือ 4 ที่ซึ่งเราประทับใจและอยากเล่าให้ฟัง

Hidden Lake

จัดเป็นที่ที่ห้ามพลาดของอุทยานแห่งชาติเกลเชอร์ เพราะสวยมากและอยู่ไม่ไกลจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว แต่ต้องเดินบนหิมะลื่นๆ ไปตลอดทาง ถ้ามาที่นี่จะเจอแพะภูเขาและกระรอกดินตามทาง และหากโชคดีจะเจอแกะบิ๊กฮอร์นอนอาบแดดอยู่ริมถนนด้วย

Grinnell Glacier

ความพิเศษของธารน้ำแข็งนี้คือเราต้องเดินไต่เขาขึ้นไปเป็นระยะทางกว่า 8.5 กิโลเมตร เมื่อไปถึงบนนั้นจะเจอผาหินตั้งตระหง่านพร้อมมีหิมะปกคลุมอยู่บ้างบางส่วน มีธารน้ำแข็งลอยอยู่ในทะเลสาบสีฟ้าอ่อน เราไปไฮก์ที่นี่ตอน 4 ทุ่มทำให้เจอเรื่องน่าตื่นเต้นตลอดทาง เพราะช่วงเดินกลับนั้นมืดสนิท และมีเสียงสัตว์ป่าเดินเหยียบใบไม้กรอบแกรบพอให้ตกใจเล่นๆ ตลอดทาง (มารู้ทีหลังว่าแถวนั้นมูสและหมีกรีซลี่ชุกชุมมาก ค่อนข้างอันตราย)

Glacier National Park Grinnell Glacier ภูเขา ภูเขา

Sun Point, St. Mary Lake

จุดชมวิวที่เราสามารถเดินจากลานจอดรถไปเพียง 500 เมตร แต่ต้องปีนหน้าผาที่ชันเกือบ 90 องศา (มาถึงตรงนี้ เราก็ได้เหวี่ยงกระเป๋าแบ็กแพ็กของตัวเองลงข้างทางแถวนั้นเรียบร้อย) เป็นอีกจุดหนึ่งที่สวยมาก เราจะเห็นทะเลสาบเซนต์แมรี่ และภูเขาสำคัญๆ ในฝั่ง East Glacier ได้หมด และยังมีแผ่นไม้บอกข้อมูลทิศทางต่างๆ ที่น่าสนใจมากด้วย

ทะเลสาบเซนต์แมรี่

ทะเลสาบเซนต์แมรี่

Sperry Chalet

เป็นโรงแรมบนเขาที่เปิดให้บริการตั้งแต่ ค.ศ. 1914 เราได้ยินว่าโรงแรมแห่งนี้ต้องจองล่วงหน้าถึง 2 ปี เพราะเปิดให้เข้าพักเพียง 2 เดือนเท่านั้น เราไปไฮก์ช่วงก่อนโรงแรมเปิดจึงมีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่นั้นจะขึ้นมาทำงานบนเขาราว 1 สัปดาห์ ก่อนจะลงเขาไปพักผ่อนอีก 1 สัปดาห์แล้วกลับขึ้นมาใหม่ น่าเสียดายที่กระท่อมที่พักถูกไฟไหม้ไปเมื่อเดือนสิงหาคมจึงต้องปิดบริการชั่วคราว

Sperry Chalet ป่าเขา

Tips : ถ้าเป็นคนที่ค่อนข้างชำนาญทางแล้วจะรู้จักทางที่เรียกว่า off-trail ซึ่งเป็นทางลับๆ ไม่มีในแผนที่ เพื่อชมวิวอีกมุมหนึ่งของที่ที่เราจะไปไฮก์ ข้อดีคือจะได้รูปที่สวยแปลกตา แต่ก็ต้องใช้สกิลล์ปีนป่ายพอควร

สามารถหาข้อมูลท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเกลเชอร์เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์

https://www.nps.gov/glac/planyourvisit/index.htm

ถ้าคุณมีประสบการณ์เดินทางแปลกใหม่จากการไปใช้ชีวิตในทั่วทุกมุมโลก เชิญส่งเรื่องราวของคุณพร้อมภาพถ่ายประกอบบทความ รูปถ่ายผู้เขียน ประวัติส่วนตัวผู้เขียน ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ และชื่อ Facebook มาที่อีเมล [email protected] ระบุหัวข้อว่า ‘ส่งต้นฉบับสำหรับคอลัมน์ Travelogue’
ถ้าผลงานของคุณได้ตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ เราจะมีสมุดบันทึกปกหนังเล่มสวยส่งให้เป็นที่ระลึกด้วยนะ

Writer & Photographer

Avatar

สรรพสิริ สรรพศีลบุตร

นักเดินทางฝึกหัดที่ค้นพบว่าตัวเองชื่นชอบการเดินป่าเป็นชีวิตจิตใจ และโลกใบใหญ่เป็นแหล่งเรียนรู้ชั้นดีที่ไม่สามารถบรรจุในตำราได้ เชื่อในการเอาชนะลิมิตของตัวเอง ปัจจุบันเป็นนิสิตปี 3 บัญชี จุฬาฯ