“นางเลิ้งมีอะไรใหม่”
เป็นคำถามแรกที่เราตั้งขึ้น เพราะย่านโบราณนี้ผ่านช่วงเวลารุ่งเรืองถึงขีดสุด ถึงขั้นมีคนเปรียบว่าเป็น ‘สยามสแควร์’ ของหนุ่มสาวชาวกรุงยุคก่อน ความคึกคักในตอนนั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเมืองเก่าที่เงียบสงบเหมือนกำลังหลับใหล วิถีชีวิตที่เนิบช้ากลายเป็นภาพที่ใครผ่านไปมาได้เห็นจนชินตา
ปัจจุบันนางเลิ้งตื่นขึ้นอีกครั้ง ร้านค้า คาเฟ่ ร้านอาหาร และโรงแรมรีโนเวต เริ่มผุดขึ้นตามสองข้างทาง คนรุ่นใหม่ในชุมชนเริ่มปรับปรุงบ้าน คนนอกพื้นที่ซึ่งหลงเสน่ห์ความสงบของย่านนี้ก็เริ่มเข้ามาช่วยกันปลุกนางเลิ้งให้มีชีวิตชีวายิ่งกว่าเดิม พวกเขาเอาวิถีใหม่มาทาบทับกับตึกเก่า และช่วยกันเล่าเรื่องราวของนางเลิ้งผ่านสิ่งใหม่อย่างลงตัว
หลังพาเที่ยว 10 สถานที่เก๋าที่ยังคงเสน่ห์เมืองเก่า ไปแล้ว คราวนี้ขอพาแวะ 11 สถานที่เก๋ของคนรุ่นใหม่ในย่านเก่าแก่ ตั้งแต่ถนนหลานหลวงจนถึงนางเลิ้ง ทั้งร้านขายของวินเทจในร้านเสริมสวยเก่า อดีตบ้านเจ้าพระยาที่กลายเป็นคาเฟ่และศูนย์การเรียนรู้ โรงแรมในโรงพิมพ์เดิมที่เปลี่ยนเป็นทั้งที่พักและพิพิธภัณฑ์ รวมถึงร้านอาหาร คาเฟ่ และบาร์ ที่ทำให้ย่านนี้คึกคักมีชีวิตชีวาทั้งกลางวันและกลางคืน
01
Mamuang Shop & VL by VEE
บ้านน้องมะม่วงหลังใหม่ในโรงรับจำนำเก่า

เปลี่ยนโรงรับจำนำเก่าบนถนนหลานหลวงให้กลายเป็นบ้านหลังใหม่ของน้องมะม่วง ตุ๊กตาเด็กผู้หญิงหัวโต ผมหน้าม้าสีน้ำตาลขวัญใจทั้งชาวไทยและญี่ปุ่น อีกห้องหนึ่งเป็นช็อปเสื้อผ้าฝีมือคนไทยที่ไปโด่งดังอยู่ในญี่ปุ่นอย่าง VL BY VEE รังสรรค์โดย ตั้ม-วิศุทธิ์ พรนิมิตร และ วี-ฮิโรกะ ลิมวิภูวัฒน์ สองสามีภรรยา พอย่างกรายเข้าไปในร้านพบกับผนังสีขาวนวล ประดับไปด้วยแสงไฟสลัว ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ย้อนยุคตามมุมต่างๆ เห็นแล้วให้บรรยากาศอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน


ทางเข้าของร้านเข้าได้ 2 ทาง ประตูบานหนึ่งพอเข้าไปจะเป็นของโซนน้องมะม่วงที่ออกแบบโดยคุณวี ใครจะรู้ว่าน้องมะม่วงอายุปาเข้าไปตั้ง 15 ปีได้แล้ว สินค้าน้องมะม่วงมีทั้งตุ๊กตา ผ้าเช็ดหน้า เสื้อเชิ้ต สมุดโน้ต กระเป๋า ฯลฯ ถัดมาอีกบานประตูพอเปิดเข้าไปจะพบเสื้อผ้า VL ที่แขวนเรียงรายอยู่ ทั้งสองแบ่งโซนกันอย่างชัดเจนในห้องเล็กๆ
ที่สำคัญยังมีสินค้าพิเศษหาซื้อที่ไหนไม่ได้ ต้องมาซื้อที่ร้านนี้เท่านั้น เช่น เสื้อผ้า VL BY VEE คอลเลกชันพิเศษ แถมยังมีสินค้าของมะม่วงที่ไม่ค่อยเห็นจากที่อื่นอีกด้วย ในอนาคตบริเวณชั้นสองที่แต่เดิมเป็นตู้เซฟเก่าเอาไว้เก็บของมีค่าของโรงรับจำนำอาจปรับเป็นพื้นที่ขายขนม ตอนนี้ทางร้านได้ลองทำไอศกรีมน้องมะม่วงออกมาให้ชิมกันบ้างแล้ว ส่วนชั้นสามจะปรับเป็นแกลเลอรี่ สำหรับจัดงานนิทรรศการ เล่นดนตรี จัดฉายหนัง ทำเวิร์กช็อป และวาดภาพพอร์เทรตอีกด้วย
1 ถนนหลานหลวง แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
เวลาทำการ : วันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา 11.00 – 19.00 น
02
Eden’s
ขนมอบในคาเฟ่ย้อนยุคสไตล์ฝรั่งเศสที่ทำขนมโฮมเมดจากชั้นบนของบ้าน

ตึกเก่าบนถนนหลานหลวงที่รีโนเวตใหม่เป็นทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ และบ้านแสนอบอุ่น ของ เด่น-นิรามย์ วัฒนสิทธิ์ ภายในร้านยังหลงเหลือร่องรอยของตึกเก่าโบราณ ผนังห้องที่สะท้อนสีของเวลายังไม่จางหายไป เมื่อเข้าไปภายในร้านจะพบกับเคาน์เตอร์ตัวยาวที่มีขนมต่างๆ วางเรียงรายเต็มไปหมด ถัดมาทางซ้ายมีโต๊ะและเก้าอี้ที่จัดแจงไว้อย่างดี ซึ่งทั้งหมดเป็นของเก่าที่นำมาผสมกันอย่างลงตัว
ความพิเศษของร้านนี้คือการรังสรรค์ผลงานผ่านอาหาร โดยเสิร์ฟความอร่อยของขนมอบโฮมเมดเป็นเมนูหลัก ในแต่ละวันมีขนมอบไม่ซ้ำแบบกัน 5 – 6 อย่าง ที่ทำสดใหม่ทุกวัน ไม่พอแค่นั้น ทางร้านยังมีอาหารเช้าเสิร์ฟจนถึงเที่ยงวัน อีกทั้งยังมีเมนู Toast ที่ลิ้มลองกันได้ทั้งวัน เครื่องดื่มก็มีให้เลือกมายมาย ทั้งชา กาแฟ ที่ส่งตรงมาจากประเทศลาว อีกเสน่ห์ของร้านนี้คงหนีไม่พ้นความเก่าและความเก๋าของรสชาติอาหาร ศิลปะการตกแต่งความเป็นตัวเองของเจ้าร้านที่สะท้อนออกมาให้เห็นชวนคนให้ไปสัมผัสมัน
7/1 ถนนหลานหลวง แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
เวลาทำการ : อังคาร-ศุกร์ เวลา 9.00 – 17.00 น.
วันเสาร์-อาทิตย์ 9.00 – 20.00 น. (หยุดวันจันทร์)
03
Alex & Beth
คาเฟ่ขนาดเล็กกลิ่นอายปารีเซียงที่พร้อมเสิร์ฟเบเกอรี่สูตรลับเฉพาะ


คาเฟ่ขนาดเล็กสีขาวตัดกับสีดำของร้านเพื่อนบ้านอย่าง Eden’s ด้านในตกแต่งด้วยสไตล์ยุโรป โดย ตูน-กัญจน์ สุวรรณธาดา เจ้าของร้านและอดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสาร LIPS ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการเดินทางไปเยือนต่างแดน ด้วยคอนเซปต์ร้านที่ว่า ‘เสิร์ฟสิ่งที่ชอบด้วยสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์’ นอกจากนี้ เมนูเบเกอรี่ของทางร้านยังเป็นสูตรโฮมเมดที่คิดค้นโดยเฉพาะ

เมนูเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาถึงร้าน Alex&Beth คือ Avocado Toast with Caramelised Onion เมนูโทสต์ที่ท็อปด้านบนเป็นอะโวคาโดบดสดทั้งลูก ความพิเศษของเมนูนี้คือทางร้านจะใส่ Caramelised Onion หรือหัวหอมผัด เพื่อให้เกิดรสชาติขมนิดหน่อย ผสมผสานกับความหวานของคาราเมล และความเผ็ดของพริกเล็กน้อย เรียกได้ว่าเป็นความลงตัวของรสชาติที่สายเฮลตี้ไม่ควรพลาด
9 ถนนหลานหลวง แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 9.00 – 17.00 น. (ปิดวันพุธ)
04
Overall Days
ร้านสินค้าวินเทจในห้องแถวเก่า คอมมูนิตี้ของเหล่านักสะสม


ร้านขายของวินเทจอายุเพียง 1 ขวบบนตึกเก่าริมถนนหลานหลวง ที่บรรยากาศในร้านชวนให้รู้สึกว่าร้านเปิดมานานกว่านั้นมาก จากตึกที่ปล่อยทิ้งร้างมากว่าสิบปี ก่อนที่ พลอย หิรัญสถิตย์พร วินเทจคอลเลกเตอร์ผู้หลงใหลความสงบของย่านเมืองเก่านี้เป็นทุนเดิม จะเข้ามาปัดกวาดโดยยังคงสภาพความเก่าไว้ แล้วเปลี่ยนห้องแถวที่เคยเป็นร้านเสริมสวยแห่งนี้ให้กลายเป็นแหล่งรวมเสื้อผ้าข้าวของแนวแอนทีก (Antique) และวินเทจ (Vintage) ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีทุกชิ้น

Overall Days เป็นมากกว่าร้านอเมริกันวินเทจทั่วไป เพราะเกิดจากความตั้งใจให้ที่นี่เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ข้อมูลเรื่องสินค้าวินเทจ และด้วยเชื่อในเสน่ห์ของการได้หยิบจับสินค้าก่อนซื้อ รวมถึงการได้พูดคุยกับเจ้าของร้านถึงที่มาของสินค้าแต่ละชิ้น กลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มคนรักวินเทจที่ตั้งใจมาที่นี่โดยเฉพาะ สำหรับใครที่รักหรือสนใจสินค้าแนวนี้ ลองแวะเข้าไปเยี่ยมเยียนขอคำแนะนำจากนักสะสมสาวเจ้าของร้านได้เสมอ
29 ถนนหลานหลวง แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
เวลาทำการ : วันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 13.00 – 18.00 น.
05
Bangkok Publishing Residence
พิพิธภัณฑ์กึ่งโรงแรม อดีตที่พบปะของเหล่านักเขียน

พิพิธภัณฑ์กึ่งโรงแรมที่จะพาเราย้อนไปสัมผัสความเฟื่องฟูของถนนหลานหลวง สมัยเป็นแหล่งพบปะของเหล่านักเขียน ในอดีตโรงแรมแห่งนี้เคยเป็นโรงพิมพ์นิตยสาร หลายคนอาจคุ้นหูกับนิยายบู๊ที่ลงพิมพ์ในนิตยสาร บางกอก ก่อนมาทำเป็นละครวิทยุคณะแก้วฟ้า นำแสดงโดยมิตร-เพชรา และแน่นอนว่าหนังดังอย่าง อินทรีแดง ก็เป็นนิยายพิมพ์เป็นตอนๆ ของนิตยสาร บางกอก เช่นกัน


อุ้ม-ปณิดา ทศไนยธาดา ทายาทโรงพิมพ์นิตยสาร บางกอก ได้ปรับโฉมโรงพิมพ์เก่าแห่งนี้ให้กลายเป็นโรงแรมกึ่งพิพิธภัณฑ์ ด้วยการรวบรวมสิ่งเดิมที่อยู่ในโรงพิมพ์ไว้ให้มากที่สุด เพื่อให้คนที่เข้าพักเหมือนได้ย้อนเวลาไปอยู่ในยุคนั้น ทั้งการประดับด้วยแท่นพิมพ์เก่า ใช้กระเบื้องยางแบบสมัยเป็นโรงพิมพ์ ซึ่งปัจจุบันเลิกผลิตไปแล้ว จึงต้องไปตามหาถึงโรงงานเดิมและให้เขาผลิตขึ้นมาอีกครั้ง ของทุกอย่างที่นำมาตกแต่งก็เป็นสิ่งที่จับต้องได้ อย่างหนังสือในคลัง ถ้าเป็นหนังสือที่ตีพิมพ์หลัง พ.ศ. 2500 ก็หยิบมาอ่านได้เลย แต่ถ้าเป็นเล่มที่ตีพิมพ์ก่อนหน้านั้น แค่สวมถุงมือยางเพื่อป้องกันความเสียหายก่อนหยิบอ่านก็พอ
ด้วยความที่โรงแรมแห่งนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีมาก และต้องการมอบความเป็นส่วนตัวให้กับแขก จึงขอให้บุคคลภายนอกที่สนใจเข้าไปเยี่ยมชมนัดหมายล่วงหน้า
31-33-35-37-37/1 ถนน หลานหลวง แขวง วัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
ติดต่อสอบถามเพื่อนัดเวลาเข้าชม โทร. 0 2282 0288
06
Embassy Coffee
ร้านกาแฟเล็กๆ ในเมืองเก่า ที่วัดผลกำไรจากความสุขของผู้ได้มาเยือน

ตึกหนึ่งคูหาสีน้ำตาลเล็กๆ บนถนนจักรพรรดิพงษ์มีรถแล่นผ่านไปมาอย่างไม่ขาดสาย บริเวณหน้าร้านตกแต่งด้วยต้นไม้นานาชนิด เป็นที่อยู่ของร้านกาแฟที่เจ้าของร้านอย่าง บอย-ศรุติ พรมจันทร์ ผู้ให้คำนิยามการดื่มกาแฟว่า “ดื่มเพื่อหยุดความคิดและมาพบปะพูดคุยกันดีกว่า”
ภายในร้านมีบาร์สำหรับชงกาแฟอยู่ทางขวามือและมีโต๊ะตั้งเรียงกันอยู่ไม่มาก เมื่อคนเต็มบอยจะเปลี่ยนป้ายหน้าร้านเป็น Close ทันที เพื่อจำกัดพื้นที่ในการสนทนาของคนในร้านให้ไม่มากเกินไป ส่วนทางชั้นสองเปิดเป็นโฮสเทลจำนวน 1 ห้องถ้วน เพื่อให้ชาวต่างชาติได้เข้ามาพัก ความน่ารักอยู่ที่ทางร้านมักจะนำเสนอความเป็นไทยให้ชาวต่างชาติได้รู้จัก เช่น การนำน้ำส้มฉุนเสิร์ฟพร้อมกับพวงมาลัย เพื่อเป็นจิ๊กซอว์หนึ่งตัวให้เขานำพวงมาลัยไปไหว้พระที่วัด และเรียนรู้วัฒนธรรมของไทยมากขึ้น
ส่วนความพิเศษในเมนูของทางร้านอยู่ตรงที่ขนมหวานทำสดใหม่ทุกวันในปริมาณจำกัด โดย บ.ก. ปู พาร์ตเนอร์อีกคนของร้าน แอบบอกว่าหากไปช้าก็อาจชวดของอร่อย โดยเฉพาะบราวนี่สุดเข้มข้นที่คนรักช็อกโกแลตห้ามพลาด นอกจากนี้ยังมีทั้งเค้ก วาฟเฟิล และเหล่าเครื่องดื่มดับกระหายคลายร้อนอย่างพวกชา กาแฟ เสน่ห์อีกอย่างหนีไม่พ้นความสวยงามของเหล่าขนมหวานที่จัดแต่งอย่างประณีต แถมรสชาติยังอร่อยละมุนลิ้น
152 ถนนจักรพรรดิพงษ์ แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 10.00 – 21.00 น.
07
Bangkok 1899
บ้านเจ้าพระยาฯ ที่กลายเป็นพื้นที่สาธารณะเพื่อสังคมและชุมชน

คฤหาสน์ทรงยุโรปหลังใหญ่ที่อยู่คู่ถนนนครสวรรค์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2442 เวลาผ่านไปกว่าร้อยปี จากที่พำนักของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ได้รับการบูรณะ ปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงบทบาทครั้งใหญ่ โดยพยายามคงสภาพเดิมไว้เหมือนเมื่อแรกสร้าง Bangkok 1899 เป็นชื่อของโครงการที่ครอบคลุมพื้นที่ของบ้านเจ้าพระยาฯ ไม่เพียงตัวอาคารทรงยุโรปที่ออกแบบโดยมาริโอ ตามาญโญ (Mario Tamagno) สถาปนิกชาวอิตาลีผู้ออกแบบพระที่อนันตสมาคมเท่านั้น แต่พื้นที่รอบๆ บ้านยังเป็นพื้นที่สาธารณะเพื่อสังคม ด้วยแนวคิดที่ต้องการให้บ้านหลังนี้เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนทางสังคมและวัฒนธรรม

อาคารเก่าที่รีโนเวตภายใต้แนวคิดการอนุรักษ์หลังนี้ ทำหน้าที่เป็นทั้งที่พักของศิลปินนานาชาติและพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการศิลปะ ส่วนหนึ่งของอาคารสไตล์โคโลเนียลหลังนี้เป็นคาเฟ่เล็กๆ ชื่อว่า Na’ Cafe คาเฟ่เพื่อสังคมที่พร้อมต้อนรับทั้งคนนอกและคนในชุมชน โดยวางคอนเซปต์ไว้ 2 เรื่องสำคัญ คือเป็นคาเฟ่ไร้ขยะ (Zero Waste) และการมีส่วนร่วมของชุมชน นอกจากเมนูต่างๆ ที่ครีเอตผ่าน 2 แนวคิดที่ว่ามาแล้ว ที่นี่ยังจัดเวิร์กช็อปและเปิดพื้นที่ให้คนในชุมชนนางเลิ้งได้เข้ามาทำกิจกรรมร่วมกัน ผ่านโครงการฝึกอาชีพด้านอาหารและการบริโภค
ส่วนด้านหลังของบ้านเจ้าพระยาที่เคยเป็นตึกเรียนเก่าของโรงเรียนสตรีจุลนาค ตอนนี้ใช้เป็นศูนย์การเรียนรู้ฟอร์ดเพื่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม หรือ FREC Bangkok องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่เข้ามาทำงานเพื่อสังคมร่วมกับองค์กรพันธมิตรต่างๆ เพื่อศึกษาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน โดยใช้พื้นที่ในบ้านเจ้าพระยาหลังนี้เริ่มทำกิจกรรมร่วมกับชาวนางเลิ้ง ด้วยความตั้งใจที่จะค่อยๆ พัฒนาไปชุมชนอื่นๆ ต่อไป
134 ถนน นครสวรรค์ แขวง วัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 11.00 – 21.30 น.
08
Chubby Papaya
ร้านส้มตำที่มีทั้งคาเฟ่และอาร์ตแกลเลอรี่

ร้านของ ครูปาน-สมนึก คลังนอก นักวาดภาพประกอบชื่อดัง ที่เปลี่ยนอาคารพาณิชย์ริมถนนนครสวรรค์ให้เป็นร้านอาหารอีสานและมีอาร์ตแกลเลอรี่อยู่ในตัว ด้วยชื่อร้านสุดน่ารักปนอารมณ์ขัน Chubby Papaya หรือมะละกออวบ ไม่เพียงชื่อร้านที่น่ารัก เพราะเมื่อเข้ามาด้านในเราได้จะพบกับภาพวาดเด็กสาว ผลงานอันเป็นเอกลักษณ์ของครูปานติดอยู่แทบทุกพื้นที่ในร้านอาหารอีสานเล็กๆ แห่งนี้ แต่ในตึกนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ร้านอาหารเท่านั้น เพราะได้แบ่งส่วนสัดของแต่ละชั้นให้ใช้งานที่แตกต่างกันไป เริ่มตั้งแต่ชั้นแรกเป็นร้านอาหารและคาเฟ่ ส่วนชั้นบนๆ ขึ้นไปเป็นแกลเลอรี่แสดงผลงานของครูปาน และชั้นดาดฟ้าเป็นโซน Rooftop ให้นั่งทานอาหาร เสิร์ฟด้วยวิวหลักล้าน 360 องศาของพระนคร ที่จะเจอกับบรมบรรพตหรือภูเขาทองตั้งตระหง่านประจันหน้าแบบไม่มีตึกมาบัง


ด้วยสูตรอาหารอิมพอร์ตมาจากบ้านของครูปานที่บุรีรัมย์ ผสมผสานการครีเอตเมนูโดยหลานของครูปานที่จบเชฟจากต่างประเทศ อาหารของที่นี่จึงไม่เหมือนใคร มีทั้งเมนูดั้งเดิมและที่คิดใหม่เข้ากับความเก๋ไก๋ของย่านนางเลิ้ง เริ่มด้วยของว่างแนวฟิวชันอย่างพุงปลาแซลมอนคลุกลาบ รสแซ่บแบบฉบับอาหารอีสาน ตัดเลี่ยนกับความมันของพุงปลาได้อย่างดี หรือจะเป็นเมนูแผงลอยริมถนนยอดฮิตอย่างตับปิ้ง อาหารบ้านๆ ที่ผ่านกรรมวิธีย่างจนหอมก็มีให้เลือกทานที่ร้าน นอกจากนี้ยังมีส้มตำทั้งแบบดั้งเดิมอย่างส้มตำแม่หงวน และโรลส้มตำหมูยอที่เสิร์ฟมาด้วยรูปลักษณ์ทันสมัย ให้ส้มตำเลิฟเวอร์ได้เลือกชิมกัน

ส่วนคนที่เป็นแฟนคลับครูปานอยากจะแวะเข้ามาชมงานศิลปะ ไม่อยากทานอาหารหนัก ในร้านก็มีทั้งกาแฟและของหวานให้ได้ลอง โดยเฉพาะกาแฟจากแบรนด์อาข่า อ่ามา (Akha Ama) จากเชียงใหม่ ของ ลี-อายุ จือปา ด้วยความที่เป็นลูกศิษย์ของครูปาน จึงเกิดเป็นกาแฟที่เบลนด์ให้พิเศษสำหรับร้านโดยเฉพาะ ส่วนของหวานที่พิเศษไม่แพ้กัน เป็นขนมอินทนิล ขนมไทยโบราณหาทานยากจากในวัง ทำจากแป้งกวนใบเตยในน้ำกะทิอบควันเทียน สัมผัสหยุ่นคล้ายเจลลี่ หอมหวานชวนสดชื่นมาก
97 ถนนนครสวรรค์ แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 10.00 – 21.00 น. (ปิดวันพุธ)
09
Buddha & Pals
คาเฟ่ในอาคารอนุรักษ์ที่เหมือนหยุดกาลเวลาไว้เมื่อร้อยปีที่แล้ว


แวะคลายร้อนที่คาเฟ่อีกแห่งหนึ่งในอาคารอนุรักษ์ ไม่ไกลจากตลาดนางเลิ้ง คาเฟ่ที่ดัดแปลงตึกแถวเก่าอายุกว่าร้อยปีให้กลายเป็น Buddha & Pals ส่วนหนึ่งของโครงการ Kanvela House โฮสเทลซึ่งอยู่ด้านหลัง ด้วยบรรยากาศร้านที่เหมือนพาเราย้อนกลับไปในช่วงที่นางเลิ้งยังคึกคัก การเจาะทะลุตึกให้เชื่อมถึงกันช่วยเพิ่มพื้นที่ให้ดูกว้างขวาง ประกอบกับกระจกยาวตลอดหน้าร้านชวนให้เรารู้สึกได้ถึงความโปร่งสบาย ทันที่ที่เปิดประตูเข้าไปจะพบกับเคาน์เตอร์บาร์ของร้าน และโต๊ะจัดวางไว้มุมต่างๆ ด้วยสไตล์การจัดร้านที่ปล่อยให้โครงสร้างเก่าเป็นผู้เล่าเรื่องราวของอาคารนี้ อิฐแตกและเฟอร์นิเจอร์วินเทจกลายเป็นฉากหลังที่ไม่ซ้ำกันสักมุมของมหาชนชาว Cafe Hopping

ร้านเก่าในตึกของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่เคยผ่านการใช้ทำกิจการมากมาย แต่ที่โด่งดังคงเป็นต้นตำรับน้ำมันมวย มาตอนนี้กลายเป็นคาเฟ่ที่เสิร์ฟทั้งอาคารคาวสไตล์อิตาเลียนและของหวาน เช่น เค้ก ทาร์ต ส่วนเครื่องดื่มต่างๆ ที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านมีให้เลือกกว่า 2 หน้ากระดาษ อย่าง Calm Rosie Tea เครื่องดื่มสำหรับคุณผู้หญิง Cold Brew Tea กับกลิ่นเบอร์รี่บางๆ ท็อปด้วยกลีบกุหลาบ หรือจะเป็น The Breakfast in Sicily กาแฟผสมน้ำส้ม ทานคู่กับ Lemon Tart มาพร้อมความสดชื่นของผลไม้และความเปรี้ยวของเลม่อนรสชาติตัดกันแบบพอดิบพอดี
ลองมาคาเฟ่นี้ดู จะช่วยให้รู้จักย่านนี้มากยิ่งขึ้นผ่านเรื่องราวที่ซับอยู่ในกระเบื้องเก่า ให้เราเข้าใจได้โดยไม่ต้องมีเสียง
712 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 9.00 – 18.00 น.
10
Dao Tu Fook
ร้านอาหารจีน-อาเซี่ยนฟิวชั่น น้องใหม่ล่าสุดของย่านหลานหลวง

ร้านอาหารน้องใหม่ที่พร้อมพาเราสวนทางกับกาลเวลาและสไตล์ของย่านนี้ ด้วยการตกแต่งแบบร้านอาหารจีนสมัยเก่า แต่กลับอยู่ริมถนนจักรพรรดิพงษ์ มาพร้อมเมนูอาหารเข้ากับบรรยากาศของร้าน เพราะที่นี่เป็นร้านอาหาจีนแนวฟิวชัน อาหารส่วนใหญ่มีเป็ดเป็นวัตถุดิบหลัก เมนูซิกเนเจอร์ของร้านเป็นเป็ดย่างโอ่งมังกร เสิร์ฟบรรดาผักดองและพริกไทยไว้ตัดเลี่ยน รสชาติดี และยังมีอาหารอาเซียนที่หาทานยากในบ้านเราให้เลือกชิมหลายเมนู เช่น Nasi Goreng ข้าวผัดสไตล์อินโด ที่มาพร้อมด้วยไก่สะเต๊ะและไข่ดาว

ที่นี่เป็นอีกร้านในแถบนี้ที่นำเอาตึกเก่ามารีโนเวตใหม่ โดยที่พยายามไม่เปลี่ยนแปลงสภาพอะไรมากนัก ตั้งแต่พื้นหินล้าง โต๊ะเก้าอี้แบบเก่า และข้าวของเครื่องใช้ ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับเข้ามาทานอาหารเมื่อหลายสิบปีก่อน สำหรับคนที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งร้านอาหารร์สไตล์จีนแห่งนี้ ลองใส่สูทหรือกี่เพ้ามาเก๋ๆ คงเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในยุคเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ นอกจากอาหารที่มีให้เลือกหลากหลายเมนูแล้ว เคาน์เตอร์ด้านในร้านจะเป็นบาร์ค็อกเทลที่พร้อมให้บริการผู้มาเยือนยามแดดร่ม ชวนทอดอารมณ์ในร้านดูรถลาผ่านไปมาของวิถีชีวิตตอนค่ำของคนในชุมชน

209 ถนนจักรพรรดิพงษ์ แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 17.00 – 00.00 น. (ปิดวันจันทร์)
11
Mad Moa
ทรอปิคอลบาร์เล็กๆ ริมถนนจักรพรรดิพงษ์


ใครที่หลงรักความดีงามของย่านเก่านี้จนขออยู่ต่อจนฟ้ามืดค่ำ Mad Moa เป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย เพราะชื่อร้านสุดเก๋ แมด-โมอา ที่ชวนให้อ่านว่า หมัดเมา คือบาร์ค็อกเทลสไตล์ทรอปิคอลเล็กๆ ที่บรรยากาศในร้านเงียบสงบ กับโต๊ะในร้านเพียงไม่กี่โต๊ะที่พร้อมเปิดรับลูกค้าทั้งคนในและนอกพื้นที่ให้แวะเวียนเข้ามาแฮงก์เอาต์ และดื่มด่ำกลิ่นของความสงบที่หาไม่ได้จากโซนอื่นในกรุงเทพฯ

ร้านนี้เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ที่เสิร์ฟอาหารสไตล์ละตินอเมริกาและยุโรป มีคราฟต์เบียร์สัญชาติไทย ชื่อ ‘อุดมสุข’ ที่ทางร้านเลือกขึ้นแทปมาให้ลองชิมกัน และค็อกเทลที่ครีเอตรสชาติโดยเฉพาะของร้าน ส่วนใครที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ร้านยังมีเครื่องดื่มโซดาอย่าง Homemade Lime Soda ดื่มแล้วสดชื่นได้รสชาติแบบทรอปิคอลเหมือนธีมร้าน บอกเลยว่าเหมาะกับการปิดทริปนางเลิ้งด้วยบรรยากาศเหมือนอยู่ริมทะเลในร้านขนาดกะทัดรัดนี้เป็นที่สุด
211/8 ถนนจักรพรรดิพงษ์ แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
เวลาทำการ : วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 18.00 – 23.00 น.