ONION…..THE CASSETTE MUSIC BAR…V ACTIVEWEAR…DOODLE AND NOODLES…RAMS…BARK LOUNGE…MUTUAL BAR…SMILE CLUB HAIR DINER…SAEW…JAIYEN CAFÉ  

หากเป็นคนย่านสุขุมวิทตัวจริง ต้องรู้จักแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งในนี้แน่นอน เพราะแต่ละแบรนด์นับว่าไม่ธรรมดา เป็นถึงร้านโปรดและแบรนด์ขวัญใจของใครหลายคน

‘SUKHUMVIT COLLABORATIVE COLLECTION’ เป็นคอลเลกชันพิเศษจาก Emporium Department Store ที่ชวนร้านค้ากว่า 30 รายในย่านสุขุมวิทมาแนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักตัวตนในแง่มุมใหม่ๆ ผ่านสินค้าที่แต่ละแบรนด์ร่วมมือกันจับคู่ทำชิ้นพิเศษขึ้นมาในธีม Life’s Good

เป็นเรื่องธรรมดาที่เรามักชวนเพื่อนสนิทมาเที่ยวที่บ้าน แต่เมื่อห้างชวนคนในย่านมาออกคอลเลกชันที่ห้าง เป็นเรื่องที่น้อยห้างนักจะทำ เบื้องหลังการชักชวนนี้มีอะไรน่าสนใจมากกว่าการชวนแบรนด์มากมายมาออกคอลเลกชันร่วมกัน เราขอชวนมาเดินห้างและทำความรู้จักสุขุมวิทในแง่มุมใหม่ๆ ไปพร้อมๆ กัน

EMBRACE SUKHUMVIT    

Sukhumvit Collaborative Collection สินค้าลิมิเต็ดอิดิชั่นของห้างที่พาคนในย่านมารู้จักกัน

“สุขุมวิทเป็นหัวใจของความเท่”

นี่คือสิ่งที่ Emporium ห้างที่ตั้งอยู่ในย่านสุขุมวิทมากว่า 20 ปี รู้สึกถึงทำเลที่เป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์คนกรุงแห่งหนึ่งใจกลางเมือง

เมื่อสนใจว่าย่านมีชีพจรยังไง Emporium จึงอยากนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ของความเป็นสุขุมวิทและลงไปทำความรู้จักผู้คนในย่าน 

“ที่ผ่านมา ทุกห้างมักจะตีโจทย์ทำแคมเปญจากตัวห้างเป็นหลัก แต่เราไม่ได้อยากให้ห้างเป็นศูนย์กลาง เราอยากเป็นตัวกลางที่คอนเนกต์เพื่อนบ้านและเล่าเรื่องราวของคนที่อยู่รอบๆ ให้คนหันมามองสุขุมวิทแบบ Happening มากขึ้น” กฤชคุณ พรธนนันท์ ผู้จัดการทั่วไปการตลาด Emporium Department Store อธิบาย

Sukhumvit Collaborative Collection สินค้าลิมิเต็ดอิดิชั่นของห้างที่พาคนในย่านมารู้จักกัน

ด้วยเหตุนี้ การคัดเลือกแบรนด์ที่มาเข้าร่วมจึงเริ่มจากการตั้งคำถามกับไลฟ์สไตล์คนสุขุมวิท ว่ามีอะไรที่ทำให้ชีวิตของคนที่มาเดินเล่นดีขึ้น แตกต่างออกไป หรือสนุกขึ้นอีกได้ไหม 

เป็นที่มาของชื่อธีม Life’s Good

เมื่อชีวิตที่ดี…มีได้หลายมุม แบรนด์ที่คัดสรรมาจึงมีทั้งอาหาร แฟชั่น บาร์ ร้านเสริมสวย และอีกมากมาย ซึ่งไม่เพียงแต่นำเสนอคอลเลกชันใหม่ๆ ที่สนุกขึ้นเท่านั้น แต่ยังร่วมมือกับแบรนด์ในย่านที่คุณก็อาจจะรู้จักด้วยเหมือนกัน

ถ้าพร้อมแล้วกางแผนที่ย่านสุขุมวิท แล้วเตรียมแวะร้านต่างๆ ไปพร้อมๆ กับเราได้เลย!

ONION X THE CASSETTE MUSIC BAR : FLIRTING HANKY

คอลเลกชันแรกที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ คือ Flirting Hanky ผ้าเช็ดหน้าสกรีนข้อความสุดเก๋ ที่คนซื้ออาจพร้อมแกล้งทำหล่นให้คนเก็บให้ได้ทุกเมื่อ 

Sukhumvit Collaborative Collection สินค้าลิมิเต็ดอิดิชั่นของห้างที่พาคนในย่านมารู้จักกัน

ด้วยความเป็นเพื่อนบ้านในย่านเอกมัยและเป็นแบรนด์ที่โดนใจวัยรุ่นเหมือนกัน เฮ้าส์-สรศักดิ์ จันทรมัณฑนา จาก Onion ร้านมัลติแบรนด์ที่รวบรวมไอเทมสุดชิคสำหรับคนมีสไตล์ ได้เลือกหยิบผ้าเช็ดหน้ามาทำเป็น Collectible Item และส่งไม้ต่อให้ ภา-พิณภัสร์ สิริอัครเศรษฐ The Cassette Music Bar เจ้าของร้านอาหารกึ่งบาร์ที่เปิดเพลงยุคเทปคาสเซ็ตต์ เลือกลวดลายความเป็นร้านลงบนผ้า

 เฮ้าส์-สรศักดิ์ จันทรมัณฑนา

จากภาพจำร้านอาหารกึ่งผับสีชมพู จึงออกมาเป็นผ้าเช็ดหน้า 2 รุ่น ซึ่งสกรีนคำที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเพลงยุค 90 มีทั้งผ้าเช็ดหน้าสีชมพูสำหรับผู้หญิง “MAIYAAK TORD SA PARN TAE ROR NARN NARN GOR MAI WAI NA” และสีน้ำเงินสำหรับผู้ชาย “KID AOW WAI WAA CHAI TONG CHAI NAE NAE” เพื่อให้ล้อกัน เป็นผ้าเช็ดหน้าที่ช่วยสานต่อบทสนทนาได้

Sukhumvit Collaborative Collection สินค้าลิมิเต็ดอิดิชั่นของห้างที่พาคนในย่านมารู้จักกัน

ในส่วนการออกแบบนั้นเฮ้าส์อยากให้ผ้าเช็ดหน้าดูมีความทะลึ่งนิดๆ ผสมจริงจัง จึงพยายามใช้ฟอนต์ที่ดูจริงจังให้ขัดกับภาษาที่มีความตลก ซึ่งเป็นคอนเซปต์ที่สามารถถ่ายทอดตัวตนคนสุขุมวิทและแบรนด์ของทั้งคู่ได้ดี

แม้ The Cassette จะเป็นร้านบาร์ที่ผู้คนมาเฮฮาสนุกสนานแต่ก็เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่มีความจริงจังในแง่การใช้ชีวิตเต็มที่ พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เช่นเดียวกับแฟนร้าน Onion ที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร และพร้อมเปิดใจเลือกสิ่งที่ตัวเองชอบเสมอ   

นับว่าเป็นไอเทมที่ช่วยทอดสะพานสำหรับคนพูดไม่ค่อยเก่งได้ดี 

V ACTIVEWEAR X DOODLE AND NOODLES : TATTOO SWIMSUIT

สำหรับสายแฟชั่นเราขอแนะนำ Tattoo Swimsuit ชุดว่ายน้ำจาก V Activewear ของ วิค-ธีร์รัฐ ว่องวัฒนะสิน ที่นำจุดเด่นเรื่องรอยสักจากฝีมือของ อีฟ- ณัฐธิดา ครุฑพงษ์ ช่างสักของ Doodle and Noodles มาอยู่บนชุดว่ายน้ำวันพีซ

เมื่อโจทย์ที่ได้คือพยายามทำให้ทั้งสองแบรนด์โดดเด่นทั้งคู่ ลวดลายรอยสักจึงตกเป็นหน้าที่ของอีฟที่สร้างสรรค์รอยสักรูปงูอยู่คู่กับดอกไม้ด้วยเทคนิคที่ถนัด คือใช้เส้นเล็กและมีการเล่นสี ส่วนวิคนำรอยสักมาจัดวางบนผ้า Nylon Spandex สีเนื้อเพื่อให้ลายสักดูเหมือนอยู่บนผิวคนจริงมากขึ้น 

 อีฟ- ณัฐธิดา ครุฑพงษ์ ช่างสักของ Left & Right Studio

เมื่อถามอีฟว่า ความสวยงามบนร่างกายกับบนชุดต่างกันยังไง ก็ได้คำตอบว่า

“พอรอยสักมาอยู่บนชุดว่ายน้ำก็ดูน่ารักขึ้น คนไม่มีรอยสักใส่ก็ดูน่ารัก ไม่ได้เป็นลายที่ต้องเรียลจริงๆ” อาจกล่าวได้ว่า รอยสักอย่างเดียวอาจดูน่ากลัว เรียลเกินไปสำหรับคนที่ยังไม่กล้าสัก แต่พอมาเป็นลวดลายอยู่บนชุดว่ายน้ำก็ดูน่ารัก เหมือนกับงูที่ดูน่ารักขึ้นเวลาอยู่กับดอกไม้ เป็นความไม่เข้ากันที่รวมกันแล้วไม่น่ากลัว

Sukhumvit Collaborative Collection สินค้าลิมิเต็ดอิดิชั่นของห้างที่พาคนในย่านมารู้จักกัน

แม้ทั้งสองแบรนด์จะออกแบบสินค้าต่างกัน อยู่บนผืนผ้ากับบนพื้นผิว แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ทุกอย่างที่ทำล้วนผ่านกระบวนการออกแบบที่ตั้งใจให้สินค้าออกมาดีที่สุดในทุกๆ ด้านไม่ต่างกัน  

ทั้งวิคและอีฟมองว่าคนสุขุมวิทเป็นกลุ่มคนที่กล้าแสดงความเป็นตัวเองออกมา โดยอาจเป็นได้ทั้งความเท่ ความแปลก ที่ไม่ได้ตามแฟชั่น แต่เป็นตัวของตัวเองจริงๆ

RAMS X BARK LOUNGE : PUP COLLAR

มาต่อกันที่แบรนด์ Grooming อีก 2 แบรนด์ อย่าง RAMS แบรนด์ตัดเย็บสูทที่เน้นให้สุภาพบุรุษดูดีและ Bark Lounge ร้านตัดแต่งขนอาบน้ำน้องหมาที่อยากทำให้น้องหมาดูดี

เมื่อ แบงค์-ปรีดากร เมธเกรียงชัย ต้องเปลี่ยนโจทย์จากทำเสื้อผ้าคอลเลกชัน Gentle RAMS มาเป็น Gentle Dog คนที่รู้จักและใกล้ชิดน้องหมาเป็นประจำจากร้าน Bark Lounge อย่าง เอ้-กนกวรรณ วงค์สามารถ จึงเป็นผู้ที่แนะนำให้แบงค์เข้าใจความต้องการของน้องหมาได้ 

 แบงค์-ปรีดากร เมธเกรียงชัย Gentle RAMS
Sukhumvit Collaborative Collection สินค้าลิมิเต็ดอิดิชั่นของห้างที่พาคนในย่านมารู้จักกัน

บทสรุปที่ทั้งคู่ได้ออกมา คือ PUP COLLAR ปลอกคอสำหรับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีหูตูบ ทั้งคู่เล่าว่าที่เลือกปลอกคอเพราะน้องหมาสามารถใส่ติดตัวได้โดยไม่รำคาญ ใส่ง่าย ต่างจากชุดอื่นๆ ที่อาจทำให้น้องหมาร้อนและรำคาญได้ ซึ่งนอกจากจะตอบโจทย์น้องหมาแล้วยังตรงกับความเชื่อของ RAMS ที่ไม่เพียงแค่ออกแบบให้ใส่แล้วดูดีขึ้น แต่อยากให้ใครก็ตามที่ใส่ได้เป็นตัวของตัวเองด้วย

กระบวนการออกแบบปลอกคอยังมีความพิถีพิถันตามสไตล์ RAMS เนื่องจากกลัวว่าน้องหมาจะคันและร้อน แบงค์จึงเลือกใช้ผ้าเซียร์ซัคเกอร์ที่คนอิตาลีนิยมใส่ ซึ่งเป็นผ้าที่ระบายอากาศได้ดีและมีสีสันสวยงามให้เลือกหลายสี โดยปลอกคอจะมี 2 แบบให้เลือก สำหรับหูตูบสุภาพบุรุษจะมีปกแหลม เท่ๆ ส่วนหูตูบสุภาพสตรี ดีไซน์จะมีความโค้งมน เพื่อให้ดูน่ารัก น่าทะนุถนอม แถมยังมีไซส์ s m l ให้เลือกใส่อีกด้วย  

จากลูกค้าทั้งของ RAMS และ Bark Lounge ตัวตนคนสุขุมวิทที่แบงค์และเอ้รู้สึก คือเป็นคนมีรสนิยม รู้จักเลือกสิ่งที่ดีและเหมาะกับตัวเอง เป็นคนที่นำสมัยและมีสไตล์

MUTUAL BAR X SMILE CLUB HAIR DINER : FRIENDLY T-SHIRT

‘เฟรนด์ลี่’ คือสิ่งที่เชื่อมระหว่าง Mutual Bar บาร์ลับที่พร้อมเป็น Mutual Friend ให้คนที่อยากสังสรรค์ยามค่ำคืน และ Smile Club Hair Diner ร้านทำผมที่ตกแต่งสไตล์ American Diner ไว้ด้วยกัน

ทั้ง จูนจูน-พัชชา พูนพิริยะ หนึ่งในหุ้นส่วนของ Mutual Bar และ ซัน-เมธัส เทพนวล เจ้าของร้าน Smile Club ต่างนิยามร้านตัวเองให้เป็นพื้นที่ที่คนเข้าถึงได้ง่าย

Mutual Bar ไม่ได้จำกัดตัวเองว่าเป็นบาร์แบบไหนหรือมีบุคลิกแบบไหนเป็นพิเศษ เพราะไม่อยากให้คนเข้ามาแล้วเกร็ง จึงต้อนรับทั้งคนชอบอ่านหนังสือและดูหนังทุกแบบให้เข้ามาพูดคุย แลกเปลี่ยนความสนใจกันได้  ส่วน Smile Club เองก็ตกแต่งร้านให้เป็นร้านทำผมที่มีบรรยากาศเหมือนร้านอาหาร เพราะอยากให้คนรู้สึกดีกับบรรยากาศร้านที่แตกต่างมากกว่ารู้สึกว่านั่งอยู่ในร้านทำผม 

จูนจูน-พัชชา พูนพิริยะ หนึ่งในหุ้นส่วนของ Mutual Bar

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เมื่อจับสองแบรนด์นี้มาอยู่ด้วยกัน คอลเลกชันที่ออกมาจึงเป็นสินค้าที่เข้าถึงได้ง่ายอย่าง Friendly T-Shirt เสื้อยืด ซึ่งด้านหน้ามีสัญลักษณ์ Smiley สื่อถึงความเป็นมิตรและสนุกสนานของ Smile Club ส่วนด้านหลังสกรีนคำว่า People You May Know ซึ่งมาจากป้ายไฟนีออน จุด Instagram Spot ยอดฮิตของ Mutual Bar ที่อยากสื่อสารให้คนที่แวะเวียนมาทำความรู้จักกัน

เพราะสนุกกับการทำความรู้จักเพื่อนใหม่เหมือนกัน Friendly T-Shirt จึงมีกิมมิกซ่อนอยู่ที่เสื้อ เป็นไฟแช็กและกระเป๋าลับที่บ่าสำหรับหยิบยื่นมิตรภาพที่ดีให้แก่กัน

จูนจูนกล่าวว่า คนที่ไม่ควรพลาดของชิ้นนี้คือคนที่สนุกกับชีวิต ชอบเที่ยวและทำความรู้จักเพื่อนใหม่ เหมือนซันกับจูนจูนนั่นเอง  

SAEW X JAIYEN CAFÉ : TOM YUM ICE CREAM

Sukhumvit Collaborative Collection สินค้าลิมิเต็ดอิดิชั่นของห้างที่พาคนในย่านมารู้จักกัน

ปิดท้ายด้วยของกินอย่าง ‘ไอศกรีมรสสุขุมวิทต้มยำ’ จากร้านแซว ก๋วยเตี๋ยวชื่อดังประจำซอยสุขุมวิท 49 กับไอศกรีมโฮมเมดของ Jaiyen Cafe ที่ดูเผินๆ แล้วไม่น่าจะเข้ากันได้เลยสักนิดเดียว แถมเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวอย่าง เจ๊หมวย-จิรดา ตันติพัฒนเสรี และคนรักไอศกรีมอย่าง อร-นิอร อัศวรุ่งนิรันดร์ ก็ยังเป็นคนต่างเจเนอเรชันที่ถนัดปรุงอาหารคาว-หวานคนละแบบ

แต่ในความต่างนี้ อรให้ความเห็นว่า ก๋วยเตี๋ยวกับไอศกรีมเหมือนกันอย่างน่าประหลาด เพราะเป็นของกินที่เข้าถึงคนได้ทุกรุ่นทุกวัย กินง่าย กินเมื่อไหร่ก็ได้เหมือนกัน ซึ่งสะท้อนตัวตนคนสุขุมวิทแบบที่เจ๊หมวยบอกว่า “คนที่เป็นแฟนคลับของร้านแซวเป็นคนอยู่ง่าย กินง่าย สบายๆ ไม่เรื่องเยอะ”

เพราะเป็นของที่กินง่ายในราคาไม่เกินเอื้อมทั้งคู่ เมื่อออกคอลเลกชันร่วมกัน แม้เป็นรสที่ฟังแล้วดูแปลก แต่ก็มั่นใจได้ว่ายังคงคอนเซปต์ ‘กินง่าย’ ของทั้งสองร้านแน่นอน 

Sukhumvit Collaborative Collection สินค้าลิมิเต็ดอิดิชั่นของห้างที่พาคนในย่านมารู้จักกัน

ด้วยความที่อรเป็นลูกค้าร้านแซวอยู่แล้ว รู้รสของเจ๊หมวยเป็นอย่างดี การคิดสูตรไอติมต้มยำจึงไม่ใช่เรื่องยากนัก  

หากตักไอศกรีมขึ้นมาชิม จะได้รสเปรี้ยวอมเผ็ดพร้อมมีเซ็ตเครื่องปรุง ประกอบด้วยพริกป่น ถั่ว และน้ำผึ้ง สำหรับตักปรุงได้ตามใจชอบเหมือนเครื่องปรุงในร้านก๋วยเตี๋ยวเป๊ะๆ ต่างตรงที่เปลี่ยนจากน้ำตาลเป็นน้ำผึ้ง เพื่อให้รสที่ออกมาเป็นรสมะนาวน้ำผึ้งตามแบบฉบับต้นตำรับก๋วยเตี๋ยวต้มยำของร้านแซว 

‘ครบเครื่อง’ น่าจะเป็นสิ่งที่บรรยายกลิ่นอายความเป็นสุขุมวิทได้ดีที่สุดคำหนึ่ง ย่านที่มีคนหลายเจเนอเรชัน หลายวัฒนธรรม แต่ไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหน หนึ่งในภาพจำของสุขุมวิทที่ทุกคนจำได้ก็ยังหนีไม่พ้นอาหารง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ต้องแวะเข้ามากิน

CULTURE X COLLABORATION : CULTLABORATE

การร่วมมือของหลายแบรนด์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มี ‘iSM’ Branded Entertainment Agency ที่เชื่อว่า “Everything can be a cult.”

อู๊ด-นพรัตน์ วัฒนวราภรณ์ เจ้าของไอเดียและผู้ที่ผลักดันจับคู่ให้แบรนด์ต่างๆ มาเจอกัน เชื่อว่าแคมเปญที่ดี คืองานที่แบรนด์แฮปปี้ คนทำงานแฮปปี้ และลูกค้าแฮปปี้

นั่นคือแบรนด์ไม่ได้ยัดเยียดสิ่งที่แบรนด์อยากบอกฝ่ายเดียว แต่ทำให้ลูกค้าอยากฟัง อยากแชร์สิ่งที่แบรนด์พูดจริงๆ เมื่อทำให้ตัวสินค้าน่าสนใจในตัวของมันเอง ลูกค้าก็จะสนใจและพูดถึงโดยไม่ต้องใช้แรงผลักดันอะไรมาก

การตั้งสมการที่น่าสนใจ จับคู่แบรนด์ให้ลงตัวตั้งแต่แรกจึงเป็นเรื่องสำคัญ การจับคู่แบรนด์ทั้งหมด ซึ่งมีทั้งคู่ที่คล้ายกันและแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ล้วนไม่มีสูตรการจับคู่สำเร็จรูป แต่เลือกจากแบรนด์ที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน อยากผลักดันเรื่องเดียวกันให้มาอยู่ด้วยกัน 

กว่าจะออกมาเป็น SUKHUMVIT COLLABORATIVE COLLECTION ได้ แต่ละแบรนด์จึงต้องพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกิดเป็นบทสนทนาใหม่ๆ และคอลเลกชันใหม่ๆ ที่ถ้าไม่มีใครพามาเจอกัน คงไม่มีวันรู้เลยว่าเข้ากันได้

Sukhumvit Collaborative Collection สินค้าลิมิเต็ดอิดิชั่นของห้างที่พาคนในย่านมารู้จักกัน

สุขุมวิทในวันนี้ไม่ใช่แค่คีพลุคให้ดูเท่เท่านั้น แต่งานนี้เขาเท่จริงๆ

ยังมีอีกหลายแบรนด์ในย่านสุขุมวิทที่มา Collaborate กัน

ลองมาสัมผัสตัวตนของคนสุขุมวิทและเข้าถึงชีวิตแบบ Life’s Good

ได้ที่ ‘HERE’ Collaborative Concept Store

6 – 26 กันยายนนี้ ที่ Emporium Department Store ชั้น G

Writer

Avatar

รตา มนตรีวัต

อดีตสาวอักษรผู้โตมาในร้านขายหวายอายุ 100 กว่าปีย่านเมืองเก่า เป็นคนสดใสเหมือนดอกทานตะวัน สะสมแรงบันดาลใจไว้ในบล็อคชื่อ My Sunflower Thought ขับรถสีแดงชื่อ Cherry Tomato ระหว่างวันทำงานในโลกธุรกิจ เวลาว่างซาบซึ้งในศิลปะ

Photographer

Avatar

ปฏิพล รัชตอาภา

ช่างภาพอิสระที่สนใจอาหาร วัฒนธรรมและศิลปะร่วมสมัย มีความฝันว่าอยากทำงานศิลปะเล็กๆ ไปเรื่อยๆ