วุ้นแปลภาษา คือหนึ่งในของวิเศษจากเรื่อง โดราเอมอน ที่หลายคนคงเคยอยากได้ ด้วยความสามารถในการแปลทุกอย่างที่เราฟังไม่ออกให้สื่อสารรู้เรื่อง

นอกจากภาษา เราเชื่อว่าไอเดียก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลาย ๆ ครั้งนึกขึ้นมาในหัว แต่แปลให้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้ยากแท้ 

การทำอาหารคือหนึ่งในตัวอย่างชัดเจนที่สุด เรานึกภาพเมนูที่สวยหรูไว้ในหัว แต่พอทำออกมาจริง เมนูนั้นกลับไม่ใช่สิ่งที่คิดเอาไว้

การทำธุรกิจบางครั้งก็เหมือนการทำอาหาร หลายครั้งสิ่งที่นึกภาพไว้กับผลลัพธ์ที่ออกมาอาจไม่เหมือนกัน การยืดหยุ่นและพร้อมตอบรับ-รับฟังทุกความเห็นอาจแก้ปัญหาเหล่านี้ได้

คอลัมน์ทายาทรุ่นสองในวันนี้ เราชวนคุณมารู้จักเรื่องราววุ้น ๆ ของธุรกิจ ‘วุ้นผงตราโทรศัพท์’ ที่อยู่กับคนไทยมานานกว่า 60 ปี ด้วยแนวคิดการบริหารที่รับฟังทุกความเห็น ยืดหยุ่นและคงตัวอย่างแข็งแรงของ บัญชา สกุลดีเลิศ ทายาทรุ่นสอง ซึ่งเป็นคุณพ่อของ พีค-สิวัตม์ สกุลดีเลิศ ทายาทรุ่นสาม

ทายาท ‘วุ้นผงตราโทรศัพท์’ อดีตนักธุรกิจเพื่อสังคมผู้ปรับงานของครอบครัวให้เข้ายุคสมัย

ด้วยแนวคิดนี้ นอกจากทำให้ธุรกิจส่งต่อและเติบโตได้อย่างไร้รอยต่อแล้ว ยังทำให้เราได้ชิมรสชาติใหม่ ๆ ที่ไม่คิดว่าจะได้ลิ้มรสจากวุ้นผงของไทย (ใครบอกว่าวุ้นผงไทยทำได้แค่ของหวาน เราบอกเลยว่าคุณคิดผิด)

เชิญทุกท่านมารับชมว่าในวันนี้วุ้นผงตราโทรศัพท์จะรับมือและตอบรับไอเดียในการรังสรรค์เมนูกับโจทย์ ‘การส่งต่อและบริหารธุรกิจครอบครัว’ ได้อย่างไร

Allez Cuisine!

ธุรกิจ : บริษัท เซ้งฮวด จำกัด

ประเภท : ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายวุ้นผง

ปีที่ก่อตั้ง : พ.ศ. 2501

ผู้ก่อตั้ง : ไชยยศ สกุลดีเลิศ

ทายาทรุ่นสอง : วิชา สกุลดีเลิศ, ชาญวิทย์ สกุลดีเลิศ, บัญชา สกุลดีเลิศ

ทายาทรุ่นสาม : สิวัตม์ สกุลดีเลิศ และ สิตาภา สกุลดีเลิศ

จุดเริ่มต้นของธุรกิจครอบครัวอายุ 60 ปีแห่งนี้ เริ่มมาจากวลี ‘เสื่อผืน หมอนใบ’ ที่ชาวไทยเชื้อสายจีนหลายคนคงเคยได้ยิน

เมื่อมาถึงเมืองไทย ไชยยศ สกุลดีเลิศ เริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวจากการทำมาค้าขาย ตั้งแต่ขายปลาในตลาดสด ไปจนถึงทำโรงงานวุ้นชนิดเส้น ธุรกิจก่อสร้าง บ้างสำเร็จ บ้างล้มเหลว ตามสไตล์คนจีนที่ไขว่คว้าทุกโอกาส

เมื่อตั้งตัวได้ เขาได้ตั้ง บริษัท เซ้งฮวด จำกัด ขึ้นใน พ.ศ. 2501 โดยในภาษาจีนแต้จิ๋ว ‘เซ้ง’ (成) แปลว่า สำเร็จ และ ‘ฮวด’ (发 ) แปลว่า มั่งคั่ง ร่ำรวย

ช่วงแรก บริษัทแห่งนี้นำเข้าและจัดจำหน่ายพืชผลและผงชูรส ก่อนค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงสินค้าไปตามเทรนด์ในช่วงเวลานั้น ๆ 

อย่างไรก็ตาม มีหนึ่งหลักการที่ไชยยศยึดถือไว้ตั้งแต่ช่วงเวลานั้น คือ ‘ของถ้ามันถึงเราแล้วไม่ดี ไม่ต้องเสียดาย โยนทิ้งเลย’

หลังจากนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ การคิดชื่อแบรนด์หรือที่เรียกว่า ‘ตรา’ ในสมัยนั้นจึงต้องตามมาเพื่อให้ลูกค้าจดจำได้

สาเหตุที่โทรศัพท์สีทองถูกเลือกใช้เป็น ‘ตราโทรศัพท์’ มีอยู่ 2 ประการ

หนึ่ง เลือกใช้สีทองและโทรศัพท์ เพราะเป็นสัญลักษณ์ของความพรีเมียมในสมัยน้ัน

สอง โทรศัพท์เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ไม่กี่อย่างที่ทำให้คนติดต่อกันได้ ส่งความรัก ความคิดถึงหากัน สร้างความเข้าใจกันได้ และการยกหูโทรศัพท์ก็เป็นสิ่งที่สร้างโอกาส ทำให้ธุรกิจนำเข้าแห่งนี้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาได้

ณ ขณะนั้น แม้ว่าจะเป็นส่วนเล็ก ๆ แต่วุ้นผงก็เป็นส่วนหนึ่งของสินค้า ‘ตราโทรศัพท์’ ที่หลากหลายด้วยเช่นกัน

ทายาท ‘วุ้นผงตราโทรศัพท์’ อดีตนักธุรกิจเพื่อสังคมผู้ปรับงานของครอบครัวให้เข้ายุคสมัย

เมื่อธุรกิจค่อย ๆ เติบโตขึ้น บัญชาก็เข้ามาในฐานะทายาทรุ่นสอง ทว่าเส้นทางไม่ได้ราบรื่นนัก

สินค้าหลายตัวที่เคยทำกำไรได้มากกลับทำได้น้อยลง การนำเข้าสินค้าทางการเกษตรถูกควบคุมด้วยอัตราภาษีที่มากขึ้น

“เราบอกพ่อว่าต้องเลิกนำเข้าพืชผลนะ” บัญชาเล่าจุดเปลี่ยนของบริษัท

พืชผลนับเป็นผลิตภัณฑ์ที่เซ้งฮวดนำเข้ามาเป็นหลักตั้งแต่วันแรก ๆ ดังนั้นการเลิกนำเข้าสินค้าชนิดนี้ย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของบริษัท แน่นอนว่าคนเป็นพ่อไม่เห็นด้วย

“เถียง แล้วคนอื่นไม่กล้าเถียงกลับ มีผมคนเดียวที่กล้า ใช้ข้อมูลทำให้เขาเห็นว่ามันไม่ไหวแล้วจริง ๆ ถ้าพูดอย่างไม่อายคือทรัพย์สินบวกหนี้สินเท่ากับศูนย์” ทายาทรุ่นสองตอบพลางหัวเราะ 

เมื่อภาวะเศรษฐกิจเปลี่ยนไป เซ้งฮวดจึงค่อย ๆ ลดผลิตภัณฑ์อื่นและหันมาโฟกัสกับผลิตภัณฑ์ที่ทำกำไรได้ จนในที่สุดผลิตภัณฑ์ที่รอดก็คือฝอยสเตนเลสกับวุ้นผง

ในยุคนั้น สำหรับผู้นำเข้าและขายส่ง การขายสินค้าจำเป็นต้องกระจายสินค้าไปยังหน้าร้าน โดยในขณะที่กรุงเทพฯ มีร้านค้าหลัก ๆ หลายร้อยเจ้า ต่างจังหวัดกลับมีร้านหลัก ๆ เพียงไม่กี่เจ้า ทำให้การกระจายสินค้าเป็นไปได้ง่ายกว่า

สินค้าของเซ้งฮวดจึงเรียกได้ว่าทำตลาดในลักษณะ ‘ป่าล้อมกรุง’ ซึ่งรวมไปถึงวุ้นผงด้วย ทำให้ชาวกรุงในยุคนั้นหลายคนอาจไม่รู้จักวุ้นผงตราโทรศัพท์ แม้ว่ายี่ห้อนี้จะเป็น Top 5 ของวุ้นผงที่มีในตลาด ณ ตอนนั้นก็ตาม

ทายาท ‘วุ้นผงตราโทรศัพท์’ อดีตนักธุรกิจเพื่อสังคมผู้ปรับงานของครอบครัวให้เข้ายุคสมัย

ทว่าเมื่อเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ทุกสิ่งก็เริ่มเปลี่ยนไป

สินค้านำเข้าอย่างฝอยสเตนเลสเผชิญกับวิกฤตค่าเงิน ทำให้ไปต่อไม่ได้ เหลือเพียงแต่วุ้นผงที่ในขณะนั้นคุณภาพของวุ้นผงตราโทรศัพท์ก็ยังสู้แบรนด์เจ้าตลาด ณ ตอนนั้นไม่ได้

นับจากนั้น วุ้นผงตราโทรศัพท์ จึงแก้ปัญหาด้วยการปรับคุณภาพของสินค้าขึ้นมา

“คนอื่นเขาใช้ Gel Strength เท่าไหน เราใช้มากกว่าคนอื่นเขา เราอยากดีกว่าคนอื่น”

ไม่ใช่เพียงคุณภาพของสินค้าที่ตราโทรศัพท์กลายมาเป็นผู้นำ แต่คุณภาพในการบริการก็เป็นสิ่งที่เซ้งฮวดให้ความสำคัญมาโดยตลอด

นอกจากจำหน่ายในประเทศ เซ้งฮวดยังมีการส่งออกวุ้นผง โดยในสมัยก่อนร้านอื่น ๆ อาจมีเพียงขายส่ง แต่เซ้งฮวดทำมากกว่านั้น

“ตอนนั้นพอลูกค้าซื้อวุ้นผงไปส่งออก เขาต้องมีพนักงานติดฉลากบนสินค้า ซึ่งก็ถือว่าเป็นต้นทุนของลูกค้า เพราะฉะนั้น เราเลยยินดีติดให้ คุณพ่อก็ด่าผมว่าจะวุ่นวายทำไม แต่ผมบอกว่า ไม่เป็นไร คนเราว่าง ก็ติดให้เขาไป” ยอดสั่งซื้อวุ้นผงของที่นี่จึงค่อย ๆ เพิ่มขึ้น จาก 5 ปี๊บ เป็น 10 และเป็นร้อย ๆ ปี๊บ

ทายาท ‘วุ้นผงตราโทรศัพท์’ อดีตนักธุรกิจเพื่อสังคมผู้ปรับงานของครอบครัวให้เข้ายุคสมัย

เวลาผ่านไปจนถึง พ.ศ. 2561 ธุรกิจวุ้นผงในมือทายาทรุ่นสองดูเหมือนจะดำเนินไปอย่างราบรื่น

ด้วยแนวคิดที่ยืดหยุ่นและเปิดกว้าง ลูกหลานในรุ่นสามอย่างพีคได้รับอิสระในการเลือกเรียนในสาขาที่ชอบ โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องเรียนในสาขาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจกงสีโดยตรง

แต่แน่นอนว่าทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นเสมอไป

วันหนึ่งขณะใกล้เรียนจบปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ เขาก็ได้รับสายโทรศัพท์จากคุณพ่อ

“พ่อโทรมาบอกว่าป่วย ทั้ง ๆ ที่ปกติพ่อไม่เคยโทรข้ามประเทศมาหาเลย”

“เขาไม่รู้ว่าเขาจะทำธุรกิจได้อีกนานเท่าไหร่ เขาให้เราช่วยคิดหน่อยว่าทำยังไงกับที่นี่ดี ในทุกคำที่เขาพูด ไม่มีคำว่า กลับมาทำที่นี่เถอะ ไม่มีเลย”

ถ้าหากคุณพ่อของพีคตัดสินใจวางมือ นั่นหมายความว่าบุคคลที่ดูแลด้านการเงินและการตลาดก็จะหายไปหากพีคไม่รับช่วงต่อ

หลาย ๆ คนในยุคนี้อาจมองว่า ถ้าทายาทไม่อยากรับต่อ ก็จ้างมืออาชีพเข้ามาบริหารสิ และนั่นคือสิ่งที่พีคต้องตัดสินใจ – กลับมาเป็นทายาท หรือถือหุ้นแล้วจ้างมืออาชีพ

“เขาถามว่าเห็นด้วยไหม ถ้าจะจ้างนักบริหารมืออาชีพเข้ามาเป็น CEO”

“แต่เรารู้สึกว่า ไม่ได้ ไม่ได้จริง ๆ คือเราเห็นว่าตั้งแต่ทำงานมาตลอด โลกมันหมุนเร็วมาก ถ้า CEO โกง เราในฐานะผู้ถือหุ้นที่มารู้อีกทีตอนจบจะตามเขาทันเหรอ และถ้าเราไม่เชื่อเขา เราจะไปตามตรวจสอบได้อย่างไร”

แม้เดิมทีความชอบของพีคจะไม่ใช่วุ้นผง แต่ด้วยเหตุผลนี้ทำให้เขาตัดสินใจบินกลับไทยเพื่อลองลงมือบริหารธุรกิจครอบครัวต่อ โดยที่พ่อไม่ได้โน้มน้าวหรือบังคับแม้แต่น้อย

แต่ถ้าหากถามว่า ถ้าที่เรียนมาก็ไม่ต้องใช้ จะเป็นความชอบก็ไม่ใช่ แล้วอะไรคือความเชี่ยวชาญที่ทำให้พีคกลับมาบริหารธุรกิจกงสีได้

คำตอบก็คือ ‘การแก้ปัญหา’

พีคแปลงประสบการณ์ของเขาที่เคยเป็นส่วนหนึ่งในทีมงานของ School of Changemakers ที่สร้างคนขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาสังคม มายืดหยุ่นเป็นแนวคิดในการแก้ไขปัญหาธุรกิจอายุ 60 กว่าปีแห่งนี้ด้วยความเข้าใจ

ทายาท ‘วุ้นผงตราโทรศัพท์’ อดีตนักธุรกิจเพื่อสังคมผู้ปรับงานของครอบครัวให้เข้ายุคสมัย

รุ่นหนึ่งสร้าง รุ่นสองสาน รุ่นสามทำลาย คือคำสบประมาทที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ

ทว่าจริง ๆ แล้ว ถ้าหากจัดการได้อย่างถูกวิธี รุ่นสามกลับกลายเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจครอบครัวที่อยู่มานานสดใสและเติบโตได้อย่างวัยรุ่นอีกครั้ง

จุดเริ่มต้นของพีคไม่ได้สวยหรู เขาเริ่มต้นจากการคิดว่าจะ ‘รีแบรนด์’ วุ้นผง ทว่าทันทีที่เขาเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้ง ปัญหาก็ทะลักเข้ามาแบบไม่คาดคิด

“แค่เราเปลี่ยนนิดเดียว ร้านค้าที่ต่างประเทศส่งของคืนกลับมาทันที เขาถามว่าทำไมโรงงานทำของปลอมออกมา กลายเป็นว่าเขาไม่เชื่อมั่น แม้จะมีการส่งจดหมายบอกไปแล้วก็ตาม”

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นทันทีในโปรเจกต์แรกของพีคในฐานะวัยรุ่นคนหนึ่ง ยังไม่นับปัญหากับหน่วยงานรัฐที่ควบคุมสินค้าประเภทนี้

“เป็นปัญหาจุกจิกที่เราในฐานะวัยรุ่นไม่ได้คิดว่าจะเกิดขึ้น จนทำให้ร้านค้าส่งของคืนกลับมาทั้งล็อต” พีคเล่าถึงสิ่งที่ไม่คาดคิด

ดังนั้น ในปีที่ 2 พีคจึงตัดสินใจที่จะกู้หน้าด้วยโปรเจกต์ ‘เครื่องจักร’ เพื่อช่วยพนักงานให้บรรจุวุ้นผงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ทายาทรุ่นสาม ‘วุ้นผงตราโทรศัพท์’ วุ้นผงอันดับ 1 ของไทยอายุ 60 ปีที่ยังเติบโตและพร้อมตอบรับทุกไอเดียในการทำอาหาร

ณ วันแรกที่นำเสนอไอเดียนี้ พีคถูกคัดค้านไม่ว่าจะจากพนักงานรุ่นเก่าหรือผู้บริหารรุ่นก่อน

ส่วนผลลัพธ์ก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่พีคคาด เพราะเกิดช่องโหว่ในเครื่องจักรที่นำมา ทำให้ความชื้นเข้าไปในซองวุ้นผง

“ถามว่ารุ่นก่อนเคยคิดจะนำเครื่องจักรเข้ามาใช้ไหม เคย เครื่องละ 10 กว่าล้าน แต่สุดท้ายใช้ได้แค่ 3 วัน”

แต่ด้วยแนวคิดวุ้น ๆ ที่เปิดกว้าง ทำให้พีคได้โอกาสลองผิดลองถูก จนค้นพบปัญหานี้ ทำให้ ณ วันนี้ มีการเพิ่มห้องควบคุมความชื้นขึ้นมา ทำให้เครื่องจักรที่พีคนำเสนอช่วยให้พนักงานทำงานได้ง่ายขึ้น

แม้ว่าเมื่อพูดถึงเครื่องจักร หลายคนอาจนึกถึงการนำเครื่องจักรเข้ามาเพื่อลดจำนวนพนักงาน แต่พีคกลับไม่ได้คิดแบบนั้น

ในทางกลับกัน แม้พีคจะปรับวิธีการทำงานที่อยู่กันแบบ ‘ครอบครัว’ ให้เป็นมืออาชีพขึ้นและได้รับโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานตามผลงานและความสามารถ แต่พนักงานเก่าแก่ก็ยังคงอยู่ ส่วนพนักงานใหม่ ๆ ที่เข้ามาก็ล้วนเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้น และได้รับคำแนะนำต่อ ๆ กันให้มาทำงานที่เซ้งฮวด

“เรื่องกฎต่าง ๆ ในองค์กร พนักงานทุกคนได้รับสิทธิ์ให้เข้ามานั่งประชุมกันเพื่อสร้างกฎระเบียบในการทำงานร่วมกัน อันไหนไม่โอเคก็บอกเพื่อให้ปรับได้”

“อย่างเรื่องการใส่ชุด เราเองอยากให้ใส่ชุดตลอดเวลา แต่ก็ได้รับความเห็นจากพนักงานว่า แล้วถ้าแอร์เสียให้ทำอย่างไร ดังนั้นก็ต้องรับฟังและหาทางร่วมกันในการปรับให้สอดคล้องกับผลลัพธ์ที่บริษัทต้องการ และต้องไม่ทำให้คุณภาพสินค้าลดลงด้วย”

ทายาทรุ่นสาม ‘วุ้นผงตราโทรศัพท์’ วุ้นผงอันดับ 1 ของไทยอายุ 60 ปีที่ยังเติบโตและพร้อมตอบรับทุกไอเดียในการทำอาหาร

หลายครั้งหลายคราว เมื่อพูดถึงธุรกิจครอบครัว เรามักจะได้ยินถึงปัญหาความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ซึ่งเมื่อมีธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง ยิ่งกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ทายาทหลายคนเบือนหน้าหนี

ในช่วงแรก เมื่อ ธุรกิจ + ครอบครัว ธุรกิจจึงกลายเป็นเรื่องในครอบครัว ซึ่งทำให้พีคก็เป็นเหมือนวัยรุ่นหลาย ๆ คนซึ่งก็คือ ความเครียดสะสม

วิธีแก้ปัญหาในส่วนนี้ของพีค คือการเปิดใจคุยปัญหาเรื่องนี้กับพ่อแม่อย่างเปิดเผย และจบปัญหาด้วยการที่พีคแยกไปอยู่อีกบ้านหนึ่ง 

“พอไปอยู่คนเดียวแล้วชีวิตดีขึ้นมาก ความสัมพันธ์กับครอบครัวก็ดีขึ้นด้วย” พีคเล่าสิ่งที่ทำให้เราประหลาดใจ

ตอนแรกเรานึกว่าเมื่อแยกกันอยู่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกครอบครัวนั้นแย่ลง แต่ไม่เลย เพราะหากเรามองจากกรอบที่ยืดหยุ่นและเปิดกว้างออกไป การแยกกันอยู่ทำให้แต่ละคนแยกเรื่องงานจากเวลาครอบครัวได้ง่ายขึ้น

ทายาทรุ่นสาม ‘วุ้นผงตราโทรศัพท์’ วุ้นผงอันดับ 1 ของไทยอายุ 60 ปีที่ยังเติบโตและพร้อมตอบรับทุกไอเดียในการทำอาหาร

“นอกเวลางานเราก็ไม่ได้เจอกัน ไม่ได้คุยเรื่องงานกัน กลายเป็นว่าทุกคนในครอบครัวให้ความสำคัญกับกิจกรรมในครอบครัวมากขึ้น เช่น เวลานัดกินข้าว บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดีขึ้น มีการอัปเดตชีวิตประจำวัน อาจมีเรื่องงานปะปนบ้างตามความเหมาะสม”

ด้วยแนวคิดที่ยืดหยุ่นและเปิดกว้างนี้ นอกจากทำให้ทายาททั้ง 2 รุ่นรับช่วงต่อได้อย่างราบรื่นขึ้นแล้ว ความสัมพันธ์และผลประกอบการของธุรกิจก็เติบโตขึ้นด้วย

จาก Top 5 ในวันวาน ในวันนี้ วุ้นผงตราโทรศัพท์กลายเป็นเจ้าตลาดอันดับ 1 ของวุ้นผงไทยอย่างแท้จริง

มากกว่านั้น วุ้นผงตราโทรศัพท์ในยุคของพีคยังมีการร่วมงานกับ บริษัท Heliconia H Group จำกัด ผ่านรายการทำอาหารชั้นนำอย่าง MasterChef Thailand และ TOP CHEF Thailand เพื่อพิสูจน์และตอกย้ำว่า วุ้นผงไม่ได้ทำได้แค่เมนูของหวานเดิม ๆ แต่พร้อมตอบรับทุกโจทย์เมนูอาหาร เหมือนกับ Tagline ที่พีคคิดขึ้นว่า

‘วุ้นผงตราโทรศัพท์ พร้อมตอบรับทุกไอเดีย’

ทายาทรุ่นสาม ‘วุ้นผงตราโทรศัพท์’ วุ้นผงอันดับ 1 ของไทยอายุ 60 ปีที่ยังเติบโตและพร้อมตอบรับทุกไอเดียในการทำอาหาร

Website : www.telephoneagar.com

Writer

Avatar

วุฒิเมศร์ ฉัตรอิสราวิชญ์

นักเรียนรู้ผู้ชื่นชอบการได้สนทนากับผู้คนและพบเจอสิ่งใหม่ๆ หลงใหลในการจิบชา และเชื่อว่าทุกสิ่งล้วนมีเรื่องราวให้ค้นหา

Photographer

Avatar

ผลาณุสนธิ์ ผดุงทศ

ช่างภาพที่โตมาจากเมืองทอง รักแมว ชอบฤดูฝน และฝันอยากไปดูบอลที่แมนเชสเตอร์