นอกจากความสวยงามทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์อันยาวนานแล้ว อีกหนึ่งวัฒนธรรมที่ดึงดูดและคอยกวักมือเรียกนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้มาเยือนประเทศจีนก็คือวัฒนธรรมการก๊อปปี้ ครอบคลุมตั้งแต่สินค้าแบรนด์เนม เครื่องไฟฟ้า ไปจนถึงการก่อสร้างเมืองต่างๆ ที่ถอดแบบเมืองชั้นนำของยุโรปมาเป๊ะๆ เริ่มเทรนด์กันมาตั้งแต่ปี 1990 ในช่วงที่เศรษฐกิจของจีนกำลังรุ่งโรจน์ ผู้คนต่างต้องการบ้านเป็นของตัวเองเพื่อแสดงสถานะทางสังคม การก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์แบบเมืองยุโรปก๊อปเกรดเอจึงเกิดขึ้นและกระจายตัวไปแถบนอกเมืองใหญ่ ด้วยเป้าหมายให้เป็นทั้งโครงการบ้านพักอาศัยและแหล่งท่องเที่ยวสำหรับชาวจีน ถ่ายทอดความหรูหราผ่านเสาโรมัน รูปปั้นกรีก และแลนด์มาร์กสำคัญต่างๆ ทั่วยุโรปที่ถูกย่อส่วนมาไว้ที่จีน
น่าเสียดายที่โครงการเหล่านี้กลับไม่เปรี้ยงอย่างที่คาด อันเป็นปัญหาต่อเนื่องจากขนาดเมือง โลเคชันที่ไม่ค่อยสะดวก และการวางผังที่ไม่ดี ทำให้เมืองยุโรปก๊อปเกรดเอเหล่านี้กลายเป็นเมืองร้าง และในความขาดๆ (ประชากร) เกินๆ (ขนาดเมือง) นี้ นำมาซึ่งความลักลั่นทางวัฒนธรรม ผสมปนเปสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปและจีนสมัยใหม่ จนไปเตะตา Romain Gavras ผู้กำกับฝรั่งเศสสายเถื่อนเข้าให้ และเลือกเทียนตูเฉิง (Tianducheng) เมืองฝาแฝดปารีสเป็นโลเคชันถ่ายมิวสิกวิดีโอเพลง Gosh ของ Jamie xx ฉวยใช้วัฒนธรรมของจีนเข้ากับเพลงอิเล็กโทรได้อย่างลงตัว เกิดเป็นเสน่ห์อย่างประหลาด ทำให้คนดูอย่างเราแอบสบถเบาๆ ในใจถึงความแปลกและยิ่งใหญ่ ชวนให้ไปตามรอยยิ่งนัก
เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้เครื่องบินอีก 1 ลำ (เล่นใหญ่อีกแล้ว) ถ้าคุณมีแพลนที่จะเดินทางไปเซี่ยงไฮ้อยู่แล้ว และวันเหลือๆ ไม่รู้จะทำอะไร ลองวางแผนออกนอกเมืองไปเทียนตูเฉิงสักวัน และพบกับอีกด้านหนึ่งของวัฒนธรรมจีนที่ไม่ได้อยู่ในหนังสือท่องเที่ยว
เทียนตูเฉิง มีความหมายว่า เมืองท้องฟ้า (แต่เป็นชื่อเกี่ยวกับปารีสอย่างไรก็ยังคงเป็นปริศนาธรรมต่อไป) เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2007 เป็นเมืองที่พักอาศัยและพักผ่อนหย่อนใจขนาดเล็ก อยู่ห่างจากตัวเมืองหางโจว (Hangzhou) ไปประมาณ 30 นาที ด้วยความคาดหวังที่จะรองรับผู้พักอาศัยกว่า 10,000 คน แต่ปัจจุบันมีผู้อยู่จริงเพียงแค่ 2,000 คน ทำให้ในวันธรรมดาคนอาจจะดูบางตาไปบ้าง
แต่ความเงียบเหงาไม่ใช่ปัญหาของที่นี่ เพราะเมื่อถึงเวลาพักจากการทำมาหากิน ชาวเทียนตูเฉิงใช้ประโยชน์สวนพักผ่อนหย่อนใจขนาดใหญ่และวงเวียนหอไอเฟลอย่างเต็มที่ ที่นี่คลอด้วยเสียงเพลงออกกำลังกาย เด็กๆ ออกมาปั่นจักรยาน อาม่าควงอากงมาเดินแกว่งแขน หรือวัยรุ่นก็หามุมถ่ายเซลฟี่กัน


ไฮไลต์คงไม่แคล้วหอไอเฟลขนาด ⅓ เท่าของของจริง ห้อมล้อมด้วยสนามหญ้ารกๆ นิดหน่อยพอให้หวั่นงู แต่ยังพอวิ่งเล่นได้

หากหันหน้าออกจากตัวหอไอเฟลจะเห็น Champs-Élysées ขนาดย่อม ขนาบข้างด้วยอาคารแบบ Haussmann และน้ำพุรูปปั้นแบบยุโรปตลอดทางเดิน หากมองแค่ด้านบนอาคาร ก็ถือว่าเหมือนกันเป๊ะๆ ถ้าลดระดับสายตาลงมามองด้านล่าง จะพบป้ายภาษาจีนขนาดยักษ์โฆษณาร้านอาหาร ร้านของเล่นพลาสติก และร้านขายของสะดวกซื้อ บวกเพิ่มกลิ่นเต้าหู้เหม็นและปลาตากแห้งที่ดึงเข้าสู่โลกความจริง
ด้วยโครงสร้างของเมืองที่ตึกหันหน้าเข้าหากัน ทำให้เมืองนี้คึกคักมากทั้งๆ ที่คนอาศัยไม่เยอะ โดยเฉพาะช่วงบ่ายที่เด็กๆ เลิกเรียนออกมาวิ่งเล่นเต้นระบำกันนอกบ้านอย่างสนุกสนาน ส่งเสียงดังเอะอะมะเทิ่งตั้งแต่ต้นยันท้ายซอย เป็นบรรยากาศงงๆ อันเป็นเสน่ห์ของเทียนตูเฉิง



สุดทาง Champs-Élysées จะพบทางเข้าสวนขนาดใหญ่ เปิดตัวอลังการงานสร้างด้วยน้ำตกหลากชั้นขนาบด้วยขั้นบันได รูปปั้นรถม้าร่างยักษ์การันตีความมโหฬารที่ซ่อนอยู่ด้านใน ด่านแรกเราต้องจ่ายค่าเข้าสวน 50 หยวน ขึ้นบันไดน้ำตกไป แล้วจะพบสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีลูกเล่นการตกแต่งแบบยุโรปยำรวมมิตรอยู่ภายในที่แห่งนี้อีกเพียบ
ที่นี่ห้อมล้อมไปด้วยบรรยากาศร่มรื่น ถ้าอยู่ในโซนเงียบๆ ก็เหมือนหลุดมาอยู่คนละประเทศเลยทีเดียว แถมยังมีส่วนให้ทำกิจกรรมอีกมากมาย เช่น เวทีการแสดงกลางแจ้ง สวนทรายริมน้ำที่นักท่องเที่ยวมาเล่นทรายและกินปิ้งย่างบาร์บีคิวได้ (เรียกว่า Swan Lake แต่ไม่เห็นหงส์สักตัว นอกจากปลาวาฬปลอมขนาดใหญ่) รถม้าให้ถ่ายรูป และเซอร์วิสถ่ายเว็ดดิ้งที่มีผู้คนเข้าออกไม่ขาดสาย




ปัจจุบัน ด้วยอานิสงส์ของนักธุรกิจหัวใสเอาใจสายเว็ดดิ้ง และบรรยากาศสุดโรแมนติกแบบหลุดมาจากยุโรป ที่นี่จึงฮอตฮิตติดชาร์ตสำหรับคู่รักที่มาถ่ายรูปงานแต่ง เรียกว่าหนาแน่นกันแทบจะทุกมุม แบ่งกันสร้างสรรค์ครีเอทีฟโพสต์ท่าต่างๆ ถือเป็นเรื่องดีซะด้วยซ้ำ เพราะถ้าไปถ่ายกันจริงๆ ที่ปารีสคงไม่สะดวกเท่านี้



ถึงอย่างนั้นการผุพังของเมืองเกือบร้างก็เป็นเรื่องห้ามกันไม่ได้ เมื่อจำนวนผู้พักอาศัยไม่ได้เป็นไปตามที่คาด กลิ่นความทรุดโทรมจึงคืบคลานกัดกินเมือง จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเมืองนี้ประสบความสำเร็จตามขนาดของมันและได้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่แล้ว เทียนตูเฉิงที่มีสีสันจะสร้างสังคมแบบไหน




พวกเราอาจจะมองสถานที่นี้ว่าตลกและประหลาด แต่สำหรับคนจีนจำนวนมาก นี่คือสิ่งที่ใกล้เคียงความฝันที่สุด และด้วยความเชื่อที่ว่าสไตล์ยุโรปสื่อถึงความหรูหรา สถานที่เหล่านี้จึงได้เกิดขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงความฝันและความหรูหราได้ง่ายยิ่งขึ้น สุดท้าย การปะทะกันอย่างผิดที่ผิดทางของวัฒนธรรมทำให้ที่เทียนตูเฉิงน่าฉงน มีมุมน่าค้นหาเพลินๆ กำลังดีสำหรับการเที่ยวชม 1 วัน


การเดินทางไปเทียนตูเฉิงจะเรียกว่าลำบากก็ไม่เชิง แต่จะสบายมากถ้าคุณรู้ภาษาจีน เนื่องจากไม่มีรถไฟสายตรง วิธีเดินทางจึงต้องเป็นการนั่งรถไฟไปหางโจว แล้วต่อรถไปเทียนตูเฉิง แต่เว็บต่างๆ ที่เกี่ยวกับตารางเดินรถล้วนเป็นภาษาจีน ทำให้การจองล่วงหน้าค่อนข้างงงงวย เราจึงดุ่มไปที่สถานีรถไฟ Shangha Hongqiao Station หลังจากมั่วซั่วจนแทบเข่าทรุดร้องไห้สังเวยให้ความเนิร์ดของตัวเอง จึงได้ข้อสรุปในการเดินทางมาดังนี้ :
- ไปที่บูทซื้อตั๋ว โปรดจงระวัง ที่นั่นไม่มีภาษาอังกฤษเลย แต่จะหาบูทเจอแน่ เพราะคนต่อแถวเยอะประมาณ 20 แถวได้
- ปักหมุดหางโจวไว้ในแมพส์ให้เรียบร้อย เมื่อถึงคิวซื้อตั๋ว ยื่นมือถือให้เขาดูเลยว่าจะไปเมืองนี้ พนักงานจะชี้ไปที่ค่าตั๋วและเวลาเดินทาง เมื่อตกลงเวลาตามใจประสงค์ ก็ชำระค่าตั๋วกับพนักงาน (จ่ายด้วยเงินสดเท่านั้น ยกเว้นมีระบบจ่ายเงินที่จีนรองรับ)
- ประตูทางออกและที่นั่งมีระบุไว้ในตั๋ว รถไฟสบายและสะอาดมาก
- เมื่อถึงหางโจว วิธีการเดินทางที่ง่ายที่สุดคือแท็กซี่ โดยจะมีคิวชัดเจนตรงทางออก
- ปักหมุดเทียนตูเฉิงไว้ (เลือกโลเคชันใกล้ๆ Eiffel Tower) เมื่อได้แท็กซี่คู่ใจจงยื่นแผนที่ให้เขาดู
- ถ้าโชคดี หลังจากจุดนี้คุณก็ไม่ต้องคุยกับเขาอีกเลย แต่ถ้าโชคร้ายก็อาจได้ยินพี่โชเฟอร์สบถบ้างเล็กน้อย
- หากเขาหันมาคุยกับคุณด้วยท่าทางมีคำถาม ยื่น Google Maps ให้เขาไปเลย จบสิ้นทุกคำถามแน่นอน
- ถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย
- ขากลับแนะนำให้โหลดแอป DiDi เอาไว้ (เหมือน Uber เวอร์ชันจีน) แล้วเรียกแท็กซี่กลับมาสถานีรถไฟหางโจวผ่านแอป ง่ายสุด ไม่ต้องเจรจากับคนขับรถอีกเลย




นอกจากปารีสแล้ว ยังมี Thames Town ก๊อป หรือ Pujiang New Town ที่เพียงตีตั๋วรถไฟออกไปนอกเมืองเซี่ยงไฮ้เพียงนิดเดียวก็ส่งคุณวาร์ปไปยังประเทศอังกฤษ ทะลุใจกลางลอนดอน ถอดแบบคลองเล็กคลองน้อยและตึกรามบ้านช่องแบบเวนิส และ Anting New Town ที่เปรียบเหมือนเยอรมนีขนาดย่อม