1

…ผมพลันเชื่อว่าคนเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพต้องชนะ ไม่ว่าถูกฆ่ามากเพียงใด พวกเขาจะไม่มีวันหมดหรือหายไปจากเมืองที่ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย พวกเขาเหมือนดาวที่ไม่ได้มีเฉพาะที่ปรากฏบนฟ้าตอนกลางคืน เช่นเดียวกับนักร้องนักดนตรีเก่งๆ ที่ไม่ได้มีเฉพาะที่อยู่ในวงการเพลงหรือตามร้านเหล้า ร้านกาแฟ คลับ บาร์ ค็อกเทลเลาจน์ มีนักร้องนักดนตรีเก่งๆ ซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักอีกเหลือคณา ร้องเพลงเล่นดนตรี “เปิดหมวก” อยู่ข้างถนน และในสถานีรถไฟใต้ดิน บ็อบ ดีแลน, พอล ไซมอน, ริชี ฮาเวนส์, โดโนแวน, ร็อด สจวร์ต, เทรซี แชปแมน เคยร้องเพลงเล่นดนตรีเปิดหมวกข้างถนน และในสถานีรถไฟใต้ดิน กรุงเทพฯ เป็นเมืองอัปลักษณ์เพราะการร้องเพลงเล่นดนตรีเปิดหมวกผิดกฎหมาย…

2

ทินกร หุตางกูร, ลมละเมอ

ลมละเมอ (Psychedelic Wind) คือนิยายเล่มล่าสุดของ ทินกร หุตางกูร เป็นส่วนผสมที่คลุกเคล้าระหว่างแฟนตาซี ไซไฟ โรแมนติก และการเมือง เล่าเรื่องเหมือนงานคอลลาจที่ตัดปะเหตุการณ์ต่างๆ สลับไปมา จนความจริงกับจินตนาการทาบทับกันแบบยากจะแยก

ทินกร หุตางกูร, ลมละเมอ

มันเป็นเรื่องของตัวละครหนุ่มสาวที่โดนสังคมสรุปว่าเป็นผู้ป่วยทางจิต แต่ถ้านั่นเป็นความเข้าใจผิด พวกเขาก็จะเป็นผู้ถูกดัดแปลงให้มีปีก เป็นมนุษย์กลายพันธุ์เพื่อรับหน้าที่มือสังหารให้กับองค์กรลับ โดยมีฉากหลังเป็นเรื่องราวของการเมืองไทย และเหตุการณ์สำคัญของโลกในรอบทศวรรษที่ผ่านมา

เป็นนิยายการเมืองที่แฟนตาซี โรแมนติก รสชาติประหลาดล้ำ ซึ่งเว้นช่วงจากงานก่อนหน้า 10 ปี

3

…เพลงทำนองเหมือนลมของศกุนตลาคือเพลงไซเคเดลิกแห่งสิทธิ เสรีภาพ เพลงไซเคเดลิกหมายถึงเพลงที่ใจกับความคิดของผู้แต่งอยู่ในภาวะเป็นอิสระจากกรอบความจริง หลักฟิสิกส์เก่าๆ และกาล-อวกาศ เพลงทำนองเหมือนลมของศกุนตลาย้ำว่า การมีสิทธิ เสรีภาพ สำคัญกว่าชาติ ศาสนา กฎ ระเบียบ ค่านิยม ขนบประเพณีดึกดำบรรพ์ คนไม่มีสิทธิ เสรีภาพจะสิ้นค่าความเป็นคน ไม่ต่างกับสิ่งของบนสายพานการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม อาทิ ถังน้ำพลาสติก…

4

ทินกรมีผลงานเขียนตีพิมพ์ครั้งแรกในช่วงเรียนปริญญาตรีที่คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ด้วยความชอบอ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลงมาตั้งแต่วัยเยาว์ พอถึงจุดที่คิดว่าอยากจะลงมือเขียนงานแบบจริงจัง เขาก็โทรศัพท์ไปสมัครงานกับ สมชาย ขันอาสา บรรณาธิการนิตยสาร Encore บอกว่าอยากแปลบทความ สุดท้ายเขาก็ได้แปลบทความเรื่องเกี่ยวกับชีวิตนักแสดงเจ้าของรางวัลลูกโลกทองคำ ริเวอร์ ฟีนิกซ์ (River Phoenix) ให้นิตยสารอีกฉบับ

ทินกร หุตางกูร, ลมละเมอ
ทินกร หุตางกูร, ลมละเมอ

จากนั้นทินกรก็เริ่มเข้าสู่เส้นทางการแปลบทความและเขียนบทวิจารณ์ภาพยนตร์-ดนตรี ในนิตยสารหลายฉบับ เช่น The Quiet Storm, Starpics, บันเทิงคดี ตามด้วยการมีคอลัมน์ประจำของตัวเองในนิตยสาร อาทิตย์ รายสัปดาห์ (ข่าวพิเศษ)

ถึงจะเป็นคอลัมน์วิจารณ์หนังเพลง แต่ด้วยรูปแบบการเขียนและลีลาที่ไม่ต่างจากเรื่องสั้น งานเขียนชุดนี้จึงได้รับเสียงชื่นชม และถูกนำมารวมเป็นหนังสือเล่มแรกในชีวิตของทินกรชื่อ ดวงดาวในบ่อน้ำ

ทินกร หุตางกูร, ดวงดาวในบ่อน้ำ

5

เมื่อได้รับคำชวนจากบรรณาธิการนิตยสาร Decade ให้ลองเขียนเรื่องสั้นเรื่องแรก ทินกรก็ส่งเรื่อง เพลงแอ๊คคอร์เดี้ยนหมายเลข 5 ไป ได้รับคำชม จากนั้นเขียนเรื่องสั้นเรื่องที่สอง เธอเต้นรำอย่างเดียวดาย ได้ลงใน ช่อการะเกด นิตยสารวรรณกรรมมาตรฐานสูงของบรรณาธิการสุชาติ สวัสดิ์ศรี ซึ่งการได้ลงตีพิมพ์นั้นน่าภูมิใจราวกับได้รางวัล เธอเต้นรำอย่างเดียวดาย รวมอยู่ใน คนไต่ลวดบนดาวสีฟ้า ผลงานรวมเรื่องสั้น พ.ศ. 2542

องค์ประกอบที่อยู่ในเรื่อง เธอเต้นรำอย่างเดียวดาย ที่ทินกรเขียนไว้เมื่อ 20 กว่าปีก่อน แทบไม่ต่างจากงานปัจจุบันของเขา

เสียงอัลโต้แซ็กโซโฟน / ผู้กำกับหนังอาร์ตผู้มีอุดมการณ์ / หญิงสาวสวย / บุหรี่ / ทหาร / เสียงปืนกล / นางเอกที่ถูกอุ้มหายไปในรถจีเอ็มซี

6

“คุณเขียนหนังสือไปทำไม” ผมถาม

“เป็นสิ่งที่รัก เป็นสิ่งที่ผมทำได้ เป็นสิ่งที่คิดว่าอย่างน้อยไม่ได้ทำร้ายโลกและสังคมโดยรวม ผมไม่รู้ว่าคิดผิดหรือถูก แต่ผมอยากให้กำลังใจคนที่กำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แก้ความเหลื่อมล้ำ การรักษาพยาบาล การจัดสรรทรัพยากร ผมอาจเป็นเศษฝุ่นเล็กๆ แต่อยากเป็นเศษฝุ่นในขบวนนี้ อยากเห็นโลกดีขึ้น คนมีความเท่าเทียม มีเสรีภาพ กดขี่กันน้อยลง โลกมีสันติสุขมากกว่านี้” เขาตอบ

ทินกร หุตางกูร กับนิยายแฟนตาซี ไซไฟ โรแมนติก การเมือง

7

ทินกรคลอดก่อนกำหนด เขาใช้เวลาอยู่ในท้องแม่แค่ 7 เดือน ตอนที่เขาลืมตาดูโลก ไม่มีใครสังเกตเห็นอาการผิดปกติใดๆ จนกระทั่งช่วงที่เขาควรจะยืนได้ ถึงพบว่ากล้ามเนื้อขาของเขาผิดปกติ ส่งผลให้เขาเดินไม่คล่องมาจนถึงปัจจุบัน

“ผมโชคดีเพราะโตมาในสังคมที่ไม่มีใครเอาเรื่องนี้มาย้ำ ทั้งคนที่บ้านและเพื่อนๆ ที่โรงเรียน ไม่ถูกใครบุลลี่ มองมุมหนึ่งถ้าไม่เป็นแบบนี้ ผมอาจไม่เป็นนักเขียนก็ได้ อาจจะไปทำอย่างอื่น ผมเคยนั่งคิดว่า ถ้าแข็งแรงปกติ ผมอาจจะมีกล้องถ่ายรูป แล้วเดินทางรอบโลก แต่เมื่อทำแบบนั้นไม่ได้ก็เลยเขียนหนังสือ ซึ่งเป็นอาชีพที่เราชอบและทำได้”

8

ทินกรโตมากับหนังสือ การมีพ่อเป็นหมอ แม่เป็นครู ทำให้บ้านพักหมอในจังหวัดนครศรีธรรมราชของเขามีหนังสือเต็มชั้น ทุกวันอาทิตย์พ่อจะปิดคลินิกพาลูกทั้งสามไปเที่ยวทะเล แต่ก่อนไปต้องแวะร้านหนังสือให้ลูกเลือกซื้อหนังสือคนละเล่มไปอ่านที่ทะเล ช่วงเทศกาลลูกๆ ก็จะได้หนังสือ สมุดวาดเขียน สี และนมอัดเม็ด เป็นของขวัญ

แล้วสามพี่น้องก็ยังมีหนังสือชุดพิเศษที่พ่อแม่สั่งซื้อมาอย่างเช่น นิทานเรื่องดังของโลก นิตยสาร TIME และ LIFE ทั้งเล่มธรรมดาและเล่มพิเศษที่จัดพิมพ์แบบสารานุกรม ซึ่งเขายังเก็บไว้ถึงทุกวันนี้

ทินกร หุตางกูร กับนิยายแฟนตาซี ไซไฟ โรแมนติก การเมือง

9

“ผมชอบหนัง ตอนเด็กๆ พ่อเป็นห่วงไม่ค่อยให้ไปดูหนังกับคนอื่นเท่าไหร่ แต่แม่ชอบแอบพาลูกไปดูหนัง แม่เพิ่งหัดขับรถ ก็เอาลูกสามคนใส่รถไป พาพี่เลี้ยงไปด้วย ไปดูหนังวอลต์ ดิสนีย์กัน ด้วยข้อจำกัดทางกายภาพของผม ทำให้ผมค่อนข้างต้องอยู่กับที่ ผมชอบจินตนาการว่าตัวเองกำลังสร้างหนัง คิดเรื่องคิดภาพโน่นนี่นั่นในหัว การเขียนหนังสือของผมก็คือการเปลี่ยนภาพให้เป็นตัวหนังสือ”

10

ในเรื่อง ลมละเมอ มีหลายฉากที่ตัวละครตัวเดียวอยู่สองที่พร้อมกัน จะตีความว่าเป็นจินตนาการของคนบ้าก็ได้ หรือจะบอกว่าเป็นเรื่องจริงตามทฤษฎีควอนตัมฟิสิกส์ก็ได้ ช่วงหลังเขาสนใจศาสตร์นี้มาก ถึงขนาดเขียนเรื่องที่ไอน์สไตน์ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของนีลส์ โบร์ (Niels Bohr) กับ เวอร์เนอร์ ไฮเซนเบิร์ก (Werner Heisenberg) ไว้ในเล่มด้วย

“ไอน์สไตน์ไม่เชื่อว่าโปรตอนกับอิเล็กตรอนจะอยู่เหนือกฎของวิทยาศาสตร์ ทำทุกอย่างตามอำเภอใจเหมือนเด็กไม่มีระเบียบ ไม่ได้รับการอบรม พระเจ้าไม่ได้ทรงทอดลูกเต๋า สร้างสิ่งต่างๆ สะเปะสะปะ สุดท้ายแนวคิดนั้นก็ได้รับการพิสูจน์กว่าจริง อนุภาคอิเล็กตรอนตัวเดียวอยู่สองที่ในเวลาเดียวกันได้ เกิดเป็นควอนตัมฟิสิกส์ ผมจึงเขียนให้ตัวละครชื่อจักรกล ในวงเล็บถ้าเขาไม่บ้าหรือประสาทหลอน เจอตัวละครชื่อเชิญบุญในห้องของเขาที่ประเทศไทยขณะที่เธอยังอยู่อเมริกา”

11

ทินกรชอบวิทยาศาสตร์ มันถูกถ่ายทอดออกมาในงานแทบทุกชิ้นของเขา

ด้วยความที่มีคุณพ่อเป็นหมอและที่บ้านเต็มไปด้วยหนังสือวิทยาศาสตร์ เขาสนใจศาสตร์นี้มาตั้งแต่เด็ก แม้จะเรียนสายศิลป์ แต่ก็ยังชอบศึกษาทฤษฎีวิทยาศาสตร์ด้วยตัวเอง

“วิทยาศาสตร์พยายามค้นหาคำตอบว่า โลกเกิดขึ้นได้ยังไง ทำไมโลกถึงโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำไมดวงจันทร์ถึงอยู่ใกล้โลก ถ้าเราล่องเรือไปถึงเส้นขอบฟ้าจะตกโลกไหม วิทยาศาสตร์นำคำตอบมาให้ ผมสนใจวิทยาศาสตร์ในแง่นี้ แต่ไม่ชอบตรงที่มันสร้างหายนะ ทำให้เกิดระเบิดปรมาณู และสิ่งประดิษฐ์จำนวนมากที่ทำให้โลกและสิ่งมีชีวิตอื่นแย่ลง”

ผมสนใจมนุษย์ต่างดาว อำนาจเหนือธรรมชาติ การค้นพบทางวิทยาศาสตร์แนวใหม่ใกล้เคียงกับศาสนามาก ตอกย้ำให้เชื่อว่าทุกอย่างในจักรวาลไม่อาจเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ต้องมีบางสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งเกินกว่าวิทยาศาสตร์แนวเก่าจะพิสูจน์ได้เป็นผู้สร้าง มีเรื่องราวมากมายอยู่นอกเหนือการรับรับรู้ของมนุษย์” – ทินกรเคยให้สัมภาษณ์ไว้

“ช่วงหนึ่งผมสนใจเรื่องมนุษย์ต่างดาว เพราะเบื่อมนุษย์โลกมาก อยากให้มีมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลก จะได้เลิกอีโก้จัดสักที ผมก็เลยเริ่มอ่านเรื่องจักรวาล” – ทินกร (แปลว่า พระอาทิตย์) พูดถึงที่มาของความสนใจเรื่องดวงดาวและจักรวาล ซึ่งอยู่ในงานเขียนจำนวนมากของเขา

ทินกร หุตางกูร กับนิยายแฟนตาซี ไซไฟ โรแมนติก การเมือง
ทินกร หุตางกูร กับนิยายแฟนตาซี ไซไฟ โรแมนติก การเมือง

12

“หลายเรื่องของผมมีผี ผมไม่เชื่อเรื่องผี ไม่กลัวด้วย เรามองผีได้หลายมิติ ผีไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในกรอบของหลักวิทยาศาสตร์และเหตุผล ลึกๆ ผมเป็นคนปฏิเสธกรอบที่คนอื่นขีด ผีเหมือนเป็นตัวแทนสิ่งนั้น ผีอยู่อีกมิติ เป็นอิสระจากกฎฟิสิกส์ และนิยามของความจริง ผีเป็นสมบัติล้ำค่าของโลกเรื่องแต่ง”

13

หนังสือของทินกร 2 เล่มก่อนหน้านี้ จุดตัดบนเส้นเอ็กซ์วาย พูดเรื่องการปะทะกันของคนในสังคมไทยยุคที่คนแบ่งเป็น 2 สีและปัญหาภาวะโลกร้อน ส่วนเรื่อง ดวงอาทิตย์กับดอกทานตะวัน เกี่ยวกับการปฏิวัติ พ.ศ. 2549 ส่วน ลมละเมอ พูดถึงการเมืองไทยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

“ช่วงนั้น คสช. ปฏิวัติเข้ามา เราไม่มีสิทธิเสรีภาพ เราโดนบีบทุกอย่าง นี่มันศตวรรษไหนแล้ว ทำไมต้องเจอเรื่องแบบนี้อีก เรื่องที่เขียนจึงเป็นการโหยหาสิทธิเสรีภาพ ด้วยความที่เรารู้สึกอัดอั้น ตอนเขียนเลยมีความก้าวร้าว อยากใส่ฉากต่อสู้เพราะอยากระบาย เหมือนคนที่เครียดจากงานแล้วไปร้านอาหารที่เขาให้ปาจานเล่น ผมอยากจะปลดปล่อยความเกรี้ยวกราด ผมเบื่อหัวหน้ารัฐบาลทหาร แต่จะทำอะไรได้ นอกจากเขียนหนังสือ การที่เราโดนบีบอยู่ใต้อำนาจ คสช. ทำให้เราเกือบเป็นบ้าได้เหมือนกันนะ ผมเลยสร้างตัวละครที่คนอื่นบอกว่าเป็นคนบ้า ต้องเข้าโรงพยาบาลบ้า เขาเป็นคนที่พยายามลุกขึ้นมาเปลี่ยน มาต่อต้านกฎระเบียบสังคมที่อยู่กับเรามาหลายร้อยปี”

ทินกรอยากเห็นฉากต่อสู้กลางอากาศ จึงสร้างให้ตัวละครเอกทั้งหลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ เพื่อจะได้บินยิงสู้กัน

“ผมเขียนให้ก้ำกึ่ง ตัวละครเป็นมนุษย์กลายพันธุ์จริงไหม หรือตัวละครเพียงคิดไปเองเพราะบ้า แต่มีตัวละครหนึ่งในโรงพยาบาลบ้าตะโกนว่าคนบ้าไม่ใช่พวกเขา แต่คือผู้มีอำนาจที่พยายามขวางความเปลี่ยนแปลง”

14

ไม่ว่าเนื้อหาในงานเขียนของทินกรจะพูดถึงเรื่องอะไร มันมักจะถูกฉาบหน้าด้วยเรื่องราวของความรัก ความโรแมนติกแบบหม่นๆ เสมอ

“ผมโตมากับงานวรรณกรรมเพื่อชีวิต ซึ่งไม่ค่อยมีเรื่องโรแมนติก ไม่มีตัวละครที่เป็นพระเอกนางเอกแบบนิยายพาฝัน ผมเลยอยากเขียนเพื่อชีวิตจริงจัง แต่มีพระเอกนางเอกแบบนิยายพาฝัน มีความ Tragedy แบบละครกรีกโบราณ พระเอกหล่อ แต่ซูบเหมือนดาราเพลงป๊อปยุคหกศูนย์เจ็ดศูนย์ นางเอกสวย”

15

“ตอนนี้พระกับคนนับถือศาสนาพุทธยังงมงายกับพิธีกรรม เชื่อไสยศาสตร์ซึ่งไม่ใช่คำสอนของท่าน พระในประเทศไทยบางรูปอ้างความดี เดินนำผีดิบไปยึดเมือง บางรูปนั่งรถยนต์ราคาแพง นอนในกุฏิใหญ่เท่าบ้านมหาเศรษฐี พระในประเทศพม่าปลุกระดมให้คนนับถือศาสนาพุทธฆ่าชาวโรฮิงญาที่นับถือศาสนาอิสลาม ผมคิดว่าในอนาคตจะไม่มีใครบรรลุนิพพานได้ด้วยการปฏิบัติตามคำสอนของท่าน แต่จะมีคนเข้าใกล้ภาวะนิพพานได้ด้วยการพึ่งยาของหมอ ยาที่ส่งผลต่อสมอง ทำให้ไม่มีความรู้สึก ไม่มีความต้องการ ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด”

พระพุทธเจ้าตรัส “เราคาดเดาอนาคตได้ แต่ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างที่คาดเดาหรือไม่ จิตว่างที่จะนำไปสู่นิพพานในความหมายของอาตมาไม่ใช่สภาพไร้ความรู้สึก ไม่ยินดียินร้าย แต่เป็นความเข้าใจเหตุปัจจัย แล้วไม่ยึดติด เราเศร้าได้ในเวลาเห็นนกวิกลจริตบินให้ลวดหนามปักอก แต่เราต้องเท่าทันความเศร้า ไม่ให้ความเศร้าครอบจนกลายเป็นความทุกข์ เราไม่ควรเฉยเมื่อเห็นความไม่ยุติธรรม แต่เราต้องไม่สู้กับมันด้วยความโกรธ ความเกลียด อาตมาคิดว่านิพพานเป็นจุดหมายที่ดีของทุกคน แต่ใครจะเชื่อ-ไม่เชื่อ อยู่ที่คนนั้นเอง ไม่ใช่อาตมา ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม”

ทินกร หุตางกูร กับนิยายแฟนตาซี ไซไฟ โรแมนติก การเมือง

16

หนึ่งในฉากซึ่งเป็นที่พูดถึงมากที่สุดใน ลมละเมอ คือการที่หุ่นยนต์สมองกลตั้งคำถามชุดใหญ่ใส่พระพุทธเจ้า พระเยซู และพระมะหะหมัด เป็นบทสนทนาที่ออกรส ร่วมสมัย และประเทืองปัญญายิ่ง

“เวลาเราต้องการสิทธิเสรีภาพ เราต้องการจะบินออกจากกรอบ แต่ประเทศนี้เต็มไปด้วยกรอบ พูดอะไรไม่ได้ วิจารณ์ศาสนามากไม่ได้ คุยเรื่องสถาบันก็ไม่ได้ ผมเลยเขียนฉากหุ่นยนต์สมองกลคุยกับศาสดา ศาสดามีสถานะสูงสุด ไม่มีใครมีสิทธิตั้งข้อสงสัย ผมเข้าใจว่าศาสนาเป็นเรื่องของความศรัทธา บางครั้งต้องวางความสงสัย แต่บางเรื่องก็เกินไป เราควรสงสัยได้บ้าง หุ่นยนต์สมองกลก็ถามในสิ่งที่หลายคนสงสัย

“สิ่งที่ผ่านกาลเวลามาได้ขนาดนี้ต้องมีความดีอยู่ ทั้งหมดผมเขียนขึ้นจากจินตนาการล้วนๆ เท่าที่ความรู้พื้นฐานของผมเกี่ยวกับศาสนาจะมี”

17

ทินกรนัดผมที่บ้านของเขาย่านประชาชื่นเวลา 5 โมงเย็น เพราะอาการของโรคกระเพาะทำให้เขาต้องกินข้าวเย็นตรงเวลาตอน 4 โมงเย็นทุกวัน อาการป่วยของเขาดีขึ้นตามลำดับ แต่ก็ยังไม่หายดีพอจะเปิดคอมพิวเตอร์เขียนงานเรื่องใหม่ต่อได้

“เล่มนี้ก็เขียนถึงการเมืองเหมือนกัน แต่เป็นคนละแบบกับ ลมละเมอ ผมพยายามเขียนถึงประวัติการเมืองไทยที่ผ่านมา โดยเอา มหากาพย์โอดิสซีย์ กับ รามายณะ มาเล่น แล้วก็มีประวัติเพลงป๊อปในยุคต่างๆ ด้วย เล่ามากไปเดี๋ยวไม่สนุก” ทินกรหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

นิยายเรื่องนี้เขาเขียนถึงนักการเมืองคนสำคัญของประเทศมากมาย ทั้งนายกรัฐมนตรีในอดีตจนถึงนักการเมืองรุ่นใหม่ เป็นการนำเรื่องราวของพวกเขามาโยงกับตัวละครและเหตุการณ์ในมหากาพย์ทั้งสองเรื่อง

เรื่องนี้ฉาบหน้าด้วยโรแมนติกเช่นเดิม เรื่องย่อที่พอจะเล่าได้คือ นางเอกเป็นพี่น้องฝาแฝด คนหนึ่งตาดี คนหนึ่งตาบอด คนตาดีไปชุมนุมประท้วงรัฐบาลทหาร ถูกทหารหมายหัว แต่ทหารจับผิดตัว จับคนตาบอดไป

แล้วทินกรก็ยังเอาเรื่องราวของเพลงที่เขาชอบทั้งฝรั่งและไทยเข้ามาอิงกับตัวละครและสถานการณ์เพื่อเคลื่อนตัวละครไปข้างหน้า เพลงไทยที่ใส่ในเรื่องก็มีตั้งแต่เพลงของคาราวานไปจนถึงเพลงเพื่อชีวิตยุคใหม่อย่าง ประเทศกูมี

“เซ็ง ผมป่วยมาเกือบปีหนึ่งแล้วยังไม่ได้เขียนต่อเลย เหลืออีกไม่เยอะแล้วครับ”

18

…ผมกับเชิญบุญเปลี่ยนแมกกาซีนกระสุน และยิงอสุรกายอีก บนฟ้าด้านหลังเรากับบนชายหาดซึ่งคล้ายกลายเป็นป่าช้าขนาดมหึมายังมีมนุษย์กลายพันธุ์สวมชุดสีดำ ผีดิบ ทหาร ตำรวจบางส่วนที่ไม่ได้แยกไปตามล่าคนเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ มนุษย์กลายพันธุ์สวมชุดสีดำ ผีดิบ ทหาร ตำรวจเงยหน้ารอดูผมกับเชิญบุญถูกอสุรกายฆ่า น้ำตาเปียกตาของเรา…

19

“ผมไม่เชื่อว่า จะมีใครในโลกนี้ชอบเผด็จการ นอกจากตัวเผด็จการเองกับคนที่ได้รับประโยชน์จากเผด็จการ มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นอิสระ ต่อให้มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องยอมรับกฎบางอย่างสำหรับอยู่ร่วมกัน เราก็ต้องมีอิสระของเรา แต่เผด็จการพรากส่วนนี้ไปหมด คิดไม่ได้ พูดไม่ได้ เขียนก็ไม่ได้ ถ้ามนุษย์ไม่มีสิทธิกับเสรีภาพ คุณค่าความเป็นมนุษย์ก็ลดลง แล้วทำไมเราต้องยอมให้ใครไม่รู้มาลดค่าความเป็นมนุษย์ของเรา”

ทินกร หุตางกูร กับนิยายแฟนตาซี ไซไฟ โรแมนติก การเมือง

Writer

ทรงกลด บางยี่ขัน

ทรงกลด บางยี่ขัน

ตำแหน่งบรรณาธิการโดยอาชีพ เป็นนักเดินทางมือสมัครเล่น แบ่งเวลาไปสอนหนังสือโดยสมัครใจ และชอบจัดทริปให้คนสมัครไป

Photographer

Avatar

ปฏิพล รัชตอาภา

ช่างภาพอิสระที่สนใจอาหาร วัฒนธรรมและศิลปะร่วมสมัย มีความฝันว่าอยากทำงานศิลปะเล็กๆ ไปเรื่อยๆ