ลองแง้มตู้เย็นให้เราดูสักนิด นั่นแน่ เห็นไอศกรีมแช่ติดตู้เอาไว้เหมือนกันล่ะสิ เพราะไอศกรีมคือของหวานติดบ้านที่กินง่าย ซื้อง่าย ถึงเวลาอยากเติมความหวานเข้าร่างกาย แค่คว้าถ้วยไอติมและช้อน ก็ตักกินได้เพลิน ๆ
แต่ถ้าบางทีก็กินไม่หมด หรืออยากลองพลิกแพลงไอศกรีมที่มีให้กลายเป็นเมนูสร้างสรรค์ โดยไม่ต้องไปซื้อนม ช็อกโกแลต หรือวัตถุดิบอะไรมากมาย Staycation รอบนี้ ขอเปิดประสบการณ์ขนมหวานสุดหรูในครัวบ้าน อย่างเมนู Melted Ice Cream Cake เคี้ยวหนุบหนับคล้าย Sticky Pudding Cake จากเกาะอังกฤษ
แต่งานนี้ เชฟพลอย-ฐาติกานต์ ตัณฑจินนะ แห่ง Top Chef Thailand Season 2 หรือ wanjaiploy (หวานใจพลอย) คิดเมนูขึ้นมาใหม่ โดยไม่ต้องเตรียมวัตถุดิบมาก เพียงแค่มีไอศกรีมเข้มข้น แถมยังใช้ทุกองค์ประกอบจากไอศกรีม CARTE D’OR (คาร์ทิดอร์) จากฝรั่งเศสโดยเฉพาะ ก็ได้เค้กเนื้อเนียนนุ่มน่าทาน

ความพิเศษของไอศกรีม CARTE D’OR คือการเป็นแบรนด์ต้นตำรับของหวานเย็นที่ครองใจชาวฝรั่งเศสมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปีค.ศ. 1978 ของเชฟชาวฝรั่งเศสอย่าง แพทริก มอร์เลต์ ซึ่งถูกพูดถึงในเรื่องวัตถุดิบคุณภาพ เข้มข้น และหรูหราพรีเมี่ยม ในราคาที่จับต้องได้ หาซื้อง่ายตามร้านสะดวกซื้อ แถมยังมีให้เลือกถึง 4 รสชาติ อย่าง CARAMEL AU BEURRE ไอศกรีมรสคาราเมล ใส่บัตเตอร์ทาร์ต มิกซ์นัท และอัลมอนด์จากออสเตรเลีย À LA VANILLE ไอศกรีมเฟรนช์วานิลลา ซึ่งใช้วานิลลาบีนจากมาดากัสการ์ รวมถึง À LA FRAISE ไอศกรีมที่ผสมชิ้นสตรอว์เบอร์รีลงไปจริง ๆ
และที่เชฟขอยกมาสาธิตกันที่ PP Baking Studio สตูดิโอสีขาวแสนน่ารักของเชฟในวันนี้ คือ AU CHOCOLAT NOIR ไอศกรีมรสดาร์กช็อกโกแลตผสมชิ้นช็อกโกแลตจากอิตาลี รสชาติคลาสสิคดั้งเดิมที่เชฟพลอยขอหยิบมาใช้
ขอให้ทุกคนเตรียมจดสูตรให้ดี เพราะเจ้าแห่งนักดัดแปลงขนมอบจะบอกขั้นตอนอย่างละเอียดให้ทำตามไปพร้อมกัน

ส่วนผสม
- ไอศกรีม Carte D’or รส AU CHOCOLAT NOIR หนึ่งถ้วย 340 กรัมทำตัวเค้ก
- ไอศครีม Carte D’or รส À LA FRAISE หนึ่งถ้วย เพื่อทานคู่กัน
- แป้งอเนกประสงค์ 30 กรัม
- ผงฟู 0.5 กรัม
- เกลือ 0.5 กรัม
- แป้งข้าวโพด 5 กรัม
- เจลาตินผง 2 กรัม
- วิปครีม 200 กรัม
- ผลไม้ตามใจชอบ

วิธีทำเนื้อแป้ง

- เทไอศกรีมที่ละลายแล้วออกไป 220 กรัม ให้เหลือไว้ในถ้วย 120 กรัม


- ใส่แป้งอเนกประสงค์ ผงฟู และเกลือลงไป คนให้เข้ากัน

- นำถ้วยเข้าในไมโครเวฟ โดยตั้งไฟกลาง ใช้เวลาประมาณ 1.45 นาที

- นำออกจากไมโครเวฟแล้วนำไปพักไว้ในตู้เย็น เพื่อไม่ให้ครีมหรือซอสที่จะราดบนเค้กละลาย
วิธีการทำซอสราด

- เทไอศกรีม 100 กรัมลงในภาชนะที่เตรียมไว้

- ผสมแป้งข้าวโพดลงไปเพื่อทำให้ช็อกโกแลตข้นขึ้น

- จากนั้นก็ตั้งเตาไฟอ่อน เคี่ยวจนกว่าจะเดือดปุด เพื่อให้แป้งข้าวโพดสุก (คนไปเรื่อย ๆ และต้องคอยดูระวังไหม้)

- จากนั้นปิดเตา แล้วนำไปพักไว้ในตู้เย็นประมาณ 30 นาทีเพื่อให้เซ็ตตัว
วิธีทำมูสช็อกโกแลต

- ใส่น้ำ 5 ส่วนลงในเจลาตินผง 1 ส่วน คนให้เข้ากัน

- ระหว่างนั้นก็ตีวิปครีม 200 กรัมให้ขึ้นฟู

- ก่อนนำเจลาตินละลายน้ำแล้วไปเวฟประมาณ 45 วินาที แล้วเทลงในไอศกรีมที่เหลือ 120 กรัม แล้วคนด้วยความรวดเร็ว


- จากนั้นเทใส่ลงในวิปครีมบางส่วนที่ขึ้นฟู คนให้เข้ากันจะได้มูสรสช็อกโกแลต ส่วนวิปครีมธรรมดาที่เหลือจะนำไปใช้ทาลงบนฐาน)
วิธีประกอบร่าง

- นำเค้กที่แช่ตู้เย็นเอาไว้ออกมา แนะนำให้แซะรอบข้างออกก่อนแล้วฉีกถ้วยออก

- หั่นเค้กออกเป็น 2 ส่วน


- ชั้นล่างให้ทาวิปครีมที่ยังไม่ได้ผสม วางผลไม้ตามใจชอบ

- หยอดมูสช็อกโกแลตลงตรงกลางให้เต็ม

- วางเค้กที่เหลือประกบเข้าด้วยกัน

- ค่อย ๆ ราดซอสช็อกโกแลตลงด้านบน จะใช้ช้อนหรือถุงบีบก็ได้


- วางไอศกรีมลงปิดท้าย ก่อนท็อปปิ้งด้วยผลไม้ตามใจชอบ ซึ่งเชฟพลอยเลือกราสป์เบอรี่และเชอร์รี่มาทานคู่กับไอศกรีมรสสตรอว์เบอรี เพราะอยากให้มีรสชาติเปรี้ยวตัดกับช็อกโกแลตรสหวาน เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ
เคล็ดไม่ลับฉบับเชฟพลอย
- สามารถสร้างโมเมนต์อร่อยได้ตามใจ เปลี่ยนรสชาติเนื้อเค้กและไอศกรีมทานคู่ เช่น การใช้รสเฟรนช์วานิลลาเป็นเบสเค้ก จับคู่กับรสดาร์กช็อกโกแลตเป็นท็อปด้านบน DIY เป็นสไตล์ตัวเอง หรือถ้าอยากข้ามขั้นตอนทำซอสและมูส หลังจากนำตัวเค้กออกจากไมโครเวฟ ก็โปะไอศกรีมทานคู่กันเลยก็ได้ เคล็ดลับอยู่ที่ยิ่งถ้าใช้ไอศกรีมเข้มข้น เนื้อเค้กก็จะยิ่งหนาเนียนนุ่มตามไปด้วย
- ถ้าอยากให้วิปครีมขึ้นฟูเร็ว แนะนำให้แช่วิปครีมให้เย็นจัดก่อนและตีด้วยความถี่เยอะ ๆ

- เจลาตินจะแข็งเร็วมาก ดังนั้น ถ้าออกจากไมโครเวฟแล้วต้องผสมลงในช็อกโกแลตทันที
- ทั้งหมดนี้ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงเท่านั้น เป็นอันได้ตักความอร่อยสุด ๆ เข้าปาก