ความเดิมตอนที่แล้ว

เมื่อปลายปีที่ผ่านมา The Cloud ชวนผู้อ่านหยิบหนังสือเล่มหนาที่ไม่ได้อ่านนานแล้วหนา ขึ้นรถไฟจากกรุงเทพมหานคร ตรงสู่ค่ายเยาวชนอนุรักษ์ดอยหลวง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เราได้อ่านหนังสือในบรรยากาศที่ดีนักหนา อากาศที่หนาวนักหนา อีกทั้งใช้เวลาร่วมกันเพื่อทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่มีต่อหนังสือ หรือการเริ่มต้นบทสนทนาหลายรสชาติ เปรียบเหมือนได้ฟังหนังสือเสียงชั้นดีที่ชาวทริป 50 ชีวิตได้สร้างร่วมกันในอ่านเถิดหนา 01 : นานแล้วหนา

ควันหลังจากวันแห่งความรัก อ่านเถิดหนา 02 : รักนักหนา จึงเกิดขึ้นอีกครั้งในสถานที่เดิม แต่ครั้งนี้เราเลือกพูดถึงความรักผ่านหนังสือรักให้สมกับช่วงเวลาที่ความรักเบ่งบานอย่างสวยงามที่สุดของปี

อ่านเถิดหนา

เช่นเคย ไม่มีกิจกรรมภาคบังคับใด นอกจากกลางวันอ่านหนังสือ ถึงเวลาก็รับประทานอาหาร ใครอยากพักสายตาก็เพียงเอนหลังนอนหลับตาใต้ร่มไม้ (ที่ปูเสื่อแล้ว) หรือออกไปเดินเล่น แช่เท้าในลำธารหลังค่ายให้ผ่อนคลาย ใครอยากออกกำลังกาย ทางค่ายมีบริการจักรยานให้เช่า ตกกลางคืนก็ล้อมวงสนทนาเกี่ยวกับหนังสือที่ทุกคนหยิบมาอ่าน ชวนคุยต่อยอด ถอดบทเรียน และแบ่งปันประสบการณ์ตรงที่เกี่ยวข้องจากหนังสือที่อ่าน

อ่านเถิดหนา อ่านเถิดหนา

อ่านเถิดหนาครั้งนี้มีเรื่องราวมากมาย หลากหลายความรู้สึกระคนกันไปที่ผู้ร่วมทริปทั้ง 50 ชีวิตได้เรียนรู้ในทริปนี้ ฉันในฐานะผู้ร่วมทริปและพ่วงตำแหน่งผู้สังเกตการณ์ตลอด 3 วัน 2 คืนที่ผ่านมา จึงอยากสรุปใจความสำคัญที่ชาวทริปได้รับ เพื่อทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมด

หยิบเครื่องดื่มอุ่นๆ มานั่งข้างๆ กัน แล้วค่อยๆ ละเลียดเรื่องราวความรักจากพวกเราไปพร้อมกันหนา

อ่านเถิดหนา

หนังสือต่างกัน จุดร่วมเดียวกัน

เมื่อเก็บของเข้าที่พักเสร็จสรรพ พวกเรานั่งล้อมวงเพื่อทำความคุ้นหน้ากันไปพลางๆ ก่อน พี่ก้อง-ทรงกลด บางยี่ขัน บรรณาธิการบริหาร The Cloud เปิดวงสนทนา ให้พวกเราแนะนำตัวและแนะนำหนังสือที่เลือกมา ไม่ว่าจะเคยอ่านมาก่อน หรือได้ยินชื่อหนังสือมาบ้างแล้วหรือไม่ ฉันยอมรับว่ารายชื่อหนังสือเหล่านั้นต่างละลายพฤติกรรมของพวกเรา

อ่านเถิดหนา

ไม่ต่างจากครั้งก่อน ชาวทริปทั้ง 50 คนต่างมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งอายุ ภูมิลำเนา หรือสัมมาชีพ ทั้งนักศึกษา คุณครูโรงเรียนนานาชาติ อาจารย์มหาวิทยาลัย บรรณารักษ์ กราฟิกดีไซเนอร์ ยูทูเบอร์ แฟนคลับวงไอดอล เจ้าหน้าที่แผนกบุคคล เจ้าของธุรกิจส่วนตัว ฝ่ายดูแลลูกค้าของธนาคารต่างประเทศ ที่ปรึกษาเรื่องหุ้น เกษตรกรแนวใหม่ จิตแพทย์ กุมารแพทย์ นักเล่าเรื่องผ่านงานอีเวนต์ โปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์ พนักงานในเอเจนซี่โฆษณาระดับโลก หรือคุณแม่เต็มเวลาที่ทำงานมา 16 ปี ผู้ยื่นใบลาเป็นครั้งแรกตลอดอายุงานเพื่อมาอ่านหนังสือหนนี้โดยเฉพาะ

หนังสือที่แต่ละคนหยิบมาล้วนน่าสนใจ มีทั้งคู่มือพัฒนาตัวเอง นวนิยาย วรรณกรรมเยาวชน อัตชีวประวัติบุคคล วรรณกรรมรางวัลซีไรต์ หนังสือภาษาต่างประเทศ แม้กระทั่งวรรณคดีที่เราเคยเรียนสมัยมัธยม

อ่านเถิดหนา อ่านเถิดหนา

ยิ่งแนะนำตัว เรายิ่งได้รู้ว่าหลายคนในที่นี้มีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับอำเภอเชียงดาว บ้างยกให้เชียงดาวเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางในการเดินทาง บ้างใฝ่ฝันอยากใช้ชีวิตที่เหลือที่นี่ บ้างพบรัก ขอแต่งงานกัน และฮันนีมูนกันที่นี่ บ้างผิดหวังในความรักจนเสียศูนย์ก็ที่นี่

แม้ทุกคนมีภูมิหลังที่ต่างกันสักเพียงไหน แต่คนเหล่านี้ต่างมีจุดร่วมที่เหมือนกันคือ

ทุกคนรักการอ่าน และมีความรักเป็นส่วนหนึ่งในการดำรงชีวิต

บทเรียนความรัก (และอื่นๆ) จากหนังสือที่เรารัก

ยามกลางวัน เราคว้าหนังสือขึ้นมาอ่าน บางคนฉายเดี่ยวอ่านคนเดียว บางคนจับกลุ่มแล้วอ่านด้วยกัน

ตกกลางคืน ก็กลับล้อมวงกันอีกครั้งเพื่อสรุปสิ่งที่อ่าน และต่างอภิปรายประเด็นที่ตกตะกอนจากหนังสือได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่องความรัก ชีวิต หรือภาพใหญ่ๆ อย่างสังคมผ่านอักษร

อ่านเถิดหนา

การ์ตูน วิศวกรสาวผู้พบรัก ถูกขอแต่งงาน และฮันนีมูน ที่เชียงดาว เลือก สู่อนันตกาล ชีวิตฉันและสตีเฟน ฮอว์กิง ของ เจน ฮอว์กิง

หนังสืออัตชีวประวัติของสตีเฟน ฮอว์กิง ที่เขียนโดยภรรยาของเขา เธออ่านจบไปแล้วครึ่งเล่ม เรื่องราวความสัมพันธ์ของนักจักรวาลวิทยาผู้ฝากทฤษฎีฟิสิกส์ที่ส่งผลต่อโลกมากมาย กับนักภาษาศาสตร์อย่างเจนที่ตกหลุมรักสตีเฟนตั้งแต่เดินสวนกันบนท้องถนน ความรักของคนสองคนที่ต่างกันสุดขั้ว กลับมีความรักต่อกัน ปรับตัวเข้าหากัน และสนับสนุนซึ่งกันและกันจนวาระสุดท้ายของชีวิต

อ่านเถิดหนา

หมี ช่างเขียนแบบ นักเดินทาง และหนอนหนังสือ เลือกสายสตรีท มานุษยวิทยาข้างถนนในมะนิลา ของ บุญเลิศ วิเศษปรีชา

หนังสือเล่มนี้ดัดแปลงจากวิทยานิพนธ์ของอาจารย์บุญเลิศที่ได้ไปใช้ชีวิตเป็นคนไร้บ้านที่ประเทศฟิลิปปินส์กว่า 14 เดือน  หมีชอบหนังสือเล่มนี้เป็นพิเศษเพราะครั้งหนึ่งเขาเคยไปสัมผัสชีวิตของคนไร้บ้านที่กรุงมะนิลามาแล้ว ยิ่งทำให้เขาเข้าใจบรรยากาศและวิถีชีวิตของโฮมเลส และหลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบ เขาสรุปกับตัวเองว่า แม้ไม่ใช่ความรักความสัมพันธ์แบบหนุ่มสาว แต่เรื่องเล่าของคนไร้บ้านนั้นไม่ห่างไกลจากคนไร้รักสักเท่าไหร่ เพราะคนไร้บ้านในมะนิลาไม่น้อยเลือกเดินออกจากสถานพำนักอาศัยที่ปลอดภัย เพียงเพราะเขาไม่สามารถเสาะหาความรักในบ้านได้อีกต่อไป

จากประเด็นคนไร้รักในมะนิลา แคนดี้ โปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์และอดีตนักศึกษาประวัติศาสตร์ แบ่งปันมุมมองจากประสบการณ์ตรงของคนในครอบครัวเธอคือผู้เป็นแม่ที่มาจากฟิลิปปินส์ ถึงนโยบายระดับประเทศที่ส่งเสริมให้ประชาชนออกไปทำงานนอกประเทศ ไม่ต่างจากอีกหลายๆ ครอบครัวที่สมาชิกคนสำคัญมีอันต้องจากบ้านไปไกล ใครบางคนจึงไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ในเคหะสถานนั้นอีกต่อไป แม้สถานที่แห่งนั้นมีจะมีเงินทองพรั่งพร้อมและปลอดภัยเท่าไรก็ตาม

อ่านเถิดหนา อ่านเถิดหนา

ตามด้วย เอ็ม อาจารย์มหาวิทยาลัยในภาคอีสาน เลือก Humans of New York เรื่องรัก เรื่องเศร้า เรื่องเล่าชาวนิวยอร์ก ของแบรนดอน สแตนตัน

เธอซื้อหนังสือเล่มนี้เพราะต้องเดินทางไปทำงานที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา หลังจากเธอใช้ชีวิตที่นั่นในเวลาสั้นๆ เธอรู้สึกว่านิวยอร์กคือเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เย็นชา แต่เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้เธอก็พอจะเข้าใจ ภายในหนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยภาพถ่ายร่วมกับคำบรรยายขนาดสั้นเกี่ยวกับบุคคลในภาพ ทั้งความโดดเดี่ยวของการสูญเสียคนรักอย่างไม่มีวันกลับ ความรู้สึกถูกทอดทิ้ง เพราะถูกทำลายความเชื่อใจจากคนที่รักที่สุด หรือมุมตลกร้ายในความสัมพันธ์ของผู้คน เช่นคำพูดของชายคนหนึ่งที่กล่าวไว้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “วันที่ผมมีความสุขที่สุด คือวันที่ผมได้ใบหย่า” หรือความบริสุทธิ์ของเด็กหญิงที่เรียกคนแปลกหน้าว่า ‘เพื่อน’ เราจึงได้เห็นความรักและเรื่องเล่าที่หลากหลายของเมืองใหญ่เมืองนี้

อ่านเถิดหนา อ่านเถิดหนา

ป่าน ครูอนุบาลโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง เลือก ผู้หญิงของเช ของ อาเลย์ดา มาร์ช

จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ได้ครึ่งเล่มด้วยจุดประสงค์ที่อยากเข้าใจความรักของคนอื่น ป่านเรียนรู้ความรักของเชผ่านบทสัมภาษณ์ของอาเลย์ดา มาร์ช ภรรยาคนที่ 2 ของเช เกบารา หนึ่งในแกนนำสำคัญของเหตุการณ์ปฏิบัติคิวบาในช่วง ค.ศ. 1953 – 1959 ทั้งสองพบกันเมื่อมาร์ชได้ช่วยเหลือกลุ่มกบฏที่เขาเป็นหัวหน้าในคิวบา เมื่อเขาและเธอต้องฝ่าฟันอุปสรรคในการถูกตามล่าของรัฐบาล มาร์ชจึงตัดสินใจร่วมเป็นกองกบฏร่วมกับเช จนผ่านเรื่องราวในเหตุการณ์กบฏมาด้วยกัน นอกจากหนังสือเล่มนี้จะสะท้อนแง่มุมความรักของผู้ชายที่กล้าหาญที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก ป่านสรุปวิธีการจีบหญิงสาวของเชให้กับชาวค่ายเพื่อเป็นแนวทางการเริ่มต้นความสัมพันธ์ทั้งหมด 3 ประการคือ สร้างรั้ว หาจุดอ่อน และเข้าโจมตี

เอิร์ท นักเรียนศิลปะและนักเขียนอิสระ เลือกหนังสือบทภาพยนตร์เรื่อง เพื่อนสนิท ของ นิธิศ ณพิชญสุทิน

เพราะสนใจงานภาพยนตร์ เอิร์ทจึงเลือกอ่านเรื่องราวความรักสุดคลาสสิกของหมูหรือไข่ย้อย ดากานดา และนุ้ย ผ่านบทภาพยนตร์เรื่องนี้ เอิร์ทถอดรหัสการอุปมาความสัมพันธ์ของละครผ่านหนังสือ เจ้าชายน้อย ที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญในภาพยนตร์เรื่องนี้ และจากการวิเคราะห์สัญลักษณ์และความสัมพันธ์ของตัวละครในภาพยนตร์จากเอิร์ท กลายเป็นประเด็นที่จุดบทสนทนาใหม่นอกวงอภิปราย ฉันผู้ไม่เคยชมเพื่อนสนิทมาก่อนจึงได้รู้ว่าชาวค่ายเป็นแฟนตัวยงของภาพยนตร์เรื่องนี้ หัวข้อสนทนานี้จึงได้รับความนิยมอย่างมากทีเดียว

อ่านเถิดหนา อ่านเถิดหนา

ความรักไม่ได้อยู่ในหนังสือเพียงอย่างเดียว

วันคืนผ่านไป มีบางอย่างเชื่อมต่อเราอย่างรวดเร็วเหมือนอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง กับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่

บังเอิญว่าพื้นที่ที่เราอาศัยแทบไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ สิ่งที่เชื่อมเราอย่างแท้จริง เห็นทีจะเป็นความสนใจที่เหมือนกันดั่งจับวางที่เอื้อให้พวกเราสนทนากันอย่างออกรสในหัวข้อที่หลากหลายที่เกิดขึ้นได้แทบทุกขณะในทริป หลังจากวงสนทนาเรื่องหนังสือจบลงในค่ำคืนสุดท้าย เราโยกย้ายตัวเองจากลานอเนกประสงค์ไปที่กองไฟกลางค่ายเยาวชนฯ​

ไฟที่ถูกจุดรอไว้กำลังอุ่นพอดี แถมบรรยากาศยังเป็นใจ พระจันทร์ที่ส่องสว่างเกือบเต็มดวง อากาศเย็นได้ที่ เสื่อปูวงกลมวงหลวมๆ เรานำมาร์ชเมลโลว์ มัน ข้าวโพด มาปิ้งข้างกองไฟ บทสนทนาก็เปลี่ยนไป จากเรื่องจากหนังสือที่เราอ่านตลอดหลายวัน กลายเป็นมุมมองและแง่คิดความรักจากคนหลายช่วงวัย หนึ่งในเรื่องที่เราสนทนากันอย่างเข้มข้นคือการบ้านจากพี่ก้องที่ให้ไว้เมื่อคืนก่อน นั่นคือ นิยามรักในความหมายของคุณคืออะไร

ไม่เพียงทำความเข้าใจนิยามความรักหลากหลายรูปแบบ ซึ่งบ้างยกเพลงโปรดมาประกอบคำตอบ บ้างใช้ประสบการณ์จริงเล่าขยายให้คนรอบวงนึกภาพตาม ระหว่างที่ฟังนิยามในความหมายที่ต่างออกไปจากปากของชาวทริป เราพบว่าสายตาที่มองความรักต่างกันล้วนมีแง่งามกันทั้งนั้น

สิ้นสุดการแสดงความคิดเห็น แสงริบหรี่จากกองไฟทำให้เราทุกคนกล้าพูดถึงความรักที่ส่วนตัวที่สุดกับผู้คนรอบกองไฟอย่างสนิทใจ รวมถึงการปรึกษาปัญหาความรัก ถามคำถามที่กวนใจในความสัมพันธ์ของแต่ละคน

เราต่างเป็นที่ปรึกษา ที่รับฟังที่ดีให้แก่กันและกัน ทำให้บรรยากาศโดยรอบอบอุ่นจนเอาชนะอุณหภูมิ 14 องศาของค่ำคืนนั้นได้

อ่านเถิดหนา

ก่อนจะแยกย้าย

อ่านเถิดหนา

เช้าวันสุดท้าย หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารเช้า ขนมปังปิ้ง กล้วยน้ำว้ายกเครือ ชุ่มคอด้วยชาร้อนๆ เราล้อมวงอีกครั้งเพื่อสรุปกิจกรรมอย่างเป็นทางการ

หลายคนได้ใช้ชีวิตช้าลงจนรู้สึกตัวว่า เวลาในทริปผ่านไปเร็วมาก หลายคนใช้โอกาสนี้ออกจากบ้าน ออกจากคอมฟอร์ตโซน จนได้พบอะไรใหม่ๆ อีกมากมาย

มีชาวทริปคนหนึ่งนิยามว่า อ่านเถิดหนาครั้งนี้เหมือนการมาเยือนห้องสมุดมนุษย์ที่มีเนื้อหาอันล้ำค่าเกินคณานับ

เราเห็นด้วยทุกประการ

อ่านเถิดหนา

สิ่งสุดท้ายที่เราทำร่วมกันก่อนออกจากค่ายเยาวชนฯ คือการเขียนโปสการ์ดถึงใครก็ได้ เพื่อส่งถึงผู้รับที่รอตรงปลายทาง ชาวทริปสนุกกับการเขียนโปสการ์ดมากกว่าที่ฉันคิด เพราะหลายคนใช้กระดาษขนาด 5.8 x 4.1 นิ้วแทนสมุดเฟรนด์ชิปของทริปนี้ ข้อความสั้นๆ จำนวนมากถูกเขียนจนเต็ม บางคนใช้เนื้อที่คุ้มค่าข้ามขอบกระดาษมาจนถึงฝั่งด้านหน้าโปสการ์ดก็มี

มิตรภาพคงเอ่อล้นออกมาจนหน้ากระดาษไปรษณียบัตรเล็กลงไปทันตา

นอกจากโปสการ์ดที่อัดความในใจแน่นจนเต็มแผ่นแล้ว ชาวทริปยังร่วมกันบันทึกเรื่องราวในแบบของตัวเองบ้างฝากลายมือ บ้างฝากลายเส้นอัดแน่นไว้ใน The Cloud Diary เล่มสีขาว รวบรวมไว้แทนความทรงจำ ก่อนส่งต่อและรอคอยสมาชิกอ่านเถิดหนารุ่นต่อๆ ไปมาบันทึกต่อ

อ่านเถิดหนา

ถึงเวลาบ่าย รถประจำทางเชียงดาวสีเหลืองค่อยๆ เคลื่อนตัวของจากศูนย์เยาวชนฯ ตรงสู่สถานีรถไฟเชียงใหม่ เพื่อขึ้นรถไฟขบวนโหลกลับสู่มหานครอีกครั้ง เป็นการสิ้นสุดของอ่านเถิดหนา 02 : รักนักหนา

นอกจากมิตรภาพแล้ว เราได้รายชื่อหนังสืออีกมากมายที่เราจะกลับไปอ่านที่บ้าน มิตรภาพที่สวยงามจากเพื่อนใหม่ รวมถึงโจทย์สำคัญ คือการอ่านหนังสือให้ได้มากขึ้น

เพราะการเดินทางจบลง ไม่ได้หมายความว่าเราต้องหยุดอ่านหนังสือ

และไม่ได้หมายความว่า เราต้องหยุดรัก

ขอบคุณชาวอ่านเถิดหนาที่ร่วมสร้างความทรงจำและนิยามรักที่สวยงามในครั้งนี้

รอพบอ่านเถิดหนา 03 ได้เร็วๆ นี้

อ่านเถิดหนา

Writer

Avatar

สุรพันธ์ แสงสุวรรณ์

เขียนหนังสือบนก้อนเมฆในวันหนึ่งตรงหางแถว และทำเว็บไซต์เล็กๆ ชื่อ ARTSvisual.co

Photographers

ทรงกลด บางยี่ขัน

ทรงกลด บางยี่ขัน

ตำแหน่งบรรณาธิการโดยอาชีพ เป็นนักเดินทางมือสมัครเล่น แบ่งเวลาไปสอนหนังสือโดยสมัครใจ และชอบจัดทริปให้คนสมัครไป

สุวิชา พุทซาคำ

สุวิชา พุทซาคำ

อาร์ตไดเรกเตอร์ผู้เชี่ยวชาญการก่อกองไฟ และกางเตนท์ พอๆกับที่เชี่ยวชาญการใช้โปรแกรมออกแบบ สนใจเรื่องราวสิ่งแวดล้อมพอๆกับที่ชื่นชอบอุปกรณ์ไอที ถ้า IG : @sleepbird มีการเคลื่อนไหว แสดงว่าเพิ่งออกจากป่า