“เบลล่าใช้ meme รูปตัวเองที่ทำหน้าพี่กิ๊ก สุวัจนี ในโซเชียลหรือไลน์ส่วนตัวบ้างมั้ย”

เราถามบุคคลตรงหน้า ระหว่างที่ช่างภาพสาวของเราขอให้เธอทำหน้าตาคล้าย meme สุดฮอต และเกือบลืมตัวต่อท้ายประโยคคำถามนี้ด้วยคำว่า “..เจ้าคะแม่นาย”

เบลล่าตอบปฏิเสธเสียงใส เพราะเป็นเธอเองที่ได้รับภาพ meme เหล่านั้นแทนความรักจากเพื่อนพ้อง

ย้อนกลับไม่กี่สัปดาห์ก่อน เพียงวันแรกที่ละครออกอากาศ เสียงชื่นชม (และสีลิปสติกแซ่บๆ) ก็เรียกร้องให้เราวางงานที่มี แล้วลงมือพิมพ์คำว่า “ดูย้อนหลัง บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 1”

แล้วก็ต้องยอมรับกับตัวเองภายใน 15 นาทีแรกว่า ‘แย่แล้ว ฉันกลายเป็นคนติดละครแล้ว’ 

โชคยังดี ที่เราไม่ใช่คนเดียวที่ติดละครเรื่องนี้ เพราะขนาดเพื่อนนักการธนาคารที่งานรัดตัวสุดๆ ยังสละเวลามาแสดงความคิดเห็นเรื่องสีสไบของแม่หญิงการะเกดกับเรา นั่นแปลว่า การะเกด แกแมสแล้วจริงๆ (อ่านบทสัมภาษณ์ผู้จัดละครถึงวิธีคิดและเบื้องหลังความติดหนึบของละครเรื่องนี้ได้ที่นี่)

เราสนใจการแสดงจ้างร้อยเล่นล้านของ เบลล่า-ราณี แคมเปน เพราะสัมผัสถึงความตั้งใจ ความกล้า และการท้าทายตัวเองด้วยบทบาทในเรื่องนี้ การนัดหมายระหว่างเรากับแม่นายแห่งชาติในวันนี้จึงเกิดขึ้น

ตัดภาพกลับมาที่แม่นายในชุดสีหวานแบบสมัยนิยม

นอกจากเรื่องการทำงานที่ทำให้เราเปลี่ยนภาพจำนางเอกที่เคยเข้าใจใหม่ทั้งหมด เราชวนเบลล่าคุยเรื่องความฝัน ความรัก ความสนใจ ความโชคดี และซีรีส์เกาหลีที่เธอชอบ

แล้วออเจ้าจะไม่แปลกใจว่าทำไมคุณพี่หมื่นทั้งในจอและนอกจอจึงรักแม่นายคนนี้

เบลล่า ราณี

เบลล่าได้เข้าไปอ่านคอมเมนต์ในโซเชียลบ้างมั้ย

อ่านบ้างค่ะ เบลชอบอ่านใน Twitter สนุกมาก ตั้งแต่วันที่ละครออนแอร์ตอนแรก จะเห็นคนแชร์รูปที่ทำหน้าพี่กิ๊กเยอะมาก ใส่คำพูดนู่นนี้ ยิ่งท่านอนที่ทำท่าเบะปากแล้วใส่คำว่าเหลามา ตลกมาก ทำไมครีเอตกันเก่งจัง ยิ่งอ่านยิ่งสนุก แต่ว่าหลังๆ ก็จะอ่านไม่ค่อยทัน แต่ก็มีคนส่งมาให้อ่านตลอด ก็รู้สึกดีใจที่เห็นคนชอบละครเรื่องนี้

ส่วนใหญ่เขาพูดถึงว่ายังไงบ้างคะ เขาชอบอะไรกันบ้าง

มีทั้งเรื่องของคาแรกเตอร์ พูดถึงการะเกดว่า โห แซ่บมาก สะใจมาก ส่วนที่พูดถึงเกศสุรางค์จะบอกว่าไม่คิดว่าเบลล่าจะตลกได้ขนาดนี้ นอกนั้นจะพูดถึงความน่ารัก ความทะเล้น ตอนอยู่กับพี่หมื่น หรือเรื่องพี่หมื่นแร็พ อ่านหมดนะ เวลาอ่านเจอแบบนี้แล้วชื่นใจมากเลย อีกส่วนนึงก็คือเรื่องที่ทำให้คนหันมาสนใจประวัติศาสตร์กันเยอะขึ้น มีเที่ยววัดตามรอยละคร หรือมีน้องๆ เด็กๆ อยากเข้าคณะโบราณคดี เป็นเรื่องที่เราไม่คิดมาก่อนว่าการเป็นส่วนหนึ่งในละครเรื่องนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนมากขนาดนี้

ย้อนกลับไปสมัยเรียน เด็กหญิงเบลล่าชอบเรียนวิชาประวัติศาสตร์มากแค่ไหน

ชอบเรียนมาก ประวัติศาสตร์เป็นหนึ่งในวิชาสังคม เพราะเบลเป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว พอได้อ่านวิชาสังคมเราจะรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นวิชาการจ๋า เบลก็เลยชอบ แต่ไม่รู้ทำไม วิชานี้ไม่เคยได้เกรดดีนี้เลย แต่จะเกรดดีในวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ พอเป็นวิชาสังคม ทำไมคะแนนฉันมันต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากขนาดนี้ (หัวเราะ)

การทำงานในละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส คุณต้องทำการบ้านหรือเตรียมตัวในส่วนที่เป็นเรื่องประวัติศาสตร์ยังไงบ้าง

ความจริงแล้วทีมงานแนะนำให้ไปหาเอกสารตามหอจดหมายเหตุมาอ่าน แต่ว่าเราไม่ได้มีเวลาขนาดนั้น แต่เบลอ่านนิยายมาแล้วรอบหนึ่งก่อนที่จะมาเล่นเรื่องนี้ พอได้รับบทโทรทัศน์มาก็เหมือนได้ทบทวนอีกรอบนึง เราก็จำได้ เพราะว่าในบทเราจะเป็นคนแม่นเรื่องประวัติศาสตร์มาก จำได้แบบปึ๊บๆๆๆ 

มีเรื่องไหนที่เป็นความรู้ใหม่ๆ หรือทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นกับมันมากๆ มั้ย

เราจะคุ้นๆ กับเรื่องเจ้าพระยาวิชาเยนทร์กับท้าวทองกีบม้า เราจำได้เลยว่าท้าวทองกีบม้าเป็นคนทำขนมไทย ซึ่งเราชอบกิน ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง แต่เราก็จำยุคไม่ได้ว่าตอนไหน พอได้มาถ่ายทำจริงๆ เราก็ตื่นเต้นไปด้วยที่เราได้มาเจอเรื่องที่เราเคยเรียนในห้องเรียนมาก่อน

เบลล่า ราณี เบลล่า ราณี

นอกจากเรื่องประวัติศาสตร์ คุณยังต้องเตรียมตัวกับเรื่องอะไรอีก

การต้องเล่นเป็น 2 ตัวละคร ตัวละครแรกคือการะเกด เป็นผู้หญิงสมัยอยุธยา มีความร้าย ร้ายแบบอำมหิต มีความยากและใช้พลังงานเยอะ เพราะว่าในใจของตัวละครตัวนี้มีความอยากได้อยากมี ความโกรธ ความเกลียด ใช้อารมณ์ข้างในค่อนข้างเยอะ ส่วนตัวละครเกศสุรางค์จะเป็นผู้หญิงน่ารัก อารมณ์ดี เป็นคนกวนๆ ตลก แต่เมื่อต้องหลุดข้ามภพไปอยู่ในยุคอยุธยา เราก็ต้องใช้จินตนาการค่อนข้างสูง

ก่อนจะเล่นเราต้องเวิร์กช็อป หาตัวละคร หาคาแรกเตอร์ ซึ่งการที่ต้องเล่นเป็นทั้งสองตัวละครยิ่งต้องทำให้คาแรกเตอร์ชัด ทำให้คนเชื่อว่าคนสองคนนี้เป็นคนละคนกันจริงๆ โดยเฉพาะบางฉากที่ต้องแสดงเป็นทั้งสองตัวละครในเวลาใกล้ๆ กัน ซึ่งจะทำให้เราทำงานและจับความรู้สึกของตัวละครได้ง่ายขึ้น แล้วก็ยังมีเรื่องจินตนาการถึงฉากต่างๆ เพราะใช้ CG หรือคอมพิวเตอร์กราฟิกไม่น้อย

ในเรื่องคุณต้องร่วมงานกับนักแสดงรุ่นใหญ่มากมาย คุณได้เรียนรู้อะไรจากพวกเขาบ้าง

ตอนแรกเราก็กลัวผิด กลัวจะทำให้เขาเสียเวลา เราก็จะท่องบทเป๊ะๆๆ ไปเลย พอก่อนเข้าฉากเนี่ย ผู้ใหญ่ก็จะพยายามชวนคุยเล่น ทำให้รีแลกซ์ ให้เราไม่เกร็ง แต่พอ 5 4 3 2 ปุ๊บ มาเป็นตัวละครเลย

5 4 นี่ยังคุยกันอยู่เลยนะ พอ 3 2 เนี่ยเงียบ แล้วก็ต่อบทได้เลย คือเขามีสมาธิกันสูงมาก ทุกคนเตรียมตัวมาดี ทำการบ้านมาดี แม้เราจะเผลอเล่นบ้าง แต่เราจะไม่ลืมบทและทำในสิ่งที่เตรียมมา

การท้าทายตัวเองด้วยบทบาทที่ยากสำคัญกับคุณยังไง

มันก็เหมือนเป็นการฝึกฝนเรา เพราะเราก็อยู่วงการมาสักพัก พอถึงจุดนึงที่เราได้รับบทที่ยากขึ้น ท้าทายขึ้น มันก็เป็นการบังคับให้เราต้องฝึกฝนตัวเอง กระตุ้นให้เราต้องก้าวไปอีกขั้นนึง เราจะต้องเก่งขึ้น และเมื่อโอกาสมาถึง เราก็ต้องเอาอยู่

การได้แสดงในละครเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุ้มมากจริงๆ เราได้ทำทุกอย่าง เป็นทั้งร้าย เป็นทั้ง comedy ข้ามภพข้ามชาติ มีผี มี CG อีก ได้ทำอะไรหลายอย่าง เล่นเรื่องเดียวได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เยอะมาก

ความคาดหวังจากการทำงานในเรื่องนี้แตกต่างจากงานเรื่องที่ผ่านมายังไงบ้าง

สำหรับตัวเบลเอง เบลไม่ได้ใช้คำว่าคาดหวัง แต่เบลตั้งใจ คือมันยากใช่มั้ยคะ พอมันยาก เรายิ่งต้องตั้งใจ ยิ่งต้องทำการบ้านค่อนข้างเยอะ

แต่ละวันมันก็จะมีการะเกด เกศสุรางค์ การะเกด เกศสุรางค์ เต็ม breakdown คือเบลมีทุกซีน เพราะฉะนั้น เบลทำการบ้านหนักมาก และในแต่ละซีนก็ต้องเป็นธรรมชาติ เช่น เกศสุรางค์เป็นคนตลก บางทีก็ต้องใส่มุกเอง เป็นการปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามสถานการณ์ คุณพี่มองมาแรงมาก พอเราเห็นหน้าเขาเราก็รู้สึกสนุก จะเล่นอีก ใส่เข้าไปอีก ในขณะที่การะเกด เราก็เต็มที่ ต้องปล่อยแสง ใช้คำว่าปล่อยแสงเต็มที่ไม่กั๊กได้เลย

พอต้องสลับบทไปมา มีติดคาแรกเตอร์ไปใช้ในชีวิตประจำวันบ้างมั้ย

ถ้าเป็นการะเกดเนี่ยพอถ่ายเสร็จจะเหนื่อยมาก เหมือนเราใช้พลังข้างในเยอะ เบลต้องคิดอะไรอยู่ในหัวตลอดเวลา ดังนั้นพอเราคัตปุ๊บ เราก็ต้องตัดเลย ไม่งั้นมันทำให้ตัวเราเครียดเกินไปและทำให้เราติดรับพลังงานลบกลับบ้านไปด้วย แต่ถ้าเป็นเกศสุรางค์เนี่ยติดคาแรกเตอร์กลับบ้านไปด้วยได้ อารมณ์ดี ทำให้คนรอบข้างยิ้มมีความสุข

เบลล่า ราณี

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมากมายในวันนี้ส่งผลกับคนทำงานยังไงบ้าง

ทำให้เห็นผลของการทำงานอย่างตั้งใจ ทุกอย่างที่ทีมงานทำ ตั้งแต่ทีมงานทำบท ผู้กำกับ ทุกฝ่ายในเรื่อง องค์ประกอบต่างๆ ทั้งฉากและเครื่องแต่งกาย ทุกคนทำงานกันละเอียดมาก กว่าจะเปิดกล้องได้เราเวิร์กช็อปกันค่อนข้างเยอะ เราตั้งใจกันในทุกส่วน เรียกว่าเป็นงานที่ละเอียดและประณีตมากจริงๆ (อ่านเพิ่มเติม: วิธีคิดเบื้องหลัง ‘บุพเพสันนิวาส’ ของ หน่อง อรุโณชา)

สมมติถ้าไม่จำกัดยุคสมัยและเชื้อชาติว่าต้องเป็นอยุธยาในรัชสมัยพระนารายณ์ เบลล่าสุรางค์อยากย้อนอดีตไปอยู่ในร่างใครในยุคไหน

ถ้าคิดสนุกๆ จริงๆ ก็แอบกลัวว่าย้อนอดีตไปแล้วคงพูดกับใครไม่รู้เรื่อง เพราะประวัติศาสตร์ที่เรียนไปก็คืนครูหมดแล้ว จำอะไรไม่ได้เลย ก็จะงงๆ ย้อนอดีตไปอยู่ต่างประเทศไปเลยก็น่าจะสนุก ได้ใส่ชุดพองๆ หรูๆ หน่อย ขอเลือกไปอยู่อังกฤษอะไรแบบนั้น

และถ้าวันนั้นไม่ได้เข้าร่างแม่การะเกด เบลล่าสุรางค์จะอยากสลับวิญญาณไปอยู่ในร่างใครในเรื่อง

คุณพี่หมื่นก็ดูจะทำงานซีเรียสเหลือเกิน จันทร์วาดก็ร้อยมาลัย ไม่ค่อยมีปากมีเสียงเท่าไร เป็นจ้อยละกัน วันๆ ก็อุ้มไก่ ตีไก่ เขาดูอารมณ์ดีมีความสุข ถ้าเป็นผิน แย้ม ก็คงไม่ไหว โดนแม่นายตบ ขอเลือกเป็นจ้อยค่ะ (หัวเราะ)

เบลล่าเคยพูดว่า ‘การเล่นละครคือการศึกษาชีวิตคน’ แล้วบทบาทนางเอกที่ดูเรามักเข้าใจว่าราบเรียบและมีมิติเดียว ช่วยให้คุณศึกษาเรื่องชีวิตยังไงบ้าง

จริงๆ มันคือพื้นฐานของการเป็นคนคิดดีนะคะ ซึ่งความจริงแล้วบทนางเอกสมัยนี้จะไม่ค่อยเป็นนางเอกหรือนางร้ายซะทีเดียว ตัวละครจะค่อนข้างกลม อย่างตัวละครพิมาลาในเรื่อง เพลิงบุญ ก็จะหลุดๆ มีความโกรธ ความไม่มีสติ พูดถึงมนุษย์ที่มีทุกด้าน ไม่มีใครที่จะดีทั้งร้อย

ก่อนจะเล่นเราก็ต้องศึกษาพื้นฐานนิสัย ความคิดความอ่าน ทำความเข้าใจที่มาที่ไปของการกระทำ จากการเลี้ยงดูและฐานะทางบ้านของตัวละครที่เราสวม เพราะการทำงานแต่ละเรื่องใช้เวลาไม่น้อย เราก็ต้องเตรียมตัวเพื่อไม่ให้เสียเวลาผู้กำกับมาคอยบอก เวลาที่ได้เป็นหลายๆ คน เราก็จะได้เรียนรู้ความคิดหลายๆ แบบ

อย่างการะเกดที่ภายนอกทุกอย่างเหมือนจะสวยงามสมบูรณ์แบบ แต่ข้างในของเธอไม่มีความสุข เต็มไปด้วยความอยากเอาชนะ ความคิดที่เป็นพลังลบ จนกระทั่งมาคิดได้ในวันที่สายไป ทำให้เรียนรู้ว่าเราย้อนอดีตหรือแก้ไขสิ่งที่เราทำไปแล้วไม่ได้ ฉะนั้น เราควรจะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด หรือการที่เกศสุรางค์คิดว่าตัวเองเป็นคนไม่สวยตลอดเวลา แต่ก็ได้รับความรักจากคนรอบข้าง จากจิตใจที่ดีงามข้างใน การเป็นคนจริงใจและไม่คิดร้ายกับใคร

เบลล่า ราณี เบลล่า ราณี

สมมติถ้าวันนี้ไม่ได้เป็นนักแสดง เคยคิดมั้ยว่าตัวเองตอนนี้ทำอะไรอยู่

ถ้าเป็นตอนเด็กๆ เลยนะ เราอยากเป็นแอร์โฮสเตส เห็นเขาเดินลากกระเป๋าสวยๆ อย่างนี้ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้รู้หรอกนะว่าความจริงเขาทำหน้าที่อะไร เหนื่อยแค่ไหน โตขึ้นมาเบลมีเพื่อนที่เป็นแอร์ฯ เยอะ ทุกคนก็จะเล่าความเหนื่อยยากและการนอนไม่เป็นเวลาให้ฟัง

ตอนนั้นรู้แค่ว่าแอร์ได้เที่ยว ก็คิดว่าน่าสนุกดี เพราะถ้าให้ทำงานอยู่นิ่งๆ กับที่หรือทำงานประจำในออฟฟิศคงไม่ใช่ตัวเอง เราชอบเดินทาง ชอบเจอคนใหม่ๆ หน้าที่การงานทุกวันนี้จึงตอบโจทย์มาก ไม่ได้อยู่นิ่งกับที่เลย แม้ว่าจะเป็นกองถ่ายกองเดิม แต่บทบาทที่ได้รับหรือว่าสถานการณ์ที่เราจะต้องเล่นมันเปลี่ยนไปทุกวัน งานเราจึงไม่น่าเบื่อเลย

และถ้าวันหนึ่งต้องรับบทแอร์โฮสเตสอาชีพในฝัน ตัวละครตัวนี้จะเป็นคนยังไง หรือบินประจำใน route ไหน

มันต้องสนุกมากแน่ๆ เราก็คงจะเดินบิดเป็นตัวเอส โหย (นิ่งคิด) คงจะเป็นแอร์โฮสเตสน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงาน รู้สึกว่าฉันสวยมาก มั่นใจในตัวเอง ภูมิใจในอาชีพมาก และก็คงจะบินในเส้นทางยุโรป (หัวเราะ)

เบลล่าเล่นโรแมนติกคอเมดี้มาก็มาก ดราม่าหนักๆ ก็หลายเรื่อง บทบาทที่เปลี่ยนไปส่งผลต่อมุมมองความรักยังไงบ้าง

เข้าใจมุมมองความรักหลายๆ แบบ แต่ก็ไม่ได้เอามาใช้เท่าไรนะคะ สำหรับเบล เบลมองว่าความรักคือความสุขที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน ที่เราไม่ต้องไปกำหนดกฎเกณฑ์อะไรมากมาย ถ้าเรามีความรักแล้วเรามีความสุข มันก็ดี เป็นเรื่องที่สวยงาม แต่ถ้าเราคาดหวังมากเกินไป จู้จี้มากเกินไป ก็มีแต่จะทำให้ไม่มีความสุข

แค่มีมัน ยิ้มไปกับมัน มีความสุขกับความรู้สึกนั้น แค่นี้ก็โอเคแล้ว

เป็นธรรมดาของในวงการบันเทิงที่จะถูกพูดถึงเรื่องความรักมากกว่าผลงาน แต่จากที่เรารู้จักเบลล่าในวันนี้ หรือจากความสามารถที่พิสูจน์ด้วยตัวเลขผู้ชม คุณทำให้เราเห็นว่าคุณให้ความสำคัญกับการทำงานมากกว่า

เบลคิดว่านี่เป็นหน้าที่ที่เรากำลังรับผิดชอบอยู่ หน้าที่ที่เราได้รับมอบหมาย แล้วก็เราก็อยากจะทำมันให้ดี เพราะถ้าพูดกันตามตรง เบลก็เข้าวงการมาค่อนข้างช้าถ้าเทียบอายุกับคนอื่นๆ แต่ว่าเบลมีความพร้อมที่จะก้าวมาทำงานอย่างเต็มตัว เพราะเรียนจบตรีแล้ว ในวันที่เริ่มต้นทำงาน เราเหมือนเป็นเด็กใหม่ในวงการ แม้จะอายุไม่เด็กแล้ว เราเชื่อว่าเราต้องตั้งใจทำงาน แค่นั้นเลย เบลไม่ได้มองเปรียบเทียบว่าจะต้องให้น้ำหนักกับอะไรมากกว่ากัน

แต่เบลเป็นคนมีเป้าหมายในชีวิต เมื่อตั้งเป้าหมายในชีวิต นั่นก็คือเบลเลือกแล้วนะว่าเบลจะเข้าวงการ เบลก็อยากจะทำให้มันเต็มที่ เบลก็ตั้งใจ อย่างเรื่องเรียนโท เบลก็อยากเรียนให้จบภายใน 2 ปี เบลอยากเรียนจบพร้อมเพื่อน การเรียนปริญญาโทมันคือความใฝ่ฝัน และมันก็น่าชื่นใจนะเพราะพ่อแม่คงชื่นใจมากๆ ดังนั้น นอกจากสานฝันตัวเองแล้วก็เผื่อในอนาคต เพราะเราก็คงไม่อยู่ตรงนี้ตลอดไป

อะไรทำให้เบลล่าเชื่อและให้ความสำคัญกับเรื่องการเรียนมากขนาดนี้

ครอบครัวจะปลูกฝังเสมอว่าถ้าเรามีความรู้เราสามารถไปทำอะไรก็ได้ มันคือพื้นฐานเลยนะ

เมื่อก่อนเบลก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงต้องมานั่งจดนั่งท่องอะไรอย่างนี้ พ่อบอกว่ามันก็เหมือนเป็นการฝึกฝนตัวเอง ทฤษฎีที่เรียนในวันนี้อาจจะไม่ได้นำไปใช้จริงในชีวิต แต่ความจริงเป็นเรื่อง mind set ข้างใน ให้เรารู้จักคิดอย่างมีระบบ ทำอะไรเป็นขั้นเป็นตอน เข้าใจแก่นสาร เราว่าความรู้ก็คือแก่นของตัวเรา ในวันที่เราจะเลือกเดินไปทางไหน ไปทำอะไร ก็ย่อมได้

เบลล่า ราณี

เห็นว่าช่วงที่ไม่เล่นละคร เบลล่ามักจะ…

เที่ยว!!! (ตอบทันที)

ใช่ ได้เรียนรู้อะไรจากการเดินทางแต่ละครั้งบ้างคะ

ไม่เชิงเรียนรู้ เป็นการได้พักผ่อนจริงๆ มากกว่า จากความเหนื่อยล้าและความเครียดจากการทำงาน ซึ่งบางทีเราตั้งใจเกินไปบ้าง กดดันตัวเองบ้าง และพอรู้ว่าเครียด เห้ย ตัวเองเล่นไม่ได้เลย ผู้กำกับก็จะบอกว่าเราคิดไปเอง (หัวเราะ) จริงๆ ก็เป็นเพราะพักผ่อนน้อย และทำงานติดๆ กัน เหมือนพลังข้างในมันก็ถูกใช้ไปเยอะ ดังนั้น พอไปเที่ยวปุ๊บ ได้สูดอากาศ ได้ปล่อย ได้ไปเห็นอะไรสวยๆ งามๆ เราก็กลับมามีพลัง

มีความสนใจอื่นๆ ที่คนไม่ค่อยรู้บ้างมั้ย

ตอนนี้เรียนดำน้ำอยู่ค่ะ อยากไปเปิดโลกอีกโลกนึง เพราะทุกคนรอบข้างชอบเล่าความมหัศจรรย์ใต้น้ำให้ฟังตลอด แล้วไปอ่านเจอในหนังสืออะไรจำไม่ได้ เขาบอกว่าการดำน้ำเป็นเหมือนอีกโลกนึงจริงๆ โลกที่เราจะได้สงบและอยู่กับตัวเอง เพราะเราจะอยู่ภายใต้หน้ากากดำน้ำของเราไม่คุยกับใคร เลยตัดสินใจไปเรียนดำน้ำ

แล้วได้ไปออกทริปดำน้ำที่ไหนบ้างแล้วหรือยัง

ยังเลยค่ะ แต่เป็นเป้าหมายของปีนี้เลย ถ้าออกทริปก็คงเป็นที่ไทยก่อน คงยังไม่ไปไกลต่างประเทศ

อะไรคือเรื่องที่โชคดีที่สุดในชีวิตช่วงนี้ ชนิดที่ว่าเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม

บุพเพสันนิวาส คือไม่ได้ถึงขั้นเปลี่ยนชีวิต แต่เป็นเรื่องที่ว้าวมากสำหรับเรา เราไม่คิดว่าคนจะชอบมากขนาดนี้ ตอนที่เราเล่นเราก็เต็มที่ ไม่มีคำว่าห่วงสวย ห่วงลุคนางเอก ไม่มีเลย คือทิ้งทุกอย่าง จริงๆ ปกติก็ทิ้งแหละ แต่ก็ไม่เคยได้รับบทบาทที่เต็มที่ขนาดนี้

เบลล่า ราณี เบลล่า ราณี

คำถามนี้ไม่ถามคงไม่ได้ มีติดทำหน้าแบบพี่กิ๊ก สุวัจนี ข้างนอกบ้างมั้ย

ทุกที่ เจอใครทุกคนก็จะขอให้ทำหน้าแบบนี้ แม้กระทั่งไปร้านกาแฟ มีคนมาขอถ่ายรูป ก็ขอให้ทำหน้าพี่กิ๊กหน่อยได้มั้ยคะ คือจะดีหรอคะน้อง ถ่ายรูปพี่สวยๆ ไว้ดีกว่ามั้ยน้า

ได้ข่าวว่าชอบดูซีรีส์เกาหลีมาก

ใช่ค่ะ ชอบมาก

สมมติถ้ามีโปรเจกต์รีเมกเป็นเวอร์ชันไทย เบลล่าอยากให้เรื่องนั้นเป็นเรื่องอะไร

เรื่องไหนดีน้า เราชอบ I’m Sorry, I Love You มาก อาจจะเก่ามากแล้วแต่เราชอบมากๆ ชอบโซจีซบตั้งแต่เรื่องนี้เลย ขอตอบเรื่องนี้แล้วกัน

และถ้า บุพเพสันนิวาส ต้องไปรีเมกเป็นเวอร์ชันเกาหลี อยากให้ดาราคนไหนมาแสดง

อยากให้จอนจีฮยอนมาเล่น เพราะเขาเป็นคนตลกมากและไม่ห่วงสวยเลย เห็นจากหลายๆ เรื่องที่เขาเล่น คิดว่าต้องสนุกแน่ๆ ส่วนคุณพี่หมื่น ก็ต้องขรึมๆ หน่อย อาจจะเป็นโซจีซบ เพราะขรึมก็ได้ ตลกแบบโค้ชชีนิมก็เป็น โอย ละลาย โอ๊ะ นึกออกแล้ว เบลชอบเรื่อง The Legend of The Blue Sea ที่จอนจีฮยอนเล่นมาก (เป็นแฟนตาซีที่นางเอกเป็นนางเงือกข้ามภพข้ามชาติมา) อยากให้ทำเป็นเวอร์ชันไทยเลย ในเรื่องนางเอกดูติ๊งต๊องๆ แบบดีอะ เป็น mind set การติ๊งต๊องอีกระดับ ซึ่งเบลเล่นได้แน่นอนเพราะว่าเรียนดำน้ำแล้ว (หัวเราะ) ต้องรีบไปเรียนให้เก่งๆ เลย

เบลล่า ราณี

ขอบคุณสถานที่
ร้านดอกไม้ Prestige Flowers
Parc 39, Sukhumvit 39
Instagram | prestigeflowers_bkk

Writer

นภษร ศรีวิลาศ

นภษร ศรีวิลาศ

บรรณาธิการธุรกิจ The Cloud 4.0 แม่บ้านและฝ่ายจัดซื้อจัดหานิตยสารประจำร้านก้อนหินกระดาษกรรไกร ผู้ใช้เวลาก่อนร้านเปิดไปลงเรียนตัดเสื้อ สานฝันแฟชั่นดีไซเนอร์ในวัย 33 ปัจจุบันเป็นแม่ค้าที่ทำเพจน้องนอนในห้องลองเสื้อบังหน้า ซึ่งอนาคตอยากเป็นแม่ค่ะ

Photographer

มณีนุช บุญเรือง

มณีนุช บุญเรือง

ช่างภาพสาวประจำ The Cloud เป็นคนเชียงใหม่ ชอบแดดยามเช้า การเดินทาง และอเมริกาโน่ร้อนไม่น้ำตาล