ครั้งหนึ่ง ในป่าที่ผมทำงานอยู่มีแขกมาเยี่ยมเยือน ผมได้รับเกียรติให้ร่วมพูดคุยเรื่องสัตว์ป่า หลังเสร็จจากการพูด มีสุภาพสตรีท่านหนึ่งเดินเข้ามาหาและถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“ทั้งหมดนั่นเป็นการรบกวนไหม” เธอหมายถึงการได้มาของภาพสัตว์ป่าของผม เป็นการรบกวนสัตว์ป่าไหม
“แน่นอนครับ เป็นการรบกวน” ผมตอบได้ทันที
เราพูดคุยกันต่อ สรุปคือเธอไม่เห็นด้วยกับงานของผมนัก
ผมไม่แปลกใจ เพราะในงานของผมซึ่งใช้กล้องเป็นเครื่องมือ ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในป่า ถูกมองว่าเป็น ‘ผู้ร้าย’ เป็นผู้รบกวนธรรมชาติเสมอ
ในฐานะที่ทำงานมานานพอสมควร ผมรู้ดีว่าเป็นคนที่ ‘รบกวน’ มากกว่าใคร


การเป็นผู้ร้ายของคนถือกล้องไม่ใช่เรื่องใหม่หรอก เป็นมาตลอดตั้งแต่ยุคที่ผมเริ่มต้น Telephoto ยังไม่แพร่หลาย ก็มีเรื่องราวการรบกวนให้พูดถึงกันบ่อย ๆ
มีบางคนถูกขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าพื้นที่ หลายคนมีภาพสวยงาม แต่เบื้องหลังคือโศกนาฏกรรม
การกระทำอยู่ในป่าไม่มีใครเห็น แต่ดูเหมือนว่าความลับจะไม่มีในโลก โดยเฉพาะในยุคนี้ เรื่องอะไรก็ตาม เกิดขึ้นในป่าไหน ในป่าเหนือสุด คนในป่าใต้สุดก็รู้ภายในไม่กี่นาที
ในยุคที่ทุกคนถือกล้อง มีเรื่องราวการรบกวนโดยตั้งใจ โดยไม่ตั้งใจ โดยไม่รู้ เกิดขึ้นเสมอ ไม่ว่าจะบนบกหรือใต้ทะเล
ทุกคนถือกล้อง แต่ใช่ว่าทุกคนจะเป็น ‘ช่างภาพ’


เราเป็นเพียงส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ผมเห็นด้วย แต่โดยประสบการณ์ สิ่งหนึ่งที่ผมรู้ว่า ‘เป็น’ คือคนแปลกหน้า โดยเฉพาะกับสัตว์ป่า พวกมันไม่วางใจ หลีกเลี่ยงการพบเจอ
การเข้าป่าแบบเราเป็นพวกเดียวกันใช้กับสัตว์ป่าไม่ได้ผล ประสบการณ์สอนให้รู้ว่า หากอยากพบเจอ ต้องไปให้ถูกที่ถูกเวลา ซ่อนตัวอย่างมิดชิด วิธีการนี้ได้ผลบ้าง ล้มเหลวบ้าง ทำให้ผมรู้ว่า ไม่ว่าจะซ่อนตัวอย่างแนบเนียนเช่นไร สัตว์ก็สัมผัสได้ว่าผมอยู่ที่นั่น
ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า การได้พบเจอสัตว์ป่าเพราะพวกมันอนุญาตให้พบ การซ่อนตัวอย่างแนบเนียน รักษาระยะห่างที่เหมาะสม คือการขออนุญาตอย่างหนึ่ง

กล้องเป็นเครื่องมือที่ผมใช้ในการทำงาน แต่ถึงที่สุด งานที่ได้ก็คล้ายเป็นผลพลอยได้เท่านั้น บทเรียนต่าง ๆ ซึ่งได้รับจาก ‘ที่ทำงาน’ คือสิ่งที่ได้จริง ๆ
ไม่ผิดนักหากจะพูดว่าการทำงานในป่าคืออาชีพ ผมได้รับประโยชน์จากป่า
อีกนั่นแหละ คนทำงานในป่าย่อมรู้ดีว่าเราได้ผลประโยชน์ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง อีกทั้งไม่ว่าจะอยู่ในป่าด้วยเหตุผลใด อยู่ในชุดเครื่องแบบหรือในมือถืออะไร
มีความจริงอยู่ว่า เราต่างล้วนเป็นผู้รบกวน

การยอมรับว่าเป็นคนแปลกหน้าทำให้อ่อนน้อม เมื่อใดที่คิดว่าสนิทกัน ความเกรงใจย่อมลดลง ทำให้สงบเงียบ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดขณะอยู่ในป่าคือการรับฟัง ฟังสิ่งที่ธรรมชาติพยายามบอก
ในป่ามีเรื่องราวที่เราอยากเชื่อและมีข้อเท็จจริง แต่ดูเหมือนว่าถึงวันนี้ มีแต่เรื่องที่เราอยากเชื่อ ไม่ใส่ใจข้อเท็จจริง เราฟังน้อยลง ส่งเสียงมากขึ้น เรามีพื้นที่ซึ่งแสดงออกได้อย่างไร้ขีดจำกัด เราเป็น ‘ช่างภาพ’ ไม่ว่าจะสาขาใดได้อย่างรวดเร็ว มีอุปกรณ์ที่ตอบสนอง สร้างภาพสวยงามให้ได้ตามจินตนาการ
จนกระทั่ง ‘ความเป็นชีวิต’ ของสิ่งที่เรากำลังบันทึกภาพถูกละเลย คล้ายกับว่าเรากำลังถ่ายภาพ วัตถุเท่านั้น
การรักษาระยะห่าง ให้เกียรติในความเป็นชีวิต ถูกกลบด้วยความอลหม่านและเสียงอื้ออึง

ในยุคแรก ๆ การรบกวนซึ่งดูจะคลาสสิกที่สุด คือการถ่ายนกขณะเลี้ยงดูลูก หักกิ่งไม้หน้ารัง ใช้แฟลช วันนี้กล้องพัฒนาไปกระทั่งใช้งานในสภาพแสงน้อย ๆ ได้ แต่ภาพรังนกถูกรุมด้วยกล้องดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้น คนได้ภาพดี ๆ อาจไม่ได้นึกถึงว่าพ่อแม่นกกระวนกระวายเช่นไร ต้องรีบป้อน รวมทั้งจำนวนครั้งในการป้อนลดลงเพราะความระแวง
คงดีไม่น้อยหากการเริ่มต้นด้วยความรู้ ความเข้าใจ และยอมรับในการมีชีวิตของสิ่งที่บันทึกภาพ ไม่ใช่เริ่มต้นด้วยกล้องและเลนส์

วิธีที่ดีในการจะพบเจอสัตว์ป่า คือไปเฝ้ารอในแหล่งอาหาร เช่น โป่ง แหล่งน้ำในช่วงฤดูแล้ง
ซ่อนตัวอย่างมิดชิด เฝ้ารออยู่กับความว่างเปล่านานนับสัปดาห์ บางทีนั่นไม่ใช่เพราะบริเวณนั้นไม่มีสัตว์ป่า แต่อาจเพราะพวกมันระแวง รับรู้ว่ามีคนอยู่ จึงผ่านเลยไปไม่แวะ สัตว์ป่าเสียโอกาสในการกิน ในป่าลึก ไม่มีคนเห็น ภาพความเป็นผู้ร้ายไม่มีคนเห็น ตัวเราเองก็คล้ายจะไม่รู้

หากยอมรับว่าป่าเป็นบ้านของสัตว์ป่า แต่ก็มีคนมากมายอยู่ในป่า
ในยุคแรก ๆ ผมยืนยันด้วยคำพูดรวมทั้งข้อเขียนว่า ในป่าไม่มีอันตราย ไม่มีสัตว์ร้าย แต่ถึงวันนี้ ความเชื่อเริ่มคลอนแคลนด้วยปัญหาต่าง ๆ ที่สัตว์ป่ากำลังเผชิญ บางพื้นที่ ความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่ารุนแรงไม่ต่างจากสงคราม ในป่ามี ‘สัตว์ป่วย’ จำนวนไม่น้อย พวกมันเครียด หงุดหงิด จากการที่เคยถูกทำร้าย หลายตัวกลายเป็นสัตว์ก้าวร้าว บางตัวหลบเลี่ยงเมื่อพบคน ขณะบางตัวไม่ลังเลที่จะเข้าโจมตี
การจัดการเพื่อแก้ไข รวมทั้งเข้าใจในปัญหาอย่างจริงจังจำเป็น แน่นอนว่าในแต่ละพื้นที่ปัญหาย่อมแตกต่าง การแก้ไขในแต่ละพื้นที่ต้องการปรับเปลี่ยนไปกับปัญหาด้วยเช่นกัน
เป้าหมายคือลดความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่า ยุติสงคราม สิ่งสำคัญต้องเริ่มจากยุติสงครามระหว่างคน
ในวันที่คนจำนวนมากถือกล้อง ภาพของผู้ร้ายในป่าและใต้ทะเลปรากฏมากมาย
การยอมรับว่าเป็นผู้ร้ายคือเรื่องสำคัญ
แต่คล้ายกับว่าปัญหาที่แท้จริงคือการไม่รู้ว่า เราเองก็เป็นผู้ร้าย