ยามอ่อนล้า ผู้คนต่างแสวงหาความรื่นรมย์เล็ก ๆ ให้กับชีวิต
ในวันที่ทำงานหนักจนหมดแรง รถติดจนท้อ เจอเหตุการณ์ไม่เป็นใจ ความสุนทรีและความรื่นรมย์บางอย่างถือเป็นยาชั้นดี เติมพลังบวก และคอยปลอบประโลมเหล่าคนเมืองให้ยังคงยินดีในการมีชีวิตอยู่
‘THANN’ คือแบรนด์เครื่องหอม สกินแคร์ และสปาฝีมือคนไทยที่เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์คนเมือง โดดเด่นด้วยการนำสมุนไพรไทยและธัญพืชจากหลายทวีปทั่วโลกมารังสรรค์ความรื่นรมย์ด้วยกลิ่น เน้นดูแลร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ จนโลดแล่นอยู่ในตลาดโลกมาแล้ว 21 ปี พิสูจน์ให้เหล่าคนเมืองทั้งไทยและเทศเห็นว่า การสร้างความผ่อนคลายให้กับชีวิตเกิดขึ้นได้จริง
เราพาตัวเองมาค้นหาคำตอบว่าทำไม THANN จึงครองใจผู้บริโภคอย่างยาวนาน ณ THANN Sanctuary Spa สาขาสุขุมวิท 47 ซึ่งเป็น 1 ใน 5 สาขาสปาของ THANN ในไทย และสาขาไทยนับเป็น 1 ใน 12 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ จีน รัสเซีย สิงคโปร์ เยอรมนี ออสเตรเลีย ฮ่องกง ญี่ปุ่น เม็กซิโก มองโกเลีย เกาหลีใต้ เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา
ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา กลิ่นเครื่องหอมรอบพื้นที่ทำให้เราใจเย็นลงได้จากการฝ่ารถติดเพื่อมาคุยกับ โอ๋-ฐิติพัฒน์ ศุภภัทรานนท์ ผู้ก่อตั้ง ยิ่งพอมองไปรอบ ๆ แล้วเห็นงานคราฟต์จากวัสดุแบบไทย ๆ เช่น แชนเดอเลียร์จากหวาย ศิลปะฝาผนังจักสาน หรือกำแพงห้องนวดซึ่งทำจากเสื่อที่คุ้นตา ยิ่งรู้สึกสบายตา สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
THANN อยากให้ลูกค้ารู้สึกโชคดีที่ได้ออกแบบชีวิตของตัวเองให้รื่นรมย์ตั้งแต่ตื่นยันเข้านอน
ด้วยกลิ่นที่ถูกใจ ดีต่อผิวพรรณ และบริการที่ทำด้วยใจจนลูกค้าอยากเดินทางมาซื้อสินค้าหน้าร้านมากกว่าสั่งออนไลน์ เหล่านี้คือสิ่งที่โอ๋สื่อสารให้เราฟัง และเราตั้งใจมาเล่าให้ผู้อ่านรับรู้ถึงความใส่ใจของพวกเขาผ่านบทความชิ้นนี้
1. ไลฟ์สไตล์เจ้าของเป็นอย่างไร THANN ก็เป็นอย่างนั้น
ชื่อของ THANN มาจาก ‘ธัญ’ (พืช) เจ้าของแบรนด์เล่าว่าเขาบ้าสินค้าที่ทำจากธรรมชาติตั้งแต่อยู่ออสเตรเลีย และมีไลฟ์สไตล์ที่ตรงกับแบรนด์ของตัวเองมาก
“คนออสซี่รักสินค้าแบบนี้มาก แล้วเขาก็ทำออกมาได้สวยงาม น่าใช้ ไม่ใช่แค่เฉพาะแบรนด์ใหญ่ แต่แบรนด์เล็ก ๆ ซึ่งวางขายในตลาดนัดวันเสาร์อาทิตย์ก็เจ๋งไม่แพ้กัน มีทั้งคนที่กวนสบู่ธรรมชาติมาขาย เทเทียนหอมสีสวย ๆ มาขาย แพ็กเกจจิงน่ารัก สิ่งนี้ทำให้เราเริ่มคิดอยากลองทำอะไรสนุก ๆ ขึ้นมา”
ตอนนั้นโอ๋ทำงานเป็นนักการตลาด เขาเริ่มอยากทำธุรกิจของตัวเอง จึงเริ่มสำรวจสิ่งที่ตัวเองชอบ คำตอบที่เด้งเข้ามาในหัวคือ การทำสินค้าจากธรรมชาติ ถัดมาคือการเข้าสปา และความชอบในการทำให้บรรยากาศบ้านดูน่าผ่อนคลายตลอดเวลา
“ผมเป็นคนทำงานที่เดินทางเยอะ เมื่อกลับบ้านก็ต้องการความผ่อนคลายบางอย่าง สิ่งที่คิดว่าช่วยให้หายเหนื่อยได้ คือการมีบ้านหอม ๆ การได้แช่ตัวในอ่างอาบน้ำด้วยผลิตภัณฑ์อาบน้ำดี ๆ”
20 ปีก่อน คนไทยยังไม่อินเรื่องการบำบัดด้วยกลิ่นหรือ Aromatherapy จึงเป็นโจทย์ของเขาที่อยากทำให้คนไทยรู้จักสิ่งเหล่านี้ เพราะเชื่อว่าหลายคนกำลังมองหาความรื่นรมย์ให้กับชีวิตเหนื่อย ๆ อยู่ โดยเฉพาะคนเมือง
ปี 2002 หลังจากกลับมาอยู่เมืองไทย แบรนด์ THANN จึงเปิดตัวขึ้น
2. สมุนไพรไทยที่ใส่ความเป็นสากล ด้วยการผสมผสานวัตถุดิบอื่นทั่วโลก
ไม่อยากให้แบรนด์ไทยเป็น Copycat ของต่างชาติ นี่คือแกนหลักแรกเริ่มที่โอ๋ตั้งมั่น
เขาเชื่อว่าหากจะสร้างแบรนด์ของตัวเอง เอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์ที่ชูว่านำองค์ประกอบของประเทศไทยมาใช้ ก็เจ๋งพอจะก้าวสู่การเป็นแบรนด์ระดับสากลได้
เพื่อให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น สิ่งที่เขานึกออกตอนนั้นคือ ‘วัตถุดิบจากครัวไทย’ มาใช้ เพราะประเทศไทยโด่งดังเรื่องอาหารอยู่แล้วนี่!
“เมืองไทยปลูกอะไรก็ขึ้น แต่เรามีชื่อเสียงด้านอาหารมากที่สุด วัตถุดิบที่อยู่ในครัวจนสร้างชื่อเสียงทั่วโลกได้ ก็น่าเอามาทำเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเองได้เหมือนกัน
“สมุนไพรดังสุดที่คนต่างชาติรู้จักคือ ตะไคร้และมะกรูด เพราะอยู่ในต้มยำ เราเลยอยากใช้กลิ่นที่คนต่างชาติคุ้นเคยและชื่นชมอยู่แล้วมาทำให้เป็นมากกว่าอาหาร ส่วนกลุ่มดอกไม้ไทย เรานึกถึงมะลิ ดอกบัว จำปี และจำปา ซึ่งก็เอามาใช้ในคอลเลกชันของเราด้วย” โอ๋เล่า
เมื่อเป้าหมายคือการบุกตลาดโลก สินค้าที่เกี่ยวกับกลิ่นต้องมีความเป็นสากลมากพอ คนหลากหลายชาติใช้ได้ เขาจึงเลือกส่วนผสมจากทวีปอื่น ๆ มาผสมผสานเข้ากับสมุนไพรไทย จนได้เอกลักษณ์แบบฉบับ THANN เช่น อยากเพิ่มความผ่อนคลายต้องใช้สินค้าจากลาเวนเดอร์ อยากเพิ่มความสดชื่นต้องใช้ซิตรัส หรืออยากเพิ่มความโรแมนติกอ่อนโยน กุหลาบก็น่าสนใจ
การปรุงเครื่องหอมไม่ต่างจากการทำอาหาร การเลือกส่วนผสมที่ลงตัวจะทำให้สินค้าได้ใจคน
3. เปิดตัวครั้งแรกด้วยสินค้า 18 ตัว เพื่อบอกว่าแบรนด์พร้อมแค่ไหน
THANN วางขายครั้งแรกที่งาน BIG ณ ไบเทคบางนา
หากเป็นคนอื่นคงเลือกเล่นท่ามาตรฐาน ปล่อยสินค้าออกมาลองตลาดก่อนสัก 2 – 3 ตัว แต่แบรนด์นี้เปิดตัวด้วยสินค้า 18 ตัวรวดเดียว
“ช่วงสร้างแบรนด์ ถ้ามีสินค้าไม่กี่ตัว คนจะเห็นแค่สินค้า แต่ไม่เห็นแบรนด์ เราอยากให้คนตื่นเต้น อยากค้นหา และเชื่อมั่นในแบรนด์นี้ ก็เลยปล่อยออกมาเลย 18 ตัว 3 กลิ่น”
สินค้าตอนนั้น ได้แก่ เทียนหอม แชมพู ครีมนวดผม เจลอาบน้ำ โลชั่นทาผิวกาย และสบู่ก้อน ทั้งหมดประกอบไปด้วย 3 กลิ่น ได้แก่ Aromatic Wood กลิ่นขายดีกลุ่มส้ม สไปรท์ กฤษณา และไม้จันทน์หอม เป็นกลิ่นขายดีตลอดกาลจนถึงปัจจุบัน กลิ่น Oriental Essence กลิ่นตระกูลตะไคร้และมะกรูด ส่วนกลิ่นที่ 3 เป็นกลิ่นกลุ่มเปปเปอร์มินต์และยูคาลิปตัส ซึ่งปัจจุบันเลิกผลิตไปแล้ว เพราะไม่ได้รับความนิยมในบางประเทศที่หนาวจัด
“เราเริ่มต้นด้วยสินค้ากลุ่ม Aromatherapy เพราะอยากให้คนรู้ว่ามันคืออะไร และสินค้ากลุ่ม Bath Product ที่พรีเมียมแบบเราเป็นอย่างไร
“สินค้าของเราต้องมีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยและสารสกัดจากธรรมชาติที่ดีจริง ๆ เราต้องการยกระดับสินค้าจากธรรมชาติไปอีกขั้นหนึ่ง นั่นคือความเป็นสากล เปิดตัววันแรกมีคนต่างประเทศเข้ามาถามว่า ทำแบรนด์นี้มานานหรือยัง เพราะสินค้าเยอะ ดูดี แล้วก็ซื้อไปเข้าตลาดเยอรมนีเพื่อวางขายในชั้นของหอมของแต่งบ้าน กลายเป็นว่าได้ออเดอร์ส่งออกเยอรมนีตั้งแต่วันแรกเฉยเลย”
4. ความยากของการทำธุรกิจ คือทำให้คนไทยอยากซื้อสินค้าไทย
ออเดอร์แรกของ THANN ในไทย มาจากคนต่างชาติ
กว่าจะมีช็อปใหญ่แรกในบ้านเรา เขาต้องเปิดร้านที่ฝรั่งเศสและญี่ปุ่นก่อน นี่เป็นกำแพงที่แบรนด์ไทยทุกเจ้าต้องผ่าน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า THANN ปังจริง
“ตอนนั้นห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ ยังไม่ให้พื้นที่แบรนด์น้อย ๆ ของเรา เพราะไม่มีใครรู้จักเลย เราต้องไปเปิดช็อปเล็ก ๆ ที่พัทยาก่อน เพราะคนต่างชาติเยอะ ทั้งจากจีนและยุโรป มีคนซื้อของ จ่ายค่าเช่าไหว เป็นแหล่งทดสอบตลาดที่ดี
“เราได้เรียนรู้ว่าคนยุโรปเขาชอบของประเภทนี้ คนเอเชียจะชอบแบบนี้ เราเก็บเอาคำพูดของเขามาพัฒนาสินค้าของเราให้ดีขึ้นทุกวัน
“เมื่อ 20 ปีที่แล้วไม่เหมือนสมัยนี้ การที่คนไทยจะซื้อสินค้าไทยมันไม่ง่ายเลย ยิ่งเราอยากขายสินค้าไทยระดับ Hi-end ยิ่งยาก เพราะแบรนด์ไทยที่มีมาตรฐานเดียวกับแบรนด์นอกมีน้อย เขาไม่เชื่อว่าเราจะทำได้ ห้างก็ไม่เชื่อว่าจะมีคนซื้อ ยิ่งขายราคาพอ ๆ กับแบรนด์ต่างประเทศด้วย”
การเปิดช็อปที่ญี่ปุ่นและฝรั่งเศส ช่วยเปลี่ยนความคิดคนไทยที่มีต่อแบรนด์โดยสิ้นเชิง คนไทยเริ่มมอง THANN เป็นแบรนด์คุณภาพในระดับสากล แถมการส่งออกแบรนด์ไปยังประเทศต่าง ๆ ก็ทำให้มีคนเริ่มจดจำได้ชัดขึ้น
“มีคนไทยเข้ามาบอกเราว่า แบรนด์นี้เป็นแบรนด์คนไทยที่เก่งนะคะ พี่ไปนอนที่โรงแรมนั้นก็เจอ THANN ไปนิวยอร์กก็เจอ นั่งสายการบินญี่ปุ่นก็เจอ นี่เลยเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนไทยค่อย ๆ ยอมรับเรามาจนถึงปัจจุบัน”
ช็อปใหญ่แห่งแรกของ THANN ตั้งอยู่ที่ Siam Discovery นอกจากขายสินค้า ยังมีบริการสปา 2 – 3 ห้องนวด สร้างความน่าตื่นเต้นให้ลูกค้า มาช้อปปิ้งคู่กับการนวดได้ในที่เดียว
5. พิถีพิถันเรื่องยกระดับวัตถุดิบธรรมชาติให้ ‘พรีเมียม’
ขั้นตอนการเก็บเกี่ยววัตถุดิบ ต้องคำนึงถึงคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมเป็นทุนเดิม กว่าจะออกมาเป็นสินค้าสักชิ้นต้องใช้เวลาในการสกัดอย่างพิถีพิถัน นี่เป็นสิ่งที่ THANN ให้ความสำคัญ
โอ๋ยกตัวอย่างไลน์สกินแคร์ขายดีอย่าง Shiso Collection ที่มีนักแสดงหลักผู้โดดเด่นคือ ‘ใบชิโซะ’ จากญี่ปุ่น
“ใบชิโซะหรือใบโอบะ คนญี่ปุ่นเขากินกับปลาดิบ แพงด้วย ซาชิมิจานหนึ่งให้ไม่กี่ใบ ผมสงสัยว่าเขาจะให้เรากินทำไม (หัวเราะ) ก็ไปหาข้อมูลดู พบว่ามันมีสาร Antioxidant และ Anti-bacteria ที่ดีต่อสุขภาพมาก ซึ่งเป็นเคล็ดลับของคนญี่ปุ่น เปรียบเป็นอัญมณีของศิลปะการทำอาหารวงการญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
“เราเลยลองเอามาสกัดดู ก็พบว่านี่เป็นส่วนผสมที่ดีมากที่สุดอย่างหนึ่งในโลก เพราะมีทั้งวิตามินเอ ซี อี ปริมาณสารต่อ 1 กิโลกรัม มีวิตามินซีมากกว่าเลมอน มีวิตามินเอมากกว่ากีวี ทีมเราก็ต้องไปเก็บเกี่ยวมาจากต้นกำเนิดที่ญี่ปุ่น สกัดมาทำเป็นสกินแคร์ ตัวกันแดดในไลน์นี้จึงขายดีมาก เพราะมันไม่ได้ปกป้องรังสียูวีอย่างเดียว แต่เป็นสกินแคร์ควบคู่ไปด้วย”
ในกระบวนการเก็บเกี่ยวเพื่อให้ได้วัตถุดิบที่คงประสิทธิภาพที่สุด โอ๋ยกตัวอย่างการเก็บเกี่ยวมะลิที่ต้องบินไปเก็บผลผลิตที่อินเดีย กว่าจะได้ 1 กิโลกรัมต้องใช้มะลิถึง 6.8 ล้านดอก! และต้องเก็บก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เนื่องจากความร้อนจะทำให้กลิ่นระเหย สกัดออกมาได้น้อย
THANN ยังใช้วัตถุดิบที่ปลูกในไทย โอ๋บอกว่าธุรกิจของเขาช่วยเกษตรกรให้มีรายได้สม่ำเสมอ เพราะปริมาณที่ต้องเก็บเกี่ยวมาสกัดนั้นเยอะมาก สร้างมูลค่าให้วัตถุดิบของเกษตรกรได้จริง
“อย่างตะไคร้สด เราจะไปสกัดที่แหล่งปลูกในกาญจนบุรีเพื่อมาทำน้ำมันหอมระเหย เกษตรกรขายเราได้กิโลกรัมละหลายพันบาท เศษวัสดุหลังจากสกัดเอาไปทำปุ๋ยต่อได้ เพื่อให้เกิดระบบหมุนเวียนที่ดี ตะไคร้สด 1 กิโลกรัมสกัดได้ 6 – 8 ซีซี กว่าจะได้น้ำมันมา เลยต้องใช้ตะไคร้เป็นต้น ๆ ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น”
6. รวมคนเก่งทั่วโลกมาพัฒนาสินค้าให้ใช้แล้วดีจริง
Eden Breeze เครื่องหอมกลิ่นดอกกุหลาบกับมะลิ มีคอนเซปต์นำโลกตะวันออกมาเจอกับโลกตะวันตก Shiso Collection ลดการอักเสบของผิว ไม่ทำให้เกิดเม็ดสีจากการโดนแดด กักเก็บคอลลาเจน และผิวไม่หย่อนคล้อย Rice Collection สกินแคร์จากน้ำมันรำข้าว มอบวิตามินอีธรรมชาติสูง สมานผิวให้ดูดีจากภายใน
นี่คือตัวอย่างสินค้าของ THANN ที่มีคีย์เวิร์ดมากกว่าการไร้สารเคมี โอ๋เล่าว่าผู้บริโภคยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสินค้าแนว Eco โดยเฉพาะสินค้าบำรุงผิว บางคนคิดว่ายังไม่ดีพอ เขาจึงต้องทำสินค้าให้มีคอนเซปต์คู่ไปกับคุณภาพ พยายามจนคนใช้พูดว่าใช้แล้วดีจริง
การจะทำแบบนี้ได้ แบรนด์ต้องรวบรวมคนเก่งจากทั่วทุกมุมโลก ร่วมสร้างสินค้าเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า สินค้าจากธรรมชาติใช้แล้วดีจริง
“เรามีทีมนักวิจัยเยอะมาก มันไม่ใช่การทำงานของเราคนเดียว แต่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเรากับซัพพลายเออร์และโรงงานทั่วโลก
“THANN ใช้นักปรุงน้ำหอมจากในบ้านและนอกบ้านมาช่วยกันเบลนด์ พัฒนาและเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับลูกค้าในหลายประเทศ ผมเองอาศัยชั่วโมงบินจากการทำมานาน 20 ปี จนเริ่มรู้แล้วว่ากลิ่นอะไรควรอยู่กับกลิ่นอะไรถึงจะกลมกล่อม
เขายกตัวอย่างสินค้า Bath Product ถ้าดูดี ๆ จะมีคำว่า Natural Derivative บนฉลาก
มันหมายถึงการเปลี่ยนโครงสร้างของสารธรรมชาติให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ เช่น ปรับน้ำมันปาล์มให้เป็น Sodium Laureth Sulfate จนเกิดฟองในเจลอาบน้ำและแชมพู เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภค เพราะหากเป็นของธรรมชาติแท้ ๆ อาจจะไม่ได้ให้ฟังก์ชันที่คนส่วนใหญ่ต้องการเสมอ
รายละเอียดพวกนี้เขาคิดเยอะ ทำเยอะ เพื่อให้ของออกมาตรงใจ
“เราให้ความสำคัญกับผลวิจัยมาก จะเอาใส่ขวดแล้วให้ผู้บริโภคใช้เลยไม่ได้ ต้องมาพร้อมผลวิจัยที่ทดลองแล้วว่า หากใส่ในครีมนี้ปฏิกิริยาของเม็ดสีผิวจะเป็นแบบนี้ หรือ 6 สัปดาห์ผ่านไปจะมีผลแบบนี้กับริ้วรอยของเรา
“ทีม R&D จะทดลองผลิตภัณฑ์กับมนุษย์จริง ๆ แล้ววัดสิ่งที่เราเชื่อว่าทำได้ติดต่อกัน 6 สัปดาห์ เช่น เรื่องการซึมซับ สัมผัสและกลิ่นโอเคไหม ผลนี้ต้องทำในแล็บโดยผู้เชี่ยวชาญ เราได้กลุ่มบริษัทหนึ่งจากฝรั่งเศสเข้ามาช่วย เพราะเขามีเครื่องมือดี ๆ ขยายผิวเป็นพันเท่า โชว์ให้เห็นได้เลยว่า ทาทุกวันรูขุมขนเล็กลงจริงไหม
“ผลิตภัณฑ์บางตัวเราก็จะผลิตที่ฝรั่งเศส บางตัวก็ทำที่ไทย โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์ ประเภทขวดสุญญากาศ เราทำที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่น เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ยังคงสดใหม่ THANN กลายเป็นที่ที่รวมมันสมองคนนานาชาติเยอะมากครับ”
7. สปาที่มีมากกว่าการนวดที่โดดเด่น เพราะความผ่อนคลายสร้างได้จากหลายศาสตร์
จะเปิดสปา THANN Sanctuary Spa ทั่วโลกได้ องค์ความรู้ของผู้ก่อตั้งเองก็ต้องแน่นพอที่จะออกแบบสปาให้ตรงจุด ตรงใจลูกค้าได้อย่างดี
โอ๋ส่งตัวเองไปเรียนที่โรงเรียนสปาชั้นนำในประเทศไทย เขาได้รู้จักกับอาจารย์หลายท่าน ได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ จนอยากมีสปาอคาเดมี่ของตัวเอง
“การเอาสปาเข้ามาเป็น Retail Concept เป็นเรื่องที่เราสนใจมาก ใครจะปฏิเสธได้ล่ะว่าคนไทยนวดเก่งที่สุดในโลก ทั้งศาสตร์ความรู้เรื่องแพทย์แผนไทย ทั้งการบริการที่เต็มใจเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกดี และมีร่างกายที่ดีขึ้น
“เราไม่อยากทำแค่สินค้า เพราะกว่าลูกค้าจะใช้หมด อาจจะเป็นเดือนหรือ 2 เดือน แต่การนวด เราว่าผู้คนแสวงหาความผ่อนคลายนี้กันทุกสัปดาห์”
พนักงานนวดของ THANN นอกจากจบปริญญาตรีสาขาที่เกี่ยวข้องมาแล้ว ยังต้องปรับท่าทางกับ Senior Therapist และเหล่าผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อให้กลายเป็นมือฉมังด้านการนวด ไม่ว่าจะทักษะการนวดอโรมา การนวดสวีดิช การนวดแผนไทยซึ่งไม่ง่ายเพราะใช้ท่าเยอะที่สุด สุดท้ายคือการนวดแบบ THANN Sanctuary Signature ซึ่งเป็นการนวดที่ลูกค้าชื่นชอบที่สุด ผสมผสานระหว่างความผ่อนคลายแบบอโรมากับนวดกดจุดแบบไทย ๆ เพื่อลดอาการตึงคอ บ่า ไหล่ ที่ออกแรงเยอะ
THANN Sanctuary Spa ทำให้ THANN แตกต่างจากสปาแห่งอื่น การดูแลสุขภาพในมิติอื่น ๆ จึงคิดทำ Wellness Zone เพื่อรังสรรค์ให้ลูกค้า
โอ๋พาเราชมห้องต่าง ๆ ที่สปาแห่งอื่นไม่มี ห้องแรกคือ Salt Therapy Treatment หรือห้องเกลือ THANN ใช้ศาสตร์การบำบัดด้วยเกลือ (Halotherapy) ซึ่งนิยมในประเทศแถบยุโรป โดยเกลือจะพ่นออกมาพร้อมลม มีความเข้มข้นของอณูเกลืออย่างเหมาะสมต่อเนื่อง นั่นคือ 11 – 12.5 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มีอนุภาคขนาด 1 – 5 ไมครอน เติมประจุไอออนลบ ไม่เกิดการระเหยระหว่างบำบัดและไม่ระคายเคืองเมื่อสูดเข้าไป ห้องนี้จึงเหมาะสำหรับคนเป็นภูมิแพ้ หอบหืด ไซนัส เพราะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน แก้ปัญหาผื่นแพ้ต่าง ๆ ได้
ถัดมาคือห้อง Oxygen Therapy Treatment เป็นห้องที่เหมือนหลุมหลบภัยจากอากาศไม่บริสุทธิ์ภายนอก ห้องนี้จะสร้างอากาศดี ๆ ด้วยการปล่อยโอโซนโมเลกุลขนาดเล็ก ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของแก๊สออกซิเจน ดักจับโมเลกุลสารปนเปื้อน จับมลพิษทางอากาศโดยไม่เป็นอันตราย รับอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็ม ๆ ทำให้เราหายใจสะดวกและลึกขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่คนเมืองหลายคนโหยหา
ห้อง Aromatherapy Steam Bath เป็นห้องปรนนิบัติผิวด้วยไอน้ำอุณหภูมิประมาณ 40 – 45 องศาเซลเซียส ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของโลหิต พร้อมทั้งศาสตร์การใช้กลิ่นบำบัดด้วยน้ำมันหอมระเหยที่มีผลต่ออารมณ์และความรู้สึก โดยลูกค้าเลือกกลิ่นที่ตัวเองชอบจากสินค้าของ THANN ได้เลย
ห้องสุดท้ายคือ Acupressure Foot Bath ห้องแช่เท้าด้วยน้ำเกลืออุณหภูมิ 42 องศาเซลเซียสเพื่อบำบัดสุขภาพ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และทำให้หัวใจและหลอดเลือดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีหินให้เดินกลางบ่อ ซึ่งเป็นศาสตร์การกดจุดสะท้อนฝ่าเท้า เพื่อกระตุ้นจุดศูนย์รวมประสาทอีกด้วย โอ๋กระซิบว่าห้องนี้ถ้าแชร์กับแก๊งเพื่อนจะได้ราคาที่คุ้มมาก ๆ
8. Identity แบรนด์ที่เด่นชัดเรื่องดีไซน์และแพ็กเกจจิง
ถ้าสังเกตดี ๆ THANN พยายามใส่งานคราฟต์ของคนเอเชียลงไปในสถานที่และแพ็กเกจจิง เพราะมันมีคุณค่า และคนต่างชาติก็มองเห็นคุณค่านี้
“เมื่อก่อนคนอาจติดภาพว่า ความเป็นไทยคือหมายถึงบรรยากาศยุคอยุธยาหรือรัตนโกสินทร์ตอนต้น มันอาจเป็นสัญลักษณ์ของการมาเที่ยวไทยก็จริง แต่คนซื้อไปจะได้ใช้ทุกวันไหม ก็อาจจะไม่ เราเลยอยากสร้างความไทยบนสินค้าสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ เป็นไทยในยุคของพวกเรา”
เรียบ โก้ คือคำนิยามดีไซน์ของ THANN ในความคิดของผู้ก่อตั้ง
“การใช้สีในแพ็กเกจจิงต้องสื่อสารถึงกลิ่นนั้น เช่น กลิ่น Aromatic Wood เป็นกลุ่มของส้ม สไปรท์ กฤษณา และแซนดัลวูดที่ทำให้เกิดพลัง ขวดจึงเป็นสีแดง
“กลิ่น Oriental Essence ส่วนผสมเป็นสมุนไพร เราก็ใช้สีเขียว กลิ่น Eden Breeze กลุ่มดอกไม้ ใช้สีเหลือง แทนภาพให้เหมือนตัวการ์ตูนทิงเกอร์เบลน่ารัก ๆ Rice Collection เราเอาเมล็ดข้าวมาดีไซน์หน้าแพ็กเกจจิงเพื่อสื่อสาร หรือในขวดสบู่เหลวที่เป็นขวดใส เราก็เอาต้นไม้เล็ก ๆ ที่ผ่านกระบวนการมาแล้ว ใส่ลงไปชัด ๆ ว่านี่คือโปรดักต์ธรรมชาติจริง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยสื่อสารว่าเราเป็นใครได้ดีมาก”
ไม่เพียงแค่สวยอย่างเดียว แต่ THANN ยังใช้แพ็กเกจจิงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หากต้องใช้พลาสติก เขาเลือกพลาสติกที่ฝังในดินลึก 2 เมตร ไม่เจอแสง อากาศ และย่อยสลายได้ใน 2 เดือน หรือจะเป็นพลาสติกที่ทำจากพืช เช่น ข้าวโพด ที่ย่อยสลายเป็นอินทรีย์ได้เหมือนกัน
“แต่ละสูตรของสินค้าเราใช้น้ำมันไม่เท่ากัน กรดด่างไม่เท่ากัน เราจะทำยังไงให้ดีต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดหลังจากผู้บริโภคใช้หมดขวด เราเลยทำงานเรื่องการเลือกแพ็กเกจจิงให้เหมาะกับโปรดักต์แต่ละตัวกันอย่างหนัก”
9. ดูแลลูกค้าฟีลแฟน เพื่อ Customer Experience แสนพิเศษ
“มาสปาที่นี่ นวดเสร็จจะได้มะพร้าวคนละลูกเลย ลูกค้าดีใจทุกคนที่ได้กินมะพร้าวสด ๆ ไม่ได้มาเป็นขวด” โอ๋เล่าสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับเมื่อมาใช้บริการที่สปาแห่งนี้
“เราไม่ต้องการลูกค้า เราต้องการแฟน คนที่ชื่นชอบเราจริง ๆ ไม่ได้จำใจมาใช้บริการ” โอ๋เล่าได้น่าคิด
การสร้างความแตกต่างของ THANN เรื่องของ Customer Experience จึงเป็นอีกจุดที่โดดเด่น หลังจากเดินช้อปปิ้งเลือกซื้อสินค้า คุณจะได้ดื่มน้ำชาให้หายเหนื่อย แถมถ้ามากันเป็นคู่ แล้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดมานั่งรอเฉย ๆ ที่นี่ยังมีบริการนวดให้ฟรี!
“คุณสามีจะได้นวดคอ บ่า ไหล่ ระหว่างรอคุณภรรยา เพราะไม่งั้นภรรยาอาจจะเกรงใจ รีบ ๆ ซื้อ รีบ ๆ ดูสินค้า กลัวสามีจะรอนาน สาขาไหนมีพื้นที่มากพอ จะมีบริการนวดให้ฟรี เพราะเราเข้าใจดีว่าคนที่เลือกซื้อสินค้าต้องดมกลิ่นเยอะ มองสินค้าจำนวนมาก การทำความเข้าใจสินค้าต้องใช้เวลา
“พอฝ่ายที่รอแล้วไม่มีอะไรทำ เขาอาจจะเกิดหน้าบึ้งเล็ก ๆ เพราะรอนาน เราเลยมีกุศโลบาย จับนวดฟรีเลย สัก 5 – 10 นาที แล้วแต่ว่าลูกค้ามีเวลานานแค่ไหน ซึ่งก็มีหลายคนที่แฮปปี้ อยากให้แฟนซื้อไปนาน ๆ เลย กำลังสบาย (หัวเราะ) เผลอ ๆ ถ้าเขาติดใจการนวดของเรา เขาอาจจะจองนวดกับเรา 90 นาทีคราวหน้าก็ได้
“ทั้งหมดนี้เราทำเพราะอยากให้ THANN เป็นแบรนด์ที่คนอยากมาซื้อออฟไลน์มากกว่าออนไลน์ เพราะว่ามาแล้วสนุก ได้ประสบการณ์ดี ๆ กลับไป”
10. ลูกค้าคือคนรักที่อยากดูแลไปเรื่อย ๆ
หากจะคบคนรักสักคน เราก็อยากจะคบกับเขาไปนาน ๆ เช่นเดียวกับการที่เรารักในแบรนด์แบรนด์หนึ่ง แบรนด์นั้นจะอยู่ในใจเราไม่ได้นาน ถ้าคุณภาพไม่ดี หรือไม่ใส่ใจลูกค้าเพียงพอ
THANN อยากเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจลูกค้า เหมือนคนรักที่คบกันนาน ๆ โดยไม่เปลี่ยนใจ
“สิ่งที่เราค้นพบจากลูกค้า คือความหวังดีที่มีให้กันเสมอ ตอนเรายังไม่เปิดสปา ลูกค้าคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกว่า น้อง ๆ ทำไมไม่ขายน้ำมันนวด ทำไมไม่เปิดสปาล่ะ เขาสอนให้เราทำสิ่งที่ยังไม่เคยทำ
“ลูกค้าบางคนเดินทางมาเยอะ เขาก็มาสอนเราว่า ทำโลชั่นแบบที่มีน้ำมันเยอะ ๆ สำหรับเมืองหนาวหน่อย โลชั่นปกติมันไม่พอ เราเลยทำ Body Butter ขึ้นมา
“บางคนก็เป็นครูที่ช่วยแนะนำกลิ่นดี ๆ ให้เรา เช่น หญ้าแฝก เราไม่เคยคิดว่ามันจะหอม แต่พอเขาแนะนำ แล้วเราเอามาเบลนด์กับกลิ่นอื่น ๆ มันกลายเป็นกลิ่นที่ดีและมีเสน่ห์ขึ้นมาเฉย
“เรื่องบริการของพนักงานก็ทำให้เราอึ้ง เวลามีลูกค้าหลาย ๆ ประเทศมาชมพนักงานของเราว่าดูแลพวกเขาดี จนทำให้เราอยากจะดูแลลูกค้ามากขึ้นไปเรื่อย ๆ จนเราเปิด THANN Wellness Destination ที่อยุธยาขึ้นมา เพราะอยากดูแลลูกค้าตั้งแต่ตื่นยันนอน” โอ๋เล่า
THANN Wellness Destination คือรีสอร์ต 25 ไร่ริมแม่น้ำที่ถ่ายทอดการดูแลร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณให้กับลูกค้าเป็นเวลา 2 คืน 3 วัน ทั้งในแง่การดูแลร่างกาย มีคลาสนวดและคลาสออกกำลังกาย อย่างการปั่นจักรยานบนแม่น้ำน้อย (Water Bike)
ลูกค้าจะได้อยู่ในสถานที่ที่ใกล้ชิดธรรมชาติอย่างสงบ ได้ทำสปา แช่ออนเซน ปรับอารมณ์ให้นิ่ง แถมยังมีการกำหนดเวลากินอาหารให้ตรงเวลา ถูกหลักโภชนาการ ตื่นเป็นเวลา นอนเป็นเวลา ทำทรีตเมนต์ที่ดีเพื่อพัฒนาทางอารมณ์ และได้เพิ่มพูนความรู้ที่ประยุกต์ใช้ได้ในชีวิต
สินค้าและบริการภายใต้แบรนด์ THANN ต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือมอบความผ่อนคลาย และทำให้ Wellness Lifestyle เกิดขึ้นจริงกับผู้คน
ทั้งหมดที่เราเล่าวันนี้ คือสิ่งที่โอ๋ และ THANN ร่วมสร้างความรื่นรมย์ให้กับลูกค้ามาตลอด 21 ปี และยังคงทำต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อคนที่เขาอยากดูแลไปนาน ๆ
