ในฐานะคนที่เกิดและโตในจังหวัดชลบุรี ใช้ชีวิตอยู่กับทะเลบางแสนมาตั้งแต่วัยกระเตาะ เคยคิดจะเปลี่ยนบรรยากาศปันใจไปฟังเสียงคลื่นกระทบหาดทรายจากทะเลอื่นบ้าง แต่สุดท้ายก็ปักหมุดที่พัทยา คงเพราะเหตุผลหลายข้อที่เหมาะกับวัยรุ่นออฟฟิศซินโดรมอย่างเรา เดินทางไม่นานเพียง 2 ชั่วโมงจากเมืองกรุง เพียง 1 – 2 วันก็เที่ยวได้ กิจกรรมเยอะ หาดทรายกว้างสุดลูกหูลูกตา ทะเลสวย อาหารหลากหลายน่าสนใจ แถมคาแรกเตอร์ของพัทยายังต่างจากทะเลที่อื่นอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น สเตปแรก
Pattaya Checked!
ด้วยสถานะหัวใจที่ไม่ว่าง : มีแมวแล้ว การเสิร์ชหาโรงแรมที่ต้อนรับเจ้าเหมียวเลยกลายเป็นสเตปต่อไป ในขณะที่มือเลื่อนหาอย่างไม่หยุดยั้ง แต่จิตใจกลับยอมรับตามตรงว่ายากจัง เพราะการหาโรงแรมที่โอบรับเจ้าตัวน้อยสี่ขาอย่างเต็มใจ มีพื้นที่พักผ่อนและวิ่งเล่นพอสมควร ในราคาที่เอื้อมถึงนั้นช่างเป็นไปได้ยากเหลือเกิน ก่อนสายตาอันเฉียบคมจะไปสะดุดตาเข้ากับ ‘Terra Nara Hotel’ โรงแรมดีไซน์โดนใจ สีขาวสะดุดตา ตัดด้วยตัวอักษรสีส้มอย่างมีลูกเล่น มาพร้อมกับโลเคชันใกล้หาดพัทยาในระยะเดินได้ไม่เหนื่อย แถมยังมีเจ้าปอมเมอเรเนียนขนฟูเป็น Brand Ambassador โอเค ไปต่อสเตปสอง
Hotel Checked!
เมื่อได้สถานที่ที่เข้าตา พร้อมกับโรงแรมที่โดนใจ ก็ถึงเวลาสองมือยกกระเป๋า เท้าก้าวขึ้นรถ
Terra (n.) – The Earth
ไม่เร็วไม่ช้า หมุด Google Maps ในมือก็พาเรามาถึงหน้าอาคาร
Terra Nara Hotel เป็นโรงแรมสีขาว 2 อาคาร ตั้งตระหง่านชวนมอง หากลองสังเกตให้ดี สถานที่แห่งนี้กลับแปลกตาไปจากโรงแรมใกล้เคียงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าลักษณะตึก ผู้คน 2 + 4 ขาที่เดินเข้าออก พี่พนักงานที่ยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร จนถึงบรรยากาศที่โอบรับเราอย่างอบอุ่น และเมื่อเดินทางมาถึง ที่นี่ต้อนรับด้วยเครื่องดื่มสีชมพู รสเปรี้ยวหวานสดชื่นกำลังดี ก่อนปมบนหน้าผากจะเอ่ยถามอย่างเป็นนัย จนได้รู้ว่ามะม่วงหาวมะนาวโห่เป็นผลไม้ที่คอยรับหน้าที่ดับกระหายคลายร้อนให้กับแขกทุกท่าน
ก่อนบทสนทนาน่าสนุกจะเริ่มขึ้น เราเอ่ยทักทาย วิว-พรพิชชา และ วิน-กฤตนันท์ คล้ายสุวรรณ์ สองพี่น้องผู้ลุกขึ้นเปลี่ยนลุค ปัดฝุ่นโรงแรมสไตล์ไทย-บาหลีของรุ่นพ่อแม่จนใหม่กริบน่านอน
“ก่อนหน้านี้ที่นี่เป็นโรงแรมของคุณพ่อคุณแม่เราค่ะ” น้องสาวเริ่มเกริ่น ก่อนเล่าต่อว่า
“ตอนนั้นวิวเพิ่งเรียนจบการโรงแรม แล้วกลับมาจากออสเตรเลียพอดี ประจวบกับช่วงโควิด-19 ต้องกักตัว คุณแม่เลยให้มากักตัวที่นี่ เราเห็นว่าโรงแรมมันตายจริง ๆ ไม่มีลูกค้าสักคน เรามองไม่ออกเลยว่าโควิดจะไปจบตรงไหน ไม่รู้เลยว่าจะมีลูกค้ากลับมาเมื่อไหร่ บริษัททัวร์จะกลับมาหรือเปล่า”
“มันยากมากครับ เราขายห้องพักตั้งแต่ราคา 2,500 บาท ลงมาที่ 1,200 บาท ลดลงเรื่อย ๆ เป็น 800 บาท ผมคิดว่าที่นี่คงอยู่ต่อไปได้นะ แต่อยู่ได้ในแบบที่พัฒนาต่อไม่ได้แล้ว” พี่ชายเสริม
เพราะสองพี่น้องเล็งเห็นวิธีการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปของผู้คนในปัจจุบัน ที่ขึ้นเหนือลงใต้ได้ทุกซอกทุกมุมทั่วโลกโดยไม่ต้องพึ่งบริษัททัวร์เหมือน 10 ปีก่อน รวมไปถึงแรงบันดาลใจจากน้องชายขนปุยคนเล็ก เด็กชายพุดดิ้ง วัย 8 ขวบ ไอเดียการปรับปรุงเปลี่ยนโฉมโรงแรมคอนเซปต์ Pet Friendly จึงเริ่มขึ้น
“ได้ หนูไปจัดการเลย” นี่คือประโยคแรก เมื่อสองพี่น้องนำไอเดียไปเสนอคุณพ่อและคุณแม่
“จัดการเลยเหรอ จัดการยังไงล่ะ” นี่คือประโยคที่ป๊อปอัปขึ้นมาของวิวและวิน
Common Sense คือวิธีแรกที่พวกเขาใช้นำทาง
ถ้าอันดับแรกอยากเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาโรงแรม ปรึกษาสถาปนิกและนักออกแบบภายในจึงเป็นคำตอบ แต่การหาพาร์ตเนอร์คู่กายที่พร้อมเข้าใจคอนเซปต์และความคิดของหนุ่มสาวไฟแรงกลับกลายเป็นเรื่องไม่ง่าย เจอทั้งคำดูถูก ส่งงานไม่เรียบร้อย คิดราคาเกินงาม ไปจนถึงไม่ส่งงานมาก็มี
“จนเรามาเจอ พี่ปวัน ฤทธิพงศ์ จาก RAD STUDIOS พอเล่าคอนเซปต์ให้เขาฟัง แล้วเขาสนุกไปกับเรา เลยได้เขามาช่วยออกแบบโรงแรมให้ ด้วยใจจริง เรารู้สึกขอบคุณเขามาก ๆ”
แม้โรงแรมจะตั้งอยู่ใกล้หาดพัทยาในระยะเดินเท้า แต่ก็ยังถือเป็นโรงแรมที่ไม่ติดทะเลอยู่ดี นักออกแบบและสองพี่น้องจึงตั้งใจนำส่วนโค้งเว้าที่ไม่สม่ำเสมอของคลื่นทะเลมาเป็นส่วนประกอบของการดีไซน์ เจ้าตัวบอกความลับว่า เขาตั้งใจเลือกใช้โทนสีเทาอ่อนผสมผสานกับสีไม้ เพื่อให้รู้สึกถึงความอบอุ่นให้มากที่สุด โรงแรมสไตล์ไทย-บาหลีอายุ 17 ปีที่มาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สักสุดรักของคุณพ่อและคุณแม่ จึงถูกเปลี่ยนแปลงใหม่กลายเป็นอาคารดีไซน์โค้งมนอันเป็นเอกลักษณ์ของ Terra Nara ในที่สุด
เมื่อคุณพ่อคุณแม่เห็นขั้นตอนการออกแบบแล้วเป็นอย่างไรบ้าง – เราสงสัย
“เขาพยายามปิดตาครับ ถ้าพูดจริง ๆ เขาจะไม่เข้าทุกการประชุมที่มีการพูดคุยกัน แต่เข้าประชุมเฉพาะที่เราบอกให้เข้าจริง ๆ” พี่ชายตอบ ก่อนน้องสาวจะเสริมอย่างทันควันว่า
“ซึ่งทำมา 2 ปี มีครั้งเดียวค่ะ หลังจากนั้นไม่ดูเลย มาเห็นภาพอีกทีตอนเริ่มก่อสร้างแล้ว ซึ่งก็มีเหตุผลนะคะ เขาบอกว่าไม่อยากเข้ามาขัดความคิด ให้เรา 2 คนทำเต็มที่เลย เขาเชื่อใจ ต้องขอบคุณที่พวกเขากล้าปล่อยเรา 100% เพราะความเชื่อใจของเขา ทำให้เราต้องพยายามทำออกมาให้ดีที่สุด เราเคยถามเขานะว่าถ้าโดนหลอกจะทำไง คำตอบคือ ก็ต้องลองโดนดู จะได้รู้ว่าควรจัดการอย่างไร”
Nara – Happy
‘Terra’ มาจากภาษาละติน มีความหมายว่า โลกหรือดินแดน ส่วน ‘Nara’ มาจากภาษาญี่ปุ่น มีความหมายว่า ความสุข เมื่อนำ 2 คำมารวมกัน Terra Nara จึงหมายถึง ‘ดินแดนแห่งความสุข’
“เราอยากให้ที่นี่เป็นพื้นที่แห่งความสุขสำหรับทุกคนที่เข้ามา ไม่ว่ากับใครก็ตาม” วิวเปรย
เหตุผลแรก : สัตว์เลี้ยงต้องแฮปปี้
แม้ทุกวันนี้มีร้านกาแฟ ร้านอาหาร โรงแรม หรือ Community Space ที่รองรับการมาเยือนของสัตว์เลี้ยงมากขึ้น แต่ก็มาพร้อมเงื่อนไขเฉพาะตัวที่หลากหลาย เช่น บางสถานที่มีค่าใช้จ่าย หรือบางสถานที่ใช้บริการได้เฉพาะพื้นที่กลางแจ้ง หรือบางสถานที่ให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในรถเข็น หรือไม่ก็ต้องอุ้มไว้ตลอดเวลา
แล้วถ้าอยากพาน้องหมาไซซ์ใหญ่แต่ใจจิ๋วขนาด 30 กิโลมาสูดอากาศบ้างต้องทำยังไง
“เราเข้าใจเจ้าของสถานที่นะคะ เพราะอาจมีเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ หรือลูกค้าบางคนก็อาจไม่ได้รู้สึกต้อนรับน้อง ๆ ขนาดนั้น ซึ่งเราว่านั่นเป็นสถานที่ที่ Pet Allowed ไม่ใช่ Pet Friendly”
Paw Play Park จึงเกิดขึ้นในโรงแรมแห่งนี้ เพื่อเป็นพื้นที่ปลดปล่อยพลังของสัตว์เลี้ยง เพราะวิวและวินอยากให้เจ้าหนูมีพื้นที่เล่นสนุกของตัวเอง ไม่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้องพัก แบ่งโซนสำหรับน้องหมาและน้องแมวให้มีประตูกั้นอย่างปลอดภัย ตั้งใจให้ทุกองค์ประกอบของบริเวณสัตว์เลี้ยงทำความสะอาดได้อย่างไร้กังวลและไม่กักเก็บเชื้อโรค ทั้งพื้นจากหญ้าเทียม ของเล่นจากไม้ พร้อมการทำความสะอาดแบบ Deep Clean อยู่เป็นระยะ ไปจนถึงการออกแบบพื้นที่ให้เป็น Indoor กึ่ง Outdoor ไม่ได้ปิดจนทึบหรือเปิดจนโล่งโจ้ง แต่ยังมีช่องระบายอากาศ พร้อมเปิด-ปิดแอร์สลับกันไป เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้มากที่สุด
หลังจากพาสัตว์เลี้ยงตะลุยกิจกรรมมาทั้งวัน ไม่ว่าจะวิ่งใน Paw Play Park คลุกทราย ขุดดิน หรือจุ่มน้ำทะเลมาจนหนำใจ สองพี่น้องก็เตรียมห้องอาบน้ำเป่าขนจาก PETHROOM แบรนด์สินค้าสัตว์เลี้ยงจากประเทศเกาหลีที่ผ่านการรับรองความชอบใจจากเจ้าพุดดิ้งมาแล้วว่า ขนนุ่ม หอม ฟู น่าฟัด
“มีอีกอย่างที่พุดดิ้งชอบใจมากกว่า นั่นคือ 4 Paws & A Pair เป็นไอศกรีมสำหรับสัตว์เลี้ยง พนักงานเราเรียกไอศกรีมหน้าจุ่ม ถ้าน้อง ๆ ได้กินแล้ว จะไม่มีทางเงยหน้าขึ้นมาได้เลยค่ะ
“วิวเลยเลือกมาเพราะรู้ว่าแบรนด์นี้เขาใช้ส่วนผสมดี ละเอียดถึงข้อมูลด้านโภชนาการ และของใช้ในโรงแรมที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงก็เป็นของที่เราใช้กันเองแล้วชอบอยู่แล้วค่ะ ในอนาคตมีแพลนจะขอติดต่อแบรนด์ไทยหลาย ๆ แบรนด์ เพราะเราว่าแบรนด์ไทยเองก็ตั้งใจทำเพื่อน้องหมาน้องแมวไม่แพ้ที่ไหน เลยคิดว่าน่าจะดีถ้าได้สนับสนุนซึ่งกันและกัน” น้องสาวเล่าถึงความตั้งใจในอนาคต
เหตุผลที่ 2 : ลูกค้าต้องแฮปปี้
It’s never too old to be young – ไม่ว่าจะเติบโตแค่ไหน เราก็ยังเป็นเด็กได้เสมอ
นี่คืออีกคอนเซปต์ที่สองพี่น้องตั้งใจซ่อนไว้ในเกือบทุกสัดส่วนของโรงแรม ทั้งสระว่ายน้ำ Nara Maze Pool ที่มาพร้อมดีไซน์เขาวงกต ให้คุณย้อนวัยถึงบรรยากาศเล่นซ่อนหาในวันวาน
Nara Play Yard สนามเด็กเล่นที่ออกแบบมาให้ผู้ใหญ่เล่นได้ เด็กเล่นดี
แถมด้วยเก้าอี้ลูกข่างบริเวณล็อบบี้ เพราะอยากให้คุณยิ้มและหัวเราะสักหน่อยก่อนเข้าพัก
“สำหรับการออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง เราคุยกันว่าจะจำลองตัวเองเป็นลูกค้า เดินเข้ามาแล้วเราอยากได้อะไร อย่าง Nara Maze Pool สมัยก่อนไม่มีที่กั้นเลย คุณพ่อกับคุณแม่ภูมิใจมากที่สระว่ายน้ำดีไซน์โปร่งโล่ง เพราะทำให้โรงแรมดูใหญ่ขึ้น แต่เรา 2 คนมองว่าความเป็นส่วนตัวของลูกค้าสำคัญกว่า การมาว่ายน้ำแล้วมีรถขับผ่าน มีนักท่องเที่ยวมองเข้ามา นั่นไม่ใช่บรรยากาศที่เราอยากให้โรงแรมเป็น แม้แต่ลูกค้าเข้ามาคาเฟ่ในอนาคต เราก็ไม่อยากให้เขามองเข้ามาเห็นลูกค้าเราว่ายน้ำอยู่” วินเล่าแนวคิด
ห้องพักของที่นี่ประกอบไปด้วย 4 ประเภทที่คิดมาแล้วว่าตอบโจทย์กับทุกฝ่าย
‘Cinematic Terra Nara Room’ ห้องพักสำหรับคอหนังคอการ์ตูน
เพราะรู้ว่าคนวัยนี้เปิดทีวีกันน้อยลง จึงแทนที่ด้วยผนังขาวโล่ง พร้อมโปรเจกเตอร์ภาพชัด
“ช่วงแรกที่เราเสนอไอเดียนี้กัน มีเสียงต้านจากผู้ใหญ่พอสมควรเลยค่ะว่าโรงแรมเขาไม่ทำกัน ต้องมีทีวีสิ แต่โชคดีที่ผู้ออกแบบเขาเห็นด้วยและพร้อมจะลองทำสิ่งใหม่ ๆ ไปด้วยกัน อีกอย่างเราต้องการแก้ปัญหา เพราะฝั่งห้อง Cinematic ติดกับตึกด้านข้างที่วิวไม่ค่อยดี เลยตัดสินใจใส่โปรเจกเตอร์เข้ามา เพราะอย่างน้อยเวลาปิดม่านแล้วเปิดโปรเจกเตอร์ อาจช่วยทดแทนวิวที่เขาควรจะได้” วินเฉลยที่มา
‘Superior Room’ ห้องพักไทป์เดียวที่รองรับเจ้าขนปุย
ห้องประเภทนี้ออกแบบมาให้ทำความสะอาดง่ายในทุกพื้นผิว ไม่กักเก็บเชื้อโรค มีชามน้ำ ชามอาหาร ขนมเลีย พร้อมแผ่นรองฉี่คุณภาพ เก็บกลิ่นดีเยี่ยม หากต้องการเบาะนอนแจ้งได้เลยนะ
‘Junior Suite’ เหมาะกับแขกแบบคู่รักเป็นพิเศษ
ขยายขนาดขึ้นมาจากไทป์ Superior และใช้เตียงขนาด 3.5 ฟุตต่อกัน ปูทับด้านบนด้วย Topper นุ่ม ๆ เหมือนปุยนุ่น ให้เสมือนเป็นเตียงเดี่ยว มาพร้อมโต๊ะเคาน์เตอร์วางทีวีกลางห้อง ตอบโจทย์ทั้งนอนดู นั่งดู อาบน้ำดู เพราะหมุนได้รอบทิศ จะเอนจอยอยู่ส่วนไหนของห้องก็หมุนตามไปได้เลย
‘Executive Suite’ ห้องขนาดใหญ่ที่สุด เหมาะกับครอบครัว มีอ่างอาบน้ำอยู่กลางห้อง
เหตุผลที่ 3 : พนักงานต้องแฮปปี้
โรงแรมแห่งนี้มีนโยบายให้พนักงานทำงาน 5 วัน!
เพราะเผื่อใครอยากพักผ่อนหรือทำกิจกรรมอะไร จะได้มีเวลาทำอย่างเต็มที่
“เราอยู่กับการทำงานของโรงแรมมาตลอด และรู้ว่าการทำงาน 6 วัน Work-life Balance ไม่มีเลย ต้องใช้ชีวิตยังไง เวลากับครอบครัวก็ไม่มี กับแพสชันก็ไม่มี ไม่มีแม้แต่เวลาพัฒนาตัวเอง ไปลงเรียนอะไรก็ไม่ได้ หยุด 1 วันซักผ้าก็หมดเวลาแล้ว เราเลยอยากสร้างบรรยากาศการทำงานให้ดีขึ้น
“หลังจากลองทำมาประมาณครึ่งปี เราว่าพนักงานดูแฮปปี้ การกลับมาทำงานในแต่ละวันดูแจ่มใสขึ้น เราก็ดีใจ เพราะเรา 2 คนสู้กับสิ่งนี้มาก ๆ ในตอนแรกผู้ใหญ่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน” คนน้องเล่า
“การลดวันทำงานของพนักงาน ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นพอสมควรเลยครับ แต่ผมว่ามันให้ผลลัพธ์ที่ดีนะ พนักงานบางคนได้ไปเรียนคอร์สภาษาอังกฤษ บางคนมีเวลาไปอยู่กับครอบครัว ไปเที่ยว แต่บางคนที่มาจากต่างจังหวัด เขาขอกลับมาทำงาน 6 วันเหมือนเดิมก็มีเหมือนกัน” คนพี่เสริม
เท่านั้นยังไม่พอ Terra Nara ยังให้ความสำคัญกับการรับฟังพนักงานเป็นอันดับต้น ๆ
“เราอยู่ที่นี่บ่อย แต่ก็ไม่ได้เจอลูกค้าได้ทุกคน ดังนั้น ถ้ามีอะไรพนักงานเดินมาบอกเราได้เลย เดินอยู่แถวนี้กันทุกวัน ไม่ต้องกลัว เรามาคุยเพื่อหาทางแก้ไขและรับมือให้ดีที่สุด วิวเชื่อว่าทุกคนมีไอเดียที่ดีอยู่แล้ว หลาย ๆ อย่างมีการแก้ไขที่ดีขึ้นก็มาจากพนักงาน เพราะเขาเป็นคนเห็นหน้างานเยอะที่สุด”
เพราะอยากให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่แฮปปี้กันถ้วนหน้า
“วิวว่าคนที่นี่ต้องมีความสุขก่อน ถึงจะส่งพลังงานบวกไปให้กับลูกค้าได้ ถ้าเขามาทำงานแล้วไม่มีความสุข จะบริการลูกค้ายังไงให้ได้รับพลังงานดี ๆ กลับไป เรามีเป้าหมายอยากให้ Terra Nara เป็นที่ที่คนคิดถึงเวลาอยากมาพักผ่อน ดังนั้น ถ้าเขามาหาเรา เขาต้องได้พลังงานดี ๆ กลับไป ไม่ใช่มาพักแล้วต้องกังวลว่าน้องแมวจะอยู่ได้ไหม จะเจอหมาตัวอื่นไหม อันตรายไหม แล้วน้องหมาวิ่งตรงไหนได้บ้าง
“เราอยากหาตรงกลางที่ดีที่สุดกับทุกฝ่าย”
Terra Nara จึงแบ่งโซนสำหรับสัตว์เลี้ยงและผู้เข้าพักปกติแบบเชื่อมโยงกันอย่างเป็นมิตร ไม่ใกล้ไป ไม่ไกลไป พอให้แขกที่ยังไม่พร้อมเผชิญสัตว์เลี้ยงได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และพอให้คนที่ชอบมองหาเจ้าสี่ขาของคนอื่นอย่างเราใจฟูได้บ้าง แถมยังเปิดให้น้องสี่ขาได้เข้าถึงแทบทุกส่วนกลาง ทั้งล็อบบี้ ห้องอาหาร ห้องอเนกประสงค์ ส่วน Nara Maze Pool น้องหนูสี่ขามาเดินรอบ ๆ ได้นะ แต่ลงน้ำไม่ได้
แชมพูและสบู่เหลวก็มีให้ทุกห้อง สองพี่น้องตั้งใจปรุงกลิ่นอย่างดีให้ได้ทั้งความสดใส สดชื่น พร้อมความอบอุ่นและอ่อนโยนในคราวเดียว รับรองมาพักผ่อนที่นี่ได้รับความผ่อนคลายแบบสุดขีด
“ไม่ใช่แค่สบู่กับแชมพูเท่านั้นนะครับ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือข้าวของอื่น ๆ เราก็เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Eco Friendly เหมือนกัน เป็นสิ่งเล็กน้อยที่ช่วยโลกได้ ดีต่อใจ ดีต่อร่างกาย ดีต่อโลก
“เราเลือกกันเยอะและนานพอสมควร อย่างน้ำยาทำความสะอาดห้องพัก สัตว์เลี้ยงมีโอกาสจะเลียได้ ดังนั้นต้องปลอดภัย ไม่มีสารตกค้าง อีกอย่างต้องฆ่าเชื้อได้ดี อย่างโรคหัดอาจมาพร้อมกับสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เขาต้องยืนยันว่าฆ่าเชื้อได้ และต้องมีใบรับรองจริง ๆ” สองพี่น้องช่วยกันเสริม
Land of Happiness
การพาสัตว์เลี้ยงมาเข้าพักที่นี่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องขนาด สายพันธุ์ และน้ำหนักตัว วินเล่าว่าแขกสี่ขาของที่นี่มีตั้งแต่ไซซ์จิ๋ว 4 ขีดไปจนถึง 40 โล และใช่! หากเป็นตัวแรกไม่มีการคิดราคาเพิ่ม หากใครมีสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นก็ทักมาพูดคุยกันก่อนได้ เพราะที่นี่เคยต้อนรับทั้งกระต่ายหลากหลายสายพันธุ์ ชูการ์ไกลเดอร์ นกแก้วแอฟริกันเกรย์ จนถึงแพรีด็อกมาแล้ว ขอให้มีนิสัยเป็นมิตร เจ้าของควบคุมได้ ไม่ทำร้ายกันเป็นพอ และข้อสำคัญ น้อง ๆ ต้องฉีดวัคซีนมาครบตามระยะที่สัตวแพทย์กำหนดเท่านั้น
“ความตั้งใจที่เราไม่คิดราคาเพิ่มสำหรับสัตว์เลี้ยงตัวแรก เพราะอยากให้คนเปิดใจลองมาเที่ยวพร้อมกับน้องดู หลายคนอาจมองว่ายาก แพง เหนื่อย แต่เราอยากให้ลองดูสักครั้ง ความทรงจำดี ๆ ที่ได้สร้างด้วยกันมันน่าจดจำจริง ๆ นะ พาน้องมาเที่ยวรอบแรก พาน้องไปทะเล ลงทรายครั้งแรก ทั้งหมดเป็นความทรงจำที่ทำให้ยิ้มได้ เราอยากให้เป็นแบบนั้น โดยมีโรงแรมของเราเป็นตัวช่วย
“เราหนักแน่นในคอนเซปต์ของเรา ถ้าวันหนึ่งสถานการณ์เปลี่ยนไป หรือมีเหตุจำเป็นให้ต้องคิดราคาเพิ่มในการนำสัตว์เลี้ยงเข้าพัก เงินส่วนนั้นไม่มีทางเข้าโรงแรมหรือกระเป๋าเราเองแน่นอน”
แม้เป็นคอนเซปต์ที่ยังไม่ได้ตกลงกันชัดเจน แต่สองพี่น้องเห็นตรงกันว่า หากวันนั้นเกิดขึ้นจริง ๆ ค่าใช้จ่ายส่วนนั้นจะถูกนำไปช่วยหมาและแมวจรจัด ตั้งแต่รักษาอาการเจ็บป่วยไปจนถึงการทำหมัน
เพราะอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด เห็นเสน่ห์และความเปลี่ยนแปลงมาตลอด สองพี่น้องอยากนำเสนอพัทยาในมุมมองใหม่ นอกจากสีสันตอนกลางคืน ยังมีร้านรวงต่าง ๆ ที่ตั้งใจคิด ตั้งใจทำมาอย่างดี ไปจนถึงสะพานปลา เรือประมงที่มาขายของสดในตอนเช้าตรู่ เป็นวิถีชีวิตของคนพัทยาที่อาจถูกหลงลืม
ส่วนสายกิจกรรม Terra Nara ก็เตรียม The Nara Picnic Experiences ชุดปิกนิกที่มีอาหารให้เลือกทั้งคนกินได้และสัตว์เลี้ยงกินด้วย ยกไปนั่งรับลมริมหาดพัทยาในระยะเพียง 400 เมตร
ถ้าไม่อยากลุกไปไหน ซุกตัวในผ้าห่มอุ่น ๆ อยู่ใน Cinematic Terra Nara Room ก็สั่งชุด Cozy Night Cinematic Cheeseboard Set ขึ้นไปดูหนังจิบไวน์เพลิน ๆ ได้สบาย ถ้าคุณพ่อคุณแม่อยากจัดงานวันเกิดให้เจ้าตัวจิ๋ว ก็มี Nara Birthday Package พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งห้อง หมวกวันเกิด และไอศกรีมหรือเค้กให้ฉลองช่วงเวลาพิเศษ หรือนั่งกินอาหารสบาย ๆ ในห้องอาหาร Vianna ก็น่าสนใจ เพราะทั้ง 2 คน (รวมถึงเราด้วย) ยืนยันว่าอาหารที่นี่ไม่ได้มีไว้กินแก้ขัด เพราะรสชาติดี แถมน่ารักน่ากินสุด ๆ
“การทำ Terra Nara วิวไม่ได้อยากให้ที่นี่เป็นสถานที่หนึ่งเดียวที่คอยต้อนรับสัตว์เลี้ยง แต่เราอยากเป็นจุดเริ่มต้นให้คนเปิดใจรับสถานที่แบบนี้มากขึ้น ถ้าบนโลกนี้มีพื้นที่แบบนี้เยอะ ๆ จะยิ่งดี” วิวยิ้ม
“อายุขัยของสัตว์เลี้ยงไม่ได้ยาวนานขนาดนั้น เราใช้เวลาด้วยกันไปตลอดไม่ได้ เราเลยอยากเป็นพื้นที่ที่ให้คนและสัตว์เลี้ยงได้ใช้เวลาร่วมกัน และเก็บความทรงจำด้วยกันเยอะ ๆ” วินจบบทสนทนา
3 Things
you should do
at Terra Nara Hotel
01
ยกเซตปิกนิกและสัตว์เลี้ยงคู่ใจไปนั่งรับลม ชมทะเล ฟังเสียงคลื่นซัดที่ชายหาดพัทยา
02
ชมวิถีชีวิตชาวเลยามเช้า ค้นหาร้านอาหารทะเลเจ้าเด็ด ดื่มกาแฟที่คนพัทยาตั้งใจคิดตั้งใจทำ
03
กลับมาอาบน้ำและใช้เวลาร่วมกันที่ Paw Play Park สนามเด็กเล่นของสัตว์เลี้ยง