เป็นปีที่ 4 แล้วที่ประเทศไทยเรามีการจัดมหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน Sustainability Expo (SX2023) ซึ่งมีแนวคิดหลักที่ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ คือ ‘พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก’ (Sufficiency for Sustainability) ที่จุดมุ่งหมายหลักคือการพาคนไทยมุ่งไปสู่การสร้างสมดุลที่ดี เพื่อโลกที่ดีกว่า หรือ Good Balance, Better World ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน – 8 ตุลาคม พ.ศ. 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ชั้น G และ LG โดยเชื่อว่าการร่วมด้วยช่วยกัน ‘ลงมือทำจริง’ เป็นกุญแจสำคัญที่จะพัฒนาโลกให้น่าอยู่ขึ้นได้ 

ความพิเศษตลอดพื้นที่ 70,000 ตร.ม. ภายในงาน คือการรวบรวมกิจกรรมเพื่อความยั่งยืนไว้อย่างครบวงจร มีตั้งแต่แนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ทำได้ง่าย ๆ ใกล้ตัว ไปจนถึงการรู้เท่าทันกระแสหรือเทรนด์โลกในปัจจุบัน และที่เราสัมผัสได้อย่างหนึ่ง ซึ่งถือเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เราอยากป้ายยาให้ทุกคนได้ไปสัมผัส คืองานนี้โอบรับความหลากหลายของผู้คน และเชื่อว่า ‘ทุกคน’ มีส่วนช่วยโลกได้จริง ๆ เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นคนตัวเล็ก ตัวใหญ่ เป็นเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน หรือเป็นผู้สูงอายุ ก็ล้วนเป็นฮีโร่ช่วยโลกให้ดีขึ้นได้ด้วยกันทั้งนั้น! ฉะนั้น กิจกรรมและโซนภายในงานจึงช่วยให้ทุกคนในทุกช่วงวัยนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันกันได้ ที่สำคัญ ในแต่ละโซนนั้นให้ความรู้แบบย่อยง่ายและเข้าใจได้ง่าย ๆ ด้วย

เราพูดได้เลยว่ามหกรรมนี้เป็นการรวมพลังครั้งสำคัญ ใช้ความร่วมมือทั้งจากองค์กรชั้นนำระดับภูมิภาคและระดับโลก ภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายพันธมิตรทุกภาคส่วนทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อให้คำว่า ‘ยั่งยืน’ ที่เราได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ ให้เกิดขึ้นจริง เพื่อตัวเราเอง เพื่อชุมชน และเพื่อโลก อย่ารอช้า ตามลายแทง 8 โซนสำคัญภายในงานนี้ที่ไม่อยากให้ทุกคนพลาดกันได้เลย

อย่างที่รู้กันว่า ‘โลกเสมือน’ เป็นเทรนด์อย่างหนึ่งที่กำลังมาในช่วงนี้ ซึ่งการนำเทคโนโลยีมาเป็นส่วนที่ทำให้เราได้เข้าใจความยั่งยืนมากขึ้น ถือเป็นสิ่งที่โซน SEP Inspiration อยากชวนร่วมสัมผัส

ภายในโซนนี้จะพาไปเจาะลึกหัวใจของ SX ภายใต้แรงบันดาลใจจาก Sufficiency Economy Philosophy และ UNSDGs บอกเล่าเรื่องราวของโลกในมิติต่าง ๆ และความรู้ใหม่จากองค์กรที่เป็นนักปฏิบัติด้านความยั่งยืนในรูปแบบนิทรรศการมิติคู่ขนาน ระหว่างโลกไร้สมดุล กับ โลกแห่งสมดุลที่ดี ว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร และเราควรแก้ไขโลกที่ไม่สมดุลนี้กันอย่างไร ผ่านมัลติมีเดีย (Immersive Multimedia) จากผลงานศิลปินผู้ใกล้ชิดและเข้าใจธรรมชาติ ร่วมมือกับกลุ่มสร้างแสงและเสียง ไปจนถึงช่างภาพระดับโลก จนออกมาเป็นภาพสวย ๆ ที่มองเพลิน ถ่ายภาพเลิศ แถมยังได้ความรู้จากผู้ปฏิบัติงานด้านสิ่งแวดล้อมตัวจริงไปพร้อม ๆ กัน 

Better Me ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า ‘ตัวเรา’ ในเวอร์ชันที่ดีขึ้น จะเป็นส่วนสำคัญในการกอบกู้โลกได้ เพราะก่อนจะรักษ์โลกหรือดูแลชุมชนได้ ตัวเราเองนี่แหละที่ต้องแข็งแรงทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจก่อนซึ่งปัจจัยที่จะทำให้คนเรามีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดี ในโซนนี้ตีความแนวทางการปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้จริงและย่อยง่ายไว้ 3 มิติสนุก ๆ ดังนี้

1. Healthy Life Healthy Earth : สุขภาพกายเราดี สุขภาพโลกของเราดี

นวัตกรรมการผลิตอาหารทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืนและรักษาโลกอย่าง Smart Farming เทคโนโลยีและองค์ความรู้ในการพัฒนาภาคการเกษตรเพื่อความมั่นคงและปลอดภัยในผลผลิตทางการเกษตรพร้อม ๆ กับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคนไทย จนถึงนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืนหรือ Future Food ที่เน้นย้ำความสะดวก รวดเร็ว มีประโยชน์ และปลอดภัยต่อสุขภาพ ตอบโจทย์ทั้งความยั่งยืน และวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ บางทีแม้จะมีเวลาในแต่ละวันอย่างจำกัด แต่เราก็อยากจะกินดีและทำดีกันด้วยใช่ไหมล่ะ

นอกจากนี้ยังชวนเช็กความแข็งแรงของสุขภาพกายและสุขภาพใจ โดยเฉพาะโรคต่าง ๆ ที่คนวัยทำงานเป็นกันบ่อย ๆ หรือแม้แต่ในยุคนี้ก็เริ่มเห็นวัยรุ่นเป็นกันมากขึ้น อย่างโรคซึมเศร้าและออฟฟิศซินโดรม ซึ่งจริง ๆ แล้วเราควรให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น และภายในโซนนี้ยังมีเทคโนโลยีการคัดกรองมะเร็งด้วยหุ่นยนต์ดินสอ ชวนอัปเดตเทรนด์สุขภาพและสุดยอดนวัตกรรมทางการแพทย์ในรูปแบบต่าง ๆ ที่อยากให้ลองไปเดินเล่นกันดู

2. Aging Society : สังคมสูงวัย อยู่อย่างไรให้เป็นสุข

ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว การวางแผนก่อนเกษียณ รวมถึงการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขร่วมกับคนต่างวัยจึงจำเป็นและควรให้ความสำคัญ ภายในโซน Better Me มีกิจกรรมจำลองสถานการณ์การเป็นผู้สูงอายุเพื่อให้คนวัยอื่น ๆ ได้เข้าใจและรู้จักดูแลพวกเขาอย่างถูกวิธี เพราะลูกหลานหลายบ้านคงมีพ่อแม่หรือคนในครอบครัวให้ต้องดูแลกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้น การทำความเข้าใจทั้งสภาวะทางจิตใจและแนวทางการปฏิบัติในการอยู่ร่วมกัน จึงเป็นสิ่งที่น่าเรียนรู้ เพื่อความสุขใจในอนาคต

โดยไฮไลต์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 2 – 8 ตุลาคม จะมีโชว์การจักสานผลิตภัณฑ์จากใบต้นตาล เพื่อส่งเสริมอาชีพสำหรับผู้สูงอายุ โดยใช้ทุนชุมชนจากต้นตาลสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจฐานรากให้ชมกันอีกด้วย

3. Life Long Learning : การเรียนรู้ตลอดชีวิต

นำเสนอโครงการและแนวคิดที่ส่งเสริมการพัฒนาเยาวชน คนรุ่นใหม่ และแนวคิดด้านธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้นำไปปรับใช้เริ่มต้นการทำธุรกิจของตัวเอง

งานนี้ตีโจทย์โดยการใช้กีฬาเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างคนให้มีคุณภาพ มีสุขภาพ และทัศนคติที่ดี ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างอาชีพที่ดีได้ในอนาคต เพราะ ‘กีฬา’ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของสุขภาพที่ดีในทุกช่วงวัย และเมื่อเรามีสุขภาพที่ดี จึงจะมีความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ในโซนนี้จึงชวนมาออกกำลังกายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันสักหน่อย ด้วยการปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ แต่ยังไม่ทิ้งการออกกำลังกายที่สร้างความยั่งยืนได้ โดยทุกการปั่นจะกลายเป็นแหล่งกำเนิดของพลังงานสะอาด และนำไปใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าได้บริสุทธิ์เพื่อใช้ชาร์จแบตเตอรี่ได้ และยังมีการให้องค์ความรู้ด้านกีฬาหลากหลายมิติที่ไม่ควรพลาด

กีฬาว่าสำคัญแล้ว การศึกษาก็สำคัญมาก เพราะเป็นรากฐานในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในโซนนี้มีกิจกรรมจากองค์กร ชุมชน และสถานศึกษา ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยโครงการ eisa (Educational Instituted Support Activity) แพลตฟอร์มด้านการศึกษาเพื่อการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยของประเทศไทย ที่จะมาถ่ายทอดมิติการพัฒนาการศึกษาเพื่อความยั่งยืน ด้วยการสนับสนุนการพัฒนาเยาวชน

และเพื่อขยับไปสู่ภาคธุรกิจ ในโซน Better Me ก็มีกิจกรรมด้านการพัฒนาชุมชนที่จะส่งเสริมและสร้างประสบการณ์เรียนรู้ภาคธุรกิจ สู่การเรียนรู้นอกห้องเรียนให้นักศึกษาได้สร้างความเชื่อมโยงทั้งในเรื่องของการพัฒนาการศึกษา พัฒนากีฬา รวมถึงพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาให้มีโอกาสสร้างแนวคิดและเรียนรู้เรื่องสตาร์ทอัพสู่การเป็นผู้ประกอบการ และมีกิจกรรมที่นำโดยชุมชนจากศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงอนุรักษ์ตาลโตนด ตำบลห้วยกรด อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท มาร่วมด้วย

ถัดมาที่โซน Better Living ที่เชื่อว่าภาคธุรกิจหรือภาคการผลิตมีส่วนในการรักษาสิ่งแวดล้อมและใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ เพื่อนำไปสู่การฟื้นฟูสภาพภูมิอากาศ หรือไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งจะช่วยลดโลกร้อนและปัญหา Climate Change ได้

ภายในโซนนี้นำเสนอกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม สร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และการยกระดับคุณภาพชีวิตที่เกิดจากการพัฒนาอย่างยั่งยืน และการนำแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนไปใช้ตลอดกระบวนการผลิต ในแง่มุมที่น่าสนใจ ใกล้ตัว และเหมือนเดิมคือ ‘ย่อยง่าย’ ภายใต้คอนเซปต์ Sustainable Living 24/7 Lifestyle ผ่าน 4 แกนหลัก ได้แก่

1. Water Stewardship แนวทางการดูแลบริหารจัดการน้ำ จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเติบโตด้านเศรษฐกิจ โดยตัวอย่างแนวคิดและการดำเนินการจาก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)

2. Decarbonization การลดคาร์บอนด้วยพลังงานทางเลือกจากธรรมชาติที่หลากหลาย

3. Biodiversity ความหลากหลายทางชีวภาพที่สะท้อนผลลัพธ์ของความยั่งยืนผ่านความหลากหลายทางชีวภาพที่เกิดขึ้นจริง ในนโยบายความยั่งยืนของหลายหน่วยงานหรือองค์กรชั้นนำ

4. Waste Management การจัดการของเสีย ชวนมองนวัตกรรมการบริหารจัดการขยะที่เพิ่มมูลค่าและแปรเปลี่ยนให้เป็นประโยชน์ได้ มีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ Upcycling หรือการออกแบบบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน กระบวนการรีไซเคิล PET จาก บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือจะเป็นการแปรเปลี่ยนของเหลือใช้ให้เป็นงานศิลปะจาก คุณวิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์ ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะจากวัสดุเหลือใช้จาก บริษัท พาซาญ่า กรุ๊ป จำกัด ไปจนถึงของตกแต่งบ้านที่แปรรูปจากขยะ หรือการนำเฟอร์นิเจอร์มือ 2 มาปรับโฉม 

เมืองในฝันของคุณเป็นแบบไหน 

ในโซน Better Community จะชวนมาส่องโมเดลเมืองในฝันที่หลายคนอยากให้เกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิตที่มีความเท่าเทียม เมืองที่มีความน่าอยู่ ปลอดภัย และยั่งยืน

พบกับแบบบ้านพอเพียงเพื่อผู้ขาดแคลน แบบโครงสร้างเมืองใหม่ที่เชื่อมถึงกันเต็มระบบ ชุมชนสร้างสรรค์เพื่อโอกาสเท่าเทียมในสังคมของทุกคน และเล่าเรื่องราวของสังคมที่รวมทุกคนไว้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันที่จะไม่ผลักใครออกไป ดังนั้น เราจะได้เห็นที่อยู่อาศัยเพื่อคนด้อยโอกาส พื้นที่สีเขียวในเมืองที่ใช้ประโยชน์เพื่อความเป็นอยู่ของทั้งคน เมือง และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ได้ การแก้ไขปัญหาคนไร้สัญชาติ การเปิดตลาดงานเพื่อตอบความต้องการที่แท้จริง รวมถึงการนำเสนอแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตของแต่ละคน โดยเฉพาะความรับผิดชอบต่อสังคมให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมถึงต้นแบบของการพัฒนาชุมชนให้เกิดความยั่งยืน ผ่านนิทรรศการสร้างเมืองน่าอยู่ร่วมกันเพื่อคุณภาพชีวิตของทุกคน (Livable City for Everyone) 

โดยไฮไลต์ที่เราชอบเป็นพิเศษ คือการยกสวนสุขภาวะ 15 นาที ซึ่งเป็นนโยบายของ กทม. เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงสวนสาธารณะได้ภายใน 15 นาที หรือห่างจากชุมชนประมาณ 800 เมตร และมีทางเชื่อม ทางลาดจำลองสำหรับผู้พิการ ไปจนถึงชวนวาดภาพ ปรับเมืองในแบบที่คุณอยากเห็น

อีกโซนหนึ่งที่หลายคนน่าจะชอบกัน คือโซน Better World ที่พูดได้ว่าเป็นโซน ‘ศิลปะ’ ของงานนี้เลยก็ว่าได้

ในโซนนี้จะรวบรวมงานศิลปะที่สะท้อนมุมมองความยั่งยืนในหลากหลายรูปแบบจาก National Geographic ฉบับภาษาไทย สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย และผลงานนานาชาติจาก 10 ประเทศ ASEAN ที่ยังไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อน ซึ่งได้มาจากโครงการ ASEAN SX Photo Contest และโครงการ Trash to Treasure เปลี่ยนขยะเป็นงานศิลป์ทรงคุณค่า

งานศิลปะในโซนนี้มีตั้งแต่งานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพถ่าย การออกแบบจากวัสดุเหลือใช้ทั้ง 2 และ 3 มิติ และงานออกแบบแปรรูปและพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าขาวม้าทอมือ ซึ่งการจัดแสดงผลงานจิตรกรรมและประติมากรรรม นำผลงานส่วนหนึ่งมาจากโครงการประกวดศิลปกรรมช้างเผือก ครั้งที่ 12 ในหัวข้อ ‘รักโลก’ มาจัดแสดง เพื่อร่วมสะท้อนมุมมองการตีความหมายของความรัก ใส่ใจ และมีความรับผิดชอบต่อโลก ทั้งในมุมมองธรรมชาติและมิติทางสังคมที่มีต่อแนวคิดเพื่อความยั่งยืน ส่วนนิทรรศการภาพถ่ายก็นำมาจากโครงการประกวดภาพถ่ายในหลากหลายโครงการ แต่ล้วนเป็นโครงการที่เน้นย้ำคอนเซปต์เพื่อสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ

ยังมีงานศิลปะและการออกแบบ Trash to Trasure Art & Design Contest ภายใต้แนวคิด ‘สร้างสรรค์ สร้างค่า สร้างสมดุลโลก’ ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งสร้างแรงบันดาลใจแก่เยาวชนคนรุ่นใหม่ ในการนำสิ่งเหลือใช้ นำกลับมามีชีวิตใหม่ด้วยการสร้างสรรค์ให้มีคุณค่า รวมถึงโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย นำโดย บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด ที่จัดโครงการ ‘Creative Young Designers’ ร่วมกับภาคีเครือข่ายโครงการ Educational Instituted Support Activity (eisa) เพื่อส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาและมหาวิทยาลัยสู่ความเป็นเลิศ นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบการแปรรูป และพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอให้กับชุมชนผ้าขาวม้าทอมือ

แน่นอนว่าเดินงานเพลิน ๆ อาจมีเหนื่อยบ้าง และกองทัพต้องเดินด้วยท้อง! 

SX2023 มีเทศกาลอาหารเพื่อโลกจากเชฟดังในธีม Thai Street Food Museum โดยจำลองจุดแลนด์มาร์กชื่อดังร่วมสมัยในกรุงเทพฯ เมืองเก่าภูเก็ต และหัวเมืองสำคัญของไทยมาไว้ในที่เดียว พร้อมกับอาหารอร่อยที่ดีต่อคุณและดีต่อโลกกับแนวคิด Zero-waste Cooking ที่ชวนเรียนรู้การจัดการขยะอาหารเพื่อความยั่งยืนแบบเต็มรูปแบบไปด้วย

นอกจากร้านเด็ดร้านดัง พื้นที่นี้ยังมีแบรนด์ที่โดดเด่นเรื่องนวัตกรรมทางอาหารและพลิกแพลงด้วยวัตถุดิบทางเลือก เช่น เจลพลังงานจากมะพร้าว เส้นใยจากไข่ขาว ฯลฯ ลองโฉบมาโซนนี้ จะรู้ว่านวัตกรรมอาหารก้าวหน้าไปไกลแค่ไหน

ใครอยากช้อปอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้าน คุณมาถูกทางแล้ว เพราะ SX2023 ขนทัพสินค้างานคราฟต์​ที่ทำโดยคนในชุมชน เพื่อชุมชนและสังคมมาให้เลือกซื้อกันมากมาย

โซน SX Marketplace รวบรวมร้านค้าจากดีไซเนอร์รักษ์โลก นวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม ต้นไม้ ของตกแต่งบ้าน และสินค้าชุมชนกว่า 200 ร้านค้า และเปิดเวทีให้เหล่าร้านค้ามาแชร์มุมมองทางธุรกิจการค้าขายอีกด้วย

ข้อดีของการมาดูพื้นที่นี้ คือได้อัปเดตเทรนด์ของงานคราฟต์ในปัจจุบันว่ากำลังไปถึงไหน แนะนำให้ลองถามความเป็นไปกับพี่ ๆ เจ้าของร้าน หลายเจ้าผู้ก่อตั้งมาเอง รับรองว่าได้อินไซต์ดี ๆ มากเชียวล่ะ

เทรนด์ของการจัดงานในปีนี้ คือการให้ความสำคัญกับพื้นที่สำหรับเด็ก ในงาน SX2023 ก็มีโซนนี้ ใช้ชื่อว่า SX Kids Zone 

เนื้อหาหลักของพื้นที่ คือชวนเด็ก ๆ มาสนุกกับเรื่องของแมลงตัวจิ๋วซึ่งมีบทบาทที่สำคัญต่อโลกที่ยั่งยืนใบนี้ เพื่อทำให้พวกเขาได้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ แม้จะจิ๋วแค่ไหน ต่างก็มีความสำคัญต่อโลกกันทั้งนั้น เหมือนกับพวกเขาที่แม้ตอนนี้ยังตัวเล็กอยู่ แต่ก็สร้างการเปลี่ยนแปลงได้

นอกจากนี้ยังมีการพาเด็ก ๆ ไปศึกษาธรรมชาติรอบตัว เรียนรู้ความสำคัญของต้นไม้ รากไม้ และสัตว์ในระบบนิเวศ ไปจนถึงเรียนรู้การเดินทางของอาหาร เพื่อให้เข้าใจถึงความสำคัญของปัญหาอาหารส่วนเกินตั้งแต่ยังเด็ก ๆ และมีกิจกรรมผู้พิทักษ์ขยะ ชวนน้อง ๆ ฝึกปฏิบัติการแยกขยะอย่างถูกต้อง ถูกวิธี และเข้าใจถึงผลกระทบจากขยะที่มีต่อสิ่งแวดล้อม 

ยังมีองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) มาร่วมเปิดประสบการณ์การเรียนรู้ในรูปแบบ Digital Experience เด็ก ๆ อีกด้วย และเมื่อสะสมตราแสตมป์ครบทั้ง 5 ฐานในโซนนี้ ก็รับของที่ระลึกฟรีไปเลย! 

ที่สำคัญ งาน Sustainability Expo (SX2023) เข้าชมฟรี พร้อมยังมีสิทธิพิเศษสำหรับคนที่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Sustainability Expo และลงทะเบียน พร้อมเช็กอิน ร่วมกิจกรรมตามโซนต่าง ๆ ภายในงาน สะสมคะแนน แลกรับของรางวัลสุดพิเศษต่าง ๆ ได้

Sustainability Expo 2023 จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน – 8 ตุลาคม พ.ศ. 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ชั้น G และ LG ติดตามรายละเอียดของแต่ละโซนและกิจกรรมตลอดงานได้ที่ Facebook : Sustainability Expo

Writer

Avatar

พัชญ์สิตา ไพบูลย์ศิริ

นัก (ชอบ) เขียนบ้ากล้องที่ชอบถ่ายรูปตัวเองเป็นพิเศษ เสพติดเสียงธรรมชาติ กลิ่นฝน และสีเลือดฝาดบนใบหน้า ที่ใช้เวลาเขียนงานไปพร้อมๆ กับติ่งอปป้าอย่างใจเย็น

Photographer

Avatar

ปฏิพล รัชตอาภา

ช่างภาพอิสระที่สนใจอาหาร วัฒนธรรมและศิลปะร่วมสมัย มีความฝันว่าอยากทำงานศิลปะเล็กๆ ไปเรื่อยๆ