เพียงข้ามคืน หลังจาก TangBadVoice ปล่อยเพลง เปรตป่ะ คนฟังทั้งในและนอกวงการฮิปฮอปก็ถามหากันใหญ่ว่า เขาเป็นใคร

สำหรับคนที่เพิ่งผ่านเข้ามา 

เปรตป่ะ คือ เพลงแรปที่มีเสียงเพื่อน 2 คนกำลังเล่าเรื่องผีในป่า แค่ท่อนแรกที่ร้องว่า ‘ตะเคียน นี่ ที่เวลากล้ามเนื้อมันล็อกป่ะ (ห่ะ) นั่นมัน ตะคริว (อ๋อ) ตะคริว คือที่มันยืนต่อแถวกันเป็นระเบียบ นั่นมัน รอคิว (อ๋อ)’ เราก็รู้ทันทีว่าทุกคนที่ได้ฟังจะรักเพลงนี้ เพราะเป็นการรวมเรื่องเล่าที่เดายาก มุกตลกคาเฟ่โป๊งฉึ่ง เนื้อเพลงแรปสอดประสานสนุก และทำนองติดหู มาไว้ในเพลงเดียว

หลายคนยกให้เจ้าของเพลงเป็นอัจฉริยะ เพราะไม่ใช่แค่เพลงสนุก แต่ฟังแล้วคิดถึงเพื่อนที่ ปู ชง ตบ มาด้วยกัน 

ตั้ง ตะวันวาด ช่างภาพที่ลุกขึ้นมาเป็นแรปเปอร์ ทำ เพลงเปรตป่ะ ดังข้ามคืน จนคนทั้งวงการฮิปฮอปยกให้เป็นอัจฉริยะ

ตัวจริงของ TangBadVoice หรือ ตั้ง ตะวันวาด คือช่างภาพที่มีอาชีพเป็นผู้กำกับภาพในกองถ่ายภาพยนตร์ ที่มีงานอดิเรกเป็นการถ่ายภาพนิ่งและทำเพลงแรป

แต่งเอง ร้องเอง Featuring เองคนเดียว ตามชื่ออัลบั้ม EP โนวันเพลย์วิทมี ซึ่งนอกจากเพลง เปรตป่ะ แล้วยังมีอีก 2 เพลงที่เราชอบมากเหมือนกัน ได้แก่ เพลง ล้านนึง ที่เล่าเรื่องมาเฟียไอศครีมจ้างมือปืนไปฆ่าคู่แข่ง และเพลง ตั้งอะไร ที่เด็กชายตั้งเล่าประวัติสุดเก๋าให้เพื่อนหัวโจกนักเรียนฟัง 

ความสนุกคือ เพลงแรปของตั้งแหวกทุกขนบเพลงแรปที่เคยฟังมา จะบอกว่าเป็นพอดแคสต์ก็ไม่ใช่ เรื่องสั้นที่อยู่ในจังหวะบีตส์ดีๆ ก็ไม่เชิง เป็นเหตุผลที่ The Cloud ขอนัดหมายพูดคุยเรื่องทำเพลงที่ตั้งไม่เคยบอกใคร

เขาบอกว่าลุกขึ้นมาทำเพลงเพราะรู้สึกสนุก ไม่มีอะไรเกินกว่านั้น

แต่เราไม่เชื่อ ในฐานะที่เป็นนักเล่าเรื่องผ่านตัวอักษร เรารู้ว่ากระบวนการสร้างสรรค์ ตั้งแต่โครงเรื่อง ร่างเหตุการณ์ การกำหนดทำนองและโทน ล้วนผ่านการคิดแล้วและคิดอีกมากแค่ไหน ไม่เช่นนั้นจะมีเปรตป่ะถึง 7 ร่างได้อย่างไร ยังไม่รวมพรสวรรค์ด้านการเขียนที่สืบทางสายเลือดของแม่ผู้เป็นนักเขียนคนสำคัญในเชียงใหม่

หลายคนรู้จักตั้งในฐานะช่างภาพสตรีทดาวรุ่ง เขายอมรับกับเราว่า เหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนเปลี่ยนชีวิตและความเชื่อบางอย่างไปตลอดกาล อย่างน้อยก็กับเรื่องการทำเพลงแรปครั้งนี้ จึงอยากให้คุณได้ฟังเรื่องราวของเขา ทั้งวิธีคิด การทำงานสร้างสรรค์ด้วยความสนุก และการก้าวข้ามเรื่องดราม่าที่เขาบอกว่าหากย้อนเวลาไปได้ ก็จะทำแบบนั้นอยู่ดีเพราะมอบบทเรียนที่ใหญ่กว่าอัตตา

ใครยังไม่เคยฟังเพลงของตั้ง เราขอเวลาคุณ 4 นาที เลือกเปิดฟังจากชื่อที่ชอบ

ส่วนใครที่อยากทำความรู้จักเขาอยู่แล้ว งั้นเราขอเข้าเรื่องเลยละกัน

รูปเป็ดที่เป็นภาพปก นี่ตั้งใจชงมุกใช่ไหม

มีคนบอกว่าพี่เขาโคตรอัจฉริยะเลย เพลงเขาชื่อเปรตป่ะ และใช้รูปเป็ดป่ะ แต่ที่จริงมันเป็นห่านสามเด้ง เราก็เชี่ย (ลากเสียง) จริงด้วยว่ะ เบื้องหลังคือ เราทำเพลงเสร็จแล้วอยากให้เพลงไปอยู่ใน Spotify วิธีการคือทำผ่านเว็บไซต์หนึ่ง มีเงื่อนไขให้ใส่ภาพก็เลยเปิดเลือกจากอัลบั้มใน Google Drive เจอภาพนี้เป็นภาพแรก

ตั้ง ตะวันวาด ช่างภาพที่ลุกขึ้นมาเป็นแรปเปอร์ ทำ เพลงเปรตป่ะ ดังข้ามคืน จนคนทั้งวงการฮิปฮอปยกให้เป็นอัจฉริยะ

คนส่วนใหญ่รู้จักคุณในฐานะตากล้องภาพยนตร์และช่างภาพสตรีท ทำไมอยู่ๆ ลุกขึ้นมาทำเพลง

เราเริ่มรู้จักเพลงฮิปฮอปจากกลุ่มเพื่อนนักเรียนชั้น ป. 5 โรงเรียนนานาชาติที่เชียงใหม่ ตอนทำเพลงก็ไม่ได้มั่นใจมาจากไหน แค่อยากทำ ซึ่งเราเป็นคนหมกมุ่น ถ้าอยากทำอะไรแล้วหยุดทำไม่ค่อยได้ จริงๆ มีความฝันสามอย่าง เป็นช่างภาพในกองภาพยนตร์ เป็นช่างภาพสตรีท เป็นแรปเปอร์

เราทำอย่างไม่รู้ เพราะไม่แน่ใจว่าคนจะชอบเนื้อหาประมาณไหน เพลงแรปกระแสหลักจะพูดถึงการอวดตัวตน เราเรียกมันว่า Flex ที่แปลว่าเบ่งกล้าม ซึ่งเราไม่ค่อยฟังเพลงแรปไทย รู้แค่ว่าเพลงที่คนชอบมากๆ ถ้าไม่พูดถึงความรัก เกี่ยวกับความรวย ก็สะท้อนสังคมไปเลย เราอยากทำเพลงที่ไม่เกี่ยวกับอะไรเลยแต่แม่งตลก

ไม่เคยได้ยินเพลงแรปแบบนี้มาก่อน นี่คือการแหวกขนบไหม

จริงๆ วิธีการเล่าเรื่องแบบนี้มีอยู่แล้ว เราเคยฟังเพลงชื่อ Pillow Talking ของ Lil Dicky เรื่องเล่าถึงชายหญิงที่มี One night stand แล้วพูดคุยกันจึงพบว่าทั้งคู่ไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย โดย Lil ร้องเป็นเสียงผู้หญิงและผู้ชาย หรือเพลง Stan ของ Eminem คล้ายจดหมายโต้ตอบระหว่าง Eminem กับแฟนคลับที่คลั่ง Eminem มาก ซึ่งเขียนจดหมายถึงเขาหลังจากฟังเพลงที่ Eminem เขียนถึงการฆ่าเมียตัวเอง พร้อมบอกว่าจะเอาอย่าง Eminem จริง จะเห็นว่าในอัลบั้มหนึ่งจะมีเพลงแนวนี้สักเพลง ซึ่งเราชอบวิธีการเล่าแบบนี้ก็เลยเอามาใช้

ชอบอะไรในสไตล์หรือวิธีการเล่าเรื่องแบบนี้

เราชอบที่มันฟังดูธรรมชาติดี เวลาเราฟังเพลงแรปคนเดียวเหมือนเขากำลังสั่งสอน ให้ข้อคิดหรือบทเรียนคนฟังอยู่ แต่พอเป็นคนคุยกันมันธรรมชาติ อย่าง ‘หนีละกัน เชี่ยไม่มีน้ำมัน’ ในเพลง เปรตป่ะ เราพยายามใช้ภาษาบ้านๆ เพราะเคยสงสัยว่าทำไมเวลาเขียนคำคล้องจองภาษาไทยต้องลงด้วยคำแบบนภาหรือจันทราทุกที ซึ่งเราก็ไม่ได้ชอบแต่มันมักจะเชื่อมหรือลงไปทางนั้น เลยตั้งใจมากว่าจะทำให้คำมันบ้านที่สุด

เพลงที่มีเสียงคนคุยกันมันสนุกยังไง

สนุกที่สถานการณ์คับขัน อย่างเพลง เปรตป่ะ เป็นเรื่องของคนสองคนอยู่ในป่า เล่าเรื่องผีขัดกันไปมา พอเจอผีจริงก็วิ่งหนี แต่หนีไม่ทัน ฟังแล้วให้ความรู้สึกว่าเรากำลังเป็นไอ้ตัวใหญ่ๆ ที่เฝ้ามองเหตุการณ์นี้อยู่ เห็นไอ้ตัวเล็กๆ วิ่งกันตลกดี หรืออย่างเพลง ล้านนึง เป็นเรื่องมาเฟียจ้างมือปืนคนนี้ล้านนึง มือปืนไปจ้างคนอีกต่อห้าแสน สองแสนห้า หนึ่งแสน ตามลำดับ เรารู้สึกเรื่องแบบนี้สนุกดี เหมือนกำลังสรุปการคอร์รัปชันในหนึ่งเพลง แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดถึงขั้นนั้นนะ แค่อ่านข่าวเจอแล้วเอามาทำเพลงดีกว่า

โครงเรื่องมาก่อน ตัวละครมาก่อน หรืออะไรมาก่อน

เปิดบีตส์ก่อน ให้มัน ‘ตึ้ง ตึง ตึง ตึง ต๊ะ ตึ่ง ตึ่ง ตึ่ง ต๊ะ’ เราก็ฝึกแรปแบบไม่เป็นภาษาก่อน คือไม่เป็นทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพียงแค่ฟังว่าอันไหนดูดี ‘ชะแด่ ชะแด่ แชะ ตะดะแดด ต๊ะ แท แด แดดแดด ตะแดดตะตะ’ หาความเป็นไปได้ว่าในเพลงนี้มีอะไรฟังดูดี เราก็ไม่รู้คนอื่นทำยังไงนะ อย่างเพลง เปรตป่ะ  จะเป็น ‘ตื้อดือดือดืว ต๊ะ  ตื่อดือดือดือตื่อดือ ตื้อดือดือดืว ต๊ะ’ เราชอบแล้ว

แล้ว ‘ตื้อดือดือดืว’ เป็นคำว่าอะไรในภาษาไทย พอลอง ‘นั่นมัน’ ‘ตื้อดื่อ’ ได้นี่หว่า ‘ดือดืว’ ปลาซิว ‘ตื้อดือดือดืว’ ‘นั่นมันปลาซิว’ ก็ได้ ตะคริว ก็ได้ ก็คือเริ่มจากเสียงก่อนแล้วค่อยหาคำมาใส่ให้ฟังดูไม่ฝืน เช่น ถ้า ‘ตื้อดือดือดืว’ ‘นั่นมันตะหลิว’ มันก็ไม่ใช่ พอได้ท่อนแรกก็มาดูกันว่าจะเล่าอะไรต่อ ตอนแรกแต่งให้เหตุการณ์เกิดขึ้นในห้องเรียน จนเจอเสียง ‘ตือตึ๊ด’ ก็คิดถึงคำว่า ‘เปรตป่ะ’ เออฟังดูเปรตดี งั้นอยู่ในป่าดีกว่า ทุกอย่างพร้อมจะเปลี่ยนตลอดเวลา ตอนแต่งเพลงก็ยังไม่รู้ว่าจะจบลงที่ไหน

เหมือนแต่งเรื่องสั้นเหมือนกันนะ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าพอดีแล้ว ชอบแล้ว

เพลง ‘เปรตป่ะ’ มีเจ็ดดราฟต์ ดราฟต์แรกให้ตัวละครหนีผีสำเร็จ เสร็จก็ส่งให้เพื่อนที่ชอบเล่นมุกด้วยกันฟัง ซึ่งทั้งสองคนนั้นชอบมาก เพื่อนชื่อพีทก็ถามว่าทำไมไม่ใช้มุก ‘ไอคอส’ ‘ไฟช็อต’ แบบที่เด็กอินเตอร์เอานิ้วเดินไปแหย่ปลั๊กไฟเล่น เราก็เออดี เอาๆ อยากใช้ พอเพิ่มไฟช็อตเข้าไปทำให้ดนตรีเหลืออีกแปดบาร์ ก็เลยต้องแต่งเนื้อใส่เข้าไปเพิ่มให้ขับรถชน จบ 

เวลาเล่นมุกต่อมุกพวกนี้กับเพื่อนซึ่งเป็นเด็กอินเตอร์เราจะตื่นเต้นกันมาก เหมือน เฮ้ย! พวกเราครองภาษาไทย เราเป็นเจ้าภาษาไทยแล้ว แต่เป็นอะไรที่เพี้ยนๆ ไม่ใช่ภาษาที่ถูกต้อง เช่น อยู่ในกองถ่ายหนัง วันนี้แดดดี แดดดีที่เป็นเนื้อตากป่าว นั่นมันแดดเดียว จะมีความฝืนๆ อยู่ แดดเดียวเวลาที่เด็กแว้นกินเหล้าไม่มีสติ นั่นมันแซดเงียว มันเงียวเพราะมันเมามาก ที่เป็นคอมมิวนิสต์ป่าว หนึ่งสองสามสี่ห้าหกเจ็ดแปดเรียงต่อกัน นั่นมันแปดเคียว

วิธีออกแบบคาแรกเตอร์ของคนคุยกันในแต่ละเพลงเป็นยังไง

เกิดจากเราชอบล้อเลียนคน อย่างเสียงของคนคุม ป.4/2 ในเพลง ตั้งอะไร มาจากเพื่อนของแฟนที่ชื่อแทนกาย ซึ่งเป็นคนชิลล์ๆ ชอบพูดลากเสียงยาวๆ เราก็แอบฝึกในรถ ส่วนเสียงมาเฟียในเพลง ล้านนึง เป็นพี่ปั๊ป (ภิไธย สมิตสุต โปรดิวเซอร์และผู้กำกับภาพ ผู้บริหาร VS Service) ด้วยความที่เขาเป็นคนคิดในหัวเป็นภาษาอังกฤษจังหวะการเว้นวรรค เวลาพูดเขาเลยแปลกดี ส่วนในเพลง เปรตป่ะ ตัวละครตัวแรกมาจากตัวเราเองหลังทำงานออกกองถ่ายทั้งคืน ขณะที่ตัวละครอีกตัวอ้างอิงมาจากผู้กำกับท่านหนึ่ง ไม่ขอระบุชื่อดีกว่า เออ นั่นแหละ คนนั้นคือพี่ต้อม (เป็นเอก รัตนเรือง) และพี่แดง (ชาญกิจ ชำนิวิกัยพงศ์) ตากล้องคู่ใจ รวมกัน ซึ่งช่วงที่พวกเขาง่วงๆ พี่เขาจะทำเสียงต่ำแบบซีเรียสๆ เราชอบมาก

สำหรับคนที่ไม่เคยฟังเพลงแนวนี้มาก่อน เรารู้สึกเหมือนกำลังฟังนิยายวิทยุ ผสมตลกคาเฟ่โป๊งฉึ่ง องค์ประกอบเหล่านี้มารวมกันได้ยังไง หรือเป็นความสนใจที่มีอยู่ก่อนแล้ว

ส่วนหนึ่งเพราะแม่เราเป็นนักเขียน (อุ๋มอิ๋ม ลดาวดี นามปากกา ‘วดีลดา เพียงศิริ’ เจ้าของผลงาน ถึงเจ้าวายร้ายตัวน้อย บทประพันธ์ก่อนดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ดังเรื่องรักแรกอุ้ม พ.ศ. 2531) เขาก็ดันให้เราเขียน แต่เราดันเขียนมันเป็นเรื่องตลกตลอดเลย เพราะเราชอบมองเรื่องรอบตัวให้มันตลกด้วยมั้ง อย่างสถานการณ์ที่มันแย่จนพาตัวละครไปไกลถึงไหนไม่รู้

ถึงขั้นเคยตีพิมพ์รวมเรื่องสั้นนักเขียนเชียงใหม่ แล้วทำไมไม่อยากเอาดีด้านนี้

มันไม่ทันใจแหละ เราชอบคิดแล้วทำเลย แม่ยังบอกเลยว่าเราเหมาะกับงานโฆษณา แต่งานเขียน เราพิมพ์ไม่ทันกับที่คิด พอมาอ่านทวนที่เขียนก็ เฮ้อ อารมณ์มันไปแล้ว อย่างเวลาอัดเพลงเราก็จะไม่เขียนเนื้อ แต่อัดเลยแล้วฟังดูว่าเป็นยังไง แล้วคิดเพิ่มคำตรงนั้นเดี๋ยวนั้นเลย ชอบคิด-ทำ คิด-ทำ คิด-ทำ เราทำเพลงด้วยความรู้สึกว่าอยากทำมากๆ ต้องทำให้เสร็จก่อนจะหมดอารมณ์

คุณทำเพลงเพราะอยากให้คนฟังเพลงรู้สึกแบบไหน

รู้สึกสนุก อยากให้มีคนนั่งฟังแล้วแบบ ‘อ๋อออ’ (ร้องตามเพลง) แค่นี้ก็ดีมากเลย ซึ่งที่มาของอ๋อมาจากแรปเปอร์เขาจะชอบมี ‘เอ้’ เราก็อยากจะมีบ้าง แต่เป็น ‘อ๋อ’ จริงๆ ก็ดูไม่เท่ดีด้วย

ดูเหมือนว่าทั้งสามเพลงกดสูตรหรือมีปัจจัยที่ทำให้เพลงดังอยู่ครบถ้วน คือเป็นเรื่องผี มีเรื่องตลก และกวนมากๆ มีความติดหู ถ้ารู้แบบนี้แล้วเพลงต่อๆ ไปจะกดสูตรนี้อีกหรือเปล่า

เราไม่น่าจะทำได้ ต่อให้รู้ว่าทำแล้วดังแน่ๆ เพราะมันจะฝืนและเราไม่ชอบการทำซ้ำ ถ้าจะทำอะไรเดิมๆ เราจะรู้สึกไม่สนุกแล้ว 

การสร้างสรรค์ผลงานด้วยความสนุกมันสำคัญกับคุณยังไง

เราโชคดีที่พ่อกับแม่สอนอิคิไกแบบก่อนกาล สอนว่าทำอะไรต้องสนุก เลี้ยงตัวเองได้ และตอบอะไรบางอย่างในชีวิต พี่สาวเรารู้ตัวว่าชอบทำขนมตั้งแต่อายุสิบสาม พ่อแม่ก็สนับสนุนให้ไปสุดทาง เคยอยากเรียนเทควันโด ซึ่งตอนอยู่สายขาวก็ชอบมาก แต่พอขึ้นสายเหลืองต้องเตะคน เราไปเตะเพื่อนคนหนึ่งปากแตกก็กลับบ้านมาบอกแม่ว่า ไม่อยากเรียนแล้ว ไม่อยากทำร้ายคนอื่น ต่อมาร้องขอเรียนเปียโน พอเริ่มรู้สึกว่าไม่สนุกก็เลิก

เพลงในอุดมคติของคุณเป็นแบบไหน

เราชอบเพลงช้า เราชื่นชมคนที่เขียนเนื้อเพลงน้อยๆ ใช้คำเรียบๆ แต่ให้ความรู้สึกเยอะ ชอบมากแต่ทำไม่ได้ อย่างตอนนี้ชอบ Giriboy เป็นศิลปินเกาหลี ชอบมากๆๆ เนื้อเพลงน้อยๆ ปล่อยให้ดนตรีทำงาน เช่น ท่อน ‘I’ll be fine 괜찮아 (กเวนชันนา)’ เพลง 술자리 (ซูลจารี) หรือ Let’s Drink แค่นั้นเลยแต่น่ารัก ซึ่งเพลงเราเป็นแบบ ‘ตื้อดือดือดืว ต๊ะ ตื่อดือดือดือตื่อดือ ตื้อดือดือดืว ต๊ะ’ มันทำไม่ได้จริงๆ เหมือนงานภาพถ่าย Harry Gruyaert งานเขาจะไกลๆ น้อยๆ เห็นแล้วเรารู้สึกมากๆ หรืองานของ Burn My Eye ที่ถ่ายคนยืนตากแดดดูแล้วแทบจะร้องไห้ ลุ่มลึกเหลือเกิน เหมือนเขาเจอคำตอบของชีวิต แต่ถ้าเราถ่ายคนยืนตากแดด มันจะกลายเป็นคนโดนแดดแผดเผา ก็เลยยอมรับว่าทำอะไรน้อยๆ ได้ไม่ค่อยจะดี 

เพลงล่าสุด ‘U Sick Achoo’ ที่แต่งให้แฟนคือน้อยสุดเท่าที่จะทำได้แล้ว มันโรแมนติก และเราใช้ภาษาไทยแบบโรแมนติกไม่เก่งเลยเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ใช้คำสบายๆ แต่ก็ไม่วายแก้เขินด้วยการใส่ fu** ใส่ sh** ลงไป เดี๋ยวจะแต่งเพลงเกี่ยวกับแม่ด้วย สมัยเด็กๆ แม่ชอบเขียนเรื่องตลกที่เกี่ยวกับเรา แบบวันนี้ลูกฉันฉี่ในรถ แล้วจะไปต่อยรถคันหน้าที่เบรกไม่ทันเพื่อปกป้องแม่ เราก็ ฮึ! เอาเรื่องเรามาเขียนหาเงินหรอ ได้! เดี๋ยวเราทำบ้าง จะทำเพลงเนื้อหาว่าเขียนไลน์หาแม่ ‘สวัสดีครับแม่ เชียงใหม่หนาวไหม เออแม่ แม่ยังเอารถจักรยานขึ้นรถกระบะขับไปตลาด แล้วก็เอาจักรยานลง ถ่ายรูปเซลฟี่ แล้วก็เขียนว่าเหนื่อยจัง ยังทำอย่างนั้นอยู่รึเปล่าครับ’

ที่ผ่านมาชอบไรม์ (เนื้อร้องในเพลงแรป) ท่อนไหนของตัวเองที่สุด

ชอบ ‘พกสีขาวไปทุกที่ วาดเป็นทางม้าลาย อยากจะข้ามตรงนี้ กูต้องได้ข้าม เห็นไหมว่ากูน่ะอันตราย พูดไม่ออกเลยดิหน้ามึงมีจุดจุดจุด’ ชอบ เพราะลึกๆ แล้วเราอยากทำเพลง Flex หรือเพลงแบบพวกเบ่งกล้ามนิดนึงแหละ แต่ไม่อยากให้ดูว่าเป็นพวกขี้อวด ก็เลยเขียนท่อนนี้ออกมา ซึ่งตอบโจทย์นี้มากว่า คนอะไรพกสีขาวไปวาดเส้นเป็นทางม้าลาย ในความต่อต้าน มีความเคารพกฎจราจรอยู่ อยากเก๋าแต่จริงๆ ไม่เก๋าหรอกนะ รู้สึกเป็นตัวเราดี 

แล้วการเบ่งกล้ามโชว์เก๋าออกมาเลยมันไม่ดียังไง

คือเราก็อยากลองทำเพลงโชว์เก๋า แต่ไม่อยากให้ดูเสี่ยวก็เลยทำให้มันเก๋าปลอมๆ ไปเลย อ้างอิงมาจากเรื่องจริงในวัยเด็ก เคยแอบหนีแม่เที่ยว Warm up ร้านดังในเชียงใหม่ ตอนอายุสิบหก ไปถึงยามก็ขอตรวจบัตร เราบอกไม่ต้องพี่ ผมสนิทกับพี่หลุยส์ ที่พูดเพราะเพิ่งอ่านเจอมาว่าเจ้าของร้านชื่อหลุยส์ ซึ่งพี่หลุยส์ยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงนั้นพอดีเขาก็ถาม มึงเป็นใคร หนีแทบไม่ทัน เราแม่งมีเหตุการณ์พยายามเก๋าเยอะมาก สมัยเด็กๆ มีครั้งหนึ่งพาแฟนเก่าซึ่งเป็นสาวเกาหลีและญาติชื่อจ๊อยไปเที่ยวกลางคืน ตั้งใจโชว์เก๋าราวกับเราเที่ยวกลางคืนเป็นปกติมาก ระหว่างนั่งตุ๊กตุ๊กกลับบ้าน ตุ๊กตุ๊กก็เปลี่ยนใจไม่ไปส่ง ขอให้ลงกลางทาง เราก็เก๋าไงชูนิ้วกลางใส่เขา ทีนี้ลุงตุ๊กตุ๊กถอยรถกลับมาตั้งการ์ดมวยแบบย่างสามขุม ของจริงมาก เราก็ทำเป็นเข้มเพราะอยู่ต่อหน้าสาว หลังจากออกหมัดแรกซึ่งห่างจากคู่ต่อสู้เป็นเมตรก็โดนลุงซ้อมเลือดเต็มหน้า 

เทควันโดที่เรียนมาไม่ช่วยอะไร

ใช่ พอฟื้นขึ้นมาแฟนเกาหลีก็ขอเลิกเพราะต่อยแพ้ลุงตุ๊กตุ๊ก

การลุกขึ้นทำเพลงในชื่อ ‘ตั้ง ตะวันวาด’ aka TangBadVoice เปลี่ยนชีวิตคุณยังไงบ้าง

เราเคยมีความเชื่อว่า ถ้าพยายามแล้วอยากได้มากๆ มันก็จะได้ ช่วงที่ถ่ายรูปสตรีทเป็นช่วงที่ต้องการการยอมรับสูงมาก อยากให้คนเก่งๆ เห็นว่าเราเก่ง อยากให้คนระดับตำนานมาสนใจเรา เราก็ทำๆๆ จนไปอยู่จุดนั้น วันหนึ่งก็ถามตัวเองว่า ทำไปทำไมวะ พอมาทำเพลง แฟนเราก็ถามว่าทำไปทำไม เราตอบว่า อยากทำสนุกๆ แฟนก็ถามลึกอีกว่า ลึกๆ ทำไปทำไม เขาถามจี้จนเราตอบว่า เออ กูต้องการการยอมรับ 

ตั้ง ตะวันวาด ช่างภาพที่ลุกขึ้นมาเป็นแรปเปอร์ ทำ เพลงเปรตป่ะ ดังข้ามคืน จนคนทั้งวงการฮิปฮอปยกให้เป็นอัจฉริยะ

ระดับความต้องการการยอมรับตอนถ่ายรูปสตรีทกับทำเพลงแรปมันเหมือนหรือต่างกันยังไง

ตอนทำเพลงไม่มีอะไรนอกจากความอินกับความสนุกเลย เรารู้สึกว่าเป็นเด็กแรกเกิดมากไม่มีเจตนาอื่นเลย สนุกมาก ยิ่งทำยิ่งมัน รู้สึกเอาอีกๆๆ ตลอดเวลา แต่ตอนจะปล่อยเพลงเนี่ยรู้สึกต่างไปเลย เพราะเราเปลี่ยนไปจากเราคนนั้นเมื่อสามปีก่อน

ช่วงที่ถ่ายภาพสตรีทใหม่ๆ เราถ่ายภาพเท้าช้างในสระน้ำ จำได้ดีว่าคนฮือฮาว่าเจ้าของงานนี้เป็นใคร คนในวงการที่ต่างประเทศก็ชื่นชมเรียกเราว่าเด็กมหัศจรรย์ มีคนชวนไปแสดงงานที่มุมนั้นมุมนี้ของโลก เรายิ่งตื่นเต้นและคิดว่าตัวเองยอดเยี่ยม ยิ่งถ่ายก็ยิ่งกระหายอยากถ่ายงานให้ได้ทุกวัน แต่ภาพสตรีทมันพึ่งโชคห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วเรายอมรับความจริงของข้อจำกัดข้อนี้ไม่ได้ กดดันตัวเองว่าต้องทำให้ได้ทุกวัน คิดไปเองว่าคนทั้งโลกกำลังรอดูภาพเราอยู่ เราต้องมีภาพวันนี้ เดี๋ยวนี้ ตอนนี้ ขณะเดียวกันก็หันไปเห็นยามอยู่ในซีนที่ดี แต่จังหวะยังไงก็ไม่ได้ ตัดสินใจจ้างยามเพื่อเซ็ตภาพถ่ายนั้นขึ้นมา

ตั้ง ตะวันวาด ช่างภาพที่ลุกขึ้นมาเป็นแรปเปอร์ ทำ เพลงเปรตป่ะ ดังข้ามคืน จนคนทั้งวงการฮิปฮอปยกให้เป็นอัจฉริยะ

เกิดเป็นเรื่องราวขึ้นมา มีคนตามหาความจริงของภาพชุดนั้น เพราะถือเป็นเรื่องที่ผิดมากในวงการสตรีท

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เราจะไม่แก้เหตุการณ์นั้นเลย เพราะเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเรามาก เมื่อก่อนไม่กล้ายอมรับกับตัวเองว่าเป็นคนต้องการการยอมรับสูง หลังเกิดเหตุเราได้รับ Hate mail มากมาย เราหลอนมือนั้นมาก ไปไหนก็เห็นภาพมือๆ เต็มไปหมด โทษตัวเองว่าไม่น่าถ่ายภาพนั้นมาเลย จนวันหนึ่งที่ลุกขึ้นมาถ่ายภาพมือตัวเองที่บ้านร้าง ตบแฟลชๆ ได้ภาพชุดมือ และทำอะไรอีกมากมายที่ไม่รู้ทำไปทำไม หมกตัวในสวนน้ำ ดำน้ำถ่ายรูปทั้งวันเพื่อหาสัตว์ประหลาดใต้น้ำ จังหวะที่กำลังถ่ายก็ว่ายไปเจอคนรู้จัก เราก็รีบหนีในทันที มาคิดได้ตอนหลังว่าเราทำภาพชุดใต้น้ำชุดหลังนี้เพราะเรารู้สึกปลอดภัยกว่าเมื่ออยู่ใต้น้ำ เราเซ็ตภาพมือยามแล้วบอกทุกคนว่าไม่ได้เซ็ต เราอายกับเหตุการณ์นั้นมากจนไม่อยากอยู่บนบก วันที่แสดงงานภาพชุดนี้ เป็นวันที่กลับมาพบชาวสตรีทครั้งแรกหลังจากเหตุการณ์นั้น ทุกคนเดินเข้ามาบอกว่า เหี้ย ภาพแม่งดีมาก ทำต่อไปนะ แล้วเข้ามากอด 

ตั้ง ตะวันวาด ช่างภาพที่ลุกขึ้นมาเป็นแรปเปอร์ ทำ เพลงเปรตป่ะ ดังข้ามคืน จนคนทั้งวงการฮิปฮอปยกให้เป็นอัจฉริยะ
ตั้ง ตะวันวาด ช่างภาพที่ลุกขึ้นมาเป็นแรปเปอร์ ทำ เพลงเปรตป่ะ ดังข้ามคืน จนคนทั้งวงการฮิปฮอปยกให้เป็นอัจฉริยะ
ตั้ง ตะวันวาด ช่างภาพที่ลุกขึ้นมาเป็นแรปเปอร์ ทำ เพลงเปรตป่ะ ดังข้ามคืน จนคนทั้งวงการฮิปฮอปยกให้เป็นอัจฉริยะ

เหตุการณ์นั้นทำให้เรียนรู้ว่า…

พอรู้ตัวว่าอยากได้อะไรในชีวิตดีกรีความคลั่งที่มีก็ลดลง พอยอมรับกับตัวเองว่า เออ! ใช่ กูอยากได้รับการยอมรับ ไม่ปฏิเสธอีกต่อไปแล้วว่าไม่อยากได้มันแค่เข้ามาเองแบบนั้น

มาวันนี้ พอจะปล่อยเพลงเลยรู้สึกดีนะ เหมือนมีอีกเสียงในตัวเราบอกว่าความชื่นชอบตอนนี้เป็นกระแสที่อยู่ไม่ยืนยาว ซึ่งต่างจากตอนถ่ายภาพ ตอนนั้นคิดว่าตัวเองเป็นอมตะไม่มีวันตาย หลังปล่อยเพลงแล้วเห็นยอด Follower ในอินสตาแกรมเพิ่มขึ้นเจ็ดพันในแปดวัน เราเริ่มคิดแล้วว่า เดี๋ยวๆ ให้งานมันอยู่ของงาน เอาชีวิตสงบๆ กูคืนมา จริงๆ เราชอบชีวิตตอนนี้ที่มันดีอยู่แล้ว

ก็เลยไม่อยากเผยตัวตนว่าตัวเองเป็นใคร

ก็รู้ได้นะ เหมือนงานของช่างภาพที่อยากให้คนรู้จักงานมากกว่าหน้าตา เพราะจริงๆ ถ้าอยากรู้หาในกูเกิลก็เจอ

หลังปล่อยเพลงออกมา มีคนในวงการฮิปฮอปพูดถึงคุณเยอะมาก ไม่คิดจะเอาดีด้านนี้เลยหรอ

เราชอบถ่ายหนังมากกว่ามากๆ เราชอบจัดแสง รู้สึกสนุกกับการอยู่ดำดิ่งลงไปในซีนที่ถ่าย ขณะที่ถ่ายภาพสตรีทกับทำเพลงเราแค่อยากทำ ถ้าต้องบังคับกันหรือจัดให้เป็นงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ กลัวจะรู้สึกไม่สนุกจนอยากเลิกทำ ช่วงทำเพลงเราฝึกแรปและฮัมเพลงตลอดเวลา เราอินและคิดถึงเรื่องนี้ทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่ว่าจะทำอะไรจะมีเรื่องนี้ในหัวตลอด อย่างตอนนี้มีเพลงที่แต่งและขึ้นโครงไว้อยู่สิบห้าถึงสิบหกเพลง

Writer

นภษร ศรีวิลาศ

นภษร ศรีวิลาศ

บรรณาธิการธุรกิจ The Cloud 4.0 แม่บ้านและฝ่ายจัดซื้อจัดหานิตยสารประจำร้านก้อนหินกระดาษกรรไกร ผู้ใช้เวลาก่อนร้านเปิดไปลงเรียนตัดเสื้อ สานฝันแฟชั่นดีไซเนอร์ในวัย 33 ปัจจุบันเป็นแม่ค้าที่ทำเพจน้องนอนในห้องลองเสื้อบังหน้า ซึ่งอนาคตอยากเป็นแม่ค่ะ

Photographer

Avatar

ธีรพันธ์ ลีลาวรรณสุข

ช่างภาพ นักออกแบบกราฟิก นัก(หัด)เขียน โปรดิวเซอร์และผู้ดำเนินรายการพอดแคสต์ และอื่นๆอีกมากมายแล้วแต่ว่าไปเจออะไรน่าทำ IG : cteerapan